เล่ห์ซ่อนใจ : บทที่ 6
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณศิริวรรณ: ฮั่นแน่! เจอนักอ่านเงาแล้ว ฝากติดตามด้วยนะคะ Smiley

คุณyapapaya: อ่านต่อได้เลยค่า Smiley

คุณaey: ดูทรงตอนนี้แล้วคงยังไม่เชื่อง่ายแน่เลยค่ะ



บทที่ 6


ชาร์ล็อตยืนมองป้ายแผ่นโลหะสลักเป็นตัวหนังสือดูเคร่งขรึมที่ติดอยู่ตรงผนังกระจกของอาคารที่ตั้งของสำนักงานกฎหมายการ์เดี้ยนลอว์ หลังจากที่โทรศัพท์ไปติดต่อกับสำนักงานของฮอว์ธอร์นในช่วงเช้าของวันนี้ น่าแปลกใจที่เขารับนัดหมายของเธอทันทีเพราะตอนแรกเธอเดาเอาไว้ว่าเขาอาจจะแกล้งทำตัวไม่ว่างและอาจจะไม่รับนัดเธอเลยก็ได้

เธอปัดความคิดสับสนของตนออกไปก่อนที่จะผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไปด้านใน และก็พบกับเคาน์เตอร์ต้อนรับของสำนักงาน

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่านัดใครไว้หรือเปล่าคะ?”

ชาร์ล็อตยิ้มก่อนจะพยักหน้า “ฉันมาพบกับคุณฮอว์ธอร์นค่ะ นัดเอาไว้ตอนบ่ายโมง”

“คุณชาร์ล็อต คลาร์ก หรือเปล่าคะ?” พนักงานต้อนรับกล่าวหลังจากที่ก้มหน้าลงไปเช็คตารางนัดหมายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์

“ใช่ค่ะ”

พอได้ยินชาร์ล็อตตอบเช่นนั้น พนักงานต้อนรับจึงยกโทรศัพท์ภายในขึ้นมาและพูดกับคนปลายสายอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวดิฉันจะนำทางให้ เชิญทางนี้เลยค่ะ”

เธอเดินตามหลังหล่อนไปในขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆ บรรยากาศภายในสำนักงานทนายความแห่งนี้แม้ว่าจะไม่ได้ดูโมเดิร์นเหมือนอย่างสำนักงานสมัยใหม่ทั่วไปเป็นแต่ก็ดูน่าเชื่อถือสมกับเป็นสำนักงานกฎหมายระดับต้นๆ ของอังกฤษ พนักงานต้อนรับพาเธอมาหยุดที่หน้าห้องที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของทนายความเจ้าของสำนักงาน เพราะหน้าห้องมีโต๊ะทำงานที่คงเป็นของเลขานุการอยู่ด้วย สตรีวัยราวสามสิบปลายๆ เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาแล้วก็ยิ้ม

“คุณฮอว์ธอร์นกำลังรอคุณอยู่เลยค่ะคุณคลาร์ก เชิญที่ประตูนี้เลยค่ะ”

ชาร์ล็อตเดินประตูไม้แบบคู่บานใหญ่ที่ติดป้ายโลหะสลักชื่อ ‘โรเบิร์ต ฮอว์ธอร์น’ เธอเคาะประตูเป็นจังหวะสองสามทีรอเสียงขานรับจากคนในห้องแล้วจึงเปิดเข้าไป

ภาพแรกที่เธอเห็นนั้นผิดกับที่เธอคิดเอาไว้มาก เพราะผู้เป็นเจ้าของสำนักงานทนายความนั้นไม่ได้นั่งหน้าเคร่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแต่กลับกำลังนั่งเอกเขนกอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งพร้อมกับแก้วกาแฟร้อนในมือ พอเขาเห็นเธอแล้วรอยยิ้มอบอุ่นคล้ายกับที่โฮเวิร์ดเคยยิ้มให้กับเธอก็ระบายไปทั่วใบหน้าของเขาก่อนจะวางแก้วกาแฟลงพร้อมกับกล่าว

“ผมแปลกใจมากที่คุณติดต่อผมมาก่อน... เชิญนั่งสิคุณคลาร์ก”

“เรียกชาร์ล็อตก็ได้ค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับนั่งลงตรงโซฟาตัวที่อยู่ตรงข้ามกับเขา

“ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อคุณไปเลยทั้งที่โฮเวิร์ดคงบอกคุณไว้แล้วว่าถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นผมจะเป็นคนติดต่อคุณไปเอง”

“ฉันมาทำงานที่ลอนดอนพอดีด้วยน่ะค่ะ และที่มาวันนี้ก็เพราะจะเอาเอกสารที่ลุงโฮเวิร์ดฝากเอาไว้มาคืนให้กับคุณ เพราะอยู่กับฉันคงจะไม่มีประโยชน์อะไร” แล้วเธอก็ยื่นซองเอกสารที่ใส่พินัยกรรมคืนให้กับโรเบิร์ต

