Group Blog
กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
#####เมื่อ “YES” แปลว่า “ไม่” และ “NO” กลับแปลว่า “ใช่” จะเกิดอะไรขึ้น?#####
*** คุยกันก่อน***

หายหน้าไปกว่า 2 เดือน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ? หวังว่าทุกคนคงสบายดีและทักษะทางภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้นกันบ้างหรือเปล่า? อย่าลืมฝึกบ่อยๆ ให้เป็นนิสัยนะครับ จะได้เก่งๆ กัน ผมอยากเห็นคนไทยเก่งภาษาอังกฤษกันเยอะๆ จัง

ที่ผ่านมา ผมหายหน้าไปนานกว่าปกติ เพราะปกติผมมีคอลัมน์ English Talk ซึ่งเป็นบทความการใช้ภาษาอังกฤษที่พวกคุณได้อ่านกันใน blog ของผมนี่แหละครับ แต่ผมนำไปลงในนิตยสารรายเดือนของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ด้วย ดังนั้นที่ผ่านมาผมจึงต้องส่งต้นฉบับให้บก.ตรวจทุกเดือน ถ้าส่งช้าก็จะโดนเร่งยิกๆ ทำให้ผมหายหน้าไปได้ไม่เกิน 1 เดือนก็จะต้องคลอดบทความใหม่ขึ้นมาอีก 1 เรื่องเสมอ

แต่ปัจจุบันผมขอหยุดลงบทความในนิตยสารนั้นชั่วคราว เพื่อนำเวลามาทำโครงการบางอย่าง ตอนแรกกะจะปิดเป็นความลับไว้ก่อน(เพราะกลัวจะไม่สำเร็จ เดี๋ยวเสียหน้าแย่เลย!) แต่อีกใจก็อยากจะบอกลูกศิษย์และแฟนคลับ (ขอเรียกผู้ติดตามอ่านบทความของผมว่า “แฟนคลับ” ให้ทันสมัยวัยรุ่นยุค Reality Show หน่อยละกัน) เอาเป็นว่า ผมกำลังรวบรวมบทความที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ทั้งที่คุณได้อ่านไปแล้วใน blog ของผมและที่ยังไม่เคยได้อ่าน (เพราะยังไม่ได้เขียน อยู่แต่ในหัวแต่ยังไม่ได้ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือออกมาให้ได้อ่านกัน) มาเป็นรูปเล่ม ที่เรียกว่า Pocket Book นั่นแหละครับ

เพราะมีหลายเสียงเรียกร้องกันมา ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่ผมไม่ได้ลงบทความในนิตยสารของบริษัทแล้ว ก็ยังอยากจะอ่านกันต่อ ที่จริงโครงการนี้มันอยู่ในหัวผมมานานแล้วหล่ะครับ แต่ไม่ได้ลงมือทำจริงๆ จังๆ สักที

สไตล์การเขียนของผมคือต้องอ่านง่าย เข้าใจง่ายที่สุดและมีเคล็ดลับบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร เอาเป็นว่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สักวันคุณก็อาจจะได้เห็น Pocket Book ของผมวางแผงอยู่ตามร้านหนังสือแถวบ้านคุณ (คงไม่เร็วกว่าปลายปีนี้น่ะครับ) ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไรจะนำมาบอกเล่าสู่กันฟังที่นี่ ให้แฟนคลับของผมรับทราบเป็นที่แรกเลยทีเดียว ผมสัญญา

ว่าแต่ผมอยากทราบความเห็นของคุณผู้อ่านอยู่เหมือนกันว่า มีความเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าผมจะรวบรวมบทความเป็น Pocket Book ให้ได้อ่านกัน หรือมีอะไรจะแนะนำ มีเรื่องอะไรอยากจะให้เขียนถึง สามารถ post comment ไว้ได้เลยนะครับ ทุกความเห็นมีความสำคัญกับผม ผมได้อ่านทุก comment นะครับ (ถึงแม้จะตอบช้าไปบ้าง) ขอบคุณสำหรับทุก comment ล่วงหน้าครับ

เนื่องจากหายหน้าไปนานแล้ว แถมยังไม่มีบทความใหม่ๆ ให้ได้อ่านกันร่วม 2 เดือน ผมรู้สึกผิดต่อแฟนคลับพอสมควร เลย
แอ่น แอน แอ๊น...
ขอนำส่วนหนึ่งของ Pocket Book ฉบับร่าง (ไม่ใช่ร่างทรงนะครับ) มาให้ได้อ่านกันก่อนใครในโลกเลยทีเดียว (บอกแล้วแฟนคลับของผม ต้องได้รับสิทธิพิเศษก่อนใครเสมอ) เชิญติดตามได้เลยครับ...

