Group Blog
All Blog
|
ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างไร? ถึงจะนำไปใช้งานได้จริง! หนึ่งในเหตุผลยอดฮิตที่คนไทยอ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักทีก็คือ ไม่ค่อยรู้คำศัพท์ ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงการเรียนรู้คำศัพท์ของคนไทย เราคงต้องคุยกันยาว เพราะแปลกไหมครับที่ตอนเราเป็นเด็ก เวลาฝึกพูดภาษาไทย ไม่เห็นมีพ่อแม่คนไหนบังคับให้ลูกท่องคำศัพท์ภาษาไทยอย่างน้อยวันละ 5 คำเพราะกลัวลูกจะพูดไทยไม่ได้ มีแต่พ่อแม่พูดภาษาไทยให้เราฟังเลย ทั้งๆ ที่เรายังไม่รู้คำศัพท์สักคำ แต่พอเราได้ยินคำนั้นบ่อยๆ เราก็จะพูดได้เอง เช่น เด็กได้ยินเสียงเรียก แม่ พร้อมกับภาพผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาดูแล พอเด็กเริ่มพูดได้ก็จะเริ่มเรียก แม่ เพราะได้ยินบ่อยๆ แถมเวลาเรียกก็จะมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาทุกครั้ง นี่คือวิธีการเรียนรู้คำศัพท์แบบธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดจากการท่องจำ แต่เป็นการเชื่อมโยงความหมายของคำศัพท์เข้ากับภาพที่เห็น ครั้นเริ่มเข้าโรงเรียน ซึ่งโตพอจะพูดจาตอบโต้กับคนรอบข้างรู้เรื่องแล้ว คุณครูก็ไม่เคยให้เด็กต้องท่องคำศัพท์ภาษาไทยเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันเลยสักครั้ง จะมีก็เพียง คำราชาศัพท์ ซึ่งต้องท่องจริงๆ เพราะไม่ค่อยได้พบในชีวิตประจำวัน (นอกจากใครที่ชอบดูลิเกหรือละครจักรๆ วงศ์ๆ อาจจะได้เปรียบ เพราะได้เรียนรู้คำราชาศัพท์มากกว่าคนทั่วไป) อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์อยู่บ่อยๆ ก็จะลืมไปได้ง่ายเหมือนกันใช่ไหมครับ? ดังนั้น ผมจึงขอบอกว่า การท่องจำนั้นจะทำให้จำได้อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งในส่วนของความทรงจำระยะสั้นเท่านั้น ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ จนเกิดความเคยชินหรือจนถูกเก็บอยู่ในความทรงจำระยะยาว เราก็จะลืมเลือนไปในที่สุด ลองนึกย้อนกลับไปสมัยเด็กหรือขณะกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยสิครับ คุณยังจำบทเรียนอะไรที่เคยร่ำเรียนมาได้บ้าง? ยิ่งวิชาที่ไม่ได้นำเนื้อหามาประยุกต์ใช้ในงานปัจจุบัน ยิ่งมักจะเลือนหายไปจากความทรงจำเสมือนว่าเราไม่เคยเรียนวิชานั้นมาก่อน ถ้าลองทบทวนให้ดี คุณอาจพบว่าเป็นเพราะช่วงเวลานั้น เราพยายามท่องจำเพื่อให้สอบผ่านไปเท่านั้น (บางคนก้าวออกจากห้องสอบปุ๊บก็ลืมปั๊บ หรือส่งคืนคุณครูทันทีโดยที่ไม่ต้องทวง ผมก็เคยเป็นครับ) พอไม่ได้ใช้นานๆ จึงลืมเลือนไป การท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบนกแก้วนกขุนทองจึงอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ดีสักเท่าไรนัก เพราะหากไม่ได้นำมาใช้ก็ต้องลืมเลือนไป แล้วจะทำอย่างไรเราจึงจะจำได้แบบไม่ลืม? วิธีการหนึ่งที่ผมขอแนะนำก็คือ คุณต้องนำคำศัพท์ที่ท่องนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยอาจหัดแต่งประโยคให้ถูกต้อง แต่ในขั้นต้น กรุณาอย่าแต่งประโยคขึ้นเอง เพราะมีโอกาสผิดหลักไวยากรณ์สูงหรืออาจได้รูปประโยคแปลกๆ ที่เกิดจากการแปลมาจากภาษาไทย ซึ่งเป็นประโยคที่เจ้าของภาษาไม่ใช้กัน ดังนั้น ผมแนะนำให้ลอกตัวอย่างประโยคจากดิกชันนารีอังกฤษ อังกฤษมาเป็นต้นแบบ จากนั้น คุณจึงค่อยๆ แต่งประโยคเลียนแบบด้วยการดัดแปลงคำบางคำในประโยคหรือหาคำประเภทเดียวกัน (เช่น เป็นคำนามเหมือนกัน) มาแทนที่ เช่น วันนี้คุณเรียนคำศัพท์ใหม่ คือ embarrassed (อ่านว่า เอ็ม-แบ๊-แรส) เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) แปลว่า อับอาย ขายหน้าหรือหน้าแตก แล้วลองแต่งประโยคขึ้นใหม่โดยใช้คำนี้สิครับ (ลองแต่งประโยคเอง ก่อนอ่านต่อนะครับ) ตัวอย่างประโยคในดิคชันนารี Lori gets embarrassed if we ask her to sing. ลอรีรู้สึกอาย ตอนที่เราขอให้เธอร้องเพลง He looked embarrassed when I asked him where he had been. เขาอายตอนที่ฉันถามเขาว่า เขาไปอยู่ที่ไหนมา I felt embarrassed about how untidy the house was. ฉันอายที่บ้านของฉันรกมาก ลองเทียบประโยคข้างบนกับประโยคที่คุณแต่งขึ้นเองตอนแรกดูสิครับ เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วลองทำตามวิธีที่ผมแนะนำข้างต้น คือ การเลียนแบบประโยคในดิกชันนารี จะเห็นว่ามีโอกาสผิดน้อยกว่าประโยคที่แต่งขึ้นเอง เช่น I felt embarrassed when she asked me to sing on the stage. ฉันรู้สึกอาย ตอนที่เธอขอให้ฉันขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เป็นต้น นอกจากนั้น การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อาจเกิดจากการเดาความหมายจากคำข้างเคียงในสถานการณ์ที่ต่างกัน