Group Blog
กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
$$$$$ครูเฟียต ไขความลับเรื่องการฟังภาษาอังกฤษ ฟังยังไงถึงจะฟังให้ออก$$$$$
สืบเนื่องมาจากกระทู้ก่อนหน้านี้ที่ผมให้ร่วมกันออกความเห็นว่า ปัญหาภาษาอังกฤษของคุณคืออะไร? และคุณคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานั้น

จากหลายๆ ปัญหาที่มีคนส่งเข้ามา ผมขอสรุปดังนี้นะครับ

ปัญหาที่มีมากที่สุดคือ ปัญหาเรื่องทักษะการฟัง
รองลงมาคือ การพูด
ส่วนปัญหาที่คนมักคิดว่ามีน้อยกว่าคือ การเขียนและการอ่านตามลำดับ

วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่คนไทยมีปัญหาการฟังมากที่สุดก็เพราะในระบบการศึกษาภาษาอังกฤษของเรามักจะเน้นแต่ไวยากรณ์เป็นหลัก ส่วนการเรียนบทสนทนา (conversation) ก็มีบ้างแต่น้อยกว่า ส่วนการสอนเรื่องการฟังนั้นน้อยมากๆ เพราะสอนยากมากๆ ครับ

ตัวผมเองในอดีตก็มีปัญหาไม่ต่างจากพวกคุณทุกคนที่ร่วมกันออกความเห็น คนไทยอย่างเราถามเรื่องหลักไวยากรณ์หรือ grammar ถึงไหนถึงกัน แต่อย่าให้ฉันพูดหรือฟังให้ออก ฉันทำไม่ได้ บางคนถึงขั้นกลัวเลยทีเดียว เจอฝรั่งแล้วอยากวิ่งหนีหรือไม่ก็ภาวนาว่า “อย่ามาหาฉัน จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย” เอ๊ะ...ตกลงเค้าเป็นฝรั่งหรือเจ้ากรรมนายเวรคุณกันแน่?

บทความฉบับนี้ผมขอเน้นเรื่องทักษะการฟังที่เป็นปัญหายอดฮิตสำหรับคนไทยก่อนแล้วกันนะครับ

ตัวผมเอง ขอยอมรับตรงๆ ว่าผมได้ทักษะการฟังเป็นทักษะสุดท้ายเลย ทั้งๆ ที่ความจริง การเรียนด้วยวิธีธรรมชาติมันควรจะเป็นทักษะแรกที่มนุษย์อย่างเราควรจะได้รับด้วยซ้ำ ไม่เชื่อ...คุณลองนึกถึงภาษาไทยเราสิครับ เด็กแรกเกิดเค้าจะฟังให้ออกก่อนที่จะพูดได้ และอ่านออกเขียนได้ใช่ไหมครับ?
แล้วคนไทยเราฟังภาษาไทยออกได้อย่างไร?

มันเกิดจากการที่เราฟังเจ้าของภาษาเยอะๆ นั่นเอง ซึ่งก็คือพ่อ แม่ของเรา ที่พูดกรอกหูลูกตัวเองอยู่ทุกวัน (ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วด้วยซ้ำ) ถึงแม้เราจะฟังไม่รู้เรื่อง ก็ฟังไปเถอะครับ สักวันมันจะฟังออกเอง ยิ่งถ้าดูกิริยาท่าทางคนพูดที่สื่อสารให้กับเรา หรือสิ่งตอบสนองต่างๆ รอบตัว ยิ่งจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น

คุณอยากเก่งภาษาอังกฤษ อยากพัฒนาทักษะการฟัง แต่เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า คุณได้ฟังฝรั่งมากเพียงใด? มีเสียงของฝรั่งเจ้าของภาษาลอยเข้าหูคุณวันละกี่ชั่วโมง? ถ้าไม่มีเลยหรือแทบไม่มี ก็คงเป็นคำตอบอยู่แล้วว่า แล้วคุณจะฟังฝรั่งออกได้อย่างไร?

บางคนบอกก็มันฟังไม่ออกแล้วเราจะฟังยังไงให้ออกสักที?
เป็นคำถามที่ดีครับ เพราะผมเองก็ประสบปัญหานี้มาแล้ว ตอนผมอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 แล้วก็ยังฟังไม่ค่อยออกอยู่ดี จำได้ว่าตอนปี 2 ไปลงเรียน TOEFL กับอาจารย์ชื่อดัง(ด้านติว TOEFL) เค้าสอนดีนะครับ ผมรู้ศัพท์ใหม่ๆ มากมาย มันทำให้ผมอ่านหนังสือพิมพ์รู้เรื่องมากขึ้นเยอะกว่าเดิมจากที่อ่านไม่รู้เรื่องเลย แต่ในส่วนของ Listening เค้าก็สอนโดยการให้ฟังตัวอย่างข้อสอบ แต่ผมฟังไม่ออกน่ะ จะให้ฟังกี่ทีก็ยังฟังไม่ออก จะให้ทำยังไง เค้าก็ไม่เห็นจะแก้ปัญหาในจุดนี้ของผมได้

ตอนผมอยู่ปี 4 ปริญญาตรี ผมก็ลงหลักสูตรการฟังของมหาวิทยาลัย ซึ่งเค้าจับให้เราเข้าห้อง sound lab ไปเข้าฟังข้อสอบ TOEFL ทุกสัปดาห์ ซึ่งคะแนนของผมเกือบตกทุกสัปดาห์เลยครับเพราะฟังไม่ออกน่ะ ก็คนมันฟังไม่ออกจะให้ทำยังไง ไม่เห็นบอกเราเลย ส่วนเพื่อนๆ ที่มันฟังออก คะแนนมันจะเต็มหรือไม่ก็เกือบเต็ม น่าอิจฉายิ่งนัก คิดอยู่ในใจว่าคนพวกนั้นคงรวย ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ ช่วงปิดเทอมล่ะสิ เลยฟังออกเยอะ หรือไม่ก็พระเจ้าประทานหูทิพย์ให้กับเค้าจึงฟังออก (ล้อเล่นน่ะครับ!)

โอ้...พระเจ้า โปรดส่งใครมาช่วยฉันที? ทำยังไงถึงจะฟังภาษาอังกฤษออก?

และแล้วก็ถึงวันนั้น วันที่มาเจอครูเคท (ขอบอกว่าไม่ได้อวยนะ สาบานได้ว่าเล่าเรื่องจริงทุกประการ) ครูเคทชี้ทางสว่างให้ผมว่า อยากฟังออกใช่ไหม? เธอต้องเปลี่ยนสำเนียงให้ได้ก่อน ยิ่งเธอมีสำเนียงเหมือนฝรั่งมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งฟังฝรั่งรู้เรื่องมากขึ้นเท่านั้น ตอนนั้นผมไม่เก็ทที่แกพูดสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่อยากมีสำเนียงเป็นฝรั่งอยู่แล้ว เลยตั้งหน้าตั้งตาฝึกตามที่แกบอก พอสำเนียงเราเปลี่ยน มันเหมือนกับการที่เราจูนคลื่นได้ตรงกับฝรั่งน่ะครับ คำบางคำที่เราออกเสียงผิดมาโดยตลอด เราก็คาดหวังว่าจะได้ยินจากปากฝรั่ง แต่ฝรั่งมันดันพูดไปอีกแบบ ทำให้เราฟังไม่ออกทั้งๆ ที่เราก็รู้คำศัพท์นั้น ซึ่งพอมาเฉลยทีหลัง เราจะรู้สึกทันทีเลยว่า เรานี่น่าจะฟังออกซะตั้งแต่แรก ดังนั้นที่ครูเคทสอนนั้นเป็นความจริงแน่นอน เมื่อคุณพยายามปรับสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของคุณให้ใกล้เคียงฝรั่งแล้ว เมื่อนั้นคุณจะฟังฝรั่งออกมากขึ้นกว่านี้อีกเยอะมากๆๆๆ มันเหมือนเรารู้ใจ รู้เสียง รู้สำเนียงเค้าน่ะครับ ว่าเค้าจะพูดประมาณนี้

ดังนั้น ใครที่ยังไม่ค้นพบทางสว่างเพื่อช่วยให้คุณฟังฝรั่งออก (เหมือนผมในอดีต) ผมแนะนำให้คุณพยายามฝึกพูดตามฝรั่งให้สำเนียงคุณดีขึ้นก่อน เมื่อสำเนียงคุณใกล้เคียงฝรั่งแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะฟังออกมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจากประสบการณ์ในการสอนภาษาอังกฤษของผมก็เป็นเช่นนี้ นักเรียนของผมจะถูกสอนในเรื่องการออกเสียงตลอด 5 สัปดาห์แรก สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้สอนเรื่องการฟังเลยนะครับ แต่นักเรียนทุกคนที่ฝึกตามที่ผมบอกเพื่อปรับสำเนียงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เค้าฟังออกมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งคนขยันฝึกมากก็จะยิ่งฟังออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่เชื่อก็ลองดูสิครับ

อย่าลืมนะครับ ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ดังนั้นคนอยากเก่งต้องเริ่มจากตัวคุณเองก่อน ไม่มีใครมาเปลี่ยนคุณได้หรอก ถ้าตัวคุณเองไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 21:50:06 น.
Counter : 29113 Pageviews.

70 comments
  
คนไทยที่อยู่อเมริกามากมายจนเป็นซิติเซ่นแล้ว เขาฟังฝรั่งพูดรู้เรื่องดีมากกันทุกคน สนทนาโต้ตอบกันได้อย่างคล่องแคล่วสนุกสนาน แต่ก็ยังพูดอังกฤษด้วยสำเนียงไทยอยู่ ยกเว้นคนที่มาที่นี่ตั้งแต่เล็ก ที่เขียนมาน่ะไม่ใช่หรอกคู้ณ... เข้าใจผิดแล้ว
โดย: คนอยู่อเมริกา IP: 98.149.49.50 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:01:25 น.
  
