ไปร่วมงานประกาศผลรางวัลเทศกาลหนังสั้นมาครับ
..................ปีนี้เป็นครั้งแรกของผมที่มีโอกาสไปร่วมงานเทศกาลหนังสั้นมาครับ ถ้าจำไม่ผิดเจ้าภาพที่จัดก็คือมูลนิธิหนังไทยครับ งานนี้เขาจัดมาเป็นปีที่ 11 แล้วครับ แต่เป็นปีแรกที่ได้โรงภาพยนตร์ระดับเกรด A ชั้น 1 มาฉายหนังครับ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเค้าจัดกันที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะรองรับการฉายภาพยนตร์ได้เลย ให้ดิ้นตายสิ ... เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนดูหนังธรรมดาอย่างผม ไปร่วมงานหนังสั้นปีนี้ได้ก็เพราะว่า คุณพี่แท๊กซี่นิรนาม มีผลงานเข้าประกวดหนังสั้นรอบสุดท้าย ทั้งสายสารคดี และ หนังสั้น ผมเองในฐานะที่ชื่นชมพี่เค้าอยู่ ก็เลยต้องไปอุดหนุน ไปให้กำลังใจสักหน่อย
..................อาทิตย์ที่แล้วก็เลยได้ไปดูหนัง ที่โรงแกรนด์อีจีวีมา โดยดูสองรอบ รอบ 11โมง ดูหนังสายสารคดีมาประกวดกัน ประมาณ 4 - 5 เรื่อง แล้วก็ดูหนังสั้นรอบ 13น. ซึ่งก็เป็นประเภทหนังสั้นอีกประมาณ 4 - 5 เรื่อง ก็คือหนังของพี่แท๊กซี่ แล้วก็เรื่องที่เข้าชิงเรื่องอื่นๆ ดูประกบกันไปด้วย ได้เห็นทั้งผลงานพี่แกและก็คู่แข่งไปพร้อมกัน ( แต่ไม่ได้ดูหนังที่เข้าชิงทุกเรื่องหรอกครับ เพราะมีหนังชิงอยู่ประมาณ 20 เรื่อง จากหนังที่ส่งทั้งหมด 350 เรื่องได้ ) นอกจากนั้นงานนี้ก็มีสายการประกวดหลากหลาย ทั้งสายนักศึกษา ( รางวัลช้างเผือก ) สายบุคคลทั่วไป สายอนิเมชั่น สายหนังสั้นต่างประเทศ ฯลฯ อ้อ มีหนังประเภทฉายโชว์ด้วยนะครับ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ดังมาก อย่างเช่น Middle Earth หนังใหม่ของคุณธัญสก ที่เค้าว่าโป๊มั่กๆ รวมถึงเสียดายเหมือนกันที่พลาดหนังเต็งๆอย่าง One true Thing หรือ กาลครั้งหนึ่งสิ้นชาติ ( ที่ก็ได้รางวัลไปพร้อมๆกันกับ one True )
...................พอดีเห็นคุณ mer เขาโปรโมทงานประกาศผลหนังสั้นเอาไว้ ผมก็เลยอยากไปร่วมงานกับเขาด้วย เผื่อจะเจอใครบ้าง เผื่อไปช่วยลุ้นผลงานของพี่แท๊กซี่ให้ได้รางวัลหน่อย เผื่อไปเจอกับพี่แท๊กซี่อีกรอบ ซึ่งงานนี้ผมก็ไปถึงงานตั้งแต่ 6โมงตรงเป๊ะ มีคนมากันหนาตาพอสมควร ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกในวงการหนังสั้นน่ะแหละ รุ่นเด็กๆมหาลัยเยอะหน่อย เห็นงานยังไม่เริ่ม ก็เลยไปเดินหาของกินแถวซอย ทองหล่อก่อนนะครับ ก็เดินไปถึงปากซอย ได้ของหวาน วุ้นมะพร้าวมาทาน เดินเซอร์เวย์ เจอร้านพิซเซเรีย ScooZi น่าเข้ามากเลย แต่คงต้องรอให้มีตังก่อนถึงจะมาทานไหว .. สุดท้ายเลยไปลงเอยที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นติดแอร์ แถวๆสถาบันปรีดีน่ะแหละ เค้าบริการดีนะครับ รับฝากอุ้ม Movie ไว้ด้วย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น จานละ 35 บาท รสชาติสมราคาครับ เพราะว่าอร่อย ..... จัดร้านสวยแบบเรียบๆ น้องๆในร้านก็พูดจาดีเชียว เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพหน้าร้านมาโปรโมทให้
