เกี่ยวกับ พื้นที่ส่วนตัว เขียนโดย จิตแพทย์ภุชงค์ เหล่ารุจิสวัสดิ์
เนื้อหามีอยู่ว่า แม่พาลูกชาย วัยสามสิบต้น ๆ มาปรึกษาจิตแพทย์ เพราะลูกชายอยากฆ่าตัวตาย เมื่อจิตแพทย์ ได้คุยกับลูกชาย เป็นการส่วนตัว แล้วจึงสรุปว่า
ความรัก ความห่วง ความหวังดีต่อลูกชายคนเดียวของตระกูล นั่นเอง เป็นสาเหตุ
ความรัก ความห่วง ความหวังดี ต่อลูก เป็นเรื่องปกติของคนเป็นพ่อ-แม่ แต่เมื่อมากเกินไปจนก่อให้ผ่ายลูก เกิดความอึดอัด
อะไรที่มากเกินไป ไม่ดีทั้งนั้นแหละน่ะ รักมากไป หรือ รักน้อยไป คงต้องปรับให้พอดี กับแต่ละครอบครัว แต่ละบุคคลไป
บางคนเคยบอกว่า แม่เลี้ยงต้นแบบ ถนอมมากไป เลี้ยงแบบไข่ในหิน
นั่นคือความคิดของอื่น
การเลี้ยงต้นในแบบฉบับของแม่คือ วางรากฐานให้มั่นคง ก่อน เสริมภูมิต้านทานด้วยวัคซีนแห่งความรัก แล้วจึงปล่อยให้โบยบิน ในวันที่คิดว่า ลูกพร้อมแล้ว
นั่นคือการเลี้ยงลูกในแบบของแม่
ต้นเป็นลูกคนเดียว แม่ห่วงเรื่องการเข้าสังคมมาก แม่จึงผลัก และส่งเสริมให้ต้นมีกิจกรรมนอกห้องเรียนตลอดเช่น เทควันโด ว่ายน้ำ ดนตรี และเรียนพิเศษ
แต่ไม่ใช่เพื่อความเป็นเลิศ ในด้านนั้น
แม่ให้เรียนเพื่อต้นจะได้มีทักษะการเข้าสังคมกับผู้อื่น เพราะเมื่อต้นเติบใหญ่ ต้นจะต้องมีชีวิตเป็นของต้นเอง เพราะ แม่-ป๊า คงไม่สามารถ ดูแล และปกป้องต้นไปได้ตลอด
แม่โทรหาครู ประจำชั้น หรือครูประจำวิชาของต้น ตอนต้นอยู่ระดับอนุบาล-ประถม บ่อยครั้ง
โทรไปเพียงเพื่อถามว่า "ต้น เล่นกับเพื่อน หรือเปล่า"
"ต้น กล้าคุยกับคุณครู หรือไม่"
พร้อมกันนั้น แม่ฝากให้ครูช่วยส่งเสริมด้านการแสดงออกของต้นด้วย ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำคือ ปลูกฝังให้ต้นกล้า คุยกับคนแปลกหน้า กล้าแสดงออก
เมื่อต้นอยู่ ประถม 5 ต้นจำได้ไหม แม่ส่งต้นไปเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ของ ซีเอ็ด เป็นเวลา 4 คืน 5 วัน ที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นการจาก อกแม่ครั้งแรก และบินเดี่ยว ไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันไปด้วย แต่ต้นก็ทำได้ดี ต้นร่วมกิจกรรม และสนุกกับการเข้าค่ายมาก
มีวันสุดท้ายเท่านั้น ที่พอเห็นแม่ ก็ไม่ยอมร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆต่อ แต่ ทำได้เแค่นั้น แม่กับป๊าก็ดีใจมากมายแล้วล่ะ
แม่และป๊า ต้องการให้ต้น เป็นเด็กที่ดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองได้ ซึ่งแน่นอนว่า ต้นต้องผ่านการฝึก และขัดเกลา ไม่ใช่จู่ ๆ ต้นก็ทำได้เอง ไม่ใช่เลย การจะได้มาซึ่งอะไรก็ตาม ต้องอาศัยการฝึกฝน และลงแรง
