Group Blog
กรกฏาคม 2551

 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
10 ตัวอย่างภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ที่ฮิตติดปากคนไทย
ในปัจจุบันมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันจนติดปากอยู่มากมาย แต่คุณเคยรู้ไหมว่ามีบางคำที่ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้อย่างที่เราพูดกันติดปาก ผมจึงเสนอคำศัพท์สัก 10 ตัวอย่างที่คนไทยมักใช้อย่างผิดๆพร้อมทั้งคำที่ถูกต้องซึ่งคุณควรนำไปใช้เวลาคุยกับฝรั่ง เริ่มเลยแล้วกันครับ

1) อินเทรนด์ (in trend) คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ ในปัจจุบัน สามารถได้ยินตามรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี ซึ่งบางทีเวลาคุณต้องการพูดว่า “มันทันสมัย” คุณอาจจะติดปากว่า “It is in trend.” คำว่า “ทันสมัย” ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า “in trend” อย่างคนไทยหรอกครับ เค้าจะใช้คำว่า “trendy” หรือ “fashionable” ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่คุณสามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย เช่น a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย, a fashionable restaurant ร้านอาหารที่ทันสมัย หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้

2) เว่อร์ (over)
เช่น ใยคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายแต่อย่างใดในภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ คงมึนตึบ พร้อมทำสีหน้างงว่ามันหมายถึงอะไรเหรอ? พูดถึงคำนี้ คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ที่ว่า “exaggerate” เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท เช่น

"He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์
"No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง

ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You’re exaggerating. หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don’t exaggerate. ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า “overact” เช่น You’re overacting. เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)

3) ดูหนัง soundtrack เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า “I want to watch a soundtrack film.” แต่ควรจะใช้ว่า “I want to watch an English film.” เพราะความหมายของคำว่า “soundtrack” คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหากล่ะครับ
ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า “I want to watch an English film that is dubbed into Thai.” เพราะคำกิริยาว่า “dub” คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น
ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ภาพเราเรียกว่า “a subtitled film” ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า “subtitles” (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษ

หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า “closed-captioned films/videos/television programs” หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า “CC” เช่น You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ

4) นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า “freshy” ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า “fresher” หรือ “freshman” เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1 ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วครับ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior

5) อัดหรือบันทึก คนไทยมักพูดทับศัพท์ว่า เร็คคอร์ด (record) คำๆ นี้สามารถเป็นได้ทั้งคำนามและคำกิริยา เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่ง stress กล่าวคือ ถ้าจะใช้เป็นคำนามที่แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ ให้ขึ้นเสียงสูงที่พยางค์แรก คือ “เร็ค-คอร์ด” เช่น He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง, I broke my own record. ฉันทำลายสถิติของฉันเอง แต่ถ้าคุณจะหมายถึงคำกิริยาที่แปลว่า อัดหรือบันทึก ต้อง stress พยางค์หลัง ซึ่งจะอ่านว่า “รี-คอร์ด” เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ ส่วนเครื่องบันทึก เราเรียกว่า “recorder” อ่านว่า รี-คอร์-เดอร์

6) ต่างคนต่างจ่าย เรามักใช้ American share รับรองว่าฝรั่ง(ต่อให้เป็นชาวอเมริกันด้วยครับ) ได้ยินแล้ว งงแน่นอน ถ้าคุณจะหมายถึงต่างคนต่างจ่ายให้ใช้ว่า “Let’s go Dutch.” หรือ “Go Dutch (with somebody).” อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นธรรมเนียมของชาวดัตช์หรือเปล่า? ที่ต่างคนต่างจ่ายเลยมีสำนวนอย่างนี้ หรือคุณอาจจะบอกตรงๆ เลยว่า “You pay for yourself.” คือเป็นอันรู้กันว่าต่างคนต่างจ่าย แต่ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้ามือ(ไม่ใช่เล่นไพ่นะครับ)เลี้ยงมื้อนี้เอง คุณควรพูดว่า “It’s my treat this time.” หรือ “My treat.” หรือ “It’s on me.” หรือ “All is on me.” หรือ “I’ll pay for you this time.” ทั้งหมดแปลว่า มื้อนี้ฉันจ่ายเอง ส่วนถ้าจะบอกเพื่อนว่า คราวหน้าแกค่อยเลี้ยงฉันคืน ให้บอกว่า “It’s your treat next time.”