....................กลับไปหาของว่างทานในงาน เค้ามีพวกไส้กรอก ขนมชั้น ขนมปังทานเล่น มีสปอนเซอร์เป็นวิสกี้ยี่ห้อนึง เจอพี่แท๊กซี่เดินป้วนเปี้ยนในงาน เลยส่งยิ้มทักทาย สุดท้ายในงานแกเลยมานั่งกับผมและเจนนี่ ในงานก็มีคนในแวดวงหนังสั้น และผู้มีชื่อเสียงหลายคน ที่ก้าวขึ้นมาจากคนทำหนังสั้นมาร่วมงานกันมากมาย เพิ่งมีโอกาสเห็นตัวเป็นๆหลายคน โดยเฉพาะนักวิจารณ์หนังดังๆรุ่นเก๋า และรุ่นใหม่ ( เพิ่งเห็นคุณ mer ตัวเป็นๆมาด้วย ) ได้ถ่ายภาพคนดังๆมาหลายท่าน อ. ปยุต เงากระจ่าง มามอบรางวัลด้านอนิเมชั่นด้วยตัวเองด้วย ... คนดังๆที่มาก็มีอาทิ ผู้กำกับภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ( Shutter ) , ผู้กำกับ พิมพ์พกา โตวีระ ( จำชื่อผลงานแกไม่ได้ ) , ผู้กำกับ คมภิญญ์ เข็มกำเนิด ( ก้านกล้วย ) , ผกก.โสรยา ( Final score ) ฯลฯ และมางานนี้ผมถึงเพิ่งรู้ว่า อ.กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน เป็นประธานมูลนิธิหนังไทย ? เห็นอาจารย์แกแนะนำวิทยากรที่อบรมด้านการวิจารณ์ของสถาบัน ( อะไรก็ไม่รู้ ) มีนักวิจารณ์ดังๆอย่าง อ.ประวิทย์ แล้วก็ใครอีกหลายๆท่าน ผมดื่มไปสองสามแก้ว ลืมชื่อหมดล่ะ
.....................ผลรางวัลหลักๆก็ออกมาตามโผ เห็นพี่แท๊กซี่แกบอกไว้แล้วว่า หนังแกคงไม่ได้หรอก แต่จริงๆผมก็อดคิดไม่ได้ว่า อย่างน้อยน่าจะได้รางวัลรองๆหรือรางวัลปลอบใจบ้าง เพราะผลงานแกก็ดีกว่าอีกหลายๆเรื่องอย่างเห็นได้ชัด พอดีผมไม่ได้ดูหนังระดับเทพอย่าง One true thing หรือว่า กาลครั้งหนึ่ง ( Extinct ) อะไรนั่นเลยไม่รู้ว่าหนังดีขนาดใหน แต่ที่แน่ๆ หนังอย่าง แข่งบั้งไฟ ที่ส่งทั้งสายสารคดี และสายหนังสั้น ( มีงี้ด้วย ส่งแข่งได้ทีเดียวทั้งสองสาขา ) ซึ่งได้ชมเชยด้านสารคดี แต่ได้รางวัลหนังยอดเยี่ยม สายหนังสั้น รางวัล รัตน์ เปสตันยี .. ดูยังไง๊ ผมก็คิดว่าค้านสายตาครับ หนังมันไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากฉากแข่งบั้งไฟ หนังแบบนี้อ่ะเหรอ ได้รางวัลหนังยอดเยี่ยม ( ผมรับไม่ได้ว่ะ ) ถ้าเอาไปฉายให้คนดูหนังตลาด หนังทั่วไป หนังฉายโรงปกติมาดูนะ ผมว่าคงมีแต่คนส่ายหัวแน่ว่า นี่เหรอ หนังสั้นระดับรางวัล ?? .... อ้อ ลืมไปครับ The Sprectrum หนังเกี่ยวกับวงโยธวาธิต ที่แนวๆคล้ายๆ Final score ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดนิยมครับ ซึ่งก็สมควรแก่รางวัลครับ ....