เมื่อ “YES” แปลว่า “ไม่” และ “NO” กลับแปลว่า “ใช่” จะเกิดอะไรขึ้น?

คนไทยอย่างเรา มักพูด "Yes" จนติดปาก โดยคิดว่ามันแปลว่า “ใช่” เพียงอย่างเดียว แล้วใช้เวลาเห็นด้วยกับผู้พูดพร้อมพยักหน้าตอบรับ

นั่นเป็นแค่สถานการณ์ส่วนใหญ่ครับ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในบางกรณี คำว่า “Yes” กลับแปลว่า “ไม่”

ยกตัวอย่างแรก กรณีทั่วไปๆ ก่อน เช่น ผมถามคุณว่า

Is Um beautiful? อั้ม สวยมั้ย?
ผู้ชายทั่วประเทศพูดพร้อมกันว่า “Yes, she is (beautiful).” ใช่ เธอสวย

เวลาตอบคำถามที่ต้องตอบ Yes หรือ No อย่าตอบห้วนๆ ว่า Yes หรือ No แล้วจบสั้นๆ อย่างนั้นเลยนะ ควรมีต่อมาด้วย เช่น she is หรือ he is หรืออื่นๆ แต่จะต่อว่าอะไรขึ้นอยู่กับประธานในประโยคคำถามที่เค้าถามมา ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ยากสำหรับคนไทย เพราะลำพังฟังให้ออกก็แย่อยู่แล้ว ยังต้องมาพูดทวนให้สอดคล้องอีก แต่ต้องฝึกครับ

เอาใหม่...ผมขอเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น
Isn’t Um beautiful? อั้ม ไม่สวยใช่ไหม?

คนไทยส่วนใหญ่เวลาได้ยินประโยคนี้ จะตอบโดยอัตโนมัติได้ 2 แบบ คือ

1) ถ้าเห็นด้วยจะตอบว่า ใช่ เธอไม่สวย: “Yes, she is not (beautiful).”
2) ถ้าไม่เห็นด้วยจะตอบว่า ไม่ใช่ เธอสวยออก: “No, she is (beautiful).”

ในภาษาอังกฤษ ไม่มี 2 ประโยคด้านบนหรอกครับ

Yes, she is not. ในภาษาอังกฤษมีแต่ Yes, she is.
No, she is. ในภาษาอังกฤษมีแต่ No, she is not. (โปรดจำว่ามี No ข้างหน้าก็ต้องมี not ต่อท้ายเสมอ)

โปรดสังเกตว่า ถ้าตอบ Yes ต้องต่อด้วยประโยคบอกเล่าเท่านั้น และ ถ้าตอบ No ก็ต้องต่อด้วยประโยคปฏิเสธเสมอ ดังนั้นขอทวนความเข้าใจอีกทีดังนี้

Isn’t Um beautiful? อั้ม ไม่สวยใช่ไหม?
1) ถ้าคิดว่าอั้มสวย ต้องตอบว่า “Yes, she is (beautiful).” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า ไม่ใช่ เธอสวยออก สถานการณ์แบบนี้แหละครับที่ผมบอกว่า “Yes” สามารถแปลว่า “ไม่” ในภาษาไทยเรา

2) ถ้าเห็นด้วยว่า อั้มไม่สวย ต้องตอบว่า “No, she is not (beautiful).” พร้อมพยักหน้าขึ้นลงแบบเห็นด้วย ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ใช่ เธอไม่สวย” กรณีนี้ “No” กลับแปลว่า “ใช่” ในภาษาไทยไปซะได้

โปรดสังเกตอีกนิดว่า ไม่ว่าฝรั่งเค้าจะถามว่า

Is Um beautiful? อั้ม สวยไหม? หรือจะถามอีกแบบว่า
Isn’t Um beautiful? อั้ม ไม่สวยใช่ไหม?