ทนายเจ้าของสำนักงานมองซองเอกสารในมือของเธอแล้วก็ยิ้มพลางส่ายหน้า “ตอนนี้พินัยกรรมฉบับนี้คงใช้ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะว่าหลังจากที่โฮเวิร์ดตาย ญาติของเขาได้เปิดพินัยกรรมอีกฉบับที่อ้างว่าโฮเวิร์ดได้เขียนเอาไว้ก่อนจะเสียชีวิต และมันก็มีเนื้อหาคนละอย่างกับที่ฉบับที่คุณและผมมีแบบคนละเรื่องกันเลย”

“หมายความว่ายังไงคะ? นี่แปลว่าที่ลุงโฮเวิร์ดบอกฉันว่ามีคนคิดจะปลอมแปลงเอกสารก็เป็นเรื่องจริงสิคะ”

“ก็เพราะยังหาทางพิสูจน์ไม่ได้น่ะสิ จะเป็นฉบับจริงหรือการปลอมแปลงขึ้นมาก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ตอนนี้ผมกำลังหาทางตรวจสอบอยู่”

“ถ้าอย่างนั้นเอาพินัยกรรมฉบับที่ฉันมีไปยืนยันจะไม่ดีกว่าเหรอคะ?”

“มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ถ้าหากเราแสดงเอกสารที่เรามีอยู่ตอนนี้ก็อาจจะถูกมองได้ว่าเราเป็นฝ่ายปลอมแปลงเอกสารขึ้นมาเอง ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าพินัยกรรมฉบับที่ถูกเปิดไปแล้วนั้นเป็นของปลอม ตอนนี้ฝ่ายนั้นยังไม่รู้ว่าทางเรามีหลักฐานอะไรบ้าง”

“แสดงว่าที่คุณไม่ได้ติดต่อมาหาฉันเลยก็เพราะเรื่องนี้เองน่ะเหรอคะ?”

“ผมอยากจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยกว่านี้แต่คุณก็มาที่นี่เองจนได้ เรื่องนี้นอกจากผมแล้วก็ยังมีลูกชายของโฮเวิร์ดอีกคน เพราะถ้าหากจะทำอะไรผมต้องถามความเห็นชอบของเขาก่อน”

“แล้วลูกชายของลุงโฮเวิร์ดเขารู้หรือเปล่าคะว่าคุณมีพินัยกรรมฉบับจริงอยู่”

“ผมไม่ได้บอกเขา มันคงไม่ปลอดภัยสำหรับเขาแน่ถ้าหากพวกนั้นเกิดรู้ขึ้นมาว่ามีพินัยกรรมฉบับจริงอยู่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปผมขอให้รออีกสักระยะหนึ่งได้ไหม เพราะตอนนี้ผมกำลังพยายามตรวจสอบและสืบอยู่ว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมีอะไรที่มากกว่าที่คิดเอาไว้หรือเปล่า”

“ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าฉันคงจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่นานกว่าที่คิดเสียแล้วกระมัง”

โรเบิร์ตหัวเราะกับคำพูดแบบปลงตกของเธอ “ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นนางแบบ ผมเข้าใจนะถ้าหากว่าคุณจะต้องเดินทางกลับไปก่อนเพราะผมไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบกับงานของคุณ”

“ไม่หรอกค่ะ ช่วงนี้ฉันพักอยู่ ก็ดีเหมือนกันที่จะได้ถือโอกาสนี้พักผ่อนไปในตัว”

“แล้วคุณวางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่”

“ตอนแรกฉันวางแผนเอาไว้ว่าจะอยู่ที่นี่สักอาทิตย์ แต่พอได้ฟังที่คุณเล่ามาแล้ว เกรงว่าฉันคงจะต้องอยู่นานกว่านั้น แต่แค่กำลังคิดว่าถ้าหากต้องอยู่นานๆ การพักอยู่ในโรงแรมในตัวเมืองลอนดอนคงจะไม่ไหวเหมือนกัน”

“ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ ผมมีบ้านพักที่ชานเมืองที่ผมซื้อทิ้งไว้อยู่หลังหนึ่ง คุณจะไปอยู่ที่นั่นก็ได้นะ ผมให้คนคอยทำความสะอาดอยู่ตลอด พร้อมอยู่ได้เลย”

“จะดีเหรอคะ ฉันเกรงใจน่ะค่ะ”

“ถือเสียว่าผมอำนวยความสะดวกให้คุณไถ่โทษที่ผมไม่ได้ติดต่อคุณไปก่อนหน้านี้ ที่นั่นเงียบและปลอดภัยดีถ้าหากคุณอยากมาพักผ่อนแบบส่วนตัว คุณสบายใจได้” แล้วโรเบิร์ตก็มองหน้าเธออย่างพิจารณาก่อนจะอมยิ้ม “คุณหน้าตาเหมือนพ่อของคุณมากนะ แต่ว่าคุณก็ได้ความสวยและสีของดวงตามาจากแม่ของคุณด้วย”

ชาร์ล็อตเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “นี่คุณรู้จักพ่อกับแม่ของฉันด้วยเหรอคะ?”

