Group Blog
All Blog
|
หันมาใช้โปรแกรม Dictionary ยุคใหม่ แสนสะดวกสบายกว่าก่อนเยอะ ถ้ามีคนถามผมว่าหนังสือภาษาอังกฤษที่ผมใช้บ่อยที่สุดในชีวิตคือหนังสืออะไร? ผมตอบได้ทันทีอย่างไม่ต้องลังเลเลยครับว่า dictionary ไง ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงใช้อยู่แทบทุกวัน แต่คุณคงจะนึกภาพว่าผมต้องนั่งเปิดดิคฯ เล่มหนาประมาณสมุดโทรศัพท์แน่ๆ เลยใช่มั้ย? ผิดถนัด เพราะผมแทบจะไม่ได้แตะหนังสือดิคฯ ที่เป็นเล่มหนาๆ เช่นนั้นเลย แต่กลับเป็นการใช้โปรแกรมดิคฯ จากคอมพิวเตอร์ต่างหาก และก็ไม่ใช่โปรแกรม ThaiSoftware Dictionary ยอดนิยมของคุณสอ เสถบุตรด้วย เพราะถ้าคุณยังจำได้ ผมเคยแนะนำว่าควรจะใช้ดิคฯ ที่เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาอังกฤษ(ที่ใช้คำศัพท์ง่ายกว่ามาอธิบาย) จะดีกว่าการแปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทย เพราะนอกจากเราจะรู้สึกถึงความหมายที่เที่ยงตรงมากกว่าการแปลไทย (ของดิคฯ อังกฤษ-ไทย บางเล่ม)แล้ว เรายังจะได้เรียนรู้คำศัพท์แวดล้อมอื่นๆ อีกด้วย คุณอาจจะคิดว่าผมบ้าหรือเปล่า? การแปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยน่าจะทำให้คนไทยรู้เรื่องมากกว่าสิ ก็จริงอยู่ว่าเพียงคุณอ่านคำแปลภาษาไทยคุณก็เข้าใจในความหมายของมันทันที แต่คุณเคยมั้ยที่เวลาเอาคำแปลไทยไปแทนที่คำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วมันได้ความหมายโดยรวมแปลกๆ และโดยส่วนใหญ่ของดิคฯ อังกฤษ-ไทยที่มีอยู่ตามท้องตลาดมักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก ดังนั้นเวลาคุณปิดดิคฯ อังกฤษ-ไทย คุณก็มักจะดูแต่คำแปลไทยเสร็จแล้วก็ปิดมันซะ คุณก็จะจำคำแปลนั้นได้ไม่กี่นาทีก็ลืม จะเอาไปใช้แต่งประโยคเองจริงๆ ก็ไม่ได้เพราะไม่เคยดูตัวอย่างประโยคที่ฝรั่งเค้าใช้กันจริงๆ ว่าเค้าใช้กันอย่างไร แถมบางคนอ่านคำอ่านของคำศัพท์นั้นจากภาษาไทยอีกต่างหาก เวลานำไปพูดให้ฝรั่งฟัง ฝรั่งก็งงอยู่ดี เห็นหรือยังครับว่าดิคฯ อังกฤษ-ไทย ส่วนใหญ่จะช่วยให้คุณรู้ความหมายของคำศัพท์ได้เพียงไม่นาน เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่มันไม่ช่วยให้คุณพูดกับฝรั่งได้ดีขึ้นและไม่ค่อยช่วยให้ทักษะภาษาอังกฤษของคุณพัฒนามากขึ้นเท่าไรนัก สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้ดิคฯ ที่แปลจากภาษาอังกฤษเป็นอังกฤษ คุณจะต้องมีความอดทนจากการแปลความหมายที่เป็นภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยด้วยตนเองอีกทีจึงจะเข้าใจ แต่นี่หล่ะครับที่จะเป็นการฝึกฝนคุณและสามารถทดสอบคุณได้อีกด้วยว่าคุณมีความรู้ทางภาษาอังกฤษดีเพียงใด เพราะดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษจะใช้คำศัพท์อังกฤษแบบง่ายๆ ในการอธิบายความหมายของคำศัพท์ที่คุณหาอยู่ ซึ่งมันมักจะเป็นคำศัพท์ที่มนุษย์ใช้กันในชีวิตประจำวัน (ประมาณสัก 3,000 คำ) แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณดันไปติดคำศัพท์ที่คุณไม่รู้ในความหมายที่คุณกำลังพยายามแปลอยู่ ผมแนะนำให้คุณเปิดหาคำศัพท์นั้นจากดิคฯ อังกฤษ-อังกฤษเล่มนั้นอีกที และถ้าไปดูแล้ว ก็ยังแปลไม่ออกจริงๆ ค่อยหาตัวช่วยอื่นเช่นไปเปิดดิคฯ อังกฤษ-ไทยเพื่อเช็คดูความหมายเป็นภาษาไทยพร้อมกับพึงรู้ไว้ด้วยว่าภาษาอังกฤษของคุณอ่อนมาก ควรจะหมั่นขยันฝึกฝนเป็นประจำ ยิ่งฝึกก็ยิ่งเก่งขึ้น แต่ถ้าคุณวิ่งหนีมันคือหันกลับไปใช้ดิคฯ อังกฤษ-ไทย เพียงอย่างเดียวก็ไม่มีวันที่คุณจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ท่องเอาไว้ว่า Practice makes perfect. ขยันฝึกฝนเพื่อจะได้เก่งไงครับ หันมาคุยถึงโปรแกรม dictionary ที่ผมพูดถึงดีกว่า มันเป็นของแถมที่มาพร้อมกับดิคฯ ของ Longman ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่เพราะเห็นว่ามันเป็นแค่ของแถมคงเป็นแค่การโฆษณาอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่พอติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวลงเครื่องคอมพิวเตอร์และลองใช้ไปสักพักก็รู้สึกผิดทันทีที่ประเมินค่าของมันต่ำเกินไปเพราะของแถมชิ้นนี้กลับดีกว่าหนังสือดิคฯ ที่ผมตั้งใจซื้อมันมาซะอีก อย่าเพิ่งหาว่าผมเว่อร์ โม้หรือเปล่า? นะครับ ผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงดีกว่าหนังสือดิคฯ ที่เราเคยใช้มาตั้งแต่ยุคเก่าก่อน ที่จริงแล้ว หนังสือดิคฯ ที่เแปลจากอังกฤษเป็นอังกฤษมีขายมากมายหลายยี่ห้อตามร้านหนังสือใหญ่ๆ ใครคุ้นเคยกับยี่ห้อไหนก็เชิญเลือกใช้ตามใจชอบ ดิคฯ สมัยนี้มักจะมี CD-ROM แถมแทบจะทุกยี่ห้อ แต่ถ้าให้ผมลองหลายๆ ยี่ห้อเห็นคงจะไม่ไหวเพราะราคาของดิคฯ เหล่านี้ก็เฉียดพันบาท เอาเป็นว่าผมใช้ดิคฯ ของ Longman มาโดยตลอดก็เลยจะขอพูดถึงคุณสมบัติของโปรแกรมดิคฯ จาก CD-ROM 2 แผ่นที่แถมมากับ Longman Dictionary of Contemporary English เอดิชั่นล่าสุดละกัน ส่วนใครเคยใช้โปรแกรมของดิคฯ ยี่ห้ออื่นๆ จะมาช่วยเล่าถึงประสบการณ์ของคุณก็ได้นะครับ จะขอบพระคุณอย่างสูง ข้อดีประการแรกของโปรแกรมดิคฯ เมื่อเทียบกับหนังสือดิคฯ คือเราสามารถหาคำศัพท์ได้ง่ายกว่าโดยการพิมพ์คำศัพท์ที่คุณต้องการหาลงไป เพียงเท่านี้รายละเอียดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความหมาย, ตัวอย่างประโยค, วลีที่ฝรั่งใช้กันและคำใกล้เคียงก็จะปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอให้คุณได้อ่าน