ชีวิตที่มีชีวิต
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไปก้าวไปทางไหน และก้าวไปด้วยความเร็วเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ วันเวลามักจะซ้ำเติมถีบถองให้เราซวนเซออกจากจุดที่คิดว่ายืนมั่นแล้วเสียเรื่อย อีกทั้งความหวาดกลัวก็มักจะฉวยโอกาสสาดซัดเข้าเกาะกุมลมหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ... ลมหายใจสุดท้ายเยื้องกรายเข้าใกล้
ยามตระหนักว่าวันข้างหน้าหดสั้นเข้า วันคืนที่ผ่านมาได้เพียงแต่หลอนหลอกในความทรงจำ ลมหายใจที่ยังมีอยู่ในขณะนั้นต่างหากเล่าที่เหลือเพียงให้รู้สึก ว่าเราอิ่มเอม หรือว้างโหวง
ชั่วชีวิตเราต่างมีหน้าที่ต้องดูแลถังน้ำคนละสองใบ ถังหนึ่งไม่รั่ว แต่อีกถังหนึ่งรั่ว ถังแรกมีปากเล็กแคบ ต้องค่อยๆเติมอย่างใส่ใจ น้ำถึงเข้าไปได้ ส่วนอีกถังหนึ่งสาดน้ำเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่มันก็จะรั่วออกเสียหมด ถังแรกมักถูกละเลย แต่อีกถังหนึ่งมักถูกเติมแล้วเติมอีก
วันที่ผ่านมา เราเก็บเกี่ยวสิ่งใดเข้าไป และได้เก็บเกี่ยวไปสักเท่าไหร่กัน เพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เราเต็มอิ่มท่ามกลางลำแสงสุดท้ายแห่งชีวิต จริงหรือไม่ที่เรามัวแต่คิดถึงการพุ่งทะยานไปข้างหน้าจนลืมรู้สึกกับปัจจุบัน สิ่งที่ได้ประสบจึงเป็นเหมือนเพียงประสบการณ์ที่มัวซัว ที่เราไม่เคยได้รู้สึกกับมันอย่างแท้จริง คล้ายๆกับตกอยู่ในม่านหมอกอันปกคลุมจิตวิญญาณตลอดเวลา ความเร่งรีบทำให้เราสาดน้ำโครมๆใส่ถังสองใบอย่างไร้ความละเมียดละไม จิตใจเราจึงไม่เคยเต็ม ในขณะที่ร่างกายเรากลับไม่เคยพอ
จนเมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็ได้แต่คร่ำครวญเมื่อเห็นถังทั้งสองใบล้วนว่างเปล่า เราหิวโหยแม้กระทั่งในโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต เศร้าสร้อยเมื่อหันกลับไปมองแล้วพบว่า เราได้ทำให้ชีวิตอันเป็นเหมือนพรที่เราได้รับมานั้นด้อยค่าลง วันเวลาของเราหายไปหน้าที่การงาน หายไปในการหาเลี้ยงชีวิต เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หายไปในการทะเลาะเบาะแว้งและอารมณ์อันขุ่นมัว หายไปในม่านหมอกที่ปกปิดความสงสัยใคร่รู้ถึงความหมายของชีวิตและเหตุผลของการหายใจ มันถูกดูดกลืนหายไปในความเร่งรีบของฟันเฟืองที่หมุนเร็วขึ้นทุกวี่ทุกวันจนกลายเป็นเหมือนหลุมดำทางจิตวิญญาณ
เมื่อพบว่าชีวิตมาถึงสุดถนน ไม่อาจเดินต่อไปได้ และวันคืนที่ผ่านมาก็ว่างเปล่าไร้ความหมาย เพื่ออะไรหรือที่ต่างพากันทำตัวเปล่ากลวง ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้เพียงแค่หายใจไปจนถึงวันที่ลมหายใจจะไม่มีอีกต่อไป และพบว่าชีวิตเรานั้น ยังไม่ได้ทำอะไรเลย จิตวิญญาณเรายังคงหิวโหย และความอิ่มเอมของถังใบที่รั่วนั้น ไม่เคยมีได้จริง
จะต้องใช้ความกล้าหาญสักเท่าไหร่นะ เพื่อใช้ชีวิตให้ช้าลง ให้เอ่อล้นไปด้วยความรัก และไม่ต้องสาดน้ำโครมๆเข้าใส่ถังน้ำที่เรามีอยู่ เพื่อให้เราได้รู้สึกรู้สากับทุกๆก้าวย่างของชีวิตและสิ่งที่เราทำอยู่อย่างแท้จริง เพื่อให้เรามีชีวิตที่เต็มอิ่ม และไม่ต้องหันกลับมาถามตัวเองในวันสุดท้ายว่า ...เวลาของชีวิตมันหายไปไหนหมด...
...
และถ้าทำได้ ฉันอยากจะจากไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ ท่ามกลางความเต็มอิ่มที่ลอยอยู่เหนือความเจ็บปวดทั้งมวล ในวันสุดท้ายฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่าฉันอิ่มเอมกับทุกๆก้าวของชีวิตทั้งหมดแล้ว และไม่มีสิ่งใดจะต้องสงสารหรือเสียดายอีกต่อไป
ฉันจะเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ วันที่ฉันยังสบายดีและมีเรี่ยวแรง
ฉันจะใช้ชีวิตให้สมกับชีวิตที่ฉันมี
Fallen Embers....by Enya
Create Date : 11 กันยายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 10 กรกฎาคม 2552 0:47:05 น. |
Counter : 569 Pageviews. |
|
|
|
พี่ว่าเสี้ยวตอบทุกอย่างภายในย่อหน้านี้เเล้วนะ
ถึงจะฟังเป็นสูตรสำเร็จของลัทธิสุขนิยมมากไปหน่อย เเต่เราไม่ต้องใช้ความกล้าหาญมากมายนักหรอกในการเปลี่ยนเเปลงชีวิต
เเค่คิดเเล้วลงมือทำ เดี๋ยวนี้เลย เท่านั้นเอง
เราควรใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นก็จริง เเต่บางครั้งเชื่อฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้างก็ไม่ผิดนะ :)