ลูกค้าคือพระเจ้าหรือไอ้หน้าโง่ ? .....
..............................สิบกว่าปีที่ผ่านมา กับประสบการณ์ขายของหน้าร้าน กับสินค้าสารพัดรูปแบบ ผมได้มีโอกาสพบกับลูกค้าหลากหลายรูปแบบ ลูกค้าที่แสนดี ลูกค้าที่แสนเลว ลูกค้าใจดี ลูกค้างี่เง่า ลูกค้าเรื่องมาก ลูกค้าเหี้ยๆ ลูกค้าอวดฉลาด ลูกค้าหน้าโง่ ลูกค้าแสนรู้ ฯลฯ แน่นอนว่าร้านที่ผมทำงานอยู่เป็นร้านที่มีลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ นั่นทำให้ผมได้มีโอกาสเจอกับลูกค้านานาสัญชาติ แต่โดยมากก็จะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี จีน และที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดก็คือลูกค้าไทยนี่แหละครับ การรู้ภาษาที่สาม หรือ สี่นี่ ช่วยได้เยอะนะครับ เพราะถ้าเราสื่อสารกับเขาได้ จากที่เค้าลังเล หรือไม่คิดจะซื้อของเรา บางทีเค้าก็ตัดสินใจซื้อของเอาได้ง่ายๆ เสียดายว่า ช่วงนี้ผมอยู่ในแผนกที่ไม่มีลูกค้าญี่ปุ่น ดังนั้นภาษาญี่ปุ่นก็หมดความหมาย ส่วนอิตาเลียนนั้นลืมไปได้เลย แทบะจะไม่มีลูกค้ามาเดิน มาทีนึงก็แทบไม่ได้คุย ตอนนี้เริ่มจะเข้าหม้อเกือบหมดแล้ว ลูกค้าที่กำลังมาแรงที่สุดตอนนี้กลับเป็นลูกค้าจีนแดง ทำให้ผมต้องหันเริ่มหันมามองภาษาจีนล่ะ ตอนนี้พูดได้แค่ บอกราคาแค่นั้นเอง ยังเชียร์อะไรแทบไม่ได้ ถ้าลูกค้าไม่ถามมากก็พอตอบไหว แต่ถ้าถามรายละเอียดสินค้า ใบ้แด๊กประจำครับ
..............................กำลังคิดๆอยู่ว่าจะเริ่มไปเรียนภาษาจีนแบบจริงจังดีใหม ใจนึงก็อยากลอง แต่อีกใจก็เบื่อล่ะครับ เพราะว่ามันเป็นภาษาที่ยาก แล้วผมก็ไม่ได้ชอบมันเท่าไหร่ อีกอย่างผมไม่ชอบทรีทลูกค้าจีนด้วย ลูกค้าจีนแดงเป็นลูกค้าที่ไม่ค่อยมีมารยาท กระโชกโฮกฮาก แล้วก็ชอบอวด ไม่ค่อยชอบซื้อเท่าไหร่ เพราะของบ้านเขาถูก แต่จริงๆแล้วประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่มาก คนไม่รวยก็เยอะ แต่คนรวยก็ยังพอมีหลงมาบ้าง บางคนที่หลงมา เขามีตัง แต่ถ้าเราสื่อสารกับเขาไม่เคลียร์ แทนที่จะขายของได้ก็พลาดไปก็มี บางทีถ้าเขาอยากได้ของจริงๆ เราก็โชคดีไป แต่ถ้าเขา 50/50 เราก็แห้วอยู่บ่อยๆ ( ถ้าไม่มีล่าม , ไก๊ด์ หรือพี่ที่เก่งภาษามาช่วยเชียร์ ) สาเหตุหลักที่ผมไม่เริ่มเรียนจีนก็เพราะว่า มันเหนื่อยใจครับ ปีก่อนผมทุ่มเทเวลาทั้งปี กับการศึกษาอิตาเลียน แล้วมันก็ไม่ได้ใช้ ผมไม่ค่อยอยากจะเริ่มอะไรใหม่ๆแล้ว มันท้อ มันล้า ...ถ้าเรียนภาษามาแค่ขายของก๊อกๆแก๊กๆ ไม่รู้จะคุ้มค่าเสียเวลาหรือเปล่า . อย่างว่าเพราะใจเรามันไม่ได้รักภาษานี้อยู่แต่เดิม ถ้าเป็น ภาษา เกาหลี ยังน่าเรียนกว่ากันเยอะ หรือว่าภาษารัสเซียก็ยังน่าเรียนกว่า
