ฉัน เชียงใหม่ Final Project สนามบาส เมาดอกไม้ และวันวาเลนไทน์
ฉันอยู่เชียงใหม่มาได้หลายวันแล้ว แต่ละวันล้วนมีเหตุการณ์สนุก ๆ เข้ามาในชีวิต ประหนึ่งเหมือนว่ามาเที่ยวเสียมากกว่าทำงาน
เมื่อวานวันวาเลนไทน์ ฉันได้รับคำเชิญจาก 'เอ็ดดี้' น้องจากภาค Eng ที่สนิทกันให้ไปดูละครตัว Final Project เรื่อง Red Giant
ละครของเอ็ดดี้เรื่องนี้เป็นการรวมกันของละครสองเรื่องคือราโชมอนและ Akaoni นิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น Red Giant กล่าวถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งนับถือรูปปั้นยักษ์สีแดง วันหนึ่งเกิดฆาตกรรมขึ้น จึงเกิดการตั้งคำถามกันว่าใครกันที่เป็นคนร้าย ละครเรื่องนี้หยิบยืมการเล่าเรื่องจากราโชมอน คือการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของแต่ละตัวละคร ความจริงแท้คืออะไรเป็นสิ่งที่ตัวหนังตั้งคำถาม
ฉันชอบไปดูงานกิจกรรมของเด็ก ๆ ตั้งแต่สมัยฉันเรียนแล้ว ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่าง ความไม่ซีเรียส แม้ฉันจะไม่ได้ทำกิจกรรมเบื้องหน้ามากนัก แต่ฉันก็ชอบที่ได้เห็นเด็ก ๆ ทำกิจกรรมกัน
ละครอีกเรื่องซึ่งเป็นตัวจบเช่นเดียวกันย้ายลงมาแสดงกันที่หน้าตึก น้องกลุ่มนี้หยิบยืมเอาเรื่องของพระลอและลักษณาวดีมาผสมกัน โดยเด่นที่ใช้หุ่นกระบอกมาประกอบการแสดงด้วย กลิ่นกำยานบวกกับบรรยากาศพลบค่ำที่ลอยอยู่ทั่วสนามหญ้าทำให้ดูขลังมากกว่าละครเวทีทั่วไป ฉันดูจบด้วยความสุขใจ คิดถึงวันที่เราเคยอยู่ ณ จุดนั้น
ตั้งแต่ฉันมาอยู่เชียงใหม่ ทุกเย็นฉันต้องไปเล่นบาสฯ แม้ฉันจะเล่นไม่เก่งมากนัก (แต่ก็พอไม่เป็นตัวถ่วงให้ชาวบ้าน) แต่ฉันถือเป็นกิจกรรมที่ฉันต้องไปทำทุกครั้งที่อยู่เชียงใหม่
ตอนนี้ที่ มช.มีการจัดแข่งขัน บาสเกตบอล มช.โอเพน ขึ้น ทีมต่าง ๆ ทั้งหน้าใหม่และขาประจำต่างสมัครเข้ามาแข่ง ฉันเล่นบาสเสร็จก็ไปนั่งดู เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของฉันแข่งบาส
ยามเมื่อฉันอยู่กรุงเทพฯ ฉันแทบไม่ได้เล่นกีฬาเลย ความเครียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็สะสมขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดภาวะท้อในชีวิตเพราะความเครียดเหล่านั้นไม่มีโอกาสปลดปล่อย
ฉันบอกได้อย่างเต็มปากว่าการเล่นกีฬาทำให้ความเครียดหายไปได้จริง ๆ เมื่อฉันอยู่สนามบาสที่แสนโวยวาย ทุกคนต่างเปล่งเสียงตะโกน ทั้งตอนเล่นและตอนคุยกันธรรมดา ความเครียดที่เคยสะสมไว้ในหัวถูกปลดปล่อยไปพร้อมเสียงโวยวายพวกพ้องของฉัน ทุกวันนี้หัวของฉันโล่งเบาจากความเครียดต่าง ๆ มาก ๆ
เมื่อคืน วันวาเลนไทน์ ตามมติที่ประชุมพรรค mass comm 43 ณ เชียงใหม่ คือ เราจะไปนั่งทำลายความสุขชาวบ้านเขาที่ร้านลานกรวด ฉันไปถึงลานกรวดตอนเกือบสามทุ่ม สิ่งที่ฉันมิเคยพบปรากฎก็เกิดขึ้น
วันอังคาร ลานกรวดเต็มเฉย!!!
ด้วยความงงและอึ้งไม่รู้จะไปไหนต่อ บังเอิญว่าพี่ป้อง แฟนของยุ้ยซึ่งเป็นเพื่อนฉัน อยู่ที่อีกร้านหนึ่ง ชื่อ เมาดอกไม้ เราเลยเปลี่ยนที่ไปนั่งทำลายความสุขชาวบ้านกันที่เมาดอกไม้
บรรยากาศในเมาดอกไม้ยอดเยี่ยม แสงสลัว ๆ บวกกับดนตรีอคูสติกสดเพราะ ๆ ที่ทดแทนบางอารมณ์ที่เบื่อ postrock ของฉันได้ เรานั่งกันใกล้นักร้อง โอเชี่ยนเพื่อนสาว ขอแต่ละเพลงไป พี่นักร้องได้แต่อึ้ง เพราะเพลงเก่าประมาณคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเพลง 'ยับ' ที่สุดท้ายคุณพี่นักร้องก็ขอร้องเพลง 'puff' แทน เพราะจำเนื้อเวอร์ชั่นไทยไม่ได้
ส่วนคนอื่น ขอกันแต่เพลงเก่า ๆ พี่แจ้ ดอน สอนระเบียบ งี้ ทำเอาพี่นักดนตรีหัวเราะใหญ่เลย....
ฉันไม่รู้ว่าโต๊ะข้าง ๆ ที่เป็นชายหญิงคู่หนึ่งจิบไวน์ย่างโรแมนติคเช็คบิลลุกออกไปอย่างเร็วไวเพราะอิ่มแล้วหรือเสร็จไปตามแผนของพวกฉันกันแน่ แต่ดูแล้วไวน์ในแก้วหมดเกลี้ยง คงมิใช่ตามแผนฉันแล้วกระมั้ง
เมื่อคืนเราเลิกกันไว สี่ทุ่มครึ่งก็กลับกันแล้ว ขับรถผ่านถนนนิมมานเหมินต์ สี่ทุ่มกว่าแล้วแต่รถติดมาก ๆ ติดจนชวนให้เบื่อ
ใครมาทำอะไรกันมากมายกันที่ร้านเหล้านักหนาหนอในวันวาเลนไทน์เช่นนี้ หรือว่าเขาจะมาทำแบบเรา 555....
ใครมีความสุขอย่างไร เล่าให้ฟังบ้างนะครับ
ป.ล. ใครเป็นแฟนนิตยสาร cinemag ตอนนี้มีให้อ่านในเนตแล้วน่ะ ลองเข้าไปอ่านได้ที่ //www.cinemagonline.com นะครับ (แต่ตอนนี้ผมเข้าไม่ได้)
โดยส่วนตัวผมชอบเจเนเรชั่น 3 มาก ๆ โดยเฉพาะปกครับ เป็นนิตยสารหนังไทยที่ทำปกสวยที่สุดแล้ว
ป.ล. 2 ของเปลี่ยนแบคกราวด์บล็อกหนึ่งวันนะ
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
25 comments |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2549 11:55:02 น. |
Counter : 838 Pageviews. |
|
|
|