การตอบจะเหมือนกันเลยคือมีได้แค่ 2 แบบคือ

1) Yes, she is. เมื่อคิดว่า อั้มสวย
2) No, she is not. เมื่อคิดว่า อั้มไม่สวย

ห้ามสลับกันเด็ดขาด ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการแปลเป็นไทย แล้วตอบแบบไทยๆ คือ Yes, she is not. หรือ No, she is. ซึ่งฝรั่งที่ฟังปุ๊บจะงงทันทีว่าตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่ จะเห็นด้วยกับเค้าหรือไม่? เพราะมันขัดแย้ง

ดังนั้น ใครที่ชอบ Yes เสมอไว้ก่อน ระวังให้ดีนะครับ เพราะบางทีคุณอยากจะเห็นด้วยกับเขา แต่เค้าพูดประโยคปฏิเสธหรือคำถามที่เป็นปฏิเสธมา ถ้าคุณ Yes ปุ๊บ นั่นคือคุณไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดทันที เช่น เขากำลังเม้าท์ถึงผู้หญิงคนหนึ่งว่า “She is not beautiful.” เธอไม่เห็นจะสวยเลย ถ้าคุณเห็นด้วยกับเขา ต้องพยักหน้าพร้อมบอกว่า “No, she is not.” แต่ถ้ามีความเห็นขัดแย้งกับเขา บอกว่า “Yes, she is.” แปลว่า ไม่นะ เธอสวยออก

ลองนำไปฝึกดูนะครับ



Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 15:43:54 น.
Counter : 8682 Pageviews.

28 comments
  
รับทราบค่ะ
โดย: onsutee วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:04:38 น.
  
Got it.
โดย: kim_tiger วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:10:07 น.
  
แรกๆเป็นคะ ตอบใช่แปลว่าไม่และไม่แปลว่าใช่ ทำเอาฝรั่งงงคะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้วคะ คิดว่าเขาถามอะไรมา จะเป็นประโยคคำถามแบบบอกเล่าหรือปฎิเสธ เราก็จะตอบอย่างที่เราคิดอย่างเดียวเลยคะ จะไม่สนใจคำถามที่เป็นคำถามแบบปฎิเสธแล้วคะ

ปล ตอนนี้ดิฉันเรียนและพูดภาษาแดนสค์อยู่คะ อยูที่เดนมาร์กคะ ภาษาอังกฤษเลยเริ่มถดถอยคะ
โดย: sunisa IP: 83.90.252.194 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:01:23 น.
  
I've got a question regarding last page.
Isn't since used with perfect tense?, i meant you said
Since he is not interested in.......
was it meant to be Since he has not been ......
or whatever.
Which one is right or both ?
I'm so wondering, my grammar is so crap
โดย: Kitty IP: 58.9.147.144 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:05:24 น.
  
ตอบคุณ Kitty
You are asking an interesting question!
คำตอบคือ ไม่จำเป็นครับว่า since จะต้องใช้กับ perfect tense เสมอ เพราะว่า since มีอีกความหมายคือ "เพราะว่า = because" ผมหาประโยคที่คุณอ้างถึงไม่เจอ ลองดูตัวอย่างประโยคนี้นะครับ

Since you are unable to answer, perhaps we should ask someone else.

เพราะว่าคุณไม่สามารถตอบคำถามได้ บางทีเราควรจะหันไปถามคนอื่นดูบ้างนะ

จะเห็นว่าในประโยคดังกล่าว เค้าไม่ได้ใช้กับ perfect tense นะครับ

ดีครับ คุณเป็นคนช่างสังเกตดีมาก หากมีคำถามเพิ่มเติมก็มา post ไว้ได้นะครับ จะพยายามตอบให้ครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:22:22 น.
  
Thank you so much for your answer ka.
I also have got some more questions.
What is foolosophy ? I got it from a song ka
Pesonally, I don't think it's a proper word, is it?
โดย: kitty IP: 58.9.144.19 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:55:00 น.
  
อยากทราบว่าหลักสูตรสนทนาภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ Chameleon Man : CM ที่สาขาศรีราชาจะเปิดคอร์ดใหม่เมื่อไหร่ค่ะ แล้วครูเฟียตสอนคนเดียวหรือว่าครูเคทมาร่วมสอนด้วยคะ แล้วก็อยากทราบว่าสอนประมาณยังไง มีทดสอบตลอดเวลาหรือเปล่า อยากให้ช่วยตอบหน่อยน่ะค่ะ เพราะตอนนี้กำลังหาข้อมูลในการตัดสินใจค่ะ
โดย: Oni IP: 112.142.138.77 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:04:10 น.
  
อยากทราบเกี่ยวกับ course เรียน Grammar ฟรีที่แถมมากับ course Dink dinosaur และ jack jarguar ซึ่งเรียนจบไปแล้วค่ะ (ที่โรงเรียนสอนภาษาครูเคท ศรีราชา) จะสามารถไปเรียนได้หรือเปล่าคะ ยังมีอยู่หรือเปล่าคะ เพราะว่าโทไปที่โรงเรียนไม่ติดเลยค่ะ

รบกวนตอบด้วยนะคะ

ปล.วันนั้นเห็น Kru Fiat ด้วยแต่ไม่กล้าทักค่ะ เห็นรีบ ๆ


ขอบคุณค่ะ
โดย: Rabbit. IP: 210.1.34.226 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:17:40 น.
  