ซึ่งน่าจะเร็วกว่าการที่คุณต้องมานั่งเปิดหนังสือดิคฯ แบบเก่าซึ่งเรียงตามตัวอักษร กว่าจะหาเจอก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าจะพูดถึงข้อดีของโปรแกรมดิคฯ ที่กินขาดเมื่อเทียบกับดิคฯ ที่เป็นหนังสือเล่มหนาเตอะ ต้องยกให้การอ่านคำศัพท์เพราะถ้าคุณอ่านคำอ่านภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาไทยจากดิคฯ ที่แปลอังกฤษเป็นไทย ผมกล้าการันตีเลยว่าไม่มีทางที่จะพูดได้สำเนียงเหมือนฝรั่งหรอก เพราะการใช้เสียงในภาษาอังกฤษไม่เหมือนภาษาไทยซะทีเดียว เช่นตัว B ก็ไม่เหมือนกับ บ เพราะต้องใช้ลมมากกว่า เป็นต้น วิธีหาคำอ่านที่ดีกว่าการอ่านภาษาไทยคือการเทียบเสียงคำอ่านภาษาอังกฤษด้วยตัวอักษรชนิดพิเศษที่เรียกว่า phonetics ซึ่งมักจะมีให้เห็นในปกในของหนังสือดิคฯ ที่แปลจากอังกฤษเป็นอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตามผู้อ่านจะดูตัว phonetics แล้วรู้เรื่องก็ต่อเมื่อคุณเคยเรียนมา (ซึ่งมักจะเป็นพวกจบอักษรศาสตร์โดยตรง) หรือมีผู้รู้เคยพูดเสียงที่ถูกต้องให้คุณฟัง แต่สำหรับโปรแกรมดิคฯ ที่ผมพูดถึง มันจะมีเสียงมนุษย์ฝรั่งเจ้าของภาษาออกเสียงให้เราฟังผ่านลำโพงคอมพิวเตอร์ทุกคำที่มีอยู่ในดิคฯ คุณสมบัติพิเศษของโปรแกรมนี้คือคุณสามารถเลือกได้ด้วยว่าอยากจะฟังฝรั่งสำเนียงภาษาอังกฤษแบบชาวอเมริกันหรือแบบชาวอังกฤษ เยี่ยมไหมครับ? (แต่ไม่มีสำเนียงคนไทยให้ฟังนะ เพราะเราพูดสำเนียงไทยเป็นกันอยู่แล้ว?!?) เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมานั่งเมื่อยกับการเทียบเสียงตัว phonetics อีกต่อไป เพียงแค่คลิ้กเดียวก็สามารถสั่ง(แกมบังคับ)ให้ฝรั่งเจ้าของภาษาพูดให้เราฟังได้ทันใจ คุณก็มีหน้าที่เลียนเสียงตามเค้าให้เหมือนเป๊ะ แล้วจำเสียงที่ถูกต้องไปใช้แค่นี้ก็เก่งแล้วสำหรับโปรแกรมดิคฯ ที่แถมมากับหนังสือดิคฯ ของ Longman รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผมกล่าวถึง ยังมีการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษจากรุ่นก่อนๆ คือคุณสามารถคลิ้กฟังเสียงฝรั่งพูดประโยคตัวอย่างให้ฟังได้ทั้งประโยคอีกด้วย อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษสำคัญมากเพราะมันจะทำให้คุณนำคำศัพท์เหล่านั้นไปใช้ได้จริงๆ โดยคุณเพียงแค่แต่งประโยคเลียนแบบตัวอย่างประโยคที่อยู่ในดิคฯ ก็เท่านั้นเอง แต่ที่พิเศษคือโปรแกรมดิคฯ ที่ผมกล่าวถึงจะมีตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมจากหนังสือดิคฯ อีกถึง 1 ล้านประโยคซึ่งคัดมาจากหนังสือและนิตยสารภาษาอังกฤษต่างๆ ผมจะยกตัวอย่างให้คุณดู เช่น คำว่า consult คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าแปลว่า ปรึกษา อาทิเช่น I have to consult with my lawyer. ฉันต้องปรึกษาทนายของฉัน ในภาษาไทยเราจะใช้คำว่าปรึกษากับคนเท่านั้นใช่มั้ยครับ แต่คุณเคยเห็นวลีเหล่านี้หรือไม่? consult a book, consult a map หรือ consult a dictionary เห็นหรือยังครับว่า ตราบใดที่คุณยังคงแปล consult ว่า ปรึกษา ชาตินี้คุณจะไม่มีทางหลุดวลีเหล่านี้ออกจากปากคุณเลย เพราะเราไม่เคยแปลเป็นไทยว่าปรึกษาหนังสือ, แผนที่หรือดิคฯ แต่ consult ในที่นี้กลับแปลเป็นไทยว่า หาข้อมูลจากหนังสือ, แผนที่หรือดิคฯ ถึงแม้สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่คนแต่ก็ใช้กับคำว่า consult ได้ นี่คือประโยชน์ซึ่งได้จากการดูตัวอย่างประโยคในดิคฯ ที่แปลจากอังกฤษเป็นอังกฤษไงครับ ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงคุณสมบัติเด่นด้านอื่นๆ ของโปรแกรมดิคฯ อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ทุกครั้งที่คุณเปิดโปรแกรมดิคฯ ดังกล่าว จะมีคำศัพท์ 1 คำพร้อมรูปภาพแสดงให้คุณได้เรียนรู้ทุกครั้งที่เปิดโปรแกรมนี้ ดังนั้นยิ่งเปิดบ่อยๆ ก็ยิ่งเก่งขึ้น, แบบฝึกหัดทดสอบภาษาอังกฤษเยอะพอสมควร, บทความสอนหลักไวยากรณ์, พจนานุกรมคำเหมือน ฯลฯ คุ้มจริงๆ ครับ มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวคือ ผมเขียนแนะนำโปรแกรมดิคฯ ตัวนี้ ไม่ได้ค่า commission จากผู้ผลิตก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าใครอยากจะหาซื้อโปรแกรมดิคฯ ก็ลองดูตามร้านหนังสือใหญ่ๆ ทั่วไปดูนะครับ ![]() ![]() ![]() คิดเหมือนคุณครูเลยค่ะ เพราะบางทีคำไทยแปลหาตรงใจไม่ได้ แต่ว่าอังกฤษขอังกฤษเข้าใจ แต่ก็เรียบเรียงไม่เป็น สื่อสารให้เพื่อนเข้าใจได้ไม่ร้อย ได้แต่เข้าใจเอง
โดย: scc (Saori_Chubby Chic
![]() ครูเฟียตเราขอคำแนะนำเรื่อง ดิคคำศัพท์สแลง แล้วก็พวก idiom ว่าเล่มไหนที่โอเค เพราะรู้สึกว่าเวลาเราไปเจอคำสแลงหรือสำนวนแปลกๆ ดิคธรรมดาจะไม่ค่อยมีให้เราเลย หรือว่าเล่มนี้จะมีครบ
โดย: LEE (lyfah
![]() เห็นคำว่า Longman อยากแนะนำ แอดวานซ์ แกรมม่าของลองแมน น่าอ่านดี แบบว่ายาก...แฮะ แฮะ(เล่มฟ้าๆข้างในเป็นบทความแนวการเขียนชั้นสูงจริงๆ)
ส่วนดิก ของลองแมนอะเป่า ที่มีปัญหา กับพี่ไทยอยู่เมื่อก่อนนี้อะ... ![]() โดย: เจิ้งเหอ IP: 124.120.3.56 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:21:11:43 น.
ผมใช้ของ oxford advanced learner มีให้มาเรียกว่า genie
คำแนะนำข้างบนเป็นเคล็ดลับที่จะพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าอดทนทำจนเป็นนิสัย โดย: 2498 IP: 124.121.16.232 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:22:44:40 น.