ตอบคุณคนอยู่อเมริกา

ก่อนอื่นที่ผมบอกว่าควรฝึกสำเนียงก่อน หมายถึงคนไทยที่สำเนียงไทยแท้ 100% แบบที่ฝรั่งเค้าฟังแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ ซึ่งผิดกับคนที่่อยู่ที่ต่างประเทศ ถึงแม้เค้าจะสำเนียงไทยอยู่ แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ มันยังดีกว่าสำเนียงไทยแท้นะครับ คือไม่ได้เหมือนกับฝรั่งเป๊ะ แต่อย่างน้อยเรื่อง stress ก็น่าจะดีใช้ได้

ที่คุณพูดก็ถูกอยู่ แต่คนที่อยู่ที่โน่นอย่างคุณมีโอกาสได้ฟังฝรั่งตลอดเวลาไม่ใช่เหรอครับ บวกกับเหตุปฏิกิริยา สีหน้าท่าทางฝรั่งเวลาพูด มันยิ่งทำให้เดาได้ว่าเค้าพูดอะไร ซึ่งตอนแรกถ้าคุณยังฟังไม่ออกเลยแล้วไปที่อเมริกา คุณก็ต้องใช้เวลาปรับตัว ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เป็นอย่างนี้ จะช่วย share ประสบการณ์ของคุณเองก็ได้นะครับ ว่าทำอย่างไรจากคนที่ฟังไม่ออกถึงได้ฟังออก? ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด การอยู่ในบรรยากาศที่มีแต่ฝรั่ง มันก็จะทำให้คุณคุ้นชินกับสำเนียงของเค้า และสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จนฟังรู้เรื่องในที่สุด แต่อย่าบอกนะครับว่าคุณตะบี้ตะบันฟังอย่างเดียวโดยไม่พูดกับฝรั่งที่นั่นเลย คนเราต้องสื่อสารทั้ง 2 ทาง

ส่วนสำเนียงก็เข้าใจอยู่ ว่าหลายคนไม่เหมือนฝรั่ง จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเหมือนฝรั่งเป๊ะ แค่คล้ายๆ ก็เริ่มฟังออกแล้วนะครับ เท่าที่ผมสังเกต คนที่อยู่ที่โน่นเรื่อง intonation เสียงขึ้นลงอาจจะไม่เหมือนฝรั่งซะทีเดียว แต่ในเรื่อง stress เค้ามักจะออกเสียงได้อย่่างถูกต้อง ซึ่งเป็นเพราะคุณฟังฝรั่งเจ้าของภาษาพูดจนเคยชิน ซึ่งการออกเสียง stress อย่างถูกต้องก็ทำให้ฝรั่งฟังเข้าใจไปได้มากขึ้นแล้ว

คุณไม่เห็นความแตกต่างเลยหรือครับ ว่าระหว่างคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยๆ กับคนที่พูดได้คล้ายฝรั่งมากๆ ทักษะการฟังเค้าแตกต่างกันอย่างไร? อีกอย่างที่ผมเจอในบางคน (แต่บอกก่อนว่าไม่ทุกคนนะ) คือ คนที่อยู่ที่โน่นมานานแต่ยังติดสำเนียงไทยแท้ จะมีทักษะในการคิดไทยแปลได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เค้าโต้ตอบได้อย่างดี ผิดกับคนที่มีสำเนียงเป็นฝรั่งที่เค้าเข้าใจโดยไม่ผ่านการคิดไทยแต่อย่างใด

สำหรับคุณคนอยู่อเมริกา ถ้าคุณเจอคนที่สำเนียงไทยแท้อย่างคนไทยที่อยู่ที่นี่ แบบที่ฝรั่งฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ(เอาฝรั่งที่ไม่คุ้นกับสำเนียงไทยนะ ฝรั่งแท้ๆ น่ะที่ไม่ได้เป็นสามีของคนไทยครับ หรือไม่เคยมาเมืองไทยเลยน่ะ) แต่สามารถฟังฝรั่งพูดได้ 100% โดยไม่ต้องคิดไทยแปลเลย ถ้าเจอ case เช่นนี้น่าสนใจศึกษามากครับ ว่าเค้าทำอย่างไรให้ฟังออกจากเดิมที่ฟังไม่ออก? มันคงเป็นประโยชน์อย่างมากนะครับ ผมหาคนอย่างนี้มานานแล้ว

ขอบคุณที่ร่วม share ประสบการณ์นะครับ
โดย: KruFiat วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:17:56 น.
  
สวัสดีครับครูเฟียต
วันนี้ผมไปสมัครลูกศิษย์ครูเคทที่สาขาพญาไทมา เจ้าหน้าที่เค้าให้ซีดีผมมาชุดนึง แต่ยังไม่ให้นังสือเรียนเค้าบอกว่าให้ไปหัดออกเสียงตามในซีดีไว้ก่อนส่วนหนังสือเค้าจะแจกให้ตอนสัปดาห์ที่หก ผมเลยอยากทราบว่าเวลาฝึกคือต้องไล่ไปตามเนื้อหาในซีดีเลยใช่ไหมครับ แล้วแต่ละสัปดาห์เนี่ยครูเค้าจะสอนเราเรียงตามเนื้อหาในซีดีเลยหรือป่าว ผมจะได้เตรียมตัวไปถูก แถมเจ้าหน้าที่เค้ายังบอกให้ฟังคร่าวๆว่าเค้าจะมีการบ้านให้ทุกอาทิตย์ ไม่ทราบว่าพอจะบอกคร่าวๆได้ไหมครับว่าการบ้านที่จะให้เนี่ยจะประมาณไหนครับ (ปกติผมไม่ค่อยกล้าแสดงออกแถมขี้กังวลอีกด้วย) แถมได้ยินกิตติศัพท์ครูเคทมาอีกว่าสอนสนุกแต่ดุมากกๆๆๆๆๆ
อีกเรื่องนึงครับครู เนื่องจากไม่มีหนังสือประกอบผมเลยฟังไม่ค่อยออกเลยครับว่าครูเคทพูดคำว่าอะไรบ้าง แบบนี้จะพูดตามได้ไงหว่า แล้วพวกกลอน Th sh ในซีดีเนี่ยเค้าจะให้พูดตามไปทำไมหรือครับ ตอนนี้ผมชักจะเริ่มกังวลแล้วว่าเรียนวันแรกจะต้องเจออะไรบ้าง แต่เสียเงินค่าเรียนไปแล้วเลยต้องลุยต่อยังไงรบกวนครูเฟียตช่วยตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
โดย: นักเรียนใหม่ IP: 203.144.144.164 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:00:49 น.
  
ตอบนักเรียนใหม่

คุณไม่ต้องกังวลหรือเตรียมตัวอะไรไปก่อนเรียนหรอกครับ ขอให้ตอนเรียนหมั่นขยันฝึกฝนตามที่ครูสั่ง ครูเคทสอนสนุกจริงครับ และจริงๆ แล้วแกไม่ดุหรอก ออกจะใจดีด้วยซ้ำแถมตลกอีกด้วย สงสัยคุณจะขี้กังวลจริงๆ ด้วย

คุณไม่ต้องกลัวเรื่องฟังออกเลย ตอนแรกๆ ยังฟังไม่ออกเป็นเรื่องปกติ เค้าจะสอนคุณปรับสำเนียงก่อนครับ เดี๋ยวการฟังคุณจะดีขึ้นเอง (อย่าเพิ่งกังวลใจไปก่อน) ส่วนการฝึกพูดตาม เค้าจะให้คุณพูดตาม VCD ที่ได้รับไปโดยที่ไม่ให้ดูหนังสือเพราะถ้าคุณเห็นว่าเป็นคำว่าอะไร เสียงเดิมๆ ที่คุณเคยออกเสียงจะออกมาแทนที่คุณจะไป copy เสียงตาม VCD

กล่าวโดยสรุปนะครับ ไม่ต้องกังวลใจมากไปครับ ทำใจสบายๆ เรียนสนุกๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือหมั่นฝึกฝนระหว่างสัปดาห์ตามเทคนิคต่างๆ ที่ครูสอน หากมีปัญหาก็ให้ปรึกษาครูที่สอนคุณ ผมเชื่อว่าครูทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือนักเรียนอยู่แล้วครับ

หากมีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามผมเพิ่มเติมได้นะครับ ยินดีตอบเสมอครับ
โดย: KruFiat วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:31:09 น.
  
ขอมองต่างมุมกับอาจารย์นิดนึงนะครับ ผมย้ายมาอยู่อเมริกาตอนอายุ๑๖ตอนนี้เกือบ๓๕แล้ว เรียนจบทำงานแล้ว พูดก็ยังติดสำเนียงAsianอยู่บ้าง แต่พูดพยัญชนะและคำควบกลํ่าในภาษาอังกฤษถูกต้องเกือบ100% บางทีก็สอนพ่อบ้าง(พ่อชอบพูดด้วยแต่บางทีก็พูดผิด)
ผมอยากจะบอกอาจารย์ว่า สำเนียงมันเปลี่ยนกันไม่ได้(ง่ายๆ)หรอกครับ(อาจจะเป็นไปได้ แต่คงยากมาก)ถ้าไม่ได้เกิดหรือโตที่นี้ สิ่งที่เราปรับปรุงและเรียนรู้ได้ก็คือการออกเสียงอักขระและพยัญชนะให้ถูกต้องเท่านั้น เช่น Stopควรจะออกเสียงเป็นหนึ่งพยางค์ ไม่ใช่สอง หรือ Stairway ควรจะเป็นสามพยางค์ ไม่ใช่สอง เท่านี้เองฝรั่งเขาก็ฟังเข้าใจแล้ว
การจะไปปรับสำเนียงเราให้เหมือนกับเขา บางทีเขายิ่งจะฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ เพราะว่าไม่ใช่วิถีการพูดอย่างธรรมชาติของเรา
แต่ผมเห็นด้วยกับอาจารย์อย่างหนึ่งนะครับ ว่าการจะฟังให้รู้เรื่องนั้น เราต้องออกเสียงให้ถูกต้องเสียก่อน และมันไม่อาจสำเร็จได้ภายในเวลาอันสั้น เมื่อตอนผมเรียนใหม่ๆ ครูให้อ่านหนังสือออกเสียงดังพอที่จะได้ยินเสียงตัวเอง แล้วครูจะคอยแก้ให้เวลาออกเสียงคำไหนผิด จากเดือนเป็นปี จนมันซึมซับไปเอง
พอดีผมต้องรีบออกไปกินDinnerที่บ้านเพื่อน แล้วเอาไว้ผมจะกลับมาแลกเปลี่ยนความเห็นกับอาจารย์ใหม่นะครับ
ขอให้อาจารย์อยู่คู่กับBlogนี้เพื่อมอบความรู้อันเป็นประโยชน์ต่อไป
โดย: Jitsara@yahoo.com IP: 71.202.234.75 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:14:34 น.
  
