ความรักแบบเมตตาเป็นกุศล ศัตรูไกลของเมตตาคือ โทสะ (ความยินร้าย) ศัตรูใกล้ของเมตตาคือ โลภะ ซึ่งอันหลังนี้ เป็นกิเลสสายเดียวกับ กาม ราคะ เปมะ (ความยินดี) ในมหาสติปัฏฐานสูตรเรียกทั้งสองอย่างในชื่อว่า อภิชฌาโทมนัส ความยินดียินร้าย ในโลกธรรมสูตรเรียก อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ อารมณ์นำมาซึ่งความยินดีความยินร้าย. ในบาลีว่า “อัปปเยหิ สัมปโยโค ทุกโข การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์ ปิเยหิ วิปปโยโค ทุกโข การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์.” บัณฑิตย์ใคร่ครวญแล้ว จึงไม่ทำสิ่งเป็นรัก และ ไม่เป็นที่รัก ให้เกิดขึ้น ดำเนินชีวิตไปโดยธรรมเป็นสุขศานติอยู่ แม้ในปัจจุบันทีเดียว.
เมตตาแบบที่ไม่เจือหรืออยู่ห่างศัตรูทั้งสอง พุทธาทิบัณฑิตย์ทั้งหลายสอนให้เจริญ เมตตาอัปปมัญญา คำว่า อัปปมัญญา เป็น ชื่อของ สูญญตา ความว่าง ในที่นี้ได้แก่ ความว่างจากโลภะโทสะโมหะ และอาจกล่าวได้ว่า เป็นการเจริญเมตตา ที่สัมปยุตต์ด้วยวิปัสสนาปัญญา หรือ ถ้าจะเป็นสมาธิภาวนา ก็เป็น สมาธิสัมโพชฌงค์ อันนำไปสู่ อาสวักขยะญาณ ความเห็นแจ้งด้วยตาปัญญา ซึ่งการดับไปสิ้นไปของอาสวะ ๆ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ในปัจจุบันก็ดีในอนาคตก็ดี.
อีกอย่างหนึ่ง การเจริญเมตตาแบบนี้ หมายความว่า ใช้องค์วิปัสสนาปัญญานำเมตตามาเป็นสนาม (วิปัสสนาภูมิ) เจริญโพชฌงค์ ๗ นั่นเอง เรียกอีกอย่างว่า เจริญวิปัสสนามีเมตตาเป็นอารมณ์.