“ผมเคยไปอยู่กับพ่อของคุณและโฮเวิร์ดในช่วงหนึ่งหลังจากที่ผมเพิ่งเรียนจบโรงเรียนกฎหมายมาใหม่ๆ แต่ก็ไปอยู่ไม่กี่เดือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง...”

เขาละคำพูดเอาไว้เมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่ดูเหมือนว่าจะรู้เรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเธอก็เม้มริมฝีปากพลางก้มหน้า

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงรู้เรื่องทั้งหมดด้วย” แล้วเธอก็ถอนหายใจเมื่อเห็นเขาพยักหน้า “แล้วคุณเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ลูกของลุงโฮเวิร์ดฟังหรือเปล่าคะ?”

โรเบิร์ตมองเธอด้วยสายตาที่แสดงความเห็นใจก่อนจะตอบ

“ผมไม่เคยเล่าให้เขาฟัง”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ามีแต่ฉันคนเดียวสินะคะที่รู้เรื่องนี้” เธอกล่าวพลางบิดริมฝีปากยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น

“ผมเสียใจที่คุณต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้นะ แต่ว่าวิธีการรับมือกับปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”

“ฉันเข้าใจค่ะ มันคงเป็นโชคร้ายของฉันเองที่ดันมีสองคนนั้นเป็นพ่อและแม่”

โรเบิร์ตพยักหน้า “อย่าคิดแบบนั้นเลยแม่หนู กับโฮเวิร์ดและเกว็นเองก็ใช่ว่าจะมีความสุขกันไปได้ตลอด พวกเขาเกือบจะหย่าขาดจากกันด้วยซ้ำตอนที่หล่อนรู้เรื่องนี้ เพียงแต่คงเป็นเพราะความรักที่มีต่อลูกและการปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันถึงได้ทำให้ผ่านเรื่องราวพวกนั้นมาได้”

“อย่าพยายามปลอบใจฉันเลยค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะผูกใจเจ็บอะไรกับพ่อแม่ของตัวเองหรอก แต่สิ่งที่ฉันได้รับจากการกระทำของพวกเขามันก็มากเกินกว่าที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สมอะไรหรือว่ามองโลกในแง่ดีเหมือนอย่างคนอื่นๆ เขา”

พอเห็นท่าทางของชาร์ล็อตที่ดูแข็งกร้าวขึ้นโรเบิร์ตก็เลี่ยงประเด็นนั้นไปเป็นเรื่องอื่นแทน

“ตกลงว่าคุณสนใจเรื่องบ้านพักของผมไหม”

ชาร์ล็อตนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ขอฉันเก็บเอาไปคิดก่อนก็แล้วกันนะคะ”

เขายิ้มก่อนที่จะหยิบนามบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะและใช้ปากกาเขียนอะไรบางอย่างลงไปที่ด้านหลังแล้วยื่นให้กับเธอ “นี่เป็นเบอร์โทรติดต่อส่วนตัวของผมที่ไม่ต้องผ่านเลขาฯ เผื่อว่าคุณมีอะไรอยากจะให้ผมช่วย”

เธอรับมันมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่รบกวนเวลาของคุณฮอว์ธอร์นแล้ว”

“อย่าคิดว่าเราเป็นคนอื่นคนไกลกันเลย คุณเป็นลูกสาวของเพื่อนผม จะไม่ให้ผมช่วยเหลือคุณได้ยังไง”

ชาร์ล็อตยิ้มและกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง “แล้วถ้าหากว่ามีอะไรคืบหน้า คุณจะบอกให้ฉันรู้ไหมคะ?”

โรเบิร์ตลุกขึ้นยืนก่อนจะเช็คแฮนด์กับเธอ “ผมจะแจ้งให้คุณทราบทันทีที่มีอะไรคืบหน้า แล้วถ้าหากคุณตัดสินใจเรื่องที่พักได้เมื่อไหร่ ก็บอกผมได้ทุกเมื่อไม่ต้องเกรงใจนะ”

“ค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะคุณฮอว์ธอร์น”

แต่ทว่าก่อนที่เธอจะได้เดินออกไปจากห้องนั้น เลขาฯ ของโรเบิร์ตก็เคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามาหยุดที่หน้าประตูก่อนจะกล่าว

“คุณโคลเทรนมาพบค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้รอหรือว่าจะให้เข้ามาเลยคะ?”