คุณ Jitsara

ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับความเห็นที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์

ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ ว่าสำเนียงคนเราเปลี่ยนยาก แต่สิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นคือ การออกเสียงแบบไทยๆ เช่น ไม่มีการ stress ในบางพยางค์แบบฝรั่งคือเน้นทุกพยางค์เท่ากัน หรือบางคำ stress คนละตำแหน่งไม่เหมือนฝรั่ง หรือบางคำออกเสียงแตกต่างกันออกไปเลย อาทิเช่น aspirin คนไทยอ่านว่า แอส-ไพ-ริน แต่ฝรั่งอ่านว่า แอส-ปริน เวลาที่คนไทยได้ยินฝรั่งพูดว่า แอส-ปริน คนไทยที่ออกเสียงผิดก็จะฟังไม่ออกว่าเค้าหมายถึงยาแอสไพริน ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้จักศัพท์คำนี้อยู่แล้วน่ะครับ

ผมอาจจะใช้คำไม่เคลียร์ในเรื่องของการออกเสียง (pronunciation) กับเรื่องของสำเนียง ซึ่งขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยครับ

ดังนั้น ใครที่บอกว่าการพูดกับการฟังไม่เห็นจะเกี่ยวกัน ผมไม่เชื่อหรอกครับ มันต้องไปด้วยกัน ซึ่งก็ตรงกับประสบการณ์ตรงของคุณ Jitsara

ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีแก่เพื่อนๆ ผมอยากได้ประสบการณ์อย่างคุณเยอะๆ ถ้าว่างๆ หวังว่าจะได้รับความเห็นจากคุณอีกนะครับ
โดย: KruFiat วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:28:52 น.
  
เป็นกำลังให้ อาจารย์ครับ
ผม เป็นคนนึงที่ชอบภาษาอังกฤษมาก ๆ ครับ
หัดทุกอย่างด้วยตัวเอง
ไม่เคยเรียนเหมือนอาจารย์ เลยครับ
ผม มี concept อยู่อย่างเดียวคับ
"ให้ภาษาอังกฤษ เข้ามาอยู่ในชีวิต"
ครับ
โดย: jkdk IP: 110.164.233.56 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:54:45 น.
  
ขอโทษครับอาจารย์ จริงๆแล้ว ความเห็นเราตรงกันทั้งหมด เพียงแต่ผมหลงๆไป ระหว่าง Accent กับ pronunciation พอดีทำงานไม่เป็นเวลานะครับ อดนอนบ่อย
ขอถามอาจารย์หน่อยครับ เดี๋ยวนี้ ทึ่ไทยเวลาสอนใช้รูปประโยค i swam across the river. or, i swimded across the river.ครับ
อย่างที่อาจารย์ทราบดีว่า ที่อเมริกาเลิกใช้ Tense บางอย่าง(ไม่เป็นทางการ) past อย่าง swam ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว Past participle อย่าง swum ใช้แล้วเด็กรุ่นใหม่งงเลย อยากทราบว่าที่เมืองไทยสอนระบบไหนครับ พอดีอยากรู้เป็นการส่วนตัว
โดย: Jitsara@yahoo.com IP: 71.202.234.75 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:28:57 น.
  
จริงคะ แค่คำง่าย ๆ ยังฟังไม่รู้เรื่องเลย ถ้าไม่จูนซะก่อน แต่ลูกสาวเราจูนแล้ว ไปแค่ ๒อาทิตย์รู้เรื่องแล้ว ไปเรียน ไม่ถึง เดือน ครูฝรั่งชมว่า ออกคำชัดมาก สำเนียงชัดด้วย แก่ฟังคนเมกันรู้เรื่อง ไปสอนคนเมกันทำเลข ไปเข้าชมรมมากมาย คนเมกันบอกพูดดีมาก แค่นี้ก็ปลื้มแล้ว ไม่ได้เรียนอินเตอร์ ไม่เคยไปเมืองนอก แต่ครั้งนี้ไปอยู่ ๑๑ เดือน แค่ หนึ่งเดือนมีครูเมกันชม ก็ถือว่า สถาบันนี้สอนดีมากเลย ขอบคุณสถาบันที่ดีอย่างนี้ ดิฉันเองรู้เลยว่า ถ้าไม่จูนอย่างดิฉัน ต้องนั่งสะกดเป็นตัว ๆ เลย เพราะต้องคุยกับพ่อแม่ทางโน้นบ้าง แทบพูดไม่ออก แต่พูดบ่อย ๆ ชักเข้าท่า ตอนนี้อยากกลับไปเป็นเด็กเล็ก แล้วมีแม่ฝรั่งจังเลย
โดย: พรพรรณ IP: 125.27.18.29 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:30:29 น.
  
ถึง ผู้มีโอกาสอยู่อเมริกา
ช่วยหน่อยนะคะ ช่วยบอกวิธีแก่ครูเขาบ้าง วิธีที่คุณคิดว่าถูกแล้วใช้ได้นะคะ ถือว่าช่วยชาติเถอะคะ อย่างมัวแต่เถียงกันเลย มันไม่เกิดประโยชน์หรอก คุณมีโอกาส คุณก็ควรส่งโอกาสนั้นให้คนในประเทศบ้านเกิดด้วย อย่างดิฉัน ยังตั้งใจให้ลูกสอนเด็กวัดเลย ที่เขาอาจมีความสามารถ แต่ไม่มีเงินเรียน ไม่มีโอกาสได้อยู่ที่เมกาอย่างท่านทั้งหลาย อะไรที่ให้ความรู้แก่คนอื่นได้ ก็ควรทำนะคะ ดิฉันแก่มากแล้ว ช่วยภาษาใครไม่ได้ เพราะก็เหมือนคนไทยที่มีปัญหาทั่วไปคะ สมองเริ่มไม่จำแล้ว แต่ใจมันอยากฟัง อยากพูดมากเลย แต่สมองมันไม่ยอมคะ ช่วย ๆกันนะคะ เพื่อประเทศไทยคะ
โดย: พรพรรณ IP: 125.27.18.29 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:38:05 น.
  
ตอบคุณ Jitsara

คุณไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ ผมใช้คำผิดเองที่เรียกสำเนียงรวมไปถึง pronunciation ด้วย

ส่วนคำถามที่คุณถามเรื่อง swim ผมว่าเมืองไทยก็ยังใช้ swim swam swum อยู่นะครับ แต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในหลักสูตรการเรียนของกระทรวงตอนนี้ยังใช้แบบนี้อยู่หรือเปล่า?

เป็นความรู้ใหม่เลยนะครับ ว่าเดี๋ยวนี้ที่โน่นเค้าใช้ swimed (ช่วย confirm ทีครับ ว่าเค้าใช้ swimded อย่างที่คุณเขียนหรือ swimed) แล้วคำที่คุณว่าเค้าใช้กันแพร่หลายอย่างเป็นทางการเช่น ในหนังสือพิมพ์ที่โน่นเลยหรือเปล่าครับ?

ขอบคุณที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ผมด้วย ชอบคำถามของคุณมากนะครับ น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เข้ามาอ่านด้วยครับ

ขอบคุณครับ หวังว่าคงได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันบ่อยๆ นะครับ
โดย: KruFiat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:48:53 น.
  
ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยครับ พอดีผมพิมพ์ผิดพลาดไปในpostที่แล้วเพราะอาการง่วงนอน ความจริงแล้วผมตั้งใจจะเขียนว่า ที่๊UK( United kingdom)เขาใช้Swimded ครับอาจารย์ confirmed! คนอังกฤษ(UK)จะออกเสียงและเขียนอย่างนี้
ส่วนอเมริกันภาษาเขียนและหนังสือทั่วๆไปยังใช้ swam และ swumอยู่ตามปรกติ แต่ภาษาพูด เด็กๆอเมริกันรุ่นใหม่มักจะสับสน ใช้ผิดกันมากจาก minor จนกลายเป็น major บางทีครูที่สอนก็ไม่ว่าอะไร ผมยังเคยได้ยินหลานเพื่อนพูดว่า swimmedด้วยซํ้า ผมยังบอกมันเลยว่า There is no such a word. ขนาดSwammedผมยังเห็นมีคนใช้มาแล้ว
มีเรื่องเก่าขำๆมาเล่าให้
ตอนเข้าCollegeใหม่ๆ หลักสูตรเขาให้เลือกเรียนภาษาที่๒ ที่มีให้เลือกก็ French, Chinese, Japanese, Vietnamese, Spanish
ผมบอก Counselorไปว่าไม่เรียนได้ไหม เพราะผมพูดภาษาไทยได้ ถ้าเลือกเรียนอีกจะกลายเป็นภาษาที่๓ counselorหัวเราะบอกไม่ได้ majorที่ผมเลือกมีหลักสูตรบังคับให้ต้องเลือกเรียนภาษา ที่เราพูดไม่Fluent หรือพูดไม่ได้เลย ผมตัดสินใจเลือกChineseเพราะคิดว่าเอาวะ อย่างน้อยจีนก็ไกลชิดกับไทยที่สุดแล้ว ในขณะที่เพื่อนหลายๆคนเลือก Japanese กับ French เพราะมีโอกาสก้าวหน้าในวิชาชีพมากกว่า
อาจารย์ครับ ถ้ามีอะไรก็ E-mailมาได้เลยนะครับ
P.S ผมไม่ใช่กระเทยนะครับ มีแฟนแล้ว
โดย: Jitsara@yahoo.com IP: 71.202.234.75 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:04:21 น.
  
ถึง คุณคนอยู่อเมริกา

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ส่งมานะครับ แต่ผมต้องขอ ban ความเห็นของคุณไว้ก่อนเพราะยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปที่เข้ามาอ่าน blog ของผมแต่อย่างใด เมื่อไรที่คุณเขียน comment ที่เป็นประโยชน์กับคนทั่วไป ผมก็จะนำมา post ไว้ตามปกติครับ

ถ้าคุณเป็นคนรู้จริงอย่างที่คุณกล่าวไว้ แทนที่คุณจะเขียนอ้างทฤษฎีต่างๆ ที่คุณร่ำเรียนมาซึ่งคนส่วนใหญ่เค้าไม่ได้เรียนมาแบบคุณ เค้าจะรู้เรื่องได้อย่างไร? สู้คุณเขียนแนะนำวิธีการทำอย่างไรให้ฟังออก ซึ่งคนทั่วไปน่าจะนำไปใช้ได้ไม่ดีกว่าเหรอครับ? มันน่าจะสร้างสรรค์กว่าเยอะเลย

ผมรับคำแนะนำของคุณไว้นะครับ ถ้าว่างๆ จะไปหาอ่านดู แต่ไม่ทราบว่าทฤษฎีที่คุณว่ามันคือพื้นฐานของหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษในประเทศไทยใช่หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เค้าใช้กันที่ไหน?