ตอบคุณ Oni
CM ที่ศรีราชา รอบที่จะเปิดใหม่จะมี 2 รอบให้เลือกคือ
1) วันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค. 2552 เวลา 13.00 - 15.00 น.
2) วันจันทร์ที่ 14 ก.ย. 2552 เวลา 18.30 - 20.30 น.
อาจจะต้องรออีกนานสักหน่อยเพราะเพิ่งเปิดคอร์สไปไม่นานครับ ถ้าคุณสะดวกเรียนช่วงวันอังคารตอน 18.30 -20.30 น. ผมแนะนำให้เข้าเรียนคอร์สที่เปิดอยู่แล้วได้เลยเพราะเพิ่งสอนไปแค่ครั้งเดียว ตอนนี้เรางด class 2 อาทิตย์ตามที่รัฐขอความร่วมมือ น่าจะเรียนอีกครั้งในวันอังคารที่ 28 ก.ค. นี้ครับ ถ้าคุณพร้อมก็มาเข้า class นี้ได้เลย ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าที่เบอร์ 081-4925354 ได้เลยครับ
ส่วนการเรียนการสอนจะเป็นการดู DVD การสอนของครูเคทประมาณ 1 ชม. ซึ่งครูเคทสอนสนุก ไม่น่าเบื่อแน่นอนครับ อันนี้รับประกันและผมก็จะสอนสรุปเทคนิคด้วยอีกประมาณ 1 ชม. เราจะเน้นให้คุณปรับสำเนียงให้เป็นฝรั่งให้มากที่สุดแล้วทักษะการฟังของคุณจะดีขึ้นแน่นอนครับ ขออย่างเดียวต้องขยันทำการบ้านที่ให้ไป แล้วส่งการบ้านทางโทรศัพท์กับทั้งครูเคทและผม ไม่มีการทดสอบตลอดเวลาหรอกครับ มีชั่วโมง English Clinic ที่คุณจะได้พบครูเคทตัวจริง ที่จะมาวิเคราะห์ปัญหาภาษาอังกฤษให้คุณครับ เรามีการเปิดให้คุณทดลองเรียนฟรีด้วยในช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ ให้โทรสอบถามรายละเอียดที่โทร 081-4925354 ครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:29:46 น.
  
ตอบคุณ Rabbit
เรียนได้เลยครับ กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เบอร์ 081-4925354 ได้เลยครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:31:06 น.
  
อยากทราบว่าหลักสูตร CM เนี่ยเนื้อหาการสอนจะต่างจาก Dink เมื่อก่อนยังไงหรอครับ แล้วหนังสือที่ใช้สอนเนี่ยยังเป็นเล่มเดิมหรือป่าว ตอนนั้นผมจบ dink แต่ไม่ได้เรียนต่อ Jack นะครับ จำได้ว่าประมาณครั้งที่ 6 จะมีการ show time พอปรับเป็น CM แล้วยังมี show time อยู่ไหมครับเพราะผมว่าอันนี้เป็นการฝึกที่ดีมากแล้วก็บังคับไปในตัวให้เราต้องทำให้ได้เพราะครูเคทมาดูเองเลย
โดย: เก่ง IP: 124.120.135.99 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:13:56 น.
  
ตอบคุณเก่ง
หลักสูตร CM จะเป็นการรวมหลักสูตร Dink Dinosaur และ Jack Jaguar เอาไว้ด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเรียนมากขึ้น ซึ่งยังใช้หนังสือเล่มเดิมอยู่ครับ และยังมีshow time พบครูเคทอยู่เหมือนเดิม
ถ้าคุณอยากจะมาเรียน Jack ต่อก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เบอร์ 0814925354 ได้เลยครับ หลักสูตร Jack จะเรียนสนุกมากและได้พูดภาษาอังกฤษจริงๆ ครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:54:56 น.
  
การบ้านที่ครูที่โรงเรียนแต่ละคนให้เนี่ยเหมือนกันหรือป่าวครับ ตอนที่ผมเรียนบทแรกๆจะเป็นท่องกลอน sh ch แล้วโทรไปส่ง แต่หลังๆไม่เห็นมีการบ้านต้องโทรส่งเลยอ่ะครับ
มีแต่ให้ไปฝึกเองเช่น อ่านหนังสือแบบแยกเสียง แล้วก็อ่านหนังสือให้จบในอาทิตย์เดียว ไม่ค่อยมีการบ้านต้องส่งเลยครับ เลยงงว่าอาจารย์แต่ละคนสอนเหมือนกันป่าว
โดย: ปกรณ์ IP: 124.120.192.249 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:59:06 น.
  