คิ้วของชาร์ล็อคขมวดเข้าหากัน “โคลเทรน?”

“ลูกชายของโฮเวิร์ดน่ะ เขามีนัดกับผมวันนี้เหมือนกัน... ให้เข้ามาได้เลยแมรี่”

แมรี่พยักหน้าก่อนจะเดินหายไปหลังประตูอีกครั้ง และโรเบิร์ตก็หันมาทางเธอ “ได้จังหวะพอดีเลย หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร”

แล้วเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่โรเบิร์ตจะพยักหน้าก่อนจะเปิดเผยรอยยิ้มที่แตกต่างไปจากที่เขายิ้มให้กับเธอ

“ผมเพิ่งเห็นว่าอามีแขกอยู่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเข้ามาใหม่ก็ได้นะครับ”

น้ำเสียงที่คุ้นหูนั้นทำให้ชาร์ล็อตที่ยังยืนหันหลังให้กับผู้มาใหม่นั้นนิ่งงัน โคลเทรน... นี่เราไม่ทันคิดไปได้ยังไงกันเนี่ย แล้วเธอก็หลับตาลงก่อนจะเอ็ดตัวเองในใจที่น่าจะสงสัยนับตั้งแต่รู้ว่าเขานามสกุลเดียวกับโฮเวิร์ดแทนที่จะคิดไปเองว่าก็แค่คนนามสกุลเหมือน

“ไม่เป็นไรหรอกเราคุยธุระเสร็จกันแล้ว” โรเบิร์ตกล่าวแล้วหันมาทางชาร์ล็อต “ยังไงก็จะต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้ว แนะนำให้รู้จักกันไปเลยก็แล้วกันนะ”

แม้ว่าจะไม่อยากหันกลับไปมองแต่ด้วยมารยาทแล้วเธอก็ต้องทำ และเธอก็พบกับสายตาของเขาที่มองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยและดวงตาของเขาก็ดูเย็นชาเสียจนดูเหมือนกับเป็นคนละคนกับที่เธอได้เจอที่บาหลี ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเขาคงได้ยินข่าวลือระหว่างเธอกับโฮเวิร์ดแล้วแน่ๆ

ชาร์ล็อตลอบถอนหายใจก่อนที่จะปั้นรอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ให้เขาได้รู้

“ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักนะ นี่จอห์น โคลเทรน ลูกชายของโฮเวิร์ด”




***************************



“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แจ็คกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับชาร์ล็อต แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหล่อนเป็นอะไรกับพ่อของเขา หากทว่าแจ็คก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอหล่อนในสำนักงานทนายความของโรเบิร์ตเช่นนี้

“ชาร์ล็อต คลาร์กค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เธอตอบเขาด้วยสุ้มเสียงที่ฟังดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความสำรวมในขณะที่ใบหน้าของเธอฉาบด้วยรอยยิ้มตามมารยาทสังคม

“ผมรู้ว่ามาคุณสนิทกับพ่อของผม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาพบกับคุณที่สำนักงานของอาบ๊อบ”

เขารู้ว่าเธอรู้สึกได้ถึงถ้อยคำประชดประชันในน้ำเสียงของเขาเพราะเขาเห็นคิ้วของเธอกระตุกเข้าหากันเล็กน้อยหากใบหน้านั้นก็ยังคงฉาบด้วยหน้ากากรอยยิ้มอยู่

“ชาร์ล็อตกับอามีธุระที่จะต้องคุยกันนิดหน่อยน่ะ พอดีโฮเวิร์ดฝากเอกสารบางฉบับที่อาจำเป็นต้องใช้ไว้ที่เธอ พอมาอังกฤษเธอก็เลยแวะเอามาให้ตรวจดูว่าใช่หรือเปล่า”

โรเบิร์ตกล่าวก่อนที่จะเดินมาแตะข้อศอกของเธอพร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น แจ็คมองท่าทางระหว่างสองคนนั้นแล้วก็นึกหยันชาร์ล็อตในใจ นี่น่ะเหรอคนที่บอกว่าไม่เชื่อมั่นในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ดูนี่สิ พอไม่ได้เกาะพ่อแล้วก็วิ่งโร่มาถึงอังกฤษเพื่อเกาะอาบ๊อบแทบจะไม่ทันเชียว

“คงเป็นเอกสารสำคัญมากถึงขนาดที่พ่อฝากไว้ที่คุณแถมคุณยังนำมันมาส่งให้อาบ๊อบด้วยตัวเอง ขอบคุณมากนะครับ” แจ็คกล่าวพร้อมกับยกมุมปากขึ้นยิ้มหยันพลางมองมาที่เธอเพื่อจะดูว่าเธอจะรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมาบ้างไหมกับการกระทำที่ไร้ยางอายเช่นนี้

