Group Blog
All Blog
|
*********How are you? ถ้าไม่สบาย จะตอบว่าอย่างไรดี?***************** ห่างหายไปนานนนนนเลย กลับมาคราวนี้เอาเรื่องดีๆ มาฝากเช่นเคยครับ ชอบไม่ชอบก็ comment ได้นะครับ คนไทยส่วนใหญ่เวลาได้ยินฝรั่งถาม How are you? ปั๊บ ปากจะตอบไปได้อย่างอัตโนมัติว่า Im fine. Thank you. And you? ถึงแม้วันนั้นจะไม่ค่อยสบายก็ตาม เพราะไม่รู้ว่าจะบอกฝรั่งว่าอย่างไรดีเวลาไม่สบาย เรื่องนี้สำคัญนะครับ ยิ่งคนที่ต้องไปใช้ชีวิตในเมืองนอก ถ้าไม่สบายขึ้นมาจริงๆ แล้วต้องไปหาหมอ ถ้าไม่รู้คำศัพท์เกี่ยวกับโรคพื้นฐานอยู่บ้างเลย มัวแต่ใช้ภาษาใบ้คุยกับหมออยู่ละก้อ อาจจะไม่ทันการ ไหนจะทรมานกับโรคที่กำลังรุมเร้าอยู่ ยังต้องมาทรมานกับการสื่อสารภาษาอังกฤษอีก คงรู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย ผมจึงอยากเขียนเกี่ยวกับอาการไม่สบายของคนเรา ว่ามีศัพท์อะไรเกี่ยวข้องบ้าง เริ่มจากการทักทายคนที่หน้าตาไม่ค่อยสบาย แทนคุณจะพูดทักทายแบบธรรมดาทั่วไปว่า How are you today? คุณอาจจะทักทายว่า How do you feel today? ซึ่งอาจแปลเป็นไทยว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง? (เห็นหน้าตาไม่ค่อยสบาย) ส่วนคนตอบ ถ้ายังสบายดีอยู่ ให้ตอบว่า Fine หรือ (Very) good หรือ (Very) well หรือถ้ารู้สึกดีมากๆ ให้ตอบว่า Great หรือ Wonderful หรือ Terrific ให้เลือกใช้คำใดคำหนึ่งนะครับ และโดยมารยาทที่ดีคุณก็ต้องขอบคุณเค้าแล้วถามกลับด้วย คือ Thank you. (หรือ Thanks. ถ้าคนที่คุยด้วยเป็นเพื่อนหรือเด็กกว่าคุณ) And you? คุณอาจจะสงสัยว่า ส่วนใหญ่เราจะใช้คำว่า good ที่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) เช่น This is a good article. อันนี้เป็นบทความที่ดี (ชมตัวเองก็ได้ คนอะไร?!?) ส่วนคำว่า well ส่วนใหญ่เราใช้เป็นคำวิเศษณ์ (adverb) ในการขยายกิริยา เช่น Did you sleep well last night? เมื่อคืนนี้ คุณนอนหลับดีหรือเปล่า? แต่คุณเคยทราบหรือไม่ว่า คำว่า well นี่แหละสามารถใช้เป็นคำคุณศัพท์ได้เหมือนกับ good เลยหล่ะ โดยจะแปลว่า สบายดี (healthy) ดังนั้นจึงไม่ผิดอะไรที่เวลามีคนถามคุณว่าสบายดีหรือเปล่า? คุณจะตอบกลับไปว่า I feel very well. คราวนี้มาถึงคนที่ไม่ค่อยสบายบ้าง ถ้ารู้สึกงั้นๆ (เรื่อยๆ ไม่ดี ไม่เลว) ตอบว่า So so. แต่ถ้ากำลังป่วยอยู่ ให้ตอบว่า Not so good. หรือ Not very well. หรือ Terrible. หรือ Awful. ซึ่งถ้าคุณได้ยินใครตอบเช่นนี้ แน่นอนว่าเราต้องถามต่อว่า เป็นอะไรหล่ะ? นั่นคือ Whats the matter? ก่อนจะพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ในภาษาอังกฤษ ผมอยากเล่าเรื่องของลูกศิษย์คนหนึ่งที่ครูเคทเคยเล่าให้ฟัง คือ ครูถามนักเรียนว่า How