......................หลังประกาศผลรางวัลเสร็จ ก็มีพักครับ หลายคนที่มารับรางวัลก็แยกย้ายกันกลับครับ จริงๆเขามีฉายหนังที่ได้รางวัลด้วยครับ เสียดายว่าหนังที่อยากดู มันยาวอย่าง one true thing ปาเข้าไป 80 นาที ( เขาเลยไม่เอามาฉาย ) พี่แท๊กซี่บอกว่า นี่มันหนังยาวแล้ว เอามาแข่งกับสารคดีสั้นเรื่องอื่น ก็ได้เปรียบอ่ะเด่ะ เห็นหลายท่านที่ไปดูเค้าชื่นชมกันยกใหญ่ เลยพลอยให้อยากดู หนังที๋ฉายจริงๆผมได้ดูสามเรื่องครับ ผีนาโน หนังอนิเมชั่นไทย ซึ่งก็ต้องบอกว่า ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างว่า วงการอนิเมชั่นไทย ยิ่งทำแบบไม่มีทุนเนี่ย โอกาสที่มันจะออกมาเนี๊ยบก็คงยากอ่ะครับ ... เรื่องถัดมาเป็นหนังสั้นที่ได้รางวัลสายนานาชาติ เป็นหนังฮ่องกง ออกแนว ติสท์ๆ อาร์ทๆหน่อย ไม่มีอะไรน่าจดจำ เรื่องที่ 3 เวลาลาน ผมว่าหลอนใช้ได้นะครับ ออกแนว เดวิด ลินซ์หน่อยๆ เรื่องที่ 4 เขาฉายบั้งไฟครับ ผมก็เลยกลับบ้านดีกว่า ขากลับฝนตกปรอยๆ สวนกับพี่แท๊กซี่ที่เดินย้อนกลับมา เห็นว่าจะเอาหนังมาให้ใครโปรโมทไม่รู้ .... งานนี้ถึงจะไม่ได้เจอใคร ไม่ได้คุยกับใครเท่าไหร่ แต่ก็ดีใจที่ได้ไปครับ ได้ไปดูบรรยากาศของคนในแวดวงนี้ ได้ไปเห็นหลายๆคนชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง ได้คุยรายละเอียดเรื่องหนังสั้นกับพี่แท๊กซี่ ได้ความรู้หลายอย่างดีครับ เป็นงานที่เพลิดเพลินดีครับ เกิดมาก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปงานประเภทนี้มาก่อน ถ้าอีกหน่อยได้มีโอกาสไปงานที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ก็คงดีสิเนาะ อยากไปเดินงานเทศกาลหนังเมืองคานส์จัง ฮิฮิ คงได้แต่ฝันแหละ ....
ป.ล. ใหนๆแวะเข้ามาบล็อคผมแล้ว ก็แวะมาเยี่ยมเวปครอบครัวแพนด้าบ้างนะครับ //www.pandagroup.pantown.com/
Create Date : 27 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2550 1:21:34 น. |
|
8 comments
|
Counter : 540 Pageviews. |
|
|
|
(หรือก็เดินสวนไปๆมาๆ ในนั้นแหละ แต่ดันจำไม่ได้ เป็นความผิดของผมเอง แล้วก็ดันไม่ได้เมมเบอร์มือถือพี่ไว้ด้วยสิครับ อัลไซเมอร์สองต่อเลย)
ขอค้านเรื่องของ "แข่งบั้งไฟ" นะครับ ผมกลับชอบเรื่องนี้มากๆ ถึงมันจะดูไม่มีอะไร แต่ว่าเรื่องนี้มีองค์ประกอบของความเป็นสารคดีที่ดีมาก (ซึ่งผมและพี่ๆอีกหลายคนก็ยังแปลกใจว่าทำไมให้รางวัลชนะเลิศในสาย "รัตน์" ไม่ใช่สาย "ดุ๊ก") เพราะเขาให้เราเห็นทุกแง่มุมของ "การแข่งบั้งไฟครั้งนั้น" ทั้งการดำเนินงาน รูปแบบ พฤติกรรมของผู้คน ประเพณีพื้นบ้าน รวมไปถึงสภาพสังคมอีกหน่อยด้วย (ผ่านการตั้งชื่อบั้งไฟ) ทั้งๆที่การนำเสนอก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากมาย แถมยังดูเหมือนเอาคลิปมาต่อๆกัน แต่ส่วนนี้เองที่ทำให้มันเป็นสารคดีที่ดีมาก เพราะผู้กำกับไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปแทรกแซงใดๆ ในกิจกรรมนั้นเลย
สิ่งที่ผมชื่นชมคือเขาทำให้สิ่งที่ดูเหมือนไม่มีอะไร มันออกมาดูดีได้ครับ พี่อีกคนที่รู้จักเขาบอกว่าปกติดูหนังอุรุพงศ์แล้วไม่อิน แต่เรื่องนี้เขาชอบมาก
ส่วนหนังที่ฉายวันนี้ "ผีนาโน" ยังออกมาไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมว่ามันอาจจะเป็นความตั้งใจของคนทำนะ เพราะลายเส้นเขาก็ออกจะ tribute พวกการ์ตูนผีเล่มละบาทซะขนาดนั้น (ยังกะ Grindhouse 555+) - ส่วนเสียงพากย์ก็แข็งจนผมได้แต่ขำ
หนังฮ่องกงเรื่องที่สอง ตัวเนื้อเรื่องไม่ได้แรง หรือมี conflict อะไรมากมาย แต่ว่าผมชอบที่เขาวางจังหวะของบทและการแสดงได้ดี ทำให้สามารถถ่ายลองเทคในหลากสถานที่ได้เนียนขนาดนั้น
เรื่องที่สาม "เวลาลาน" สร้างอารมณ์ thriller ได้ดีทีเดียวครับ แม้ว่าจะงงว่าทำไมโจรมันไม่เอานาฬิกาไปด้วย 55555