“ฉันมีธุระที่นี่พอดีน่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร” ชาร์ล็อตตอบสั้นๆ แล้วหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ ในขณะเดียวกันเธอก็ปรายตามองแจ็คอยู่แว่บหนึ่งก่อนที่จะเลียนแบบรอยยิ้มของเขาและหันกลับไปหาโรเบิร์ตพร้อมกับยกมือขึ้นแตะต้นแขนของชายวัยกลางคน

“ถ้าหากฉันตัดสินใจได้เมื่อไหร่แล้วฉันจะโทรไปแจ้งให้ทราบนะคะ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ” แล้วเธอก็ยื่นหน้าไปแนบแก้มกับโรเบิร์ต

“แล้วเจอกันนะคะ แล้วก็ยินดีที่ได้พบค่ะคุณโคลเทรน”

“คุณคลาร์ก” แจ็คตอบสั้นๆ พร้อมกับพยักหน้าให้กับเธอน้อยๆ อย่างสงวนท่าที แต่สายตาของเขากลับดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร

โรเบิร์ตเลิกคิ้วกับท่าทางและสายตาของแจ็คและชาร์ล็อตที่ดูท่าทางไม่ค่อยเหมือนคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกสักเท่าไร แถมน้ำเสียงประชดประชันจากคนที่เขาเอ็นดูเหมือนเป็นหลานชายแท้ๆ นั้นก็ฟังดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่เขายังไม่คิดจะเอ่ยถามอะไรเพราะดูเหมือนว่าระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้คงมีเรื่องตื้นลึกหนาบางอะไรมากกว่าที่คิดแน่ 




****************************




“เธอมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ”

แจ็คเอ่ยปากถามทันทีที่ชาร์ล็อตไม่อยู่แล้ว ท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจปนหงุดหงิดหน่อยๆ ของแจ็คนั้นทำให้โรเบิร์ตเลิกคิ้ว หากก็ยังไม่ตอบในทันทีแถมยังเดินเลี่ยงไปที่เคาน์เตอร์แพนทรีที่อยู่ในห้องทำงานของตนอีกต่างหาก

“ชาหน่อยไหม?”

แจ็คเอียงศีรษะกับการตอบรับของโรเบิร์ตหากก็พยักหน้า “ครับ ก็ดีเหมือนกัน”

และเขาก็เดินไปนั่งตรงโซฟาตัวเดียวกับที่ชาร์ล็อตนั่งเมื่อครู่และรอโรเบิร์ตอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าโรเบิร์ตคงสังเกตอะไรบางอย่างระหว่างเขากับชาร์ล็อตถึงได้ปล่อยให้เขานั่งอยู่เฉยๆ และสังเกตพฤติกรรมของเขาด้วยตัวเองเช่นนี้

“ชาร์ล็อตติดต่ออาทันทีที่เธอมาถึงอังกฤษ บอกว่าโฮเวิร์ดมีเอกสารสำคัญที่ฝากเอาไว้กับเธอ และเผอิญอาก็จำได้พอดีว่าพ่อของนายฝากอะไรเอาไว้ให้ก็เลยเชิญให้เธอมาหาที่สำนักงาน”

“เอกสารอะไรเหรอครับ” แจ็คว่าพลางขมวดคิ้ว

“แค่เอกสารบางอย่างที่อาเคยขอให้พ่อของนายทำเอาไว้น่ะไม่ได้สำคัญอะไรหรอก แต่ถึงยังไงเธอก็อุตส่าห์เอามาให้ถึงที่ ก็ควรจะต้องขอบคุณไม่ใช่เหรอ”

“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ หน้าตาสวยๆ แบบนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน” แจ็คว่าพลางแค่นหัวเราะ ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของเขามาวางบนโต๊ะ “ดูนี่สิครับ เผื่ออาจะยังไม่เห็น”

โรเบิร์ตหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มพลางโคลงศีรษะ “ข่าวจากหนังสือพิมพ์พวกนี้จะเชื่อได้แค่ไหนกันเชียว เพราะอย่างนี้นายเลยถึงได้พูดจาแดกดันหล่อนแบบนั้นล่ะสิ”

“ผมไม่ได้เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากข่าว แต่ผมดูสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพต่างหาก จับมือถือแขนกันแบบนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าหากแม่เห็นแล้วจะเป็นยังไง”

“แล้วนี่แม่ของนายเห็นหรือยัง”

แจ็คส่ายหน้า “คงไม่หรอกครับ แม่กลับไปอยู่กับพวกญาติที่ไทย คงไม่มีเวลามาสนใจข่าวในเมืองนอกหรอก”

“ก็ดี... แล้วที่นัดมาวันนี้น่ะมีเรื่องอะไรเหรอ?”