are you today? เผอิญวันนั้นลูกศิษย์คนที่โดนถามไม่ค่อยสบายจึงตอบว่า Im sick because yesterday my face touched the rain. ผมฟังแล้วขำกลิ้งเลยครับ พร้อมกับเก็ท(เข้าใจอย่างมาก)เลยว่าทำไมจึงตอบอย่างนั้น นักเรียนคนนี้คิดไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ จะบอกว่าเมื่อวานไปโดนฝนมา แต่ไม่รู้จะเอาอวัยวะส่วนไหนโดนฝนดี เอา หน้า (face) แล้วกัน ง่ายดี แถมคำว่า โดน ในภาษาอังกฤษใช้ว่าอะไรไม่รู้ แต่ด้วยมีมอส...เอ๊ย! มีปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลยนึกคำศัพท์ที่น่าจะใช้ทดแทนกันได้คือ touch ที่แปลว่า แตะ หรือ สัมผัส นี่แหละใกล้เคียงสุดละ รับรองครับว่าถ้าฝรั่งตัวจริงมาฟังแล้วละก้อ งานนี้มึนตึ้บเพราะงงไม่รู้ว่าตกลงป่วยเพราะอะไร แล้วทำไมต้องเอาหน้าไปสัมผัสกับฝนด้วย ประหลาดพิลึก! มากล่าวถึงโรคพื้นฐานต่างๆ ที่เราควรจดจำเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ยามคับขัน เวลาป่วยขึ้นมาจริงๆ จะได้บอกหมอถูกว่าเป็นอะไร ไม่ต้องใช้ภาษาใบ้ให้เมื่อยมือ 1. อาการปวดต่างๆ เราจะใช้ ชื่ออวัยวะที่คุณปวด + ache (เอค) อาทิ เช่น backache (แบ๊คเอค) = ปวดหลัง, stomachache (อ่านว่า สตอมัคเอค นะครับ ไม่ใช่ สตอมัชเอค อย่างที่คนไทยมักใช้ผิด) = ปวดท้อง, toothache = ปวดฟัน, earache = ปวดหู 2. เจ็บคอ ใช้ sore throat (ซอร์โธรท) 3. มีไข้ ใช้ fever (ฟีเวอร์) หรือ temperature ที่แปลว่า อุณหภูมินี่แหละครับ สามารถแปลว่า เป็นไข้ได้ด้วย แต่ต้องระวังเรื่องการออกเสียงคำนี้นะครับ ให้อ่านว่า เท้ม-เผอะร์-เจอร์ ไม่ใช่ เทม-เผอะ-เร้-เจอร์ ที่หลายคนชอบพูดกัน เป็นไข้หวัด อาจใช้คำว่า cold ที่เป็นคำนามก็ได้ 4. ติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อหวัด อาจใช้ว่า She has a common cold virus. เธอติดเชื้อไวรัสหวัด 5. ติดเชื้อที่อวัยวะต่างๆ ให้ใช้ชื่ออวัยวะ + infection เช่น an ear infection ติดเชื้อที่หู 6. ไอ ใช้คำว่า cough (คอฟ) 7. น้ำมูกไหล ใช้ runny nose 8. เลือดกำเดาไหล เรียกว่า bloody nose (บลั๊ดดี้โน้ส) 9. อาการผิวปวดแสบปวดร้อนเพราะโดนแดดมากเกินไป ใช้ sunburn แต่ถ้าคนที่ไปอาบแดดมาให้มีสีผิวออกน้ำตาลเข้มหน่อย จะได้ดูเซ็กซี่(ส่วนใหญ่ จะเซ็กซี่ในสายตาฝรั่ง เพราะคนเอเชียมักชอบผิวขาวๆ มากกว่า) เราจะใช้ suntan 10. อาการผื่นแดงบนผิวหนัง เรียกว่า rash (แรช) 11. แมลงสัตว์กัดต่อย ใช้ insect bite 12. อาการคอแข็งหรือหลังแข็ง โดยตึงและปวดเมื่อย เราใช้ stiff neck หรือ stiff back เวลาคุณจะนำเอาอาการทั้ง 12 ข้อด้านบนไปใช้ ง่ายนิดเดียวครับ ให้บอกว่า I have a/an + อาการ. เช่น I have a stomachache. ฉันปวดท้อง, She has a rash on her