เช่น คำว่า กิ๊ก แรกๆ ยังไม่ค่อยมีใครทราบความหมายและคงไม่มีใครไปเปิดพจนานุกรมดูอย่างแน่นอน (เพราะเปิดไปก็ไม่มีอยู่ดี) แต่เมื่อได้ยินหลายๆ ครั้งในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เราก็จะสามารถเดาได้เองว่า คำนี้มีความหมายประมาณว่า มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน (งงไหมครับ? แต่ผมรู้นะว่า คุณรู้ดีว่า กิ๊ก หมายความว่าอย่างไร?) ดังนั้น ถ้าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายคำเดียวกันหลายๆ ครั้ง คุณอาจจะเข้าใจความหมายของคำนั้นได้เองโดยไม่ต้องเปิดดิกชันนารีเลย ลองดูสิครับ ท้ายนี้ ผมขอฝากไว้ว่า หากต้องการเรียนรู้คำศัพท์จำนวนมากก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตนเองได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การฟัง การอ่านและการเขียน เพื่อสะสมประสบการณ์ หรือถ้าขยันท่องคำศัพท์ก็ควรจะสังเกตตัวอย่างประโยคในดิคชันนารีประกอบ เพื่อให้สามารถสร้างประโยคที่สละสลวยได้ด้วยตนเอง (โดยเลียนแบบประโยคในดิคชันนารี) อย่าท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบเก่า เพราะจะไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเต็มที่ครับ ขอบคุณมากค่ะ ที่เอาเทคนิคดีๆมาฝาก เข้ากับชีวิตจริงสุดๆค่ะ
โดย: Kimicung IP: 69.231.88.83 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:32:38 น.
จะลองไปปฎิบัติดูนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
โดย: tuk IP: 118.175.64.115 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:14:36:02 น.
ขอบคุณที่มีคำเเนะนำดีๆให้
โดย: มิ้น IP: 202.143.142.151 วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:18:09:34 น.
ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่แสนประเสริฐ
แบ่งปันความรู้อย่างไม่ปิดบัง โดย: 143 IP: 203.172.234.149 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:11:38:09 น.
ขอบคุณค่ะที่สอนให้รู้ว่าการอ่านนี้ไม่ยากเลย
และขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ให้ได้โดยการที่ไม่ยากเลยค่ะ โดย: นางสาวอรนุช จำเริญรักษ์ IP: 125.26.234.47 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:13:59:06 น.
ฉันไม่เคยเป็นผู้จัดการมาก่อน แต่ฉันคิดว่าฉันทำได้ค่ะ ในภาษาอังกฤษจะพูดว่าไงค่ะ
โดย: นรินทร์ IP: 117.47.47.103 วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:10:33:58 น.
ตอบคุณนรินทร์
Although I have never been a manager before, I'll try my best. ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเป็นผู้จัดการมาก่อน แต่ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด ขอบคุณที่ติดตามครับ ![]() โดย: Kru FIAT (KruFiat
![]() ตอนนี้ผมทำงานที่ใหม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษพอสมควรเพราะเจ้านายจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสื่อสารในการทำงาน อยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้มากกว่าตอนนี้ให้เหมือนกับที่พูดภาษาไทย จเดี๋ยวผมจะนำเอาวิธีที่แนะนำมาใช้ดูนีครับ ขอบคุณครับ
โดย: jack toyota IP: 119.31.36.219 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:23:01:16 น.
ใครมีวิ๊แนะนำการท่องศัพฑ์และเก่งๆ
แนะนำกันมานะคะ pemai_9@yahoo.com โดย: ปีใหม่คะ IP: 125.26.234.19 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:9:23:53 น.
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ
โดย: น้ำตาล IP: 110.49.177.64 วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:7:32:06 น.
ตอบคุณนรินทร์
Although I have never been a manager before, I'll try my best. ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเป็นผู้จัดการมาก่อน แต่ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด ขอบคุณที่ติดตามครับ Although, I'v never been in a management position, but please let me do my best. แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ ขอบคุณครับ โดย: smajcha IP: 125.27.115.68 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:0:53:16 น.
ขอบคุณมากค่ะ
สำหรับเทคนิคดีๆ โดย: อิอิ IP: 111.84.113.255 วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:14:28:36 น.
|
KruFiat
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง "หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน" Friends Blog Link |
ดีมากๆเลย
แล้วจะลองทำ