“พรุ่งนี้ป้าเฮเลนและทางสำนักพิมพ์จะจัดงานรำลึกถึงพ่อ ก็เลยบังคับแกมขอร้องให้ผมไปร่วมงานและกล่าวสุทรพจน์เกี่ยวกับพ่อน่ะครับ”

“เป็นความคิดของเฮเลนล่ะสิท่า ชอบทำอะไรให้วุ่นวายเหมือนเคย” โรเบิร์ตว่าพลางหัวเราะ “เพราะอย่างนั้นก็เลยจะมาชวนอาไปด้วยเหรอ?”

“ก็ผมต้องการกองหนุนนี่ครับ อาจะปล่อยให้ผมไปตะลุยกับครอบครัวของป้าเฮเลนคนเดียวมันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”

“เข้าใจพูดนะ... ก็เอาสิ ยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรด้วย ว่าแต่งานเริ่มกี่โมงล่ะ?”

“ช่วงบ่ายน่ะครับ”

“พรุ่งนี้มารับอาที่บ้านเลยก็แล้วกันนะ”

“แล้วเรื่องการตรวจสอบหลักฐานไปถึงไหนแล้วเหรอครับ”

พอพูดถึงเรื่องนี้โรเบิร์ตก็ถอนหายใจก่อนจะตอบ “ตอนนี้มีปัญหาอยู่ที่ว่าทนายของฝั่งเจนนิ่งส์น่ะให้เอกสารมาไม่ครบ ก็ไม่รู้ว่าทางฝั่งนั้นไม่รู้ว่าให้เอกสารไม่ครบหรือว่าแกล้งทำเป็นตีมึนน่ะสิ”

ใบหน้าของแจ็คก็ดูเคร่งเครียดหนักขึ้นกว่าเดิม “ผมกะเอาไว้แล้วว่าต้องไม่ยอมให้โดนตรวจสอบง่ายๆ แน่”

“อาจะลองคุยกับพวกนั้นดูอีกที ในระหว่างนี้นายก็อย่าไปกระโตกกระตากอะไรมากก็แล้วกัน เดี๋ยวฝ่ายนั้นจะรู้ตัวไปเสียก่อน” แล้วโรเบิร์ตก็ตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ “อาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อนายและโฮเวิร์ด ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ เราจะต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้”

“ขอบคุณครับอา” แม้จะรู้สึกซาบซึ้งกับความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขาและครอบครัวอย่างสุดความสามารถ แต่แจ็คก็ยังไม่อาจคลายความกังวลได้ว่าเรื่องนี้มันจะไม่ใช่เรื่องที่จบลงโดยง่ายอย่างที่คิด และโดยเฉพาะการปรากฏตัวของชาร์ล็อตที่ถึงแม้ว่าโรเบิร์ตจะอ้างว่าหล่อนแค่นำเอกสารที่ไม่สลักสำคัญอะไรมาให้ก็ตาม มันต้องมีอะไรนอกเหนือจากนั้น แต่ว่าโรเบิร์ตกลับไม่ยอมบอกให้เขารู้และนั่นคือสิ่งที่เขาชักเริ่มสงสัยว่าทนายความเพื่อนสนิทของพ่อเขานั้นกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ 




*****************************




ชาร์ล็อตวางลิปสติกลงบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วจึงลุกขึ้นหยิบชุดที่เตรียมเอาไว้สำหรับงานในวันนี้มาสวม ชาร์ล็อตเลือกชุดกระโปรงแขนกุดทรงดินสอสีเทาเข้มซึ่งเธอพิจารณาแล้วว่าคงเป็นชุดที่สุภาพและดูเหมาะกับงานที่มีคนในแวดวงวรรณกรรมที่ไม่ได้ต้องการความหรูหราอะไร และเธอไม่อยากไปเจอสายตาที่มองเธอในฐานะนางแบบที่มีความเกี่ยวพันกับโฮเวิร์ดก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอย่างที่หนังสือพิมพ์กอสซิปตีข่าวกันอย่างสนุกสนานเมื่อเดือนที่แล้ว

เธอถอนหายใจเมื่อใบหน้าของคนที่เธอเพิ่งได้รู้เมื่อวานนี้ว่าเขาเป็นใครก็เข้ามารบกวนความคิดของเธออีกครั้ง ตั้งแต่เมื่อวานชาร์ล็อตก่นด่าตัวเองในใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าแจ็คกับโฮเวิร์ดจะเป็นพ่อลูกกันทั้งที่ก็รู้ว่าเขานามสกุลเดียวกันอยู่โทนโท่แต่ เธอโทษว่าคงเป็นเพราะเรื่องว้าวุ่นใจหลายๆ เรื่องที่ประดังประเดเข้ามาถึงได้ทำให้ไม่ทันนึกถึง แถมใครจะไปคิดว่าลูกชายของนักเขียนชื่อดังจะมีอาชีพที่ห่างไกลจากอาชีพของพ่อของเขาแบบคนละโลกอย่างการเป็นช่างภาพกันเล่า