ตอบคุณปกรณ์
ไม่ทราบว่าคุณปกรณ์เรียนที่กรุงเทพฯ ใช่ไหมครับ? การให้การบ้านแล้วแต่ครูครับ ช่วงแรกๆ ที่เรียนเกี่ยวกับการออกเสียงจะมีการบ้านมากหน่อยเมื่อเทียบกับช่วงหลังๆ ใครที่ทำการบ้านเยอะก็จะเห็นผลเร็ว แต่ที่สำคัญคือต้องทำให้ถูกวิธีด้วยนะครับ แนะนำให้โทรส่งการบ้านกับครูที่สอนบ่อยๆ จะได้รู้ว่าฝึกถูกต้องหรือเปล่า หากมีคำถามหรือปัญหาสงสัยให้รีบปรึกษาครูที่สอนครับ ขยันฝึกเยอะๆ นะครับ จะได้เป็นเร็วๆ เอาใจช่วยทุกคนที่ขยันครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:43:30 น.
  
ครูเฟียตครับขอถามเรื่องการฝึกพูดตามหนังหน่อยครับคือผมจัดตารางฝึกแบบนี้นะครับ(อันนี้ครูที่โรงเรียนเคยแนะนำไว้)
1. ปิดเสียงดูปากอย่างเดียว
2. ฮึมฮัมตาม
3. พูดตามไปโลด(ซึ่งจะได้แค่ช่วงต้นและปลายประโยคส่วนกลางๆอาจจะฮึมฮัมตามหรือถ้าไม่ได้ก็จะกลายเป็นพูดต้นแล้วก็ปลายประโยคเลย555)
4. จับคำ 1 คำออกเสียงตาม
อันนี้คือจะใช้กับหนัง 1 เรื่องโดยแบ่งการฝึกช่วงละ 5-10 นาที ไม่ทราบว่าครูเฟียตให้ลูกศิษย์ทำแบบนี้หรือป่าวครับ
ผมอยากรู้เพราะจะได้เอามาปรับให้มันเหมาะสม เพราะเวลาฝึกจริงๆ ผมจำไม่ทำข้อ1 เพราะรู้สึกว่าไหนๆจะดูแล้วจะปิดเสียงทำไม
โดย: ปกรณ์ IP: 115.87.70.243 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:47:41 น.
  
ช่วงกลางวันผมแปลงไฟล์ซีรียส์เรื่อง Friends เป็น Mp3 ไว้ฟังตอนทำงานด้วยครับ หลังจากฟังตอนเดิมๆซ้ำกันไปเรื่อยๆ ปรากฎว่าตอนนี้ผมเริ่มฟังบางประโยคเข้าใจแล้ว แต่เป็นการเข้าใจโดยผ่านการแปลนะครับ คือฟังเกือบสิบรอบล่ะอยู่ๆ ผมก็จับประโยคได้ว่าเค้าพูดอะไร แต่เทียบแล้วก็ยังไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของที่ฟังทั้งหมด
โดย: ปกรณ์ IP: 124.120.193.63 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:23:41 น.
  
คือดิฉันไปลงเรียนคอร์ส CM ที่ศรีราชาที่เค้าเรียนกันไปแล้วหนึ่งครั้ง จะเริ่มเรียนวันที่ 28 กรกฎาคมนี้จึงอยากทราบว่าเรียนอะไรกันไปบ้างแล้วและต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะในการไปเรียน กลัวเรียนไม่ทันคนอื่นน่ะค่ะ
โดย: First IP: 114.128.63.153 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:30:50 น.
  
ครั้งแรกที่เรียนครูเคทจะให้กลับไปบริหารปากตามซีดี
แล้วก็ให้โทรไปพูดภาษาไทยไม่ชัดแบบที่ฝรั่งพูดภาษาไทยให้ครูเคทฟังสั้นๆประมาณ 30 วินาทีครับ
โดย: ปกรณ์ IP: 124.120.193.8 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:26:17 น.
  
อยากทราบเหมือนกันค่ะว่าคอร์ส CM ที่ศรีราชาครั้งแรกสอนอะไรไปบ้างแล้วควรต้องเตรียมตัวไปเรียนครั้งที่สองยังไง ถ้าไปเรียนครั้งที่สองเลยจะเข้าใจแล้วตามคนอื่นทันมั๊ยคะ ครูเฟียตช่วยตอบด้วยนะคะ
โดย: แพร IP: 114.128.63.153 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:49:21 น.
  