ตอบคุณ Lee,
ผมไม่คิดว่าจะมี dictionary เล่มไหนที่จะมี slang หรือ idiom ครบทุกประโยค เพราะอย่างคำ slang น่าจะมีเกิดใหม่อยู่เรื่อยๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณลีอยากเช็คคำไหนก็ post ไว้ได้ครับ ผมจะช่วยเช็คจากดิคเล่มนี้ให้ได้ อีกคำแนะนำหนึ่ง คือ internet นี่แหละครับที่น่าจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากรู้มากที่สุดแล้ว คุณลองใช้ google.com ในการหา โดย search ว่า what is the meaning of "...."? แค่นั้นเอง web ที่ผมว่าน่าสนใจอันหนึ่งคือwww.thefreedictionary.com ลองเข้าไปแวะดูก็ได้ครับ โดย: Kru Fiat (KruFiat
![]() ขอบคุณมากสำหรับความรู้นะคะ .. มีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย เรางงมากเลย คือว่าเราลงดิกของลองเเมนที่บ้านไม่ได้อ่ะคะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ควิกไทม์ก็ไปโหลดมาแล้ว แต่ในขณะที่ทำงานกลับลงได้ เสียดายมากๆเลยเพราะเราอยากลองออกเสียงตาม (ที่ทำงานทำไม่ถนัด )
โดย: Na_Na IP: 202.91.19.205 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:7:59:16 น.
ชอบอ่านบลอกครูเฟียตมากเลยค่ะ ทำให้มีแรงในการฝึกฝนภาษอังกฤษ จากที่มะก่อนจะขี้เกียจมั่กๆๆ
![]() โดย: แป๊ะย๊ง
![]() For K.Na_Na try to update from this link
//www.pearsonlongman.com/dictionaries/support/ldoce-updated-support.html#w7 โดย: boo IP: 61.19.52.202 วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:14:55:03 น.
ไปล่ะบาย
โดย: นายKiRA IP: 124.120.138.201 วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:13:28:55 น.
ใช้อยู่เหมือนกันกัน Longman Dictionary of Contemporary English ซื้อมาใช้นานแล้วค่ะ ดีมาก ๆ สำหรับคนที่ต้องการพูดสำเนียงให้ใกล้เคียงกับฝรั่ง นอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดอื่น ๆ ให้ฝึกอีกด้วย
โดย: ยิ้ม IP: 143.238.107.178 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:16:44:42 น.
ขอบคุณมากครับ
ผมจะหามาฝึกให้ได้ครับ ตามคอนเซปต์นี้ต้องเก่งขึ้นแน่นอน โดย: Vezter IP: 117.47.49.225 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:10:47:48 น.
เรียนอะไรดี
โดย: วารุณี IP: 222.123.179.191 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:15:36:20 น.
อยากแนะนำโปรแกรมแปลผ่านเน็ตเสริมอีกซัก 2 ตัว ครับ
//translate.google.com/ ของ Google แปลได้เร็วดี แต่บางคำอาจจะไม่ตรง //www.microsofttranslator.com/ อันนี้เป็นของ Microsoft ค่อนข้างตรงและข้อดีก็คือสามารถเปรียบเทียบหน้าเว็บ 2 หน้าที่ทำการแปรได้ บองดูนะ โดย: denstudio IP: 10.0.2.215, 203.144.144.164 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:47:02 น.
เด็กไทยรุ่นใหม่ ใส่ใจภาษาอังกฤษ LET'S PRACTICE ENGLISH FOR OUR BRIGHTER FUTURE! ไม่ใช่ LET'S PRACTISE เหรอ 5555
โดย: a IP: 221.132.22.221 วันที่: 21 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:07:09 น.
ตอบคุณ a
สำหรับคนอเมริกัน สามารถใช้ practice เป็นกิริยาได้ด้วยครับ ไม่เชื่อลองไปเปิด Longman dictionary ดูนะครับ 555555+ (หัวเราะทีหลังดังกว่า I'm kidding. น่ะครับ) การเป็นคนช่างสังเกตจะทำให้เราเก่งภาษาดีแล้วครับ ที่คุณเป็นคนช่างสังเกตดีครับ โดย: KruFiat
![]() |
KruFiat
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง "หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน" Friends Blog Link |
และรู้สึกว่ามันทำให้ผมอยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ
ขอบคุณที่นำเสนอความรู้และมุมมองในการศึกษาใหม่ๆให้ผมนะครับ
ปล.ผมอยากอ่านเรื่อง Tense ต่อน่ะครับ ^^