ผมยอมรับตามตรงว่า ผมไม่รู้เรื่องทฤษฎีที่คุณอ้างถึงหรอกเพราะผมไม่ได้จบครุศาสตร์มาโดยตรง แต่ผมก็คิดว่าคุณเองก็ไม่เข้าใจในหลักสูตรของครูเคทที่ผมอ้างถึงอย่างลึกซึ้งด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าคุณไม่ได้รู้จักดีพอ หรือไม่เคยสัมผัสก็ไม่ควรจะดูถูก คุณก็ควรจะเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นเช่นเดียวกันกับที่คุณแนะนำผมนะครับ

ผมไม่สนหรอกนะครับว่าคุณจะเก่งขนาดไหน จบทางครุศาสตร์มาหรือไม่ จะทำงานที่กระทรวงกรมใด ผมเพียงแค่อยากจะทราบว่าคุณเคยใช้ทฤษฎีที่คุณรุ้ดีในการช่วยเหลือคนไทยที่พูดไม่ได้ ฟังไม่ออกให้เค้าพูดได้ ฟังออกหรือไม่ นักเรียนของคุณประสบความสำเร็จเพียงใด ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ นั่นต่างหากที่ผมอยากรู้

ซึ่งถ้าจากประสบการณ์ของคุณ สามารถทำให้นักเรียนไทยประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนาทักษะพูดและฟังภาษาอังกฤษ ผมถึงจะสนใจในทฤษฎีที่คุณอ้างถึง แต่ผมยังไม่เห็นคุณพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จจากทฤษฎีที่คุณอ้างถึงแม้แต่น้อย ผมเลยสงสัยอย่างมากว่ามัน work จริงเหรอ? ถ้าคุณมีเจตนาให้ผมรู้จริงๆ ก็หวังว่าคุณจะกล้า share ประสบการณ์ในด้านนี้ให้ผมมีศรัทธาในสิ่งที่คุณอ้างถึงก่อนนะครับ ผมถึงอยากจะศึกษาในทฤษฎีที่คุณพูดถึง เพราะจากข้อความที่คุณส่งมาให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมมีศรัทธาในตัวคุณเลยแม้แต่น้อย (อย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับ ถ้าคุณจะชักจูงใครให้ศึกษาในสิ่งที่คุณอยากให้เค้ารู้จริงๆ อย่าใช้วิธีนี้เด็ดขาดนะครับ โดยเฉพาะกับนักเรียนของคุณ เพราะนอกจากเค้าจะไม่ศรัทธาในตัวคุณแล้ว เค้ายังจะต่อต้านในสิ่งที่คุณสอนอีกด้วย)

ส่วนบทความต่างๆ ที่ผมเขียน มันไม่ได้มาจากประสบการณ์ของผมเพียงคนเดียว แต่มันมาจากลูกศิษย์ของผมที่ผมสอนมาเป็นพันๆ คน และรับรองได้เลยว่าลูกศิษย์ของผมประสบความสำเร็จกว่าการเรียนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรของกระทรวงฯ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องการพูดและการฟัง ซึ่งเรื่องอย่างนี้ไม่ต้องอาศัยพรสวรรค์อย่างที่คุณพูดถึงหรอกครับ อาศัยการฝึกฝนมากกว่า ผมมีการขอ feedback จากผู้เรียนทุก class เพราะฉะนั้นผมจะรู้ดีว่าผู้เรียนเค้าคิดอย่างไร ได้ผลขนาดไหน ถ้ามันไม่ได้ผล โรงเรียนของเราก็คงอยู่ไม่ได้มาเป็นสิบปีหรอกครับ

อีกอย่าง ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคือทฤษฎีต่างๆ ในโลกนี้ก็คงไม่ได้มีอย่างที่คุณรู้เพียงทฤษฎีเดียวหรอกครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีสถาบันสอนภาษาเกิดขึ้นมากมาย โดยใช้หลักการการสอนที่แตกต่างกันไป เพียงแต่แต่ละทฤษฎีอาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปบ้าง ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าทฤษฎีของคุณดีที่สุดแล้วคุณนำมา share ให้กับคนทั่วไปจนเค้าทำได้สำเร็จ มันก็น่าจะทำให้คุณได้กุศลอย่างที่คุณกล่าวไว้เช่นกันครับ

อย่างไรก็ตาม ผมก็ต้องขอขอบคุณคุณคนอยู่อเมริกาที่ให้คำแนะนำมา ณ ที่นี้ หวังว่าคุณจะ share ประสบการณ์ของคุณอย่างสุภาพนะครับ

โดย: KruFiat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:53:37 น.
  
สวัสดีค่ะ

มาชมบล๊อกค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ เป็นกำลังใจในการทำบล๊อกต่อไป (อย่าหยุดนิ่งแบบบ้านเรา ^^’)

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ทุนด้วยค่ะ

ทุนเรียนฟรี พร้อมที่พักระหว่างเรียน ที่เคมบริดจ์ 1 ปี หลักสูตร สำหรับหลักสูตร IELTS-EFL และ Pre-Master

ตอนนี้ที่ทำงาน Cambridge Seminars College มีโครงการมอบทุนการศึกษาอีก 30 ทุน สำหรับหลักสูตร IELTS-EFL และ Pre-Master เป็นทุนเรียนฟรี 1 ปีการศึกษา (3 เทอม) พร้อมที่พักระหว่างเรียน 1 ทุน และทุนค่าที่พักระหว่างเรียนทั้ง 2 หลักสูตร อีก 29 ทุน

สำหรับโรงเรียนหรือสถาบันที่มีนักเรียนได้ทุนนี้ วิทยาลัยยังมอบทุนให้กับโรงเรียนอีก 10000 บาท ต่อนักเรียนที่ได้ทุน 1 คนค่ะ

รายละเอียดทุน สามารถติดตามได้ที่หน่วยงานที่สังกัด สกอ กพ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ กรมอาชีวศึกษา และ การศึกษาเอกชน แต่กลัวไม่มีใครไปอ่านค่ะ ก็เลยขออนุญาตส่งมาโปรโมทในบล๊อกแก๊งค์ค่ะ

นอกจากนี้สามารถติดตามได้ที่ //www.cambridgeSTcollege //www.camsem.co.uk หรือ โทรมาที่วิทยาลัยในเวลา 9.00-17.00 น. ได้ค่ะ Thai staff จะเป็นคนรับสาย

หรือเข้าไปติดตามที่บล๊อกก็ได้นะคะ

รบกวนช่วยบอกต่อให้ทุกคนที่รู้จักเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ


โดย: mookyja วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:35:10 น.
  
สวัสดีครับครู
วันนี้ผมเปิด VCD ครูเคทที่เป็นบท American Intonation
ซึ่งมันจะมีพวก ชั้นจะบ้า กูจะบ้า (ผมก็จะบ้าเหมือนกัน555) ล้อเล่นนะครับ ผมพอเข้าใจล่ะว่ามันหมายถึงอะไร(ดูซ้ำๆจนเข้าใจแบบยังไม่ได้เข้าเรียน)แต่มีที่สงสัยนิดนึงครับคือประโยคอย่าง How are you เท่าที่ผมดูมันจะมีพูดอยู่ 2 ครั้งคือตอนแรกเน้นเสียงสูงที่ you ส่วนอีกครั้งนึงเน้นที่ are ผมอยากทราบว่าในกรณีที่ฝรั่งเค้าพูดกันเนี่ยการเน้นเสียงสองแบบนี้จะให้ความหมายต่างกันหรือปล่าวครับ ขอบคุณครับ
โดย: นักเรียนใหม่ IP: 203.144.144.164 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:43:32 น.
  
เรียนตามครูสอนเถอะคะ ป้ารับรองว่าได้ผล ดูน้องเมย์เป็นตัวอย่าง สำเร็จผลจริง ๆ ดูมาก ๆนะ รับรองเห็นผล ๑๐๐ เลย เสียดายเราแก่เกิน สมองไม่จำแล้ว แต่ป้า จำเทคนิคได้เกือบหมดเลยนะ เพราะดูกับลูกทุกวันเลย แต่สมองไม่ดีคะ
โดย: พรพรรณ IP: 125.27.66.134 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:44:12 น.
  
น้องเมย์นี่ใครหรอครับ
โดย: นักเรียนใหม่ IP: 203.144.144.164 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:41:04 น.
  
น้องเมย์ คือ คนที่เคยเรียนกับครูเฟียสตอน ม.๒ ปัจจุบันประสพผลสำเร็จเกินคาด ไม่คิดว่าจะเจอสถาบันนี้จะยอดเยียมอย่างนี้ อยากให้ทุกคนสำเร็จผลคะ แม่เองยังภูมิใจในตัวน้องเลย แล้วทำให้น้องได้ไปโครงการ เอ เอฟ เอส เป็นเวลา ๑ ปี น้องไปได้ แค่ ๒ เดือน ก็เก่งมากขึ้นคะ ครูฝรั่งชมว่า พูดชัดมาก ต้องยกความดีให้ครูเฟียสและครูเคท อยากให้คนอื่น ๆ ได้ผลอย่างแน่นอน ถ้าคุณ ขยันตามที่ครูแนะนำ
โดย: พรพรรณ IP: 125.27.7.88 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:23:11 น.
  