ตอบคุณปกรณ์

การฝึกแต่ละอย่างมีเหตุผลที่ให้ฝึกครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะได้อะไร ผมจะอธิบายดังต่อไปนี้

1. ปิดเสียงดูปากอย่างเดียว

>>> การขยับปากตามฝรั่งโดยปิดเสียงจะทำให้คุณรู้ความแตกต่างของการใช้กล้ามเนื้อปากในการพูดภาษาอังกฤษเมื่อเทียบกับภาษาไทย ซึ่งภาษาอังกฤษจะใช้กล้ามเนื้อปากมากกว่าภาษาไทยครับ ปกติผมจะให้ทำแค่สัปดาห์แรกที่มาเรียนแค่นั้น ถ้าคุณทำแล้วเห็นความแตกต่างก็พอครับ เอาเวลาไปฝึกออกเสียงตามฝรั่งจะได้สำเนียงเหมือนฝรั่งดีกว่า

2. ฮึมฮัมตาม

>>>การฮึมฮัมตามหนัง ต้องพยายามทำทำนองให้เหมือนกับเสียงฝรั่งที่ได้ยินมากที่สุด เพื่อให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงฝรั่ง ผมจะแนะนำให้ทำวิธีนี้กับหนังฝรั่งวันละ 1 เรื่องในสัปดาห์แรก หลังจากนั้นให้พูดตามไปเลย (ไม่ต้องฮัมแล้วครับ) สาเหตุที่ให้ฮัมแทนที่จะพูดตามไปเลยตั้งแต่แรกเพราะมีนักเรียนหลายคนมีปัญหาว่าพูดตามไม่ทัน ไม่ได้แม้แต่บางคำในประโยค จึงให้แค่ฮัมตามอย่างเดียวไปก่อนครับ

3. พูดตามไปโลด(ซึ่งจะได้แค่ช่วงต้นและปลายประโยคส่วนกลางๆอาจจะฮึมฮัมตามหรือถ้าไม่ได้ก็จะกลายเป็นพูดต้นแล้วก็ปลายประโยคเลย555)

>>> วิธีนี้แหละครับที่อยากให้ทำจริงๆ กับหนังฝรั่งวันละ 1 เรื่อง อย่าลืมปิด subtitle เสมอนะครับ การพูดตามถ้าพูดไม่ทันเค้า ไม่เป็นไร ให้มั่วไปเลยแต่ต้องมั่วอย่างมีศิลปะ คือทำนองยังเหมือนหรือใกล้เคียงกับเค้าแม้จะไม่เป็นคำๆ ชัดเจนเหมือนเค้าก็ตาม (ให้คุณนึกถึงพวกตลกคาเฟ่ ที่เค้าแกล้งพูดภาษาต่างๆ เช่น ภาษาจีน ญี่ปุ่น ฯลฯ แบบมั่วๆ ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้เรียนภาษานั้น แต่ฟังเผินๆ แล้วเหมือนเค้าพูดภาษานั้น อย่างนั้นเลย) ต้องพูดตามทันทีเลยนะครับ ห้ามหยุดฟังทีละประโยคแล้วค่อยพูดตามซึ่งมันจะทำให้คุณใช้สมองคิดว่าเค้าพูดคำว่าอะไร ซึ่งผิดวิธี และที่สำคัญที่ผมย้ำนักเรียนของผมเสมอคือ คุณไม่ต้องรู้เรื่องหนังใดๆ ทั้งสิ้น ขอย้ำอีกทีว่า ไม่ต้องรู้เรื่องหนังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเรากำลังฝึกเพื่อปรับสำเนียงอยู่นะครับ ไม่ได้ฝึกให้ฟังออก เดี๋ยวพอสำเนียงคุณเหมือนฝรั่งแล้ว คุณจะฟังออกเองครับ ใจเย็นๆ

ข้อสังเกตอีกอย่างเวลาทำวิธีนี้ คือ ทำแล้วต้องไม่เครียด ถ้าเครียดเมื่อไหร่ หยุดทันทีเพราะคุณกำลังทำแบบผิดวิธีเพราะมีการใช้สมองคิด ผมสามารถพูดตามหนังได้ทั้งเรื่องโดยไม่เครียด รู้อยู่อย่างเดียวว่าเลียนเสียงให้เหมือนกับต้นแบบมากที่สุด และผมขอยืนยัน นั่งยันและนอนยันเลยว่า วิธีการนี้ WORK สุดๆ เพราะมันทำให้สำเนียงผมดีขึ้นทันตาเห็นเลย บอกได้เลยว่าทุกวันนี้ สำเนียงผมดีกว่าคนไทยทั่วไป ฝรั่งชื่นชม ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศก็ด้วยเทคนิคนี้ของครูเคทจริงๆ ครับ ลองไปทำดูนะครับ สนุกดี สำเนียงดีด้วย