เมื่อนึกถึงสายตาแสนเย็นชาที่มองเธอ ทั้งสีหน้าและแววตาของแจ็คนั้นดูราวกับเป็นคนละคนกับชายหนุ่มผู้ที่มองเธอด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อเดือนก่อนโดยสิ้นเชิง และทั้งที่คิดว่าตัวเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับความรู้สึกของเขามากนักแต่เธอก็ไม่ได้จิตใจด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรความรังเกียจจากสายตาของเขา

บางทีการที่เขาเข้าใจว่าเธอเป็นชู้รักของพ่อเขานั้นอาจจะทำให้แจ็คไม่คิดมายุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอ เพราะเธอรู้แก่ใจตัวเองว่าเรื่องระหว่างเธอกับแจ็คคงไม่มีทางเป็นไปได้เมื่อพบว่าเขาคือลูกชายของโฮเวิร์ด และเธอก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเธอจะเพียงแค่ช่วยตอบแทนบุญคุณของโฮเวิร์ดด้วยการช่วยพิสูจน์ว่าพินัยกรรมฉบับที่อยู่กับเธอนั้นเป็นของจริงแล้วหลังจากนั้นเธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตตามแบบที่เธอฝันและต้องการอย่างเต็มที่เสียที

เสียงเคาะประตูห้องดึงให้ชาร์ล็อตหลุดจากห้วงความคิดและวางหนังสือที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่ได้อ่านลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูและปลดล็อคให้เจมส์ที่มารับเธอให้เดินเข้ามา

“รถมารออยู่ตรงชั้นล่างแล้ว ไปกันเลยไหม?” เจมส์เอ่ยถามในขณะที่เดินเข้ามาในห้องพักของเธอและมองสำรวจไปรอบๆ ห้องก่อนจะหลิ่วตาใส่เธอ “หวังว่าห้องพักที่เราจัดให้คุณพักคงเป็นที่น่าพอใจนะครับ”

“ยิ่งกว่าพอใจอีกค่ะ ต้องขอบคุณทางสำนักพิมพ์ด้วยที่อำนวยความสะดวกสบายให้ฉันมากขนาดนี้”

“ถ้าคุณยังตัดสินใจที่จะพิมพ์ผลงานกับเราต่อไป เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยครับ” แล้วเจมส์ก็มองนาฬิกาข้อมือ “ผมว่าเราไปกันเถอะ จะได้ไม่ไปถึงที่งานสาย”

ชาร์ล็อตพยักหน้าแล้วก็หยิบกระเป๋าถือและเดินไปออกจากห้องไปโดยที่มีเจมส์เดินตามหลังไปติดๆ 




*****************************




แจ็คเช็คแฮนด์กับผู้คนในงานที่เข้ามาทักทายและกล่าวแสดงความเสียใจกับเขาเรื่องพ่อของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าเขากล่าวขอบคุณและสนทนาด้วยรูปประโยคเดิมๆ กับคนมากี่คนแล้ว แต่เพราะทุกคนต่างแสดงความเห็นอกเห็นใจกับเขามันจึงเป็นเรื่องที่พอรับได้

“ขอบคุณครับ” เขากล่าวขอบคุณกับใครสักคนที่ริชาร์ดแนะนำว่าเป็นนักเขียนอาวุโสซึ่งรู้จักกับพ่อของเขาก่อนที่จะเดินปลีกตัวแยกไปทางด้านหนึ่งที่ปลอดคนอยู่พอสมควร

“ดูท่าทางสนุกกับงานดีนะ”

แจ็คหันไปกลอกตาใส่โรเบิร์ตก่อนจะแค่นหัวเราะ “สนุกมากจนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดยังไงดีเลยล่ะครับ”

โรเบิร์ตหัวเราะกับถ้อยคำประชดประชันของเขา

“ปกติแล้วงานสังคมมันก็เป็นแบบนี้ แต่ก็ทำให้รู้นะว่าพ่อของนายน่ะเป็นที่น่าเคารพนับถือมากขนาดไหน”

“ก็เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่อยากบ่นไงล่ะครับ” แล้วแจ็คก็หันไปหยิบเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินถือถาดนำมาเสิร์ฟในงานพร้อมกับกล่าวขอบคุณ “ถึงแม้ว่างานนี้จะมีอะไรแอบแฝงอยู่ลึกๆ ก็ตาม”

