แบกเป้เที่ยวเมืองผู้ดีอังกฤษของ 3 สาว 2 วัย (ตอนที่ 10 # วันสุดท้ายที่ York)
เช้าวันที่ 2 ที่ YORK วันนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวชมในเมืองกันค่ะ เมืองที่อากาศดีๆ เย็นสบาย บรรยากาศดีๆ แบบนี้ เหมาะแก่การเดินเที่ยวเล่นเป็นที่สุด แต่ก่อนจะไป กองทัพต้องเดินด้วยท้องก่อน เช้านี้ที่ห้องอาหารมีแขกมาพัก 4 -5 คน ช่วงวันธรรมดา ราคาห้องพักจะถูกลง แต่ถ้าเป็นช่วงสุดสัปดาห์จะเป็นอีกราคาหนึ่งเลย เพราะได้รู้มาจากตอนที่พวกเราพักที่ Edinburgh เพราะพวกเราพักกันยาว ราคาไม่เท่ากันเลย
ห้องอาหารเล็กๆ จัดแบบเรียบง่าย มีอุปกรณ์ต่างๆ ครบให้แขกที่มาพักได้บริการตัวเอง จะทานเท่าไหร่ก็ไม่จำกัด กาแฟ ชาหอมๆ แบบอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเป็นชาผลไม้ นม โยเกิร์ต ขนมปัง เนยแข็ง แยมผลไม้ แฮม ผลไม้ น้ำผลไม้
ในห้องอาหาร ก็ประดับด้วยภาพติดฝาผนังที่เป็นคำคมต่าง ๆ ให้อ่านกันเพลิน ๆ
ชีวิตคนเรา...ไม่ได้เกิดมาเพื่อรอคอยให้พายุผ่านไป แต่เกิดมาเพื่อให้เราเรียนรู้ที่จะเต้นระบำอย่างเริงร่าท่ามกลางสายฝนต่างหาก (แปลมั่วๆ ค่ะ)
ไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้ ที่จะมีค่ามากไปกว่ามิตรภาพที่แท้จริง
ท้องอิ่มแล้ว ก็ออกเดินทาง เก็บภาพสวยๆ ไปเรื่อย ๆ
สองภาพนี้สวยดีค่ะ เหมือนภาพวาดเลย
เมืองนี้ ไม่มีตึกสูงๆ นะ มีแต่ตึกเก่า ๆ สมัยวิคตอเรียนซะเป็นส่วนใหญ่
เราจะพาไปเที่ยว MUSEUM GARDENS กันค่ะ
ซากปรักหักพังของ St.Mary s Abbey
สวนสาธารณะในอังกฤษ จะมีเจ้ากระรอกน้อย ตัวอ้วนกลม อยู่เต็มไปหมด เชื่อง และไม่กลัวคนอีกด้วย
ชอบสองคนตายายคู่นี้จัง
มหาวิหารมีทางเดินกลางที่สร้างแบบกอธิควิจิตร (Decorated Gothic) และหอประชุมนักบวช บริเวณร้องเพลงสวดและทางด้านหลังเป็นแบบกอธิคแบบ กอธิคสูง (Perpendicular Gothic) ทางด้านเหนือของแขนกางเขนเป็นแบบกอธิคอังกฤษตอนต้น ทางเดินกลางมีหน้าต่างเหนือบานประตูที่สร้างเมื่อ ค.ศ. 1338 และด้านตรงข้ามทางหลังวัดบริเวณชาเปลพระแม่มารีย์ มีหน้าต่างใหญ่ชื่อ Great East Window สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1408 ซึ่งเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทางด้านเหนือของแขนกางเขนมีหน้าต่างที่เรียกว่า Five Sisters Window แต่ละแกนของหน้าต่างสูงถึง 16 เมตร หรือประมาณ 9 ชั่วคน ทางด้านใต้เป็นหน้าต่างกุหลาบที่มีชื่อเสียงมาก
ยอร์กมีผู้นับถือคริสต์ศาสนามาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 โบสถ์คริสต์แห่งแรกที่สร้างตรงจุดนี้เป็นโบสถ์ไม้ที่สร้างอย่างเร่งด่วนในปี ค.ศ. 627 เพื่อใช้ในการทำพิธีศีลล้างบาปให้แก่เอ็ดวินพระมหากษัตริย์แห่งนอร์ทธัมเบรีย ในคริสต์ทศวรรษ 630 ก็มีการสร้างโบสถ์ที่ถาวรขึ้น ต่อมาในปี ค.ศ. 637 นักบุญออสวอลด์แห่งเบอร์นิเซียก็สร้างโบสถ์ให้เป็นหินและอุทิศให้แก่นักบุญเปโตร แต่โบสถ์ก็เสื่อมโทรมลงจนในที่สุดก็อยู่ในสภาพที่เกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ง่าย ๆ เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 670 เมื่อวิลฟริดได้รับตำแหน่งเป็นประมุขของมุขมณฑลยอร์กท่านก็ได้สั่งให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์โครงสร้างใหม่ โรงเรียนและห้องสมุดมาก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในปี ค.ศ. 741 มหาวิหารก็ถูกเพลิงไหม้ทำลายลง แต่โบสถ์ที่สร้างใหม่แทนที่ก็เป็นโบสถ์ที่มีโครงสร้างที่เป็นที่น่าประทับใจมากกว่าเดิมที่มีแท่นบูชาถึงสามสิบแท่น หลังจากนั้นมหาวิหารก็ถูกขโมยกวาดทรัพย์สินหลายครั้งโดยผู้รุกรานหลายกลุ่มและไม่มีประวัติที่ทราบแน่นนอนมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 เมื่อมีอาร์ชบิชอปจากคณะเบเนดิกตินหลายองค์ที่รวมทั้งนักบุญออสวอลด์ วูลฟตัน และอัลเดรดผู้เดินทางไปเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เพื่อไปประกอบพิธีราชาภิเษกให้แก่พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1066 อัลเดรดเสียชีวิตปี ค.ศ. 1069 ร่างของท่านยังบรรจุอยู่ภายในมหาวิหาร
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเพียค่ะ
ไปดู Shambles Market ซึ่งบล๊อกก่อนแวะไปแต่ฝนตก
มีป้ายเชิญชวนแบบนี้ มาอังกฤษทั้งที ก็ต้องไปลองอาหารประจำชาติเค้าซะหน่อย ที่ร้าน Drakes Fisheries
หลังจากอิ่มแล้ว ก็เดินเล่นในเมือง เก็บภาพสวยๆ ไปเรื่อย ๆ ก่อนกลับเข้าที่พัก วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ YORK เมืองเล็กๆ ที่น่ารักแห่งนี้แล้ว
บล๊อกหน้าจะไปมหานครลอนดอนแล้วนะ อยู่กัน 7 วัน 7 คืน เลย
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาค่ะ...
Create Date : 12 ตุลาคม 2558 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 13:30:53 น. |
|
12 comments
|
Counter : 806 Pageviews. |
 |
|
ชอบเมืองนี้ บ้านน่าอยู่ คนก็ดูเป็นมิตร
ตอนเย็นหนูออกไปร้าน Iceland กะป้าใหญ่ด้วย เป็นร้านอาหารแช่แข็ง ของค่อนข้างถูกเลย ถ้ามีไมโครเวฟก็ดี