เช่น จะให้ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องออกกำลัง จะให้มีดคม ต้องหมั่นลับคม
แม่เริ่มให้ พื้นที่ชีวิต(ส่วนตัว) ของต้น ตั้งแต่ระดับมัธยมต้น ระเบียบที่เคยตึง เริ่มผ่อน สายป่านเริ่มยาวขึ้น แต่ ต้นจะรู้หรือเปล่าว่า เบื้องหลัง ว่าวที่ โบยบินบนฟากฟ้า มีสายตาของคนเบื้องล่างมองด้วยความห่วงใยเสมอ
ล่าสุด ต้นเดินทาง กลับจากเชียงใหม่ ตามลำพัง
ต้นไปเข้าค่ายติวม่ามากับเพื่อน ๆ แต่ต้องเดินทางกลับก่อน เพื่อเตรียมตัว
เข้ากทม. ในวันรุ่งขึ้น แม่เป็นกังวลมากว่าต้นจะไปสถานีขนส่งเองไดหรือเปล่า
จะขึ้นรถถูกสายหรือไม่ จะนั่งเลยบ้านหรือเปล่า
เมื่อแม่ถามต้นว่ากลับได้หรือเปล่า ต้นบอกว่าได้
แต่แม่ไม่วายกำชับไปว่า "หากไม่มีใครพามาส่งสถานีโทรมาเดียวแม่หาคนไปส่งให้" (แอบคิดว่าจะรบกวนคุณก๋าค่ะ)
ในเช้าวันนั้นแม่เพียงแต่โทร บอกว่า รถออกกี่โมง
และย้ำว่าให้ไปถึงก่อนเวลารถออก
แล้วแม่ก็นั่งดูนาฬิกาทั้งวัน ทั้งที่รถออก 17.30 น. (ฮา.....)
แม่อยากโทรไปเตือนในตอนใกล้จะได้เวลา
แต่แม่ต้องทำใจปล่อยวาง และวางใจในตัวต้น
แม่รอให้ต้นโทรมาเองว่าขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
แล้วต้นก็ทำได้ ทำได้ดีเกินคาด แม่คิดว่า ต้นคงจะให้เพื่อนมาส่ง แต่ต้นบอกว่า ไปเอง เพราะเพื่อนต้องเรียน และ ต้องเสียเงินค่ารถไป-กลับเพียงเพื่อมาส่งต้น ต้นเกรงใจเพื่อน
จาก ที่พัก-สถานีขนส่งแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ต้นไม่คุ้นเคย ต้นนั่งรถแดง มาได้เอง และขึ้นรถได้ถูกสาย แค่นั้นแหละที่แม่ภูมิใจมาก
แม่บอกต้น ทางโทรศัพท์ ว่า "เก่งมาก"
ใครอื่น อาจมองว่า เรื่องแค่เนี่ย จะดีใจ ภูมิใจอะไรมากมาย
แต่สำหรับแม่กับป๊า มันคือ บทแรกของการดูแล และรับผิดชอบตัวเอง
แม่ให้พื้นที่ชีวิต(ส่วนตัว) ต้นมากไปหรือน้อยไปหรือเปล่า
ขอบคุณ ของแต่งบล็อกจาก จอมแก่นแสนซนและญามี่
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ตาลเหลือง Parenting Blog ดู Blog
ครัวฟ้าใสเปิดทำการที่บล็อกนี่แหละค่ะ
ไม่แน่นา อาจจะเปิดวันเว้นวันก็ได้
อิอิ เพราะอย่างที่บอกมีภาพเก็บไว้เยอะมาก แหะ ๆ
ความรักเป็นเรื่องพูดยากนะคะ
มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้ ต้องรักพอดี ๆ
แต่ความพอดีอยู่ที่ตรงไหน พอดีของเรา แต่ไม่พอดีของเขาก็ได้
เดินสายกลางดีที่สุด อิอิ