YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
คน "อื่น" ที่เราทำหาย

“ทำไมต้องถือร่มต่ำขนาดนั้นด้วย”

เธอสบถเบาๆ อย่างเกรี้ยวกราด คงเพราะโมโหที่ปลายร่มคันนั้นปาดหน้าผากเธอเข้าไปเต็มๆ พร้อมทั้งทิ้งหยดน้ำไว้เป็นทางยาวบนเสื้อผ้า หากว่าเจ้าของร่มสีชมพูสวยคันนั้นคงไม่ได้ยินแน่ๆ เพราะเดินเลยไปไกลเสียแล้ว จะชนใครบ้างไม่สนใจ ไม่ใช่เพราะเป็นคนจิตใจไม่ดี แต่เพราะเคยชินกับการเพิกเฉยต่อสิ่งที่อยู่รายรอบตัว

ก็คงคล้ายๆ กับคนส่วนมากเดี๋ยวนี้ ที่ต้องฝึกตัวเองให้สามารถเมินเฉยต่อสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ขอทานที่นั่งอยู่แทบเท้า ไปจนถึงเด็กเช็ดกระจกรถตามสี่แยก เพราะเชื่ออย่างฝังจิตฝังใจว่า การเผื่อแผ่เนื้อที่สำหรับความสงสารนั้น จะกลายเป็นช่องทางทำกินของบรรดามิจฉาชีพ

เราจึงทำคนอื่นหายไปจากโลกของเรามากขึ้นทุกที... ทุกที

ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของมิจฉาชีพนั้นมีอยู่จริง แต่มันคุ้มหรือที่ปล่อยให้มันทำให้เราเมินเฉยต่อความลำบากของผู้อื่น เพราะผลลัพธ์ของมันคือจิตใจที่ชาด้านอันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แม้จะเพาะบ่มจากจุดเล็กๆ แต่เมื่อจุดเชื่อมต่อจุด ผลเสียจะขยายผลต่อไปจนถึงระดับประเทศ อย่างเดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็ได้ยินแต่คำว่าสมานฉันทน์ ได้ยินแต่คำว่าอยากให้คนไทยรักกัน เหมือนกับว่าขี้เกียจจะไปรับรู้ปัญหาของคนอื่นเขา ถึงได้เอะอะอะไรก็สมานฉันทน์ไว้ก่อน ปัญหาไม่ต้องแก้แค่ขอให้รักกัน ภาพลักษณ์ประเทศจะได้ไม่เสียหาย ธุรกิจเราจะได้ไม่วุ่นวาย

มีบ่อยครั้งที่เราตั้งคำถามว่า ปัญหาของเราก็มากมายอยู่แล้ว จะมาคาดหวังให้เราไปไปรับรู้ปัญหาของคนอื่นอีกได้อย่างไร แต่ถ้าเราเปิดตาให้กว้างขึ้น ใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น เราอาจจะเห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว ที่ปัญหาต่างๆไม่เคยหมดไปนั้น เป็นเพราะว่าเราไม่เคยใส่ใจกันและกัน

...

เจ้าของร่มเดินไปหยุดยืนรอรถห่างออกพอระยะตามองเห็น หน้าจิ้มลิ้มของเธอเรียบเฉย ไม่ได้รับรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ยืนอยู่แถวนั้นเพียงแต่หันมามองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าฉันเล็กน้อย แล้วก็หันกลับไป

ฝนยังคงตกปรอยๆ ทุกอย่างดำเนินไปแบบเดิมๆ

ราวกับฉากเมื่อสักครู่

เป็นเพียงละคร




Create Date : 18 กันยายน 2551
Last Update : 18 กันยายน 2551 19:04:12 น. 9 comments
Counter : 770 Pageviews.

 
บางครั้งผมก็รู้สึกดีนะที่ได้เป็นมนุษย์ล่องหน
แต่ หลายๆครั้ง ก็ต้องปากว่ามือถึง
แล้วก็หลายๆครั้งที่ต้องเมินหนี เพราะมันเป็นเรื่องที่ชินไปแล้วมั้งครับ..