arm. เธอมีผื่นแดงบนแขนของเธอ ฯลฯ อย่าลืมใส่ article a หรือ an หน้าอาการด้วยเสมอ นอกจากนี้ ยังมีบางโรคที่ไม่ต้องใส่ article a หรือ an ไว้ข้างหน้าอาการ ซึ่งมีตัวอย่างดังต่อไปนี้ 1. อาการสะอึก เรียกว่า hiccups (ฮิคคัพส์) มักจะใช้เป็นพหูพจน์เสมอ ปกติการสะอึกมักเกิดจากการกินหรือดื่มเร็วเกินไป 2. อาการเป็นไข้ หนาวสั่น แต่ไม่รุนแรงมากนัก เราเรียกว่า chills (ชิลซ์) มักใช้ในรูปพหหูพจน์ 3. อาการตะคริว เรียกว่า cramp ปกติจะใช้ว่า I get a cramp in + อวัยวะที่เป็นตะคริว เช่น I get a cramp in my leg. ขาฉันเป็นตะคริว หรือถ้าบอกว่า A swimmer got a cramp. เป็นที่รู้กันว่า นักว่ายน้ำเป็นตะคริวที่ขา แต่บางทีอาจใช้ cramps (เติม s) จะหมายถึง อาการเกร็งที่ท้อง โดยเฉพาะการปวดประจำเดือนของผู้หญิง 4. อาการท้องร่วง ใช้ว่า diarrhea (ได๊อะรีอะ) โรคนี้ควรจดจำไว้ใช้ เพราะมักเป็นกันบ่อย เวลาไปกินอะไรผิดสำแดงเข้า 5. ไข้หวัดใหญ่ ใช้ flu (ฟลู) ซึ่งมาจากคำเต็มว่า influenza (อินฟลูเอ๊นซ่า) 6. อาการเหนื่อยหอบหายใจไม่ทัน ใช้ว่า shortness of breath 7. โรคกล่องเสียงอักเสบ เรียกว่า laryngitis (แลรินจ๊ายทิส) เวลาพูดจะลำบากเพราะคอและกล่องเสียงบวม 8. อาการเจ็บหน้าอก ใช้ chest pain ตัวอย่างการแต่งประโยค เช่น Dont drink so fast, youll have hiccups. อย่าดื่มเร็วเกินไป เดี๋ยวจะสะอึก, I had flu. ฉันเป็นไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น แล้วเจอกันใหม่นะคร๊าบ thank you โดย: takky IP: 222.123.245.69 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:19:13:46 น.
รอตั้งนานเลยค่ะ Krufiat ขอบคุณมากนะคะ มีประโยชน์มากเลยค่ะ
โดย: Rabbit. IP: 210.1.34.226 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:16:15:46 น.
ขอบคุณมากๆค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆ ปกติเป็นคนซื้อหนังสือสอนภาษาอังกฤษเยอะมากๆ แต่จะบอกว่า..พอมาอ่านของอันนี้ สุดยอด..แบบมันใช้ได้จริง โดนสุดๆ (ไม่ได้หมายความว่าหนังสือที่ซื้อเยอะๆมันไม่ดีนะ แต่แค่อ่านแล้วไม่ค่อนโดนน่ะ) ยังไงก็จะรออ่านต่อไปนะคะ ให้กำลังใจสร้างสรรสิ่งดีๆเพื่อคนไทยต่อไปนะคะ
เอ่อ..ตอนนี้ copy ทุกเรื่องรวมเล่ม a4 ไว้อ่านเรียบร้อยแล้ว กำลังจะไล่อ่านให้ครบทุกเรื่องนะ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆ โดย: เด็กใหม่ IP: 202.176.108.31 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:10:44:05 น.
ดีมากเลยคะ เข้าใจง่าย จะเข้ามาอ่านทุกอาทิตย์เลยคะถ้ามีอะไร ใหม่ๆ รู้สึกชอบภาษาอังกฤษมากขึ้นคะ
โดย: ผู้ติดตามอ่าน IP: 24.130.47.143 วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:23:16:41 น.