ตอบคุณนักเรียนใหม่

ดูคุณขยันดีมากเลยนะครับ ผมดูแล้วคุณมีวี่แววที่น่าจะประสบความสำเร็จจากการฝึกด้วยเทคนิคของครูเคทนะครับ อีกอย่างคุณเป็นคนช่างสังเกตซึ่งมีผลมากในการเรียนภาษา

สำหรับคำถามเรื่อง intonation หรือเสียงสูงต่ำในภาษาอังกฤษจะขึ้นลงตามอารมณ์ของคนพูดครับ ตรงไหนที่เค้าอยากจะเน้น เค้าจะขึ้นเสียงสูง เช่น ถ้าเค้าขึ้นเสียงสูงที่ you ก็คือเน้นว่า คุณน่ะ สบายดีหรือเปล่า? เป็นต้นครับ

เดี๋ยวเวลาคุณได้เรียนบทนี้ก็ถามครูที่สอนคุณได้ครับ

ผมชอบนักเรียนอย่างคุณนะ มีความกระตือรือร้นในการเรียนดีมาก ขอให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดคอร์สนะครับ แล้วผมรับรองว่าคุณต้องประสบความสำเร็จแน่นอน แต่บอกไว้ก่อนว่าคุณจะเจออุปสรรค์มากมาย เช่น ท้อแท้ในการฝึก การบ้านเยอะ ฯลฯ อย่างไรก็ตามก็เขียนมาปรึกษาได้ตลอดครับ

โดย: KruFiat วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:03:30 น.
  
ครูเฟียตครับ
ช่วงแรกๆของการฝึกเนี่ยผมควรจะเน้นไปที่การพูดตามVCD ของครูเคทหรือว่าควรเน้นไปที่การพูดตามหนังดีครับ
คือผมมีเวลาฝึกแค่ประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงแค่นี้เองครับเลยต้องบริหารเวลาฝึกนิดนึง ขอบคุณครับ
โดย: นักเรียนใหม่ IP: 125.24.187.161 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:13:48:56 น.
  
ผมเป็นคนหนี่งที่ได้มีโอกาสมาทำงานต่างประเทศ ก่อนมาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ท่องตำรา ดูวีซีดีของทุกสำนัก(อาจารย์ดังๆทั้งนั้น)พอมาถึงที่นี่(ดูไบ)ใบ้รับประทานเลยครับ งานที่ผมทำต้องติดต่อกับคนหลายเชื้อชาติเช่น ฟิลิปินส์,อินเดีย,จีน,ชาวตะวันออกกลาง,ตระกูลแขกทุกประเทศ,และชาวยุโรปอีกหลายชาติ ยกเว้น อังกฤษและอเมริกา ซึ่งมีน้อยมากที่ได้มีโอกาสได้ติดต่อด้วย(เรื่องงาน) ปัญหาของผมคือฟังไม่ออก ศัพย์คำเดียวกันแต่ล่ะชาติออกเสียงไม่เหมือนกันเลย ที่นี่หลากหลายเชื้อชาติ แต่จำเดป็นต้องทำงานร่วมกันจึงต้องใช้ภาษากลาง(อังกฤษ) ทำไงดีเมื่อผมกลายเป็นไอ้ใบ้(แต่ไม่บอด)เดือนแรกดูว่าจะไม่ไหวแล้วสื่อกับเขาไม่ได้เลย แต่ผมไม่กลัวมัน(ทำใจดีสู้เสือ)ฟังมันไม่ออก ก็ให้เขาเขียนให้ เขาฟังเราไม่ออกก็เขียนให้เขา นึกถึงโฆษณาชิ้นหนึ่ง ครูเคตกลัวฝรั่ง ทำไมมันโดนกับชีวิตตูวะนี่ และแล้วผมก็เริ่มบ้า(ตามหนัง)ดูหนังซาวแทรคแบบเอาเป็นเอาตาย กรอกหูด้วยวิทยุภาคอังกฤษทั้งวัน แกรมหมงแกรมมาไม่สนศัพย์เอาง่ายๆแค่ไม่กี่พันคำ(ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน)ผลที่ได้คือผมฟังสำเนียงฝรั่งออก 80% ในระยะเวลาหกเดือน สำเสียงเปรียบไปบ้างบ้างคำที่ใช้บ่อยๆ และการคิดเป็นไทยน้อยลง(มันเกทไปเองเหมือนทับศัพย์ที่เราเข้าใจทันที) สำหรับการฟังสำเนียงของชาติอื่นๆนั้น มันก็สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นเพราะเราใช้วิธีเรียนแบบเสียง(จูนคลื่นให้ตรงกันหรือใกล้เคียง) ดังนั้นผมขอสนับสนุนวีธีการของครูเคตว่าเป็นไปได้จริงๆ ไม่ใช่วิธีการที่ผิดหรือเป็นไปไม่ได้ ขอบคุณครับครูเคทที่ให้ทางสว่างผม การสื่อสารที่สำเร็จคือคุณสื่อไปเขารับได้แล้วสื่อกลับคุณรับได้ ก็โอเคครับ ส่วนเรื่องความถูกต้องมันจะตามมาเอง(ค่อยๆโปรยเขาไป) เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
โดย: ผ่านมาเจอ (thewarit ) วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:1:21:31 น.
  
ตอบคุณ thewarit

ขอบคุณมากครับที่แชร์ประสบการณ์ตรง คุณเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนไทยหลายคนเลยครับ เวลาเรามีสถานการณ์มาบีบบังคับ เราก็มักจะต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้ เข้าใจเลยคนที่ต้องคุยกับแขกบ่อยๆ เนี่ย เพราะสำเนียงเค้าฟังยากมากๆ พูดรัวๆ ผมเองก็ฟังสำเนียงแขกไม่ค่อยออกหรอก แต่พอฟังไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มคุ้นมากขึ้นและฟังออกมากขึ้นเองครับ
เป็นกำลังใจให้คุณพยายามฝึกฝนต่อไปเช่นกันครับ แต่ถ้าจะให้ดีอย่าติดสำเนียงแขกมานะครับ มันฟังยากน่ะ
โดย: KruFiat วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:11:49:11 น.
  
ตอบนักเรียนใหม่

แนะนำให้จัดเวลาให้สามารถฝึกได้ทุกอย่าง คือทั้งฝึกพูดตาม VCD และพูดตามหนัง เช่นถ้ามีเวลา 2 ชม. ก็ฝึกอย่างละ 1 ชั่วโมงก็ได้ครับ แต่จำไว้อย่างนึง ยิ่งคุณให้เวลากับมันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเป็นเร็วขึ้นมากเท่านั้นครับ

การฝึกพูดตาม VCD แนะนำให้ฝึกทีละเรื่องนะครับ เช่นวันนี้ฝึกตัว R ก็ฝึกเฉพาะแบบฝึกหัดตัว R ไปเป็นร้อยเที่ยวเลย อย่าฝึกแบบเอาทุกอย่างภายในวันเดียว อย่างนั้นคุณจะไม่ได้อะไรสักอย่างครับ

ฝึกแล้วได้ผลยังไงก็เขียนมาเล่าบ้างนะครับ?
โดย: KruFiat วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:11:54:28 น.
  
Beg're name of friends go on tomorrow.

มันแปลว่าอะไรอ่ะครับ แล้วมันผิดหลักรึป่าว รบกวนด้วยครับ
โดย: คนงงๆ IP: 180.180.93.197 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:22:30:14 น.
  
เนื่องจากว่ากำลังจะมองหางานใหม่และอยากจะเปลี่ยนงาน อีกทั้งจะเตรียมตัวเพื่อไปสัมภาษณ์งานในสัปดาห์หน้า (และสำหรับโอกาสหน้า) ซึ่งจะมีการทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษทั้ง grammar (แบบเขียนตอบและตัวเลือก) การเขียน essay และการแปลบทความจากไทยเป็นอังกฤษ จึงอยากให้ครูเฟียตแนะนำการเตรียมตัวให้หน่อยค่ะ โดยเฉพาะการเขียน essay และการแปลบทความจากไทยเป็นอังกฤษ
โดย: ac IP: 125.27.5.168 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:15:03 น.
  
สวัสดีจร้า คือเราอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ แต่การพูดม่ายค่อยได้เลย มันยากมาก พูดไปแล้วก็ลืมอ่ะ เพราะเปงคนขี้ลืมบ่อย แถมการเรียนก็เกรดตก สอบก็ตก เครียดจังเลย
ช่วยแนะนำดีๆให้พูดภาษาอังกฤษให้เก่งหน่อยนะ
อาริกาโตะ โกไซมัส
โดย: harunakihime IP: 117.47.240.159 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:20:52:15 น.
  
สวัสดีค่ะ อาจารย์เฟียต เห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับการ ออกเสียงให้ถูกต้อง เราอายุ 43 แล้วแต่เพิ่งมาเรียน Esl ที่เมกา แล้วพอดีมีปัญหาเรื่องการใช้ tense ไม่ทราบว่าจะเลือกใช้tense อะไรดี สำหรับโครงสร้างของแต่ละ tense เค๊าก็บอกรายละเอียดดีอยู่ แต่ว่าไม่รู้ว่าจะใช้เมื่อไหร่อย่างไร แฟนซื้อหนังสือ esl ภาษาอังกฤษมาให้อ่านก็ไม่เข้าใจ จะด้วยว่าไม่เข้าใจเกี่ยวกับ vocabularry ก็เลยต้องมาเสริทหาแว๊ปไซด์ของคนไทยเขาเขียนว่าพี่คนนี้เขียนโคตรเข้าใจ เราก็เลยคิดว่าเออไอ้เด็กคนนี้ใช้คำว่าโคตร มันคงจะเข้าใจได้ง่ายจิงจิง พอคลิ๊กเข้าไปดูเออว่ะ เข้าใจง่ายจริงๆ เพราะมีรูปภาพอธิบายแต่ละ tense แล้วด้านล่างเค๊าก็มีลิงค์ของ blog อาจารย์ก็เลยตามมาศึกษาหาข้อมูลต่อ ได้ประโยชน์อย่างมากเลยค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการออกสำเนียง เพราะถ้าออกสำเนียงไม่ถูกเค๊าจะฟังเราไม่รู้เรื่องเลย(ถ้าไม่ใช่ฝรั่งที่มีภรรยาไทย) แล้วเป็นปัญหากับการติดต่อสื่อสารทุกที่ บางทีก็เป็นตัวตลกของพวกเมกัน วันนั้นเราไปซื้อไก่ ป๊อปอายแล้ว น้องดำเป็นแคชเชียร์เค๊าไม่เข้าใจเราพูด เราพูดตั้งหลายครั้ง คนรอคิวยาวเป็นหางว่าว เพราะวันอังคารไก่ป๊อปลดราคา เราจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการฝึกออกเสียงสำคัญมาก แล้วก็เรื่อง vocab ก็สำมะคัญ เมื่อก่อนเราซื้อ talking dict มา เราก็เปิดอ่านความหมายที่แปลเป็นไทย ก็ดีอยู่นะ แต่พอมาอยู่ level 2 แล้ว เราเพิ่งจะมาซื้อ longman dict เพราะว่าข้อสอบเกี่ยวกับ vocab ชอบออกมาแบบความหมายเดียวกันแต่มีคำไหนบ้าง ไอ้ด้วยความที่เราเปิดแต่ดิคไทยก็เลยทำให้เง็งเมื่อเจอข้อสอบอย่างงี้ ตอนหลังถึงแต่ใช้ longman dict เพื่อจะได้รู้ศัทพ์ตัวอื่นที่มีความหมายเดียวกันด้วย ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการเขียน essay มากเลยค่ะ คะแนน writing ไม่ดีเลย เครียดเหมือนกัน แต่ก็พยายามฝึกฝนอยู่บ่อยๆ ค่ะการบ้านเยอะมาก เด็กเวียดเก่งภาษาอังกฤษกันจังเลยที่ห้องมีป้าปุ้ยแก่สุดใน class แต่เราก็สู้สู้เพราะคิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ไม่ได้ขอให้ได้ A ทุกวิชาเพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วรู้ตัวเองดี เพียงแต่ขอให้เข้าใจและสื่อสารได้ก็พอแล้ว
ขอบพระคุณสำหรับทุกเรื่องที่อาจารย์ให้ความรู้ใน blog นี้ มีประโยชน์สำหรับคนแก่ความรู้น้อยและภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยกระดิกอย่างเรามากเลยค่ะ เวลาเราอ่านอะไรจาก blog ต่างๆ ที่เค๊าเขียน หรือดูจาก youtube ESL Jennifer แล้วให้ประโยชน์กับเรา เราจะดูไปอ่านไปแล้วในใจก็นึกขอบพระคุณเค๊าอยู่ในใจว่าอืมนะ เค๊าช่างดีจังเลย ทำประโยชน์เผยแพร่แก่สาธารณชน ขอกุศลผลบุญคุ้มครองพวกเค๊าเหล่านั้น
ขออาราธณาพรธรรมมะคุ้มครองอาจารย์และทีมงานทุกคนนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ โชคดีนะคะ
โดย: ปุ้ย IP: 69.171.164.49 วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:10:25:39 น.
  