4. จับคำ 1 คำออกเสียงตาม

>>> การจับมา 1 คำแล้วพูดตามไป 20-30 รอบจนกว่าจะคล่องเป็นการฝึกในเรื่องของ stress ครับ มันจะช่วยแก้ไขคำที่คุณออกเสียงผิด ไม่เหมือนฝรั่ง ให้เหมือนฝรั่งในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ฝรั่งไม่ได้เรียก "sadist" ว่า ซาดิสถ์ อย่างคนไทยเรียก ผมเคยดูหนังฝรั่งแล้วเค้าเรียกว่า "เซ้-ดิสถ์" คุณได้ยินอย่างไหนก็ให้พูดตามไปอย่างนั้น ห้ามเปลี่ยนมาเป็นเสียงที่ตนเองคุ้นเคยเด็ดขาด มันจะทำให้คุณทำเสียงในแต่ละคำได้เหมือนฝรั่ง ก็จะช่วยให้คุณออกเสียงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษให้เหมือนฝรั่งไงครับ ถ้าเราออกเสียงแต่ละคำเหมือนฝรั่งบวกกับสำเนียงเสียงขึ้นลง (intonation) เหมือนกับฝรั่ง (จากที่คุณฝึกพูดตามหนังทั้งเรื่อง) มันก็จะทำให้คุณพูดได้เหมือนฝรั่งในทึ่สุดไงครับ แล้วเดี๋ยวคุณจะแปลกใจว่าทักษะการฟังมันจะตามมาเอง คือฟังออกมากกว่าเดิมขึ้นมากหลังจากสำเนียงใกล้เคียงฝรั่งแล้วครับ

ผมแนะนำให้คุณปกรณ์ถามคุณครูที่สอนคุณนะครับถึงเหตุผลที่ให้ฝึกแต่ละเทคนิค ผมเชื่อว่าเค้าจะมีเหตุผลรองรับแต่ละเทคนิคเสมอว่าทำไมถึงให้ฝึกอย่างนี้ ซึ่งผมเองก็พยายามบอกลูกศิษย์ทุกครั้ง

ตอบซะยืดยาวเลย หวังว่าคงทำให้กระจ่างในเรื่องของเทคนิคการฝึกฝนภาษาอังกฤษของครูเคทนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:18:31 น.
  
ตอบคุณแพรและคุณ First

มาเริ่มเรียนในสัปดาห์ที่สองยังไม่สายไปครับ เวลามาเรียนให้มาบอกผมแล้วกัน แล้วผมจะสรุปเนื้อหาที่เราเรียนไปแล้วให้คุณฟังเพราะสามารถไปดู VCD ที่แจกให้ตอนคุณสมัครเรียนเพื่อฝึกเองได้ครับ แล้ววันไหนที่มีเปิดคอร์สใหม่คุณค่อยไปเรียนครั้งแรกอีกทีเพื่อเก็บตก ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้ารอคอร์สใหม่คงต้องรอไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้เรียนครับ

แล้วเจอกันครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:22:11 น.
  
ผมเห็นว่าคำถามของคุณปกรณ์มึประโยชน์กับคนทั่วไปจึงขออนุญาตนำไปตอบที่กลุ่ม blog ใหม่ตาม link ข้างล่างนี้นะครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=krufiat&month=25-07-2009&group=14&gblog=1
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:50:29 น.
  
วิธี drill ประโยคนี่คือให้พูดตามหนังในแต่ละประโยคหรอครับ แบบไม่เปิดซับอิ้งหรอครับ แล้วแบบนี้เขาพูดมาถ้าผมฟังไม่รู้เรื่องจะพูดตาม หรือจดจำไปใช้ได้ยังไงอะครับ
โดย: Joseph IP: 58.8.23.133 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:48:30 น.
  
แนะนำให้เข้าไปอ่านวิธีการ drill ประโยคจากเรื่อง "อยากพูดภาษาอังกฤษคล่อง ทำอย่างไรดี?" ตาม link ข้างล่างครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&date=15&group=2&gblog=6

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:12:42:15 น.
  