7) ขอฉันแจม (jam) ด้วยคน ในกรณีนี้คำว่า “แจม” น่าจะหมายถึง “ร่วมด้วย” เช่น We are going to eat outside. Do you want to jam? เรากำลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยมั้ย? ในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam ในกรณีแบบนี้ ซึ่งควรจะใช้ว่า “Do you want to join us?”, “Do you want to come with us?” หรือ “Do you want to come along?” จะดีกว่าครับ

8) เขามีแบ็ค (back) ดี “He has a good back.” ฝรั่งคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้างหลังของเค้า เพราะ back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) แต่คุณกำลังจะพูดถึงมีคนคอยสนับสนุน ซึ่งต้องใช้ “a backup” ซึ่งหมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกำลังใจให้ เช่น “He has a good backup.” เขามีคนคอยหนุนที่ดี

9) ฉันเรียนภาษากับชาวต่างชาติ I learn the language with a foreigner. คำว่า “foreigner” หมายถึง ชาวต่างชาติโดยทั่วๆ ไป แต่จริงๆ คุณต้องการจะสื่อว่าเรียนภาษากับเจ้าของภาษา ซึ่งควรจะใช้คำว่า “a native speaker” จะเหมาะกว่านะครับ เช่น “I learn the language with a native speaker.” ฉันเรียนภาษากับเจ้าของภาษา ส่วนคนที่พูดได้ 2 ภาษาดีเท่าๆ กันเราจะใช้คำคุณศัพท์ว่า “bilingual” เช่น เด็กลูกครึ่งที่พูดได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษไงครับ “Their kids are bilingual.” ลูกของเขาพูดได้ 2 ภาษาดีพอๆ กัน

10) ฉันไปตัดผมมาเมื่อวานนี้ I cut my hair yesterday. ถ้าคุณพูดอย่างนี้หมายถึงคุณตัดผมด้วยตัวเองนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดผมด้วยตัวเอง แต่ให้ช่างตัดผมตัดให้ คุณควรจะบอกว่า “I had/got my hair cut yesterday.” ซึ่งรูปประโยคคือ “To have/get + กรรม (สิ่งที่ถูกกระทำ) + กิริยาช่องสาม” ดังนั้นถ้าคุณจะบอกว่า ฉันจะเอารถไปซ่อมวันพรุ่งนี้ ก็ต้องบอกว่า “I will have/get the car repaired tomorrow.”

ดังนั้น ต่อไปเวลาคุณใช้ภาษาอังกฤษกับคำเหล่านี้ ควรจะใช้อย่างถูกต้อง ฝรั่งจะได้ไม่งงเวลาคุณพูดไงครับ




Create Date : 01 กรกฎาคม 2551
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 16:00:42 น.
Counter : 7152 Pageviews.

27 comments
  
เยี่ยมไปเลยค่ะ ถึงว่าฝรั่งที่บ้านฟังเราไม่ค่อยจะรู้เรื่อง มันเป็นยังงี้นี่เอง


ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สำหรับความรู้ดีๆ
โดย: My LeOZaA วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:25:46 น.
  
โอ้ ขอบคุณมากค่ะ ได้รู้ขึ้นอีกเยอะเลย
โดย: gone wild IP: 58.9.125.166 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:41:20 น.
  
ความรู้ดีๆ
โดย: ayopolie วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:05:24 น.
  
สวัสดีค่ะ ครูเฟี๊ยต

ดีจังค่ะอยู่ๆก็เจอบล็อกของครู พอดีเห็นหัวข้อเลยสนใจ อย่าเพิ่ง งงนะค้ะว่ายัยยนี่เป็นใคร ชื่อจุ๊บค่ะ เคยเป็นลูกศิษย์ของครูเฟี๊ยตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว นานโขเลย ตอนนั้นไปเรียนที่ รร ครูเคท สาขา ใกล้ รพ วิชัยยุท น่ะค่ะ

แล้วจะแวะเข้ามาอ่านบ่อยๆนะค้ะ
โดย: พอลล่า (pollajub ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:34:16 น.
  
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ เเบบ ถูกต้อง นะคับ
โดย: หงส์แดงตะแคงฟ้า วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:25:26 น.
  