ตอบคุณปุ้ย

อ่าน comment ของคุณปุ้ยแล้วรู้สึกดี มีกำลังใจขึ้นมีมากมายเลยครับ ชอบตรงที่มีคนบอกว่า "พี่คนนี้เขียนโครตเข้าใจ" ในเรื่องของ tense ถ้าได้เรียนกันสดๆ จะเข้าใจมากกว่านี้อีกนะครับ เพราะผมจะอธิบายแบบเปรียบเทียบให้ดูทุก tense ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม.จบหมดทั้ง 12 tense เลยครับ ซึ่งจริงๆ เรื่อง tense ไม่ยากหรอกครับ เพียงแต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นภาพรวม มักจะเรียนแบบในทางลึกซะส่วนใหญ่

ขอบคุณนะครับที่แชร์ประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน ผมนับถือคุณปุ้ยในความมุ่งมั่นที่จะเรียนและเป็นคนใฝ่รู้ ลูกศิษย์ที่ผมเคยสอนมีอายุ 55 ปีด้วยนะครับ เค้าขยันฝึกฝนจนสำเร็จพูดได้เหมือนฝรั่งเลย ดังนั้นอายุไม่เป็นอุปสรรคหรอกครับ ความมุ่งมั่นต่างหากที่สำคัญต่อความสำเร็จ ซึ่งดูจากความตั้งใจของคุณปุ้ยแล้ว ผมฟันธงเลยว่าสักวันคุณปุ้ยต้องสำเร็จดั่งใจแน่นอนครับ พยายามฝึกฝนเยอะๆ อย่าท้อนะครับ หากผมช่วยเหลืออะไรได้ก็ยินดีเต็มที่ เขียนมาบอกกันได้ครับ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพร ขอให้พรนั่นกลับไปสู่คุณปุ้ยด้วยครับ ถ้าฝึกฝนจนสำเร็จแล้วมาช่วยแชร์ประสบการณ์ด้วยนะครับ เพราะมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยที่มีปัญหาภาษาอังกฤษได้อีกมากมายครับ
โดย: KruFiat วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:54:12 น.
  
อยากให้ครูเขียนวิธีอ่านคำอังกฤษครับว่าอ่านอย่างไรให้ถูกต้อง แบบว่าไม่เคยออกเสียงคำนั้นมาก่อนแต่อ่านออก
สระผสมในอังกฤษด้วยนะ แบบ ar คือ สระอา สอนวิธีอ่านด้วยนะว่าอ่านอย่างไรถูกต้อง แบบคำยังไงถ้ามี 3 พยางค์อะไรแบบนี้ ปล เด็กไทยชอบจำทั้งคำ พอเจอคำใหม่อ่านไม่ออก อยากให้ครูเขียนบทความแบบนี้หน่อยอะว่าอ่านยังไง อ่านแบบแบ่งคำไง
โดย: PAN IP: 125.24.40.137 วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:20:12 น.
  
ครุเฟียตครับเห็นครูบอกว่าจะอัพโหลดดีวีดีที่ครูเคทพูดลง youtube ไม่ทราบว่าเสร็จลงไว้หรือยังครับ ผมอยากจะดูมากๆเลยครับ
โดย: เรย์ IP: 115.87.69.107 วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:22:22:45 น.
  
เคยพยายามทำอยู่ครั้งนึงแต่ไม่สำเร็จครับ คงต้องรออีกสักพัก เดี๋ยวงานซาๆ จะลองอีกที แล้วจะแจ้งให้ทราบผ่าน twitter นะครับ อยากทราบความคืบหน้า follow twitter ได้นะครับ ชื่อ krufiat
โดย: KruFiat วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:8:19:36 น.
  
สวัสดีค่ะ KruFiat พอดีว่า search ไป search เลยมาเจอ
blog นี้พอดี ก็เลยลองเข้ามาดูค่ะ และ็มีคำถามจะถามหน่อยนะค่ะ คือว่า ภาษาอังกฤษเนี่ยมันก็ไม่ค่อยยากนะค่ะ แต่สำหรับคนที่มีสมาธืสั้นแล้วจะยากมากเลย เวลาจับหนังสือทีไร เป็นต้องง่วงทุกทีเลย จับได้แป๊ปเดียวแล้วก็วาง ไอเรื่องเรียนตามสถาบันก็อยากเรียนอยู่เหมือนกันอะ แต่งบประมาณมันมีไม่เหมือนเพื่อนเค้านะค่ะ เลยต้งเรียนด้วยตนเอง แต่รุ้จุดอ่อนตัวเองนะค่ะ คือเรื่อง Tense,Vocabulary'Listening นะค่ะ ก็เลยไปไม่เป็นเลยแต่ฟังออกนิดนึง แต่จะพูดตอบนี่สิ ม่ายรู้ต้องพูดยังไง ถ้ามีคำแนะนำยังไงช่วยตอบส่งมาทางเมล์ให้หน่อยไดไหมค่ะ เพราะไม่ค่อยได้มาร้านเน็ตเท่าไหร่
tanwattana@hotmail.com ยังไงก้ต้องขอบคุณล่วงหน้าก่อนะค่ะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ จะพยายามแวะเข้ามาคุยนะค่ะ ยังไงก็อยุ่กับคนอยากพัฒนาภาษาอังกฤษไปนานนะค่ะ มีความสุขทุกคนนะค่ะ Take care Ka
โดย: lay IP: 117.47.155.217 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:10:20:57 น.
  
ตอบคุณ lay

จับหนังสือแล้วง่วง แสดงว่าไม่มีแรงจูงใจ กำลังบังคับตัวเองอยู่ใช่ไหม? ผมแนะนำให้อ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษเรื่องที่เราสนใจและอยากรู้สิครับ เหมือนถ้าคุณชอบอ่านนิยาย คุณก็จะอ่านได้นานไม่หลับไงครับ

แนะการแก้จุดอ่อนของคุณ
1) TENSE แนะให้อ่านบทความของผมเนี่ยแหละ มี 4 ตอน ให้เข้าไปที่ link ข้างล่างแล้วดูมุมซ้ายล่าง เรียนรู้ไปทีละบทความครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&date=19&group=6&gblog=1

2) Vocabulary ใช้ ดิคชันนารี่รูปภาพ ก็ดีนะครับ แต่ควรรู้ด้วยว่าแต่ละคำออกเสียงที่ถูกต้องอย่างไร เลือกเล่มที่มี CD แถมก็ดีครับ และพยายามอ่านเยอะๆ

3) Listening อันนี้เรื่องใหญ่ คุณควรจะเรียนรู้การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องก่อน จึงจะฟังออก อันนี้อาจต้องไปเรียนน่าจะได้ผลเร็วกว่าศึกษาเอง

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=02-2010&date=13&group=2&gblog=25

4) ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ต้องหัด drill ประโยค ลองดูไอเดียจากบทความนี้ครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&date=15&group=2&gblog=6

ฝึกเยอะๆ นะครับ จะได้เก่งๆ เป็นเร็วๆ
โดย: KruFiat วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:22:22:22 น.
  
ผมฝึกอยู่ครับผมตามหนังได้1อาทิตแล้ว
ที่สำคัญเราต้องชนะใจตัวเองอย่าให้ใจมันชนะเรา
โดย: PAN IP: 118.174.55.109 วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:48:00 น.
  
สู้ สู้ครับ Practice makes perfect!
โดย: KruFiat วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:24:15 น.
  
ครูเคทเล่ม 3 ออกยังครับผมรอซื้ออยู่อยากได้
โดย: PAN IP: 125.24.46.64 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:59:39 น.
  
อยากให้ลูกสาวได้เรียนกับครูเฟียส ลูกอยู่ ม. 5 ช้าไปไหมคะ หากสามารถเรียนได้ ต้องทำอย่างไรคะ ติดต่อที่ไหนคะ
ขอบคุณคะ
โดย: คุณแม่ IP: 118.172.158.213 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:49:23 น.
  
ตอบคุณแม่
ม.5 ไม่ช้าไปหรอกครับ ผมเองเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคทตอนอยู่ปี 2 ป.ตรี ยังไม่สายไปเลยครับ ติดต่อสอบถามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่ 081-4925354 ได้เลยครับ
โดย: KruFiat วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:27:15 น.
  
รบกวนถามนะคะ
Bill : I have a lot of CDs. What's your favorite
possession ?
Sam :I guess it's my computer.

