Group Blog
All Blog
|
*****ภาษาอังกฤษ
(ใครว่า) ง่ายนิดเดียว? (หรือจริงๆ แล้ว ยากเยอะกันแน่?) ตอน 2***** ไม่พูดพร่ำทำเพลง เชิญอ่านต่อกันเลยละกันครับ 2) ในภาษาอังกฤษ รูปกับเสียงอาจจะไม่ตรงกัน อันนี้อาจจะยากพอๆ (หรือยากกว่า) ภาษาไทยเรา เพราะภาษาไทยเราก็มีบางคำที่รูปกับเสียงไม่ตรงกัน อาทิเช่น สุนทรี เราอ่านว่า สุน-ทะ-รี แต่ "ทร" ในคำว่า ทราย เรากลับอ่านว่า ซาย โดยออกเสียง ทร เป็น ซ ซะงั้น ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีเช่นกัน เช่น cat อ่านว่า แคท แต่ city เราอ่านว่า ซิ-ตี้ เพราะ ตัว c มี 2 เสียงคือ เสียงเหมือน ค.ควาย หรือ เหมือน ซ.โซ่ อีกตัวอย่างคือตัว "ch" ใน charm อ่านว่า ชาร์ม แต่ character เราอ่านว่า แค้-แรค-เตอร์ ดังนั้น "ch" จึงมี 2 เสียง คือ เสียงคล้ายๆ ช.ช้าง กับเสียง ค.ควาย โดยเราต้องจำเอาเองว่า ch ในคำไหนออกเสียงว่าอย่างไร ยังมีตัวอย่างอีกคำที่ออกเสียงไม่ตรงกับรูป คือ sugar ฝรั่งไม่ได้อ่านว่า ซู-การ์ แต่กลับอ่านว่า ชู-การ์ คือ รูปเป็นตัว s แต่ดันไปออกเสียงเป็น sh ซะนี่ เช่นเดียวกัน ตัว d เรามักจะคิดว่าออกเสียงเป็น ด.เด็ก ได้อย่างเดียว เช่น do อ่านว่า ดู, done อ่านว่า ดัน แต่จริงๆ แล้ว ตัว d สามารถออกเสียงได้อีก 1 เสียงคือ จ.จาน ที่ปากเจ่อกว่า จ.จานในภาษาไทย เช่น soldier อ่านว่า โซล-เจอร์, education อ่านว่า เอ็ด-จู-เค-ชั่น, schedule ก็เช่นกัน อ่านว่า สเค็ด-จูล, procedure อ่านว่า โพร-ซี้-เจอร์, gradually อ่านว่า แกร-จูล-ลี่ เป็นต้น ปกติตัว N จะออกเสียงเป็น น.หนู ส่วน NG ออกเสียงเป็น ง.งู (เสียงขึ้นจมูก) ใช่ไหมครับ? แต่มีข้อยกเว้นคือ ตัว N จะออกเสียงเหมือน NG (ง.งู) เมื่ออยู่หน้าตัว k หรือ q เช่น drink อ่านว่า ดริ้งค์; think อ่านว่า ทซิ้ง (แล่บลิ้นตรง th); bank อ่านว่า แบงค์; conquer อ่านว่า คอง-เคอร์ แปลว่า ปราบ, พิชิต ไหนๆ ก็พูดถึง NG แล้ว ผมอยากจะบอกข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ คำว่า singer คุณมักจะอ่านว่า ซิง-เกอร์ ใช่ไหมครับ? แต่จริงๆ แล้วฝรั่งเค้าจะอ่าน คำกิริยาที่ลงท้ายด้วย NG แล้วมีตัวที่มาต่อท้าย (suffix) เป็นเสียง ง.งูเหมือนเดิม เช่น sing (กิริยา) อ่านว่า ซิง แปลว่า ร้องเพลง, singer ที่แปลว่า นักร้อง ต้องอ่านว่า ซิง-เงอร์ ถึงจะถูกต้อง (ถึงแม้เราจะไม่คุ้นเคยเพราะเรียก ซิง-เกอร์ มาตลอดก็ตาม); อย่างเมื่อเร็วๆ นี้มีคอนเสิร์ตที่เรียกว่า "The Singer Concert" ที่มีมาลีวัลย์และอ๊อฟ ปองศักดิ์ เป็นนักร้องเจ้าของคอนเสิร์ต ซึ่ง อ๊อฟ ก็จะเรียกชื่อคอนเสิร์ตว่า "เดอะ ซิงเกอร์ คอนเสิร์ต" เหมือนคนไทยทั่วไป แต่มาลีวัลย์จะเรียกว่า "เดอะ ซิงเงอร์ คอนเสิร์ต" ตามที่ฝรั่งเค้าออกเสียงอย่างถูกต้อง ไม่ทราบว่าใครเคยดูดีวีดีคอนเสิร์ตนี้แล้ว สังเกตเห็นตามที่ผมบอกหรือเปล่า? ลองสังเกตดูนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่เราจะได้เรียนรู้จากการสังเกตที่ละเอียดไงครับ อีกตัวอย่าง คือ hang (กิริยา) อ่านว่า แฮง แปลว่า แขวน, hanger อ่านว่า แฮง-เงอร์ แปลว่า ไม้แขวนเสื้อ แต่คำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย NG แล้วมีตัวที่มาต่อท้าย (suffix) เป็นเสียง ก.ไก่ แทน เช่น strong (คุณศัพท์) อ่านว่า สตรอง แปลว่า แข็งแรง, stronger อ่านว่า สตรอง-เกอร์ แปลว่า แข็งแรงกว่า; young (คุณศัพท์) อ่านว่า ยัง แปลว่า อ่อนวัย, ขั้นกว่าคือ younger อ่านว่า ยัง-เกอร์ 3) ในภาษาอังกฤษไม่มีตัวการันต์อย่างในภาษาไทย ตัวการันต์ในภาษาไทยใช้กำกับตัวอักษรที่เราไม่ต้องออกเสียง แต่ในภาษาอังกฤษยากกว่ามาก เพราะถ้าตัวไหนไม่ต้องออกเสียงจะไม่มีสัญลักษณ์บอกอย่างภาษาไทยเรา เราต้องจำเอาเองครับ ไม่มีสัญลักษณ์บอกอย่างภาษาไทยเรา อาทิเช่น Island อ่านว่า ไอ-แลนด์ (ไม่ต้องออกเสียงตัว s) แปลว่า เกาะ; Doubt อ่านว่า เด๊าท์ (ไม่ต้องออกเสียงตัว b) แปลว่า สงสัย; Debt อ่านว่า เด็ท (ไม่ต้องออกเสียงตัว b) แปลว่า หนี้สิน; Subtle อ่านว่า ซัท-เทิล (ไม่ต้องออกเสียงตัว b) แปลว่า ที่ยากแก่การเข้าใจ; Receipt อ่านว่า รี-ซีท (ไม่ต้องออกเสียงตัว p) แปลว่า ใบเสร็จ จริงๆ แล้ว มีคำประเภทนี้อยู่เยอะในภาษาอังกฤษ ซึ่งผมพอจะรวบรวมมาให้อ่านกันได้ดังต่อไปนี้ 3.1) gn หรือ gm เราจะไม่ออกเสียงตัว g ให้ออกเสียงเฉพาะ n หรือ m ที่ตามมาเท่านั้น เช่น gnaw อ่านว่า นอ แปลว่า กัด(ของแข็ง) เช่น He gnawed his pen thoughtfully. เขากัดปากกาของเขาอย่างครุ่นคิด; design อ่านว่า ดี-ไซน์ แปลว่า ออกแบบ; sign อ่านว่า ไซน์ แปลว่า ป้าย; foreign อ่านว่า ฟ้อ-เรน แปลว่า ต่างประเทศ; reign อ่านว่า เรน แปลว่า ยุคที่กษัตริย์ครองราชย์; campaign อ่านว่า แคม-เพน แปลว่า การรณรงค์; diaphragm อ่านว่า ได-อะ-แฟรม ที่เรามักใช้ทับศัพท์อยู่แล้ว; paradigm อ่านว่า แพ้-ระ-ไดม แปลว่า ตัวอย่างที่ชัดเจน 3.2) mb เมื่ออยู่ท้ายคำ จะไม่ออกเสียง b ออกเสียงเฉพาะ m เท่านั้น เช่น Bomb อ่านว่า บอม แปลว่า ระเบิด, bomber อ่านว่า บอม-เมอร์ แปลว่า ผู้วางระเบิด; Comb อ่านว่า โคม แปลว่า หวี, combing อ่านว่า โคม-มิ่ง แปลว่า กำลังหวีผม; Climb อ่านว่า คไลม แปลว่า ปีน, climber อ่านว่า คไล-เมอร์ แปลว่า นักปีนเขา; Dumb อ่านว่า ดัม