อยากได้ยินเสียงครูเฟี๊ยตจังค่ะKitty กำลังฝึกspeakingอ่ะค่ะ
โดย: JK (justkitty ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:18:00 น.
  
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรก
ขออนุญาติ อ่านบ่อยๆนะฮับ
โดย: arare IP: 124.120.83.19 วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:59:51 น.
  
สวัสดีค่ะ ครูเฟียต
ดีมากๆเลยค่ะ เป็นบล๊อคที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะดิฉันที่ยังอ่อนมากในการพูด ไม่เคยเรียนพิเศษ ตามสถาบันสอนภาษาเหมือนเด็กสมัยนี้ อายุมากแล้วก็เลยไม่ค่อนขยันที่จะหาหนังสือ หรือเทปมาอ่าน/ฟังค่ะ ได้รู้จักบล๊อคของคุณนับว่าเป็นประโยชน์มากค่ะ ขออนุญาติ add (อันนี้ไม่ทราบภาษาไทยใช้ว่าอะไรค่ะ)บล๊อคของคุณนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: ฟ้าหลังฝน IP: 88.105.48.3 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:36:08 น.
  
เข้ามาอ่านด้วยคน
ขอบคุณนะคะ ได้ประโยชน์มากๆเลย
โดย: เจ IP: 58.8.191.199 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:22:59 น.
  
โอ้..ขอบคุณค่ะ

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย

ขออนุญาตแอดเป็นเฟรนด์บล็อกด้วยนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:32:20 น.
  
ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย
โดย: เจไอ วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:35:38 น.
  
เพื่งหาเจอว่ามีข้อมูลที่ดีมากๆๆ หามานานแล้วขอบคุณมากนะคะที่มีอะไรดีให้เราได้รู้
โดย: katty IP: 222.123.239.243 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:16:24 น.
  
THANKS JA
โดย: minjung วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:55:32 น.
  
รวบรวมมาได้ดีมากค่ะ
โดย: Aisha วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:38:19 น.
  
ขอบคณมากๆ ครับ
ต้องรองนำไปใช้ดู
'Impossible is nothing'
โดย: Takky IP: 222.123.195.29 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:42:30 น.
  
ถูกใจมากค่ะ ดีมากกก
โดย: zshisuko วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:30:27 น.
  
ดีใจค่ะที่ครูเฟียต เสียสละเวลามาเขียนข้อความดีๆให้กับคนที่สนใจในภาษาอังกฤษ

ครูเฟียตมีเทคนิคดีๆสำหรับการสอบ TOEFL บา้งมั๊ยค่ะ จะสอบเดือนหน้าแล้วค่ะ อยากได้คะแนนในส่วนของ speaking เพิ่มขึ้น

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ฝึกพูดมาก เวลาพูดแล้วจะรู้สึกว่า เหมือนมีสนิมติดอยู่ที่ปาก พูดไม่ค่อยออก ทั้งๆที่ความคิด ไอเดียที่จะพูดมีเยอะมาก แต่พูดไม่ออก ตะกุกตะกัก ค่ะ พอเริ่มหายตะกุกตะกัก ก้อมีแต่ศัพท์พื้นๆออกมาจากปากทั้งนั้นเลยค่ะ ทำไงดีค่ะ ทั้งๆที่รู้ศัพท์พอสมควร อยากเอาศัพท์ที่รู้มาใช้ในการพูดค่ะ

แนะนำหน่อยนะค่ะ
โดย: Pooh IP: 124.121.65.238 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:06:59 น.
  
แนะนำคุณ Pooh
สำหรับการสอบพวก TOEFL, TOEIC ผมแนะนำให้ฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะๆ จะได้รู้แนวว่าเค้าออกข้อสอบประมาณไหน แต่เด็กสมัยใหม่นี้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ต้องสอบ speaking ด้วย วิธีการฝึกพูดภาษาให้เก่งประกอบด้วย 2 อย่างคือ
1) เรื่องของการออกเสียง (pronunciation) และสำเนียง ยิ่งใครออกเสียงได้เหมือนฝรั่งมากเท่าไหร่ ฝรั่งก็ยิ่งฟังคุณออกมากเท่านั้น สังเกตง่ายๆ ได้จากฝรั่งมักจะชอบคุยกับคนพวกนี้มากกว่าคนสำเนียงไทยๆ เพราะมันฟังออกยากครับ ส่วนการฝึกฝน ให้คุณไปดู blog เก่าของผม ตรง All Blog ด้านซ้ายมือข้างบนน่ะครับ แล้วเลื่อนลงมาจะมีหัวข้อ "พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนสำเนียงเป็นฝรั่ง ตอน 1 และ 2" แล้วฝึกตามเทคนิคดังกล่าว