I guess หมายถึอะไร ใช้พูดตอนไหนคะ เหมือน เอ้อๆ อ้าๆ เช่น Well หรือเปล่า ที่ยกมาเห็นในหนังสือ และวันนี้ ดูรายการภาษาอังกฤษ ผู้ให้สัมภาษณ์ (คนไทย) ก่อนพูดประโยคอะไรมากมาย เขาพูด I guess ก่อน

ขอบคุณคะ
โดย: นำตาล IP: 118.172.157.62 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:51:57 น.
  
ตอบคุณน้ำตาล
ตาม Longman Dictionary กล่าวไว้ว่า...

I guess [spoken]
a) used to say that you think something is true or likely, although you are not sure: ใช้เมื่อคุณคิดว่ามันน่าจะเป็นจริงทั้งๆ ที่คุณไม่แน่ใจ

His light's on, so I guess he's still up.
ไฟ(ห้อง)เขายังเปิดอยู่ ฉันเลยเดาว่าเขายังตื่นอยู่

b) used to say that you will do something even though you do not really want to: ใช้พูดว่าคุณจะทำบางอย่างถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ต้องการทำมันจริงๆ

I'm tired, so I guess I'll stay home tonight.
ฉันเหนื่อย ฉันเลยคาดว่าฉันจะอยู่ที่บ้านคืนนี้(ไม่ออกไปไหน จริงๆ อยากออกแต่เหนื่อยเกินไง)

หวังว่าคงตอบคุณน้ำตาลอย่างละเอียดเลยนะครับ
โดย: KruFiat วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:47:49 น.
  
ตอบคุณแพน

หนังสือครูเคทเล่ม 3 คงเลิกผลิตไปแล้วน่ะครับ (กลายเป็นของหายากไปแล้ว) ดูจาก web ครูเคทไม่มีนะครับ เหมือนเคยได้ยินจากครูเคทว่าไม่มีแล้วน่ะครับ

//www.krukate.com/index.php/menubook

สงสัยต้องไปหาตามร้านที่ขายหนังสือเก่าแล้วมั้งครับ
โดย: KruFiat วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:50:24 น.
  
น่าจะมีพิมพ์ใหม่น่าครับ แฟนๆเรียกร้อง
ผมเคยถามครับว่าเค้าจะพิมพ์ใหม่ แต่รอมาเป็นปียังไม่ออกซะที
โดย: PAN IP: 125.24.33.24 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:53:43 น.
  
ผมเป็นคนนึงที่พยายามฟังและพูดภาษาอังกฤษให้ได้ถ้าไม่ได้คงตายตาไม่หลับอยากจะถามครูเฟียตคับว่าต้องเริ่มยังไงดีรู้สึกเหมือนกันว่าการเรียนแบบเก่าๆไม่ดีเท่าไหร่อยากไปเรียนกับครูเคทหรือครูเฟียตเหมือนแต่ติดที่ต้องทำงานถ้าไม่เป็นการรบกวนขอให้ช่วยสอนหรือแนะนำผมหน่อยนะคับ หรือคนอื่นที่ประสบฉลสำเร็จแล้วมีจิตศรัทธาอยากแบ่งความรู้ติดต่อผมได้คับdogybaby@hotmail.com ขอบคุณคับ
โดย: สวัสดีคับครูเฟียต IP: 180.180.105.139 วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:19:54:51 น.
  
ผมเป็นคนนึงที่พยายามฟังและพูดภาษาอังกฤษให้ได้ถ้าไม่ได้คงตายตาไม่หลับอยากจะถามครูเฟียตคับว่าต้องเริ่มยังไงดีรู้สึกเหมือนกันว่าการเรียนแบบเก่าๆไม่ดีเท่าไหร่อยากไปเรียนกับครูเคทหรือครูเฟียตเหมือนแต่ติดที่ต้องทำงานถ้าไม่เป็นการรบกวนขอให้ช่วยสอนหรือแนะนำผมหน่อยนะคับ หรือคนอื่นที่ประสบฉลสำเร็จแล้วมีจิตศรัทธาอยากแบ่งความรู้ติดต่อผมได้คับdogybaby@hotmail.com ขอบคุณคับ
โดย: สวัสดีคับครูเฟียต IP: 180.180.105.139 วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:19:54:52 น.
  
ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน พื้นฐานไม่มีเลย หาอ่านดูในเว็ปก็แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี
โดย: อุ๋ยระยอง IP: 125.27.100.23 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:9:42:46 น.
  
คุณนักเรียนใหม่ ไม่มีคำถามปรึกษาครูเฟียสอีกหรือ ชอบอ่านคำถามและคำตอบของครู ได้ความรู้ดี
โดย: วี IP: 118.172.160.101 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:21:08:45 น.
  
เข้ามาเป็นกำลังใจให้คนอยากเก่งภาษอังกฤษทุกๆ คนค่ะ อย่าเครียดมากค่ะ เรียนสบายๆ ฝึกอย่างสม่ำเสมอ แล้ววันหนึ่งก็จะประสบความสำเร็จเอง

ไม่มีใครพูดเหมือนเจ้าของภาษา 100% หรอกค่ะ อย่างคุณครูเคทก็พูดไ้ด้ใกล้เคียง แต่ก็ไม่ได้ 100% เพราะถ้าถามคนที่อยู่ต่างประเทศ และ คุ้นเคยกับ สำเนียงเจ้าของภาษาเป็นอย่างดีเนี่ย ฟังยังงัยมันก็ยังจับเสียงได้ค่ะ ว่าไม่ใช่ native แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา สิ่งสำคัญคือทำให้ดีที่สุดแค่นั้นก็โอเคแล้วค่ะ สู้ๆ ค่ะ
โดย: ดีจัง IP: 74.5.13.80 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:6:57:55 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆนะครับCoolpix S4000
โดย: gobank21468 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:56:26 น.
  
สวัสดีครับครูเฟียต ผมเป็นนักเรียนของครูเฟียตปี 2003 ครับ Dink Dinosaur เรียนได้ class เดียวก็หยุดเรียนครับ ข้าม Jack Jaguar ไปเรียน Business class เลย ก้อฝึกมาเรื่อยครับตามแนวทางที่ได้จากโรงเรียนและทีครูเฟียตสอน ตอนนั้นเป็นช่างตำแหน่งเล็กๆ เงินเดือน 25,000 บาท พอเริ่มได้ภาษาอังกฤษแบบที่แตกต่างก็เลยได้รับโอกาสได้เดินทางไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง ไป training ต่างประเทศบ่อยขึ้น เคยเจอครูเฟียตที่ไทยออยล์ครั้งนึงไม่แน่ใจว่าจำผมได้หรือไม่ครับ ผมก็เติบโตในองค์กรมาเรื่อยจากที่เริ่มเรียนจนถึงตอนนี้ก็เจ็ดปีพอดีครับ เงินเดือน 120,000 บาทแล้วครับ (ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน) อายุก็ 33 เป็นผู้ใหญ่อายุน้อยในองค์กรอเมริกันองค์กรนึงใน list Fortune 500 ที่ กรุงเทพ เนี่ยครับ ได้ดิบได้ดีก็เพราะภาษาที่ลงทุนเรียนไป 7,000 บาท (2 class) บวกกับความพยายามที่ฝึกฝนเหมือนคนบ้านั่นละครับ คุ้มครับ สุดท้ายขอให้ครูเฟียตสุขภาพดีครับ สำหรับคนอ่านนะครับ อ่านกระทู้มีทั้งบวกและลบ เป็นธรรมดาครับ อย่าไปคิดมาก ผมขอแชร์ว่า สิ่งที่ได้จากโรงเรียนคือวิธีการฝึกนะครับ ที่เหลืออยู่ที่ตัวคุณบวกกับความขยัน โชคดีครับ
โดย: ช่างบ้านนอก IP: 198.36.94.35 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:07:53 น.
  
อยากสอบถามว่าที่เรียนของครูเคท ที่ศีราชาหรือพัทยา มีไหมค่ะ ลูกชายอายุ 8 ขวบ อยากให้ไปฝึกเรียนพูดภาษาอังกฤษค่ะ คุณครูช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ ค่าเรียนแพงไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: แม่สุ IP: 10.0.1.94, 119.46.68.34 วันที่: 11 มีนาคม 2554 เวลา:16:14:29 น.
  
อยากเก่งอังกฤษบ้างจัง
เห็นคนเค้าพูดได้ก้อแอบปลื้ม เก่งจัง.
โดย: enjoydvd วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:21:52:24 น.
  
ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ(:อยากพูดได้มั่งจัง..
โดย: conio.h วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:20:14:20 น.
  
ตอบคุณแม่สุ

เรามีสาขาที่ศรีราชาครับ ผมดูแลด้วยตัวเองเลย แต่เสียดายที่ยังไม่เปิดคอร์สสำหรับเด็กน่ะครับ เรารับตั้งแต่ม.4 ขึ้นไปครับ หากสนใจ สามารถติดต่อสอบถามหลักสูตรหรือทดลองเรียนฟรี ได้ที่โทร 081-4925354 นะครับ ขอบคุณครับ
โดย: KruFiat วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:10:37:05 น.
  
KruFiat อยากจะไปเรียนที่โรงเรียนของครูเคทนะคะ แต่งานที่ทำเป็นกะ ไม่แน่นอนว่าแต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนจะเข้างานเวลาเดิมรึเปล่านะค่ะ
แต่ได้อ่านหนังสือของครูเคท เรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไปแต่พูดไม่ได้สักที ถ้าไม่ได้ลงเรียนที่โรงเรียน จะสามารถฝึกตามในหนังสือแล้วจะสำเร็จเหมือนที่ไปโรงเรียนรึเปล่าคะ??
รบกวนตอบด้วยคะ
ขอบคุณคะ
โดย: aom IP: 58.136.68.253 วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:57:52 น.
  
ลองฝึกตามในหนังสือดูก่อนก็ได้ครับ หากมีข้อสงสัยก็สามารถ post คำถามได้ที่ //www.facebook.com/krukate.school ทั้งผมและครูเคทจะช่วยตอบคำถามข้อสงสัยของทุกคนครับ ขอให้ฝึกจนสำเร็ํจนะครับ
โดย: KruFiat วันที่: 11 มิถุนายน 2554 เวลา:21:06:14 น.
  
อยากฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งๆอะค่ะ...............................
โดย: jingjokDoy วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:17:37:16 น.
  