แปลว่า โง่; Plumber อ่านว่า พลัม-เมอร์ แปลว่า ช่างประปา; Thumb อ่านว่า ทซัม (แล่บลิ้นตรงตัว th) แปลว่า นิ้วโป้ง; lamb อ่านว่า แลม แปลว่า แกะ 3.3) lm เมื่ออยู่ท้ายคำ จะไม่ออกเสียง l ออกเสียงเฉพาะ m เท่านั้น เช่น Calm อ่านว่า คาม แปลว่า สงบเงียบ; Balm อ่านว่า บาม แปลว่า ยาหม่อง; Palm อ่านว่า พาม แปลว่า ฝ่ามือ แต่ก็มี lm ลงท้ายบางคำที่ต้องออกเสียงทั้ง l และ m เช่น film อ่านว่า ฟิ-ล-ม แปลว่า ภาพยนตร์; elm อ่านว่า เอ-ล-ม เป็นต้นไม้ใหญ่ชนิดหนึ่ง 3.4) mn เมื่ออยู่ท้ายคำ จะไม่ออกเสียง n ออกเสียงเฉพาะ m เท่านั้น เช่น Column อ่านว่า คอ-ลัม แปลว่า สิ่งของที่มีทรงสูงผอม หรือบทความในนิตยสาร; Autumn อ่านว่า ออ-ทัม แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ; Condemn อ่านว่า คอน-เดม แปลว่า ประณาม 3.5) st เมื่ออยู่กลางคำบางคำ จะไม่ออกเสียง t ออกเสียงเฉพาะ s เท่านั้น เช่น Listen อ่านว่า ลิส-ซึ่น แปลว่า ฟัง; Castle อ่านว่า แคส-ซัล แปลว่า ปราสาท; Fasten อ่านว่า แฟส-ซึ่น แปลว่า รัด, คาด(เข็มขัด); Christmas อ่านว่า คริส-มัส; chestnut อ่านว่า เชส-นัท เป็นถั่วชนิดหนึ่ง มาถึงตอนนี้ คุณเริ่มเห็นด้วยกับผมแล้วหรือยังว่าภาษาอังกฤษไม่ได้ง่ายนิดเดียว มีข้อยกเว้นเต็มไปหมด แต่อย่าเพิ่งท้อใจนะครับ เมื่อเรารู้สิ่งเหล่านี้แล้วนำไปใช้ มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ ปล. อาจมีตอนต่อไปนะครับ (ยังไม่จบ) กำลังออกเสียงตามอยู่ค่ะ แต่แบบว่ามีปัญหาลิ้นพันกันอยู่อ่ะ
![]() โดย: ธิดาดอง
![]() ภาษาอังกฤษ ไม่เห็นยากเลยครับ ถ้าคุณขยันฝึกฝน มีใจรักเรียนภาษาอังกฤษจริงๆ แล้วก็เรื่องการอ่านออกเสียงนั้นขอบอกว่าเสียงที่ถอดออกมาจากคำภาษาอังกฤษนั้นไม่ตรงกับเสียงแท้ๆ นะครับ จะมาเทียบกันกับหลักในภาษาไทยไม่ได้หรอกนะครับ อย่างคำว่า Listen จะออกเสียงว่า ลิ-ซึ่น จะไม่มี ส เป็นตัวสะกด อ้างอิงจาก Oxford Advanced Learners' Dictionatry 7th edition ถ้าถามว่าทำไม อันนี้ผมก็จำกฎไม่ค่อยได้ แต่เกี่ยวกับพยัญชนะในกลุ่ม Consonant and Vowel ครับ ถ้าจะฝึกออกเสียงเดี๋ยวนี้ก็มีซีดีให้ฝึกออกเสียงไม่ว่าจะเป็นของ Oxford หรือ Cambridge หรือของ British Council ซึ่งถ้าขยันตั้งใจฝึกจริงๆ กฎเหล่านี้ก็ไม่เห็นต้องไปท่องทำทั้งหมด ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ ครับ เพียงแค่คุณมีเวลาหรือว่ามีใจรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือเปล่าเท่านั้นครับ
โดย: โอ๋ IP: 124.120.153.234 วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:0:17:03 น.