..............................กลับมาเล่าเรื่องที่ทำให้เสียอารมณ์วันนี้ดีกว่า เรื่องมันมาจากมีลูกค้าโทรมาร้องเรียนฝ่ายบริการลูกค้า ต้องการจะมาเปลี่ยนสินค้า โดยเหตุผลที่เขาอ้างมาจากว่า เขามาซื้อของ ต้องการของรุ่นนึง แต่คนขาย ( ซึ่งก็คือผม ) ไปเชียร์สินค้าอีกรุ่นนึง แล้วเขาก็เชื่อตามผม พอเขากลับบ้าน เขาไปศึกษาข้อมูลเพิ่ม เขาก็พบว่า รุ่นเดิมที่เขาต้องการมันดีกว่า และต้องการเปลี่ยนของ ?? หัวหน้าที่ทำงานเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ แต่เรื่องตลกก็คือ ไม่มีร้านค้าร้านใหนในประเทศไทยแล้วล่ะ ที่จะบ้าจี้ แคร์ลูกค้าเท่าร้านที่ผมทำอยู่ เรียกว่าแทบจะรับประกันความพอใจเลยด้วยซ้ำ ของไม่ได้มีปัญหา ราคาก็ถูกกว่าข้างนอก แถมใช้ไปแล้ว มาขอเปลี่ยน ก็ยังให้เปลี่ยนอีก ( จะบ้าตาย ) ถ้าไปซื้อข้างนอกตามร้านทั่วไป แล้วคุณไปบอกเขาว่า ไม่พอใจ ต้องการเปลี่ยนของ เค้าคงจะเปลี่ยนให้คุณหรอกครับ เผลอๆหัวเราะใส่ด้วยซ้ำ !! .. ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ความไม่พอใจในคุณภาพของสินค้าด้วยนะครับ แต่เป็นความไม่พอใจ เพราะกรูไม่พอใจเท่านั้นเอง ?? เอากับแม่งสิ อีดอกเอ๊ย !! ...
..............................ขอโทษนะครับ ผมไปบีบบังคับให้คุณซื้อของเหรอครับ ? ผมไปล้วงบัตรเครดิตมา แล้วจับมือคุณเซ็นชื่อลงไปเหรอครับ ? ของสองชิ้น คุณภาพใกล้เคียงกัน อันนึงแพงกว่าอันนึงถูกกว่า ผมเชียร์ อันที่ถูกกว่าเกือบสองพัน ( อันที่ถูกกว่าเป็นรุ่นใหม่กว่าด้วย ) ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเชียร์ตัวแพง เพื่อให้ได้คอมมิชชั่นที่มากกว่า แต่ผมเชียร์ตัวถูกกว่า เพราะเห็นว่าคุณภาพมันดีจริง ของดีจริง และราคาก็คุ้มค่ากว่า แล้วจะซื้อของแพงกว่าไปทำไมกันครับ ? ผมอุตส่าห์แนะนำสิ่งดีๆให้ เสือกไม่เห็นคุณค่า แถมมาย้อนกลับผมแบบนี้อีก แล้วที่ตลกก็คือ ร้านที่ผมทำอยู่ ยอมให้ลูกค้าเปลี่ยนของด้วย ถ้ามันกลับมาวันที่ผมอยู่นะ ผมจะถามเลยว่า ผมไปบังคับให้พี่ซื้อของตอนใหนเหรอ ? ของแพงกว่าไม่จำเป็นต้องดีกว่าหรอกครับ แล้วคนที่ใช้ของเป็นนะ ของรุ่นที่ถูกกว่านะ ให้ผลงานได้คุณภาพเจ๋งกว่า ของที่แพงกว่าที่บางคนซื้อไปแล้วใช้ไม่เป็นด้วยซ้ำ !! โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก ... อ้อ อีกจุดนึง ที่มันนึกว่าฉลาดแต่โง่ก็คือ มันบอกว่าสินค้าในร้านผม แพงกว่าราคาขายสินค้า ( ของเหมือนกัน ) ในเน็ท ... โหะๆๆ ของในเน็ทคุณภาพมันไว้ใจได้ที่ใหนครับ ของร้านเรามีประกันศูนย์ มีปัญหา คุณกลับมาเปลี่ยนได้ มาเคลมได้ มาส่งซ่อมได้ ถ้าคุณไปซื้อในเน็ท มีปัญหา คุณลืมไปได้เลยครับ เรื่องบริการหลังการขาย แถมประกันศูนย์น่ะไม่มีหรอก มีแต่ประกันร้าน แล้วร้านในเน็ท มันตั้งอยู่ใหนก็ไม่รู้ เกิดเจอของเสีย ก็ตายอย่างเดียวครับ เสียตังฟรี เสียค่าซ่อมอานแน่ มีแต่คนโง่ๆเท่านั้นที่จะซื้อ ของประกันร้าน จากในเน็ท ... ( เผลอๆใบประกันปลอมก็มีเกลื่อน ) .... แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกนะว่า จะยอมเสียค่าโง่ 600 ตามที่มันเข้าใจว่ามันซื้อของแพงกว่าราคาในเน็ทไป 600 นี่ยังไม่นับบัตรสมนาคุณที่มันได้ไปอีกนะ หักลบกลบหนี้มันก็กำไรไปมากกว่าไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ... เสียดายที่ผมไม่ได้เป็นคนรับโทรสับไม่งั้นจะตอกกลับให้หน้าหงายไปเลย หรือถ้าเจอกันต่อหน้านะ ผมอยากดูหน้าหน่อยว่าเป็นคนใหน แหม๊ โง่บรรลัย แถมยังงี่เง่าอีก อยากดูนักว่า ตอนที่มาเปลี่ยนของ จะกล้าปากดีเหมือนที่ตอนพ่นในโทรสับกับคนอื่นๆหรือเปล่า .... เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแถมท้ายนะครับ ถ้าคุณคิดจะไปซื้อของที่ใหน อย่าลืมตรวจสอบราคาเปรียบเทียบหลายๆร้านก่อนตัดสินใจซื้อ .... ถ้ามีเวลา และถ้าซื้อของแพง ควรศึกษาข้อมูลสินค้าและรายละเอียด หรือทดลองใช้ก่อนได้ก็น่าจะดีมากครับ และถ้าตัดสินใจได้เรียบร้อยแล้ว ไปถึงร้านนะครับ ไม่ต้องไปเสียเวลาคุย หรือถามเซลล์ให้ลังเลเปล่าๆ ไปถึงก็รีบๆซื้อซะนะครับ จะได้ไม่เสียเวลากับชีวิตของคุณ ที่สำคัญไม่เสียเวลาเซลล์ด้วย เขาจะได้รีบๆขายแล้วก็ไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อ
Create Date : 12 สิงหาคม 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 12 สิงหาคม 2550 20:47:05 น. |
Counter : 757 Pageviews. |
|
|
|
สบายดีนะค่ะ
นมสดรีเทิร์น อิอิ
คงจะได้แวะมาเม้น มาเม้าทกันบ่อยๆ