อยากเก่งอังกฤษจังเลย เห็นเขาพูดแล้ว อยากให้เป็นเราจังเลย
โดย: may IP: 49.49.12.67 วันที่: 3 มิถุนายน 2555 เวลา:10:35:56 น.
  
อยากขอคำแนะนำจากครูเคทในการเรียนภาษาอังกฤษให้ฟังออก เเละจะได้เปลี่ยนวิธีการเรียนอังกฤษใหม่ ชอบเรียนอังกฤษมาก เเต่ก็ยังเรียนไม่เข้าใจ
โดย: น้องโม IP: 49.49.12.67 วันที่: 3 มิถุนายน 2555 เวลา:10:48:10 น.
  
ถามครู Fiat หรือผู้รู้ท่านใด ช่วยหน่อยครับว่า Healthy Ministry Resources และ
Global Ministries Retreat แปลว่าอารายเหรอครับผมแปลไม่ถูก
โดย: ต่อ IP: 110.77.235.157 วันที่: 29 มิถุนายน 2555 เวลา:11:38:57 น.
  
ตอนนี้ผมเพิ่งมาอยู่ซิดนี่ได้ไม่ถึงเดือน จบเอกอังกฤษจากสถาบันแห่งหนึ่ง แต่ยอมรับว่าตัวเองไม่เก่งเลย ฟังไม่ได้ พูดไม่ออก รู้ศัพท์ไม่เยอะ ผมหาฟังจากในเน็ตแต่ไม่เป็นผลเลย ผมอยากลองฟัง CD ที่เรียนกับครูเคท จะมีทางไหนอัพโหลดให้ฟังได้มั้ยคับ เครียดมากจิงๆ ผมอยากแอคทีฟตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้เป็นต้นไปคับ ช่วยกรุณาทีคับ ตอนนี้ก็พยายามหางานเด็กเสิฟ เผื่อจะได้อะไรบ้าง แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่รับคนฟังพูดไม่ออก ถ้าบล็อคยังมีคนเข้ามาดูอยู่ ก็ขอความกรุณาด้วยนะคับ
โดย: หน้าใหม่ในออสซี่ IP: 211.26.136.84 วันที่: 2 ธันวาคม 2555 เวลา:10:02:01 น.
  
รบกวนคุณครูเฟียตด้วยค่ะ อยากได้เทคนิกมากค่ะ จะนำมาใช้กับภาษาญี่ปุ่นค่ะ มาอยู่6 เดือนแล้วค่ะ เรียนกับเจ้าของภาษาแต่บางทีรู้สึกว่า คำนี้คุ้นๆนะ แต่ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าอะไรค่ะ คิดมาตลอดว่าเราความจำไม่ดีก้อเรยพูดไม่ได้สักทีค่ะ ฟังไม่เข้าใจก็พยายามท่องศัพท์มากๆ เพราะคิดว่าถ้าเรารู้ศัพท์แล้วจะฟังได้ค่ะ แต่พอมาดูครูเคทบรรยายแล้ว รู้สึกว่าจริงค่ะ พอเราฟังแล้วคิดเป็นไทยตลอด เวลาจะพูดพูดไม่ออกค่ะ คิดอะไรไม่ออกเรยค่ะ ตอนนี้พยายามพูดตามหนังญี่ปุ่นอยู่ค่ะ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว ต้องทำอะไรต่ออีกคะ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: Iwabeet IP: 114.164.149.89 วันที่: 24 มิถุนายน 2556 เวลา:15:29:01 น.
  
สวัสดีคะครูเฟียต คือตอนนี้เครียดคะ เพราะกำลังจะเรียนต่อภาคอินเตอร์
ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งมาก ฟัง พูดได้ในระดับกลางๆ แต่ก้ไม่คล่องเท่าไหร่ แค่ฟังออกว่าพูดว่าอะไร แต่ไม่รู้ความหมายของคำนั้น
สมมตอาจารย์เขาพูดว่า You cannot negotiate ฟังออกคะ แต่ไม่เข้าใจ(แต่ตอนนี้ทักษะการฟังดีขึ้นมากคะ จากการดูหนังฝรั่งเยอะๆ)
เทคนิคครูเคทที่บอกว่าไม่ต้องท่องศัพท์ ไม่ต้องเปิดดิกชันนารี่ ตอนนี้ว่าง่ายๆ ก็คือหนูมีปัญหาเรื่องศัพท์ กลัวว่าจะฟังอาจารย์ที่พูดไม่เข้าใจ เคยไปถามรุ่นพี่คนนึงเขาบอกว่าถ้าอยากฟังออก อ่านได้ พูดได้ ก็ต้องรู้ศัพท์ หนูก็ไม่ได้มาจาก รร.อินเตอร์ ส่วนเรื่องแกรมมาร์ก็กังวลเรื่องการเขียน พวกAcademic Writting เขียนพวกวิชาการไม่ค่อยได้ แต่หนูก้เรียนแกรมมาร์แบบที่ครูเคทบอก เรียนจากความเคยชิน เราฟัง อ่านบ่อย มันก้จะรู้สึกและซึมซับไปเอง รบกวนครูหน่อยน้ะคะ ขอบคุณมากๆคะ
โดย: Lapetite IP: 101.108.59.207 วันที่: 25 มิถุนายน 2556 เวลา:15:32:15 น.
  
สวัสดีค่ะครูเฟียตอยากให้ลูกๆได้เรียนภาษากับคุณครูมากค่ะแต่ติดที่ระยะทางไกลเหลือเกินดิฉันอยู่ขอนแก่นค่ะคุณครูพอที่จะแนะนำได้หรือเปล่าคะว่ามีวิธีใดบ้างที่เด็กๆจะได้เรียนกับคุณครูได้บ้างลูกคนโตเรียนepอยู่ป 4 ค่ะส่วนคนกลางป2คนเล็กอนุบาล3ถ้าจะขอซื่อแผ่นซีดีและแบบเรียนกับคุณครูมาฝึกให้ลูกจะได้ผลหรือเปล่าคะ
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: วราภรณ์ ธนสารโฆษิต IP: 1.2.129.106 วันที่: 17 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:20:35 น.
  
จะเป็นไปได้มั้ยถ้าอยากจะฟังฝรั่งให้เข้าใจ ในการฝึกแค่ 2 สัปดาห์ เข้าใจนิดเดียวก็ได้ค่ะ ใครรู้ตอบหน่อยนะค่ะ ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะค่ะ ขอบคุณค
โดย: bieber IP: 115.67.195.68 วันที่: 3 กันยายน 2556 เวลา:22:04:05 น.
  
มี่ก็เป็นอีกคนคะที่มีปันหาในเรื่องนี้ ตอนที่ลูกค้าถามไรมาก็ฟังไม่ออกหมดหรอกคะอาศัยการจับคำแต่ละประโยคเอา และปันหาอีกอย่างคือเวลาจะคุยกับลูกค้าแล้งพูดไม่ออก ในสมองมันรู้ว่าลูกค้าถามอะไร เราต้องตอบอะไรแต่ปากมันพูดไม่ได้ กว่าจะออกก้อกลายเป็นติดอ่าวไปซะงั้น ไม่รู้จะหาวิธีแก้ยังไงดีคะ
โดย: มีมี่ IP: 180.183.79.223 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:17:00 น.
  
มี่ก็เป็นอีกคนคะที่มีปันหาในเรื่องนี้ ตอนที่ลูกค้าถามไรมาก็ฟังไม่ออกหมดหรอกคะอาศัยการจับคำแต่ละประโยคเอา และปันหาอีกอย่างคือเวลาจะคุยกับลูกค้าแล้งพูดไม่ออก ในสมองมันรู้ว่าลูกค้าถามอะไร เราต้องตอบอะไรแต่ปากมันพูดไม่ได้ กว่าจะออกก้อกลายเป็นติดอ่าวไปซะงั้น ไม่รู้จะหาวิธีแก้ยังไงดีคะ
โดย: มีมี่ IP: 180.183.79.223 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:18:50 น.
  
ฟังไม่ได้ศัพท์เหรอครับคุณทั้งหลาย เจ้าของกระทู้อธิบายมาเขาหมายถึงออกเสียงให้ถูกต้องไม่ใช่ให้สำเนียงเหมือน เพราะเนียงไม่ใช่ประเด็น เนื้อหามันอยู่ที่ว่าเราชอบเดาคำศัพท์ที่เราไม่รู้ว่ามันควรจะออกเสียงอย่างไร คือสะกดเสียงเองแทนที่จะใช้ฟังเสียงจากเจ้าของภาษาที่มีมาให้ในพจนานุกรมหรือสื่อ วีดีโอ โทนเสียงสูงต่ำ สั้นยาวตรงไหน นี่ละที่เจ้าของกระทู้เขาอยากบอก
โดย: คนบ้า IP: 110.77.238.104 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:10:17:59 น.
  
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาค่ะ ได้อ่านบทความแล้วสนใจอยากเรียนภาษอังกฤษกับคุณครูเคท สามารถเรียนได้ที่ไหนค่ะ
โดยพื้นฐานไม่มีความรู้ด้านภาษาเลยค่ะ
รบกวนขอสถานที่เรียน หรือ ข้อมูลอื่นๆ ส่งทางE-mail มาที่ coconut3919@gmail.com ด้วยนะค่ะ ขอขอบพระคุณมากๆๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ
เมย์
โดย: may IP: 124.122.191.75 วันที่: 30 พฤษภาคม 2558 เวลา:9:34:34 น.
  
ง่ายๆ คือ ต้องออกเสียง(pronunciation)คำนั้นๆให้ถูกต้องครับ ไม่ใช่ไปเปลียนสำเนียง(accent or dialect)เพราะคนไทยส่วนใหญ่ออกเสียงคำศัพท์อังกฤษผิดโดยการทึกทักอ่านออกเสียงเองตามการสะกดของคำศัพท์ ควรแก้โดยการฟังการออกเสียงที่แท้จริงจาก Dictionary Software ที่สามารถออกเสียงได้
โดย: Nana Khan IP: 58.8.181.202 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:23:28 น.
  
ขอบคุณคุณนะคะพี่แชร์ประสบการณ์ดีๆแบบนี้ดิฉันก็เป็นอีกคนที่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องจะลองดูนะคะ
โดย: เจน IP: 211.28.39.77 วันที่: 1 สิงหาคม 2560 เวลา:19:50:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3