เห็นด้วยกับคุณโอ๋พอสมควร และอยากขอทำความเข้าใจดังนี้นะครับ
1) ที่บอกว่าภาษาอังกฤษไม่เห็นยาก ผมก็เห็นด้วยนะ (ลองกลับไปอ่านตอนที่ 1) แต่เรื่องนี้มันแล้วแต่บุคคลครับ ถ้าคุณเป็นคนรักภาษา ชอบเรียนรู้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว พื้นฐานดีพอสมควร ขยันฝึกจริงจังจนสำเร็จ คุณจะมีความรู้สึกว่ามันไม่ยาก ถูกต้องแล้วครับ แต่ลองนึกถึงบางคนที่อาจจะไม่ค่อยถนัด(หรือเกลียด)ภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ภาษาอังกฤษเป็นไม้เบื่อไม้เมาตั้งแต่เด็ก คนกลุ่มหลังนี้จะบอกว่าภาษาอังกฤษยากจับใจ อย่างที่ผมกล่าวไปในตอน 1 ว่ามันคงยากถ้าจะให้ฟันธงไปเลยว่ายากหรือง่าย ขึ้นกับแต่ละบุคคล แต่ต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า บทความทั้ง 2 ตอนนี้ ผมไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ผู้อ่านเกิดความท้อแท้ว่าภาษาอังกฤษยากเหลือเกินนะครับ และก็ไม่สนับสนุนให้คุณไปท่องกฎต่างๆ ด้วย เพียงแต่ผมต้องการเปรียบเทียบกับภาษาไทยให้คุณเห็นว่า มันมีอย่างนี้ในภาษาอังกฤษนะ เช่น มันอาจจะมีตัวอักษรในคำนั้น แต่กลับไม่ออกเสียง (ทั้งๆ ที่ไม่มีการันต์อย่างภาษาไทย) เป็นต้น 2) เห็นด้วยอีกเช่นกันว่าไม่สามารถเขียนคำอ่านภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้เหมือนเป๊ะ ซึ่งผมก็เคยบอกไปแล้วในบทความเก่าๆ ของผม ซึ่งก็แนะนำให้ฟังฝรั่งเป็นหลัก ดังนั้น คำอ่านที่ผมเขียนให้คุณดูอาจจะไม่ถูกใจนักภาษาศาสตร์บางท่าน แต่ผมเขียนจากประสบการณ์และยึดเสียงที่ฝรั่งออกเป็นหลักเท่านั้นครับ ถ้าคุณอ่านบทความทั้ง 2 ตอนแล้วเห็นความแตกต่างของภาษาอังกฤษและภาษาไทย และรู้ว่าเราควรออกเสียงที่ถูกต้องอย่างไร? ที่เราออกเสียงกันอยู่ในปัจจุบันผิดหรือเปล่า? แค่นี้ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ ถ้ามีคนไทยที่มีความคิดเห็นอย่างคุณมากๆ ก็คงจะดี ที่ไม่เห็นว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากและรู้วิธีการฝึกฝนตนเองน่ะครับ ![]() โดย: Kru FIAT (KruFiat
![]() Kru FIAT ขอบคุณมากครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น อืม อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับ Kru FIAT อย่างยิ่งครับว่าแล้วแต่บุคคลจริงๆ
โดย: โอ๋ IP: 124.120.152.5 วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:2:45:05 น.
มาเรียนด้วยคนค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ มีหลายอย่างที่เข้าใจผิดกันจริงๆค่ะ
โดย: ANGEL IN THE BLUE
![]() ยากหง่ะ
โดย: นางิจัง IP: 210.86.208.8 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:20:43:27 น.
foreigner อ่านว่าไร ขอบคุนค่ะ
โดย: อยากรุ IP: 112.142.10.106 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:18:06:55 น.
foreigner = ฟอ-เรน-เนอร์ ครับ
โดย: kawmo IP: 223.204.123.16 วันที่: 10 มีนาคม 2554 เวลา:16:22:18 น.
ขอบคุณมากค่ะ กำลังเรียนเรื่องการออกเสียงอยู่พอดี เขียนคำอ่านละเอียดมากค่ะ
โดย: MukQui IP: 110.168.86.43 วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:12:12:30 น.
แอดเป็นเพื่อนน่ะคะ กำลังฝึกภาษาอังกฤษ
ยินดีที่ได้รู้จักคะ โดย: โฮ๋ (safing1109
![]() ดีใจมากค่ะที่มีบทความแบบนี้ เพราะมันจะประโยชน์มากๆ กับคนที่ไม่เก่งอังกฤษ แบบที่ครูเฟียสบอก คือเป็นไม่เบื่อไม้เมากัน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของภาษา เราจะไปเอามาตรฐานจากไหนมาเปรียบเทียบว่าที่อ่านไปมันถูกต้องหรือยัง (บางทีก็มั่วไม่ถูกนะ) แหะๆ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ค่ะ เขียนออกมาอีกเยอะๆ นะคะ ^^
โดย: alone IP: 171.97.15.49 วันที่: 30 มีนาคม 2555 เวลา:12:16:28 น.
เ้้้้ิ้ดะหกำฟธู๊ํธณ
โดย: ฮฮฮ IP: 223.204.179.81 วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:18:27:24 น.
vocalist อ่านออกเสียงยังไง
โดย: อาย IP: 210.246.155.2 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:50:12 น.
|
KruFiat
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง "หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน" Friends Blog Link |
ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่โตสเพิ่งจะคุยๆ กับน้องคนนึงเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง คือโตสพยายามอธิบายให้น้องเค้าฟังถึงความง่ายของการอ่านภาษาสเปน ที่มันไม่ได้ยากและค่อนข้างสับสนเหมือนการอ่านภาษาอังกฤษเนี่ยแหละค่ะ .. เพียงแต่ตัวอย่างที่โตสยกให้น้องเค้าดูมันไม่ค่อยจะดีและเห็นชัดเหมือนตัวอย่างของครูเฟียตเท่านั้นเอง