![]() ::::::: H A P P Y :: B I R T H D A Y ::::::: ขอให้มีความสุขมากๆและมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ
![]() ![]() ขอให้มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง ปรารถนาสิ่งได ขอให้สมหวังนะคะ โดย: ข้ามขอบฟ้า
![]() สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดค่ะ เจนนี่ขอให้คุณเจ้าของวันเกิดวันนี้ มีความสุขมากๆน่ะคะ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมหวังดังใจปรารถนา เจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานน่ะคะ เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง สุขภาพแข็งแรงตลอดปีและตลอดไปค่ะ เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง
ป.ล. ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าของบล็อคค่ะ ว่างๆก็แวะมาทักทายเจนนี่ได้เสมอน่ะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ ![]() ![]() โดย: สาวอิตาลี
![]() Happy Birthday นะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ![]() โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู
![]() โดย: โสดในซอย
![]() ![]() ![]() MySpace Graphics & MySpace Layouts ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ ปกติเป็นคนชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว มัหนังสือเยอะมาก ขอ add ไว้เลยนะคะ จะได้แวะมาบ่อยๆ แล้วก็ตั้งใจจะมาอวยพรวันเกิดด้วยค่ะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จค่ะ โดย: แม่น้องแปงแปง (แม่น้องแปงแปง
![]() สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้ครูเฟียตมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ร่ำรวยเงินทอง ปรารถนาสิ่งได ขอให้สมความปรารถนาทุกประการนะคะ ขอให้ครูเฟียตได้รับแต่สิ่งดีๆในชีวิต เหมือนกับที่ครูได้มอบสิ่งดีๆให้กับคนอื่นๆในโลกไซเบอร์นะค่ะ แอบเข้ามาหาความรู้จากบล๊อคของครูอยู่บ่อยๆค่ะ ได้ความรู้มากมายเหลือคณานับ ที่ไม่ต้องซื้อหา ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะค่ะ โดย: ไอริน IP: 88.105.29.193 วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:20:42:49 น.
ล็อกอินเข้ามารบกวนถามครูเฟียตค่ะ
พอดีตอนนี้ลงเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติ อยู่ที่สก๊อตแลนด์ค่ะ เนื้อหาที่เรียนจะเป็นแกรมม่าที่เราเคยเรียนเมื่อสมัยชั้นมัธยมค่ะ คือต้องการคำแนะนำจากครูเฟียตว่า หนังสือเกี่ยวกับการใช้แกรมม่า ในภาษาอังกฤษ ที่เมืองไทยค่ะ เป็นภาษาไทยค่ะ ไม่ทราบว่ามีหรือไม่ และเป็นของผู้เขียนคนไหนดีค่ะ ดิฉันต้องการนำมาอ่านประกอบการเรียนค่ะ ดิฉันซื้อของลองแมน แล้วจากที่นี่ แต่อยากได้เป็นภาษาไทยด้วยค่ะ จะได้เข้าใจมากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ โดย: ไอริน (กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน
![]()
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four
![]() เพิ่งเข้ามาเห็นว่ามีคนเข้ามา happy birthday มากมาย ต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านเลยนะครับ ที่เป็นกำลังใจให้กันมาโดยตลอด ทำให้ผมอยากที่จะเขียนบทความเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษต่อไป และขอให้พรใดๆ ที่ท่านอวยพรผมมาได้ดลบันดาลให้คุณและคนที่คุณรักได้รับพรนั้นเช่นกัน มีความสุขมากๆ และขยันฝึกฝนภาษาอังกฤษ จะได้เก่งๆ ครับ
ปล. บทความชิ้นใหม่ที่ต่อจากบทความนี้ ใกล้จะคลอดแล้วครับ ตอนนี้โดน บก. นิตยสารที่ทำงานเร่งต้นฉบับเช้าเย็น คาดว่าน่าจะเสร็จภายในวัน สองวันนี้แล้วครับ อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ ![]() โดย: Kru FIAT (KruFiat
![]() ขอบคุณมากๆ ค่ะ มีประโยชน์มากๆ เลย
โดย: R IP: 61.19.66.44 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:20:43 น.
ได้ความรู้สึกดีๆ ครับ
ผมกำลังหัดเรียนภาษาอังกฤษอยู่พอดีครับ ขาดคนชี้แนะ เพื่อนๆพอมีเวลาช่วยชี้แนะด้วยครับ เข้าไปดูที่นี้ //how-2-english.com ขอบคุณครับ โดย: ผ่านมา IP: 223.204.128.159 วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:22:04:41 น.
ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยค "how are you today" //titaek-english.blogspot.com/2013/03/how-are-you-today-thai-pronunciation.html
โดย: Michael leng IP: 125.24.28.130 วันที่: 10 เมษายน 2558 เวลา:7:50:36 น.
|
KruFiat
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง "หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน" Friends Blog Link |
useful article มากๆ ค่ะ