ถ้าต้องการที่จะ แต่งประโยคอังกฤษตให้ถูกต้อง ต้องศึกษาแบบไหนดีค่ะ
เวลาจะจำคำศัพท์ เริ่มจากคำศัพท์แบบไหนก่อนดี
อยากจะเก่งอังกฤษเร็วๆมีวิธีรัดมั้ยค่ะ
โดย: แนน IP: 124.120.247.44 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:12:16:55 น.
  
ตอบคุณแนน

การจะแต่งประโยคให้ถูกต้อง ผมแนะนำให้เริ่มจากหาประโยคต้นแบบจากหนังสือภาษาอังกฤษหรือ dictionary แบบอังกฤษ-อังกฤษ จะมีตัวอย่างประโยคให้คุณเลือกมากมาย แล้วให้เราดัดแปลงจากประโยคเหล่านั้นโดยการเปลี่ยนบางคำที่เป็นลักษณะเดียวกัน เช่น เป็นคำนามเหมือนกัน หรือเป็น verb+ing เหมือนกัน ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่าการ drill ประโยคครับ ลองเข้าไปดูได้ที่

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&date=15&group=2&gblog=6

ผมไม่แนะนำให้คุณแต่งประโยคขึ้นมาเองทั้งประโยคนะครับ เพราะการแปลจากไทยเป็นภาษาอังกฤษบางทีจะได้ภาษาอังกฤษแบบแปลกที่ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้งานกันจริงๆ

ส่วนการจำคำศัพท์ แนะนำให้ดู่ในชีวิตประจำวันคุณจะเจอภาษาอังกฤษจากที่ใด เช่น email, หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ถ้าคุณไม่รู้คำศัพท์ก็ลองเปิดดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษ แนะนำให้ดูตัวอย่างประโยค แล้วถ้าคุณหัดแต่งประโยคเลียนแบบจากต้นแบบขึ้นใช้เองเป็น คุณก็จะสามารถนำคำศัพท์นั้นไปใช้งานได้จริงๆ ต้องหมั่นใช้งานบ่อยๆ จึงจะจำได้แม่นครับ ถ้าไม่ค่อยได้ใช้เดี๋ยวก็ลืม

ส่วนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษวิธีลัด ถ้ามีจริง ผมคงรวยไปแล้วครับ เพราะผมคงเสนอขายวิธีนี้ให้กับคนที่อยากเก่งเร็วๆ ซึ่งเชื่อแน่ว่าคนไทยร้อยทั้งร้อยก็อยากเก่งภาษาอังกฤษเร็วๆ กันทั้งนั้น

ถ้าผมบอกว่าคุณสามารถเก่งได้ภายใน 3 เดือนถือว่าเร็วหรือเปล่าครับ? คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วจะต้องฝึกฝนอย่างหนักมาก อาจจะต้องฝึกฝนทั้งวันเป็นเวลาหลายๆ สัปดาห์ เหมือนคนที่อยู่ต่างประเทศ คือตราบใดที่คุณได้ใช้บ่อยๆ ก็จะเป็นเร็ว แต่ถ้าวันๆ ไม่ได้เจอภาษาอังกฤษเลยก็อย่าหวังว่าจะเก่งภาษาอังกฤษเลยครับ การเก่งภาษาอังกฤษนอกจากต้องขยันแล้วยังต้องฝึกฝนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครูแต่ละคนก็มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไปแล้วแต่เทคนิคของครูแต่ละคนครับ แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่มีครูคนไหนหรอกที่จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้ภายในไม่กี่วันและต่อให้ครูเก่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าผู้เรียนไม่ขยันฝึกฝนก็ไม่มีประโยชน์ครับ สรุปคือต้องขยันฝึกฝนอย่างถูกวิธีจึงจะสำเร็จได้เร็วครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:12:31:49 น.
  
เวลา chat กะแฟน เราเรียกชื่อเค้า แล้วเค้าตอบมาว่า
Yes?
มันแปลว่า จ๋า กับ แปลว่า มีอะไรใช่ป่าวคะ คืออยากทราาบว่าอันไหนจริงกันแน่
โดย: กิงกิ IP: 110.171.102.125 วันที่: 21 ธันวาคม 2555 เวลา:16:36:02 น.
  
เวลา chat กะแฟน เราเรียกชื่อเค้า แล้วเค้าตอบมาว่า
Yes?
มันแปลว่า จ๋า กับ แปลว่า มีอะไรใช่ป่าวคะ คืออยากทราาบว่าอันไหนจริงกันแน่
โดย: กิงกิ IP: 110.171.102.125 วันที่: 21 ธันวาคม 2555 เวลา:16:36:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3