โดย: นายปลาดาว.. (yjam ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:20:22:11 น.  

 
Heaven and Hell: The Real Difference

A man spoke with GOD
about heaven and hell.

GOD said to the man,
“Come, I will show you hell.”

They entered a room where a group of
people sat around a huge pot of stew.
Everyone was famished,
desperate and starving.

Each held a spoon that reached the pot,
but each spoon had a handle so much
longer than their own arm that it could not
be used to get the stew into their own mouths.

The suffering was terrible.

“Come, now I will show you heaven,”
GOD said after a while.

They entered another room, identical to the first -
the pot of stew, the group of people, the same long-handled spoons.
But there everyone was happy and well-nourished.

“I don’t understand,” said the man.
“Why are they happy here when they were miserable
in the other room and everything was the same?”

GOD smiled.
“Ah, it is simple,” he said. “Here they have learned to feed each other.”





โดย: discipula วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:21:47:28 น.  

 
ขออนุญาตเอาเรื่องมาลงให้อ่านเล่นนะคะคุณเสี้ยว (บางทีคุณเสี้ยวอาจเคยอ่านแล้ว) อ่านเรื่องที่คุณเสี้ยวเขียนแล้วนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาน่ะค่ะ

สังคมเราในปัจจุบันชักจะใกล้สภาพในนรกเข้าไปทุกที ต่างคนต่างนึกถึงแต่ตัวเอง เหมือนดังที่คุณเสี้ยวเขียนไว้ว่า "มีบ่อยครั้งที่เราตั้งคำถามว่า ปัญหาของเราก็มากมายอยู่แล้ว จะมาคาดหวังให้เราไปไปรับรู้ปัญหาของคนอื่นอีกได้อย่างไร แต่ถ้าเราเปิดตาให้กว้างขึ้น ใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น เราอาจจะเห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว ที่ปัญหาต่างๆไม่เคยหมดไปนั้น เป็นเพราะว่าเราไม่เคยใส่ใจกันและกัน"

เห็นจริงด้วยทุกประการค่ะ

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: discipula วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:21:52:55 น.  

 
ความคิดคุณโดนอะ !!!

เราเลือกที่จะมองเห็นอย่างที่เราอยากเห็น หลายๆสิ่งหลายอย่างแม้อยุ่ตรงหน้าเราก็แกล้งตัวเองให้มองไม่เห็น

เราเป็นอย่างนั้นจริงๆ


โดย: Escobar วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:22:23:16 น.  

 
จริงด้วยครับ

พื้นที่สำหรับคนอื่นน้อยลง

พื้นที่สำหรับตัวเองยิ่งน้อยกว่า

เราทำสังคม

หรือสังคมทำเรา


โดย: so straight วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:2:59:09 น.  

 
คนเขียนเรื่องแบบนี้ได้

ต้องช่างสังเกต
ช่างเก็บอารมณ์
และมีทักษะการเขียนที่ดี

เขียนบล็อกนี้ได้ดีจังครับครูเสี้ยว





โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:7:22:57 น.  

 
ครับ
บางครั้งเพิกเฉยสิ่งรอบข้างและคนรอบข้างบ้างก็ทำให้เราปลอดภัยและมีความสุขได้ครับ

แต่สังคนบ้านนอกอย่างที่ผมอยู่นั้นแตกต่างกับเมืองบากกอกครับ บ้านอกนั้นส่วนมากรู้จักกันข้ามหมู้บ้านหลายๆหมู่บ้านมีอะไรช่วยเหลือกันตลอดชีวิตก็มีความสุขไปอีกแบบนึงครับ


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:9:08:12 น.  

 
โดนค่ะ โดน เต็มๆเลย


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:11:12:45 น.  

 
วันอาทิตย์...อยู่ในห้าง
ไปเดินเล่น
หรือไปทำงานน๊า?


โดย: t_karnya วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:12:25:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.