2) เรื่องของการพูดคล่องและการใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติอย่างที่ฝรั่งเค้าใช้กันจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการแปลมาจากภาษาไทยโดยตรง เพราะบางทีการแปลจากภาษาไทยจะทำให้คุณได้ภาษาอังกฤษที่แปลกๆ ที่ฝรั่งเค้าไม่ด้ใช้กันจริงๆ เช่นเดียวกันครับให้คุณดูตรง All blog หัวข้อ "อยากพูดภาษาอังกฤษคล่องทำย่างไรดี?" แล้วฝึกตามนั้นครับ

ส่วนเวลาที่คุณมีอยู่เพียงแค่ไม่ถึงเดือนถือว่าน้อยมากนะครับ การฝึกฝนภาษาอังกฤษต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะเห็นผลชัดเจน ดังนั้นคุณต้องขยันมากๆๆ เลยช่วงนี้ แนะนำให้ฝึกทั้งวันเลยถ้าเป็นไปได้ ใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุด ทั้งวันได้ยิ่งดี แล้วจะประสบความสำเร็จในการฝึกครับ โชคดีนะครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:25:33 น.
  
มีประโยชน์มากเลยค่ะ คราวหลังจะได้ใช้อย่างถูกต้อง ฝรั่งจะได้ไม่ทำหน้างงๆ เวลาได้ยินเราพูด อิอิ
โดย: Lionne13 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:17:47 น.
  
5555
ดีจังค่ะ
โดย: mai (maistyle ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:01:59 น.
  
คนไทยชอบทำตัวรู้ดีกว่าฝรั่ง แปลงสิ่งที่เขานำมาใช้อย่างถูกต้องให้เพี้ยนไปไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือวัฒนธรรม อย่าว่าแต่ของฝรั่งเลย ของชาติไหนๆก็เอามาแปลงจนกลายเป็นความห่วยๆของของไทย เมื่อเอาไปใช้กับเขา ก็ทำให้เขามองคนไทยว่าอีเดียดจริงๆ เมืองไทยก็เจริญได้แค่นี้เอง ไม่ได้ทัดเทียมอะไรกับเขาแต่ก็สะเหร่อตัวเองว่าทัดเทียมเขา เศร้าใจจริงๆเลยนะ ครูเคท
โดย: ผู้เฒ่า IP: 58.8.58.109 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:9:01:55 น.
  
ชอบอ่านเว็บนี้มากเลยคับ(เยี่ยม)
โดย: chai IP: 202.44.8.100 วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:12:38:53 น.
  
สวัสดีค่ะ


รบกวนผู้รู้หน่อยค่ะ พอดีต้องแปลเอกสาร ไทยเป็นอังกฤษ คำว่า
1 กระโปรง 4 ชิ้นยาว
2 กระโปรงระบายชายยัก
3 กางเกงขา 5 ส่วน
4 กางเกง ขา 4 ส่วน
5กระโปรง 5 ส่วนต่อชาย
6 ชุดเด็กสม็อก
7 กางเกงขาจัมส์ผูกปลายขา

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
โดย: Ja IP: 125.24.136.145 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:29:56 น.
  
รบกวนขออีเมล์ครูเฟียตหน่อยได้ไหมคะ
โดย: อ้วนต่าย IP: 203.170.231.232 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:55:26 น.
  
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมาก ขอบคุณมากนะคะ
โดย: ouem IP: 124.120.18.167 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:16:34 น.
  
ขอบคุณมากมายนะคะ แล้วต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาจริงๆ ขออนุญาตนำข้อมูลลงที่blog นะคะ

ปล.เปลี่ยนเครดิตให้แล้วค่ะ
โดย: kittymintz วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:11:53:23 น.
  
ขอบคุณค่ะ
โดย: ya hoo IP: 223.207.173.161 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:59:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3