“ไม่รู้ว่าเฮเลนมีแผนอะไรอยู่นะถึงได้จัดงานนี้ขึ้นมาได้ หรือคิดจะใช้งานนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานของพ่อนายแบบเนียนๆ หรือเปล่า”

แจ็คมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันใดกับข้อสังเกตของโรเบิร์ต “ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราคงลำบากแน่”

โรเบิร์ตยิ้มก่อนจะตบไหล่ของเขาเบาๆ “ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก เรื่องของพินัยกรรมยังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องแบบนี้ก็ยังอ้างสิทธิ์อะไรไม่ได้หรอก หรือถ้าจะอ้าง ก็จะยิ่งเข้าทางเราใหญ่ อาว่าพวกเจนนิ่งส์คงไม่ได้ซื้อบื้อถึงขนาดนั้นหรอก”

“ก็เพราะผมรู้ว่าพวกป้าเฮเลนไม่ใช่คนไม่ฉลาดน่ะสิครับ ผมถึงได้ลำบากใจ”

แล้วสายตาของแจ็คก็เหลือบไปเห็นความเคลื่อนไหวตรงทางเข้าห้องจัดเลี้ยงซึ่งดูเหมือนจะมีแขกกลุ่มใหม่เข้ามาในงาน ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นว่าเป็นใคร เขาก็ต้องสบถออกมาเบาๆ

“ให้ตายสิ...”

โรเบิร์ตเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางของแจ็ค และพอมองตามสายตาของชายหนุ่ม ทนายหนุ่มใหญ่ก็หัวเราะพลางหันมาหลิ่วตาใส่เขา

“ดูเหมือนว่าโลกจะแคบกว่าที่คิดนะ”

“ครับ ยิ่งกว่าแคบเลยล่ะ” ชายหนุ่มคำรามลอดไรฟันในขณะที่มองชาร์ล็อตซึ่งกำลังหยุดทักทายเฮเลนและริชาร์ดที่อยู่รอต้อนรับตรงหน้างาน ร่างสูงระหงของของชาร์ล็อตอยู่ในชุดเดรสสั้นสีเทาเข้มแขนกุดชุดดูสุภาพเหมาะสมกับงาน แต่ทว่ากระโปรงทรงดินสอแนบไปกับสะโพกเน้นช่วงขาเรียวยาวนั้นก็ไม่อาจซ่อนรูปร่างที่ดูสูงระหงอย่างคนเป็นนางแบบได้ ผมยาวสลวยของเธอถูกรวบเป็นหางม้าเผยให้เห็นใบหน้าของเธอที่มีเอกลักษณ์สะดุดตาแม้ว่าจะไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนอย่างที่เธอปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือนิตยสารหรือรันเวย์แฟชั่นโชว์ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในงานนี้

แน่ละ ใครจะไปคิดว่านางแบบชื่อดังของวงการแฟชั่นจะมาปรากฏตัวในงานนี้ด้วย

เขาเหยียดริมฝีปากยิ้มหยัน ไม่ว่าใครก็คงจะชื่นชมหรือหลงเสน่ห์ของเธอไม่เว้นแม้แต่เขา แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นผู้หญิงของพ่อเขามาก่อน และเขาก็ไม่มีความคิดที่จะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนเดียวกับพ่อของเขาเสียด้วย

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหตัวเองที่ไม่น่าพาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลย ถ้าหากเขารู้สักนิดเขาคงไม่ต้องมารู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่เอาแต่คอยมองเธออย่างไม่วางตาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ควรทำเช่นนั้น

แต่ที่เขาไม่เข้าใจในเวลานี้ก็คือ ในเมื่อใครๆ ต่างก็รู้ว่าเธอมีความเกี่ยวพันเช่นไรกับพ่อของเขา แล้วเธอยังกล้ามาปรากฏตัวในงานนี้เพื่ออะไร เธอมีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาที่นี่กันแน่?



โปรดติดตามตอนต่อไป


ในที่สุดพระเอกนางเอกก็ได้เจอกันซะที แต่ว่าก็เจอหน้ากันก็แผ่ออร่าใส่กันซะแล้วสิ หุๆๆๆ

แล้วอย่างนี้จะเป็นยังไงต่อ ติดตามตอนหน้านะคะ Smiley


รักคนอ่านค่ะ Smiley





Create Date : 14 ธันวาคม 2558
Last Update : 14 ธันวาคม 2558 1:48:16 น.
Counter : 666 Pageviews.

2 comments
  
รอลุ้นคะ
โดย: yapapaya IP: 27.55.74.186 วันที่: 14 ธันวาคม 2558 เวลา:23:27:49 น.
  
ขอตามอย่างกระชั้นชิดค่ะ
โดย: ศิริวรรณ IP: 110.168.229.133 วันที่: 18 ธันวาคม 2558 เวลา:21:44:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


ธันวาคม 2558

 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend