บทที่ 5
ชาร์ล็อตรู้จักโฮเวิร์ดจากนิยายที่เขาแต่งและเธอก็นับถือเขาในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอมีความฝันอยากจะเป็นนักเขียน แต่เธอได้พบกับโฮเวิร์ดเป็นครั้งแรกเมื่อเขามาเปิดการสอนบรรยายเกี่ยวกับการเรื่องการเขียนวรรณกรรมในยุคสมัยใหม่ร่วมกับนักเขียนชื่อดังอีกหลายคนที่มหาวิทยาลัยของเธอ แล้วเธอก็ได้รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของทั้งพ่อและแม่ของเธอและเขาก็รู้สึกยินดีมากที่ได้พบกับลูกสาวของเพื่อนสนิททั้งสองแบบที่ไมได้คาดคิดมาก่อน หลังจากนั้นเธอก็ได้โฮเวิร์ดมาเป็นที่ปรึกษาในการเขียนนิยายและยังแนะนำสำนักพิมพ์ที่เหมาะสมสำหรับผลงานของเธอด้วย
เพราะไม่เคยได้รับความรักหรือความเอาใจใส่จากพ่อและแม่ เมื่อโฮเวิร์ดเดินเข้ามาในชีวิตและหยิบยื่นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอดทั้งชีวิตให้ เธอก็กระโจนเข้าใส่เขาโดยไม่ลังเลโดยที่เขายังคิดจะเสนอช่วยเหลือค่าเล่าเรียนให้กับเธอด้วยซ้ำหากทว่าเธอก็ปฏิเสธไปเพราะเธอสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยอาชีพนางแบบที่เธอกำลังทำอยู่
การแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจของโฮเวิร์ดนั้นไม่ได้ทำให้ชาร์ล็อตนึกสงสัยในตัวเขาว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นห่วงเป็นใยเธอมากถึงขนาดนี้ เธอเคารพและนับถือเขาราวกับเป็นญาติสนิทคนหนึ่ง และทุกครั้งที่โฮเวิร์ดมีบรรยายที่อเมริกา เธอก็จะหาโอกาสมาพบกับเขาทุกครั้งเพื่อเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ
จนกระทั่งวันที่เธอได้รับรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการให้การช่วยเหลือของเขานั้นคืออะไร
*****************************
หกเดือนก่อน...
ขอโทษที่นัดมากะทันหันแบบนี้นะ นี่คงไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่ใช่ไหม โฮเวิร์ดเอ่ยถามพลางส่งยิ้มให้เมื่อเธอไปพบเขาที่ร้านอาหารร้านที่เป็นสถานที่นัดพบเวลาเจอกันเป็นประจำ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าเพิ่งจะเสร็จจากถ่ายแบบแล้วก็จะว่างไปตลอดทั้งวัน มีไม่กี่คนที่เธอใช้คำแทนตัวเองด้วยชื่อนี้และโฮเวิร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้น ชาร์ล็อตเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอากล่องของขวัญกล่องหนึ่งออกมายื่นให้กับเขา
ผ่านวันเกิดของคุณลุงไปแล้วแต่ว่าฟ้าให้ตอนนี้คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ
โฮเวิร์ดรับกล่องของขวัญจากมือของเธอแล้วก็ยิ้ม ขอบใจนะ จริงๆ แค่หลานมาเจอลุงได้ก็ดีแล้วล่ะ
ลองเปิดดูสิคะ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นราวกับเป็นเด็ก จนทำให้โฮเวิร์ดโคลงศีรษะก่อนที่จะบรรจงแกะกระดาษห่อของขวัญและเปิดกล่องออกดูซึ่งก็พบว่าเป็นเนคไทพร้อมกับที่กลัดซึ่งทำมาจากทองคำขาวเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ห้องเสื้อสัญชาติอิตาลีอันโด่งดัง
พอดีเมื่ออาทิตย์ก่อนฟ้าไปถ่ายแบบที่มิลานมา แล้วก็นึกได้ว่าใกล้วันเกิดของคุณลุงแล้ว ฟ้าก็เลยซื้อนี่มากะจะให้เป็นของขวัญน่ะค่ะ
โฮเวิร์ดมองเนคไทที่อยู่ในกล่องสลับกับมองใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มของชาร์ล็อตแล้วก็ลอบถอนหายใจเมื่อเนคไทที่เธอซื้อมานั้นทำให้เขาระลึกได้ว่าสิ่งที่เขานัดเธอมาวันนี้เพราะสาเหตุอะไร
เป็นของขวัญวันเกิดที่วิเศษมาก ลุงจะเก็บและใช้มันเป็นอย่างดีเลย... แต่ว่าวันนี้ลุงมีบางอย่างที่อยากจะให้รับฟังก่อนที่ลุงอาจจะไม่มีโอกาสได้เล่าให้ฟังอีก
เรื่องอะไรเหรอคะ? เธอขมวดคิ้วมุ่นกับถ้อยคำที่ชวนให้สงสัยของเขา
เรื่องของลุงกับพ่อแม่ของหลาน
แววตาของโฮเวิร์ดนั้นทอประกายหม่นเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตแต่ไม่เคยจะเล่าให้ใครฟัง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าต้องมารับผลของเรื่องราวในอดีตโดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
ลุงรู้จักกับแพทริคเพราะเราแชร์อพาร์ทเม้นท์อยู่ด้วยกันตอนที่ลุงมาเรียนที่นี่ แล้วด้วยนิสัยที่ชอบอะไรคล้ายๆ กันก็เลยทำให้เราสนิทกันได้ง่าย แต่ก็ไม่คิดว่าความชอบของเราทั้งคู่จะรวมถึงผู้หญิงคนเดียวกันด้วย
โฮเวิร์ดหยุดพูดเมื่อเห็นว่าสีหน้าของชาร์ล็อตเปลี่ยนไป และเขารู้ได้ในทันทีว่าเธอเองคงเดาได้ว่าเขาหมายถึงใคร
ลุงพบเธอในตอนที่ไปอบรมร่วมกับสาขาโบราณคดี แม่ของหลานเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองและมีเสน่ห์มาก แล้วเหมือนโชคจะเข้าข้างที่ลุงได้อยู่กลุ่มทำงานร่วมกันก็เลยมีโอกาสได้ทำความสนิทสนมกับเธอจนกระทั่งเราตกลงที่จะคบหาเป็นคนรักกันและลุงก็ได้แนะนำให้เธอรู้จักกับแพทริค หลังจากนั้นพวกเราสามคนก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ว่าลุงก็มองสายตาของแพทริคออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอแต่ว่าด้วยความที่พวกเราเป็นเพื่อนกันเขาจึงไม่เคยล้ำเส้นและเว้นระยะห่างให้กับพวกลุงตลอดมา จนกระทั่งลุงได้พบกับบทเรียนครั้งใหญ่ถึงการไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง
แล้วโฮเวิร์ดก็ถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะกล่าวต่อ
ตอนนั้นจิลต้องเดินทางไปตะวันออกกลางกับคณะขุดสำรวจโบราณสถาน ส่วนลุงที่กำลังอยู่ในระหว่างทำวิทยานิพนธ์สำหรับปริญญาเอกได้ไปเป็นผู้ช่วยของอาจารย์และได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่ลุงได้เป็นที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ของเธอและเพราะความใกล้ชิดนั้นที่ทำให้ใจของลุงที่คิดว่ามั่นคงกับจิลมาโดยตลอดนั้นต้องไขว้เขวไป
ถ้าหากจิลเป็นผู้หญิงที่ทำให้ลุงตกหลุมรักเพราะความเข้มแข็งในแบบของเธอแล้วล่ะก็ เกว็นก็ทำให้ลุงรู้สึกอยากปกป้องและคอยดูแล เธอมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ลุงเกิดความรู้สึกอยากที่จะครอบครองเธอให้เป็นของลุงเพียงคนเดียว ความรู้สึกนั้นนับวันก็ยิ่งมากขึ้นจนกระทั่งลุงแพ้ใจตัวเอง... ลุงได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเกว็นในระหว่างที่จิลไม่อยู่ แพทริคที่รู้เรื่องนี้ก็ไม่พอใจที่ลุงทำแบบนี้กับจิลและทะเลาะกันจนแพทริคย้ายออกไปอยู่คนเดียวตามลำพัง แต่ชนวนที่ทำให้พวกเราต้องแตกหักกันนั้นก็เพราะเกว็นกำลังตั้งท้องโดยที่พ่อของเด็กก็คือลุง ลุงจึงจำเป็นจะต้องบอกความจริงให้กับจิลรู้เพื่อจบความสัมพันธ์กับเธอและรับผิดชอบกับสิ่งที่ลุงทำกับกวินตราด้วยการแต่งงาน
แล้วหลังจากนั้นแม่กับพ่อก็แต่งงานกันเหรอคะ?
โฮเวิร์ดพยักหน้า พอลุงแต่งงานกับเกว็นแล้วลุงก็เหมือนถูกสองคนนั้นตัดขาดไปจากชีวิตและย้ายกลับไปอยู่ที่อังกฤษ หลังจากนั้นไม่นานถึงได้รู้ว่าสองคนนั้นคบหากันและแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกสองปีลุงก็ได้พบกับจิลอีกครั้งที่ลอนดอน
โฮเวิร์ดมองเธอที่ยังคงนั่งนิ่งรอฟังสิ่งที่เขาจะเล่าต่อด้วยท่าทางสงบนิ่งด้วยความรู้สึกผิดที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของเขานั้นทำให้มือทั้งสองข้างของเธอที่วางอยู่บนตักนั้นบีบเข้าหากันแน่น รับรู้ได้โดยทันทีว่าเขากำลังจะเข้าเรื่องส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
ลุงแปลกใจมากที่เธอเป็นคนติดต่อมาหาลุงเอง เรานัดพบกันและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมารวมถึงเรื่องที่ลุงต้องทำให้เธอเสียใจด้วย เราพูดคุยปรับความเข้าใจกันจนดึก และเพราะเราต่างก็เมาและเยื่อใยบางอย่างที่ยังมีให้กันเลยทำให้ทุกอย่างเลยเถิดไป
ดวงตาของชาร์ล็อตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เธอยังคงนิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรออกมา
หลังจากคืนนั้นแล้วเราต่างคนต่างรู้ว่าเรากำลังทำผิดและไม่คิดที่จะสานต่อให้มันเลยเถิดไปไกลกว่านี้ ลุงกับจิลจึงตัดสินใจที่จะไม่พบเจอกันอีกและใช้ชีวิตกันไปตามทางของตัวเอง แต่ว่า...
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นใช่ไหมคะ?
หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมาลุงถึงได้ยินข่าวว่าจิลกับแพทริคหย่ากัน เพราะแพทริครู้เรื่องในวันนั้นเข้าจนได้
โฮเวิร์ดหยุดพูดเมื่อหญิงสาวยกมือห้าม ใบหน้าของชาร์ล็อตซีดเผือดในขณะที่ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันสนิทจนเป็นเส้นตรงก่อนที่จะคลายออก
เพราะเรื่องนั้นก็เลยทำให้พ่อกับแม่ต้องหย่ากันและพ่อก็ทำท่าทางเหมือนว่าฟ้าไม่ใช่ลูกของตัวเองใช่ไหมคะ? เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะควบคุมไม่ให้มันสั่นตามแรงอารมณ์แล้วก็ตาม
ลุงขอโทษนะชาร์ล็อต
เขายื่นมือไปจะไปแตะไหล่เธอหากทว่าชาร์ล็อตกลับเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่แสดงถึงความผิดหวังและเสียใจกับสิ่งที่ได้ยิน
แสดงว่าที่ผ่านมาทั้งหมดนี้คุณทำไปก็เพราะคิดว่าฟ้าเป็นลูกของคุณหรือเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปในอดีตเท่านั้นเองใช่ไหมคะ
ถ้าหลานจะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่ลุงอยากจะทำอะไรเพื่อหลานบ้าง
ในฐานะอะไรคะ? เธอย้อนถามเสียงหยัน ถ้าหากในฐานะพ่อ คุณสบายใจเถอะค่ะเพราะฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณแน่ๆ
โฮเวิร์ดอดหัวเราะกับถ้อยคำเสียดสีและคำแทนตัวที่ดูเหินห่างของเธอไม่ได้ ไม่หรอก หน้าหลานเหมือนแพทริคขนาดนี้ลุงแล้วจะเป็นลูกของลุงได้ยังไง
แต่พ่อของฉันไม่คิดแบบนั้นน่ะสิคะ... แล้วเธอก็แค่นยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสายตาที่แสนเย็นชาของแพทริคยามที่มองเธอในอดีต ฉันไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรพ่อถึงได้ทำเหมือนกับฉันไม่ใช่ลูกของตัวเองจนกระทั่งฉันเจออุบัติเหตุตอนอยู่ไฮสกูล ฉันยังจำสีหน้าของพ่อได้ตอนที่หมอบอกผลการตรวจเลือดของฉันให้รู้และฉันถึงได้เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร... แต่มันก็ไม่แตกต่างอะไรหรอกค่ะเพราะว่าความรู้สึกของท่านที่มีต่อฉันมันก็ยังคงเหมือนเดิม
ลุงรู้ว่าไม่มีทางที่ลุงจะสามารถลบล้างความเจ็บปวดที่หลานต้องเจอมาในอดีต และถึงแม้หลานอาจมองว่านี่คือการไถ่โทษของลุงที่เปล่าประโยชน์ แต่ว่าอย่างน้อยลุงก็อยากช่วยสนับสนุนให้หลานได้ไล่ตามความฝันที่ต้องการ
ชาร์ล็อตเงียบไปครู่ใหญ่ ความจริงใหม่ที่เพิ่งได้รับรู้นั้นกำลังโจมตีเธอจนตั้งตัวไม่ทัน จริงที่ว่าสิ่งที่โฮเวิร์ดเล่ามานั้นไม่ได้ทำให้อดีตของเธอดีขึ้น กลับกันที่มันยิ่งทำให้บาดแผลในใจของเธอยิ่งเป็นรอยลึกมากขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รู้เสียทีว่าต้นเหตุของการทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกแยกนั้นเกิดขึ้นจากใคร และต่อให้อยากโกรธแค้นคนตรงหน้ามากเพียงใดแต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตดีขึ้นมา
อดีตมันก็เป็นอดีตไปแล้ว ฉันคงเรียกร้องอะไรกลับมาไม่ได้อีก แล้วเรื่องนี้ครอบครัวของคุณรู้กันหรือเปล่าคะ?
ลุงเล่าให้เกว็นฟังหลังจากที่จิลกลับไปได้ไม่นาน แน่นอนว่าลุงทำให้เธอเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าลุงก็พยายามพิสูจน์ตัวเองให้เธอได้รู้ว่าลุงจะไม่ทำแบบนั้นอีก ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาอยู่สักพัก แต่ด้วยเพราะลูกเราถึงปรับความเข้าใจกันได้
ลูกของคุณนี่โชคดีจังนะคะ ผิดกับครอบครัวของฉัน... ที่ต่างคนต่างเลือกไปกันคนละทางโดยไม่สนใจฉันเลยสักนิด เธอกล่าวพลางบิดริมฝีปากยิ้มด้วยความรู้สึกขมขื่น
แล้วลูกของคุณล่ะคะ? รู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
โฮเวิร์ดส่ายหน้า ลุงไม่เคยบอกเขา และเกว็นเองก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรให้เขามารับรู้... ลุงเห็นใจหลานนะเพราะแพทริคเป็นคนอ่อนไหวได้ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเขารักจิลมากไปก็เลยระแวงมาตลอดว่าลุงจะมาข้องเกี่ยวกับจิลอีกไหม ส่วนจิลเองก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเกินไป พอคิดจะตัดขาดอะไรแล้วก็เอาแต่เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
เรื่องของพ่อกับแม่ฉันไม่อยากให้คุณมาวิจารณ์พวกท่านให้ฉันฟังหรอกนะคะ
โฮเวิร์ดถอนหายใจกับถ้อยคำที่แสดงถึงความหมางเมินของเธอ เขารู้ว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะทำท่าทางแบบนั้นใส่ หากทว่ายังมีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วลุงมีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องหลานช่วย
แล้วโฮเวิร์ดก็ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าชาร์ล็อตที่ชักสีหน้าใส่เขา เธอคงคิดในใจว่าเขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้มาเอ่ยปากขอร้องให้เธอช่วยหลังจากที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง
ก่อนหน้านี้ลุงมีปัญหากับทางสำนักพิมพ์ในเรื่องส่วนแบ่งของค่าลิขสิทธิ์กับทางสำนักพิมพ์ พวกเขาต้องการส่วนแบ่งที่มากขึ้นแต่ลุงเห็นว่ามันไม่สมเหตุสมผลเพราะส่วนแบ่งจากยอดขายที่ตกลงกันไว้ในสัญญาฉบับเดิมก็มากพอแล้ว และหลังจากนั้นไม่นานทางสำนักพิมพ์ก็บอกลุงว่าจะทำหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์ลายเซ็นโดยใช้ลายเซ็นของคนดังในแวดวงต่างๆ รวมถึงลุงมาวิเคราะห์ แต่ว่าลุงรู้สึกสังหรณ์ใจก็เลยลองไปตรวจสอบดูปรากฏว่าไม่มีโครงการทำหนังสือฉบับนั้นและพักหลังมานี้ลุงก็รู้สึกว่ามีอุบัติเหตุแปลกๆ เกิดขึ้นกับลุงอยู่เรื่อยจนลุงชักรู้สึกว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับลุงตอนไหนก็ได้
แล้วฉันจะช่วยอะไรได้ล่ะคะ?
ลุงคิดว่าลายเซ็นของลุงที่ให้ไปอาจจะถูกนำไปใช้ในการปลอมแปลงเอกสารอะไรบางอย่างที่เอื้อผลประโยชน์ต่อสำนักพิมพ์ แล้วโฮเวิร์ดก็วางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะ ลุงเลยเตรียมการเผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลุง นี่คือพินัยกรรมที่ลุงเขียนเอาไว้และอยากฝากเอาไว้ที่หลาน ลุงทำเอาไว้สองชุดสำเนาอีกฉบับลุงจะฝากให้ทนายที่เป็นเพื่อนสนิทของลุง
ชาร์ล็อตขมวดคิ้วพลางมองโฮเวิร์ดแบบไม่เข้าใจ ฉันไม่ใช่ญาติสนิทหรือในครอบครัวของคุณนะคะ และฉันคงรับเอกสารนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ
ถือว่าลุงขอร้องเถอะนะชาร์ล็อต ลุงเก็บมันไว้กับคนในครอบครัวของลุงไม่ได้ และหลานก็แค่เก็บมันเอาไว้เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับลุงเท่านั้นเอง
แล้วเอาพินัยกรรมไว้ที่ฉันมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ เผลอๆ มันอาจจะเอามาใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
เอกสารที่อยู่ในซองนั้นมันจะสามารถยืนยันว่าพินัยกรรมที่หลานมีเป็นฉบับจริงที่ลุงเขียนด้วยตัวเอง ส่วนที่ลุงต้องฝากมันไว้กับหลานก็เพราะลุงคิดว่ามันอาจไม่ปลอดภัยต่อลุงและคนในครอบครัวถ้าหากฝ่ายนั้นรู้ว่าลุงได้เขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ และถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับลุงจริงๆ จะมีคนติดต่อหาหลานเอง เขาชื่อโรเบิร์ต ฮอว์ธอร์นและเขาจะบอกให้หลานรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป... ลุงรู้ว่าความเจ็บปวดของหลานในอดีตที่ผ่านมาลุงคงไม่สามารถทำให้มันย้อนคืนกลับมาได้ สิ่งที่ลุงทำได้ดีที่สุดก็คือให้หลานได้รู้ความจริง ตอนนี้ลุงก็ได้แค่หวังว่าเอกสารที่ลุงฝากเอาไว้ที่หลานจะไม่ได้ใช้
แล้วโฮเวิร์ดก็แตะหลังมือของเธอก่อนจะยิ้มเป็นเชิงขอร้อง ลุงฝากด้วยนะชาร์ล็อต และลุงให้สัญญาว่าลุงจะไม่มารบกวนอะไรหลานอีก
******************************
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบกับโฮเวิร์ดจริงๆ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือน เธอก็ได้ยินข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของโฮเวิร์ดในขณะที่เขากำลังขับรถจะกลับจากที่ทำงานไปยังบ้านที่อยู่ชานเมือง และนั่นทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอคิดว่าโฮเวิร์ดพูดจาเพ้อเจ้อนั้นเป็นเรื่องอันตรายมากกว่าที่คิดเอาไว้เสียแล้ว แต่ทว่าจนแล้วจนรอดผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคนที่ชื่อโรเบิร์ต ฮอว์ธอร์น อย่างที่โฮเวิร์ดได้บอกกับเธอเอาไว้เลย
ชาร์ล็อตดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานออกแล้วดึงซองเอกสารที่โฮเวิร์ดฝากเธอเอาไว้ออกมาดู เธอไม่เคยเปิดมันออกมาอ่านเพราะเกรงว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้นในภายหลังหากเอกสารถูกเปิดออก เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของโฮเวิร์ดบ้างแต่การที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากชายที่ชื่อโรเบิร์ต ฮอว์ธอร์นเลยนั้นก็ทำให้เธอพอเดาได้ว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลกับการเสียชีวิตของโฮเวิร์ดในครั้งนี้แน่
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ชาร์ล็อตหลุดจากห้วงความคิด เธอวางวางซองเอกสารกลับลงไปในลิ้นชักเหมือนเดิมพลางมองชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะกดปุ่มรับสาย
ว่าไงคะเจมส์ ต้นฉบับที่ส่งไปมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?
ต้นฉบับของคุณไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ที่ผมโทรมาก็เพราะจะแจ้งให้คุณทราบว่าทางสำนักพิมพ์อยากจะเชิญให้คุณไปร่วมงานรำลึกถึงดอกเตอร์โคลเทรนที่ลอนดอน
คิ้วที่โก่งเรียวของเธอยิ่งขมวดหนักเข้าไปใหญ่กับสิ่งที่ได้ยิน ฉันต้องไปด้วยเหรอคะ?
จำเป็นสิ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าดอกเตอร์โคลเทรนเป็นคนแนะนำคุณให้กับพวกเรา แถมยังเขียนคำนิยมให้กับหนังสือเล่มแรกของคุณด้วยซ้ำ
เธอลอบถอนหายใจกับความจริงที่เพิ่งระลึกขึ้นได้ แม้ว่าจะเพิ่งได้รับรู้ความจริงว่าโฮเวิร์ดเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกแยก แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเธอ
เพราะด้วยเหตุผลนั้นและเชื้อชาติตะวันออกที่ไหลวนอยู่ในตัวของเธอพร้อมกับคำพร่ำสอนของคุณย่าทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
ก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่เหรอคะ
อาทิตย์หน้า ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเดินทางหรือที่พักนะ ทางเราจะจัดการให้คุณหมด... บอสอยากให้คุณไปเพราะนอกจากไปรำลึกถึงดอกเตอร์โคลเทรนแล้ว ยังมีนักเขียนดังหลายๆ คนไปร่วมงานด้วย
ถ้านักเขียนไปเยอะ ก็ต้องมีนักข่าวไปทำข่าวน่ะสิ
เจมส์ ริชมอนด์หัวเราะกับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนักของเธอแล้วก็พูดต่อ
ก็ถือว่าเป็นการยืนยันกับพวกนักข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับดอกเตอร์โคลเทรนไปในตัวไม่ดีหรือไง
ที่คุณพูดอย่างนี้แสดงว่ายังไม่รู้จักนักข่าวสายบันเทิงกับพวกคอลัมน์กอสซิปในหนังสือแท็บลอยด์ล่ะสิท่า เธอเหน็บกลับพร้อมกับมองซองเอกสารที่วางอยู่ในลิ้นชักที่ยังเปิดคาเอาไว้อยู่ แล้วเธอก็กลอกตากับตัวเองเมื่อตัดสินใจได้
คุณอีเมล์รายละเอียดเรื่องวันและเวลาให้ฉันด้วยก็แล้วกันนะคะ
ได้ครับ ผมจะส่งตั๋วเครื่องบินและรายละเอียดของงานไปให้ น้ำเสียงของเจมส์ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาพอใจกับคำตอบของเธอแค่ไหน
ขอบคุณมากค่ะเจมส์
แล้วเธอก็กดปุ่มตัดสายพลางพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ดูเหมือนว่านอกจากไปปรากฏตัวในงานรำลึกถึงโฮเวิร์ดแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอคิดว่าเธอควรจะต้องทำ อย่างเช่นการค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องการเสียชีวิตของโฮเวิร์ดที่เธอมั่นใจว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน
*******************************
แจ็คมองจดหมายเชิญในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกาแฟที่คั่นกลางระหว่างชุดโซฟาในห้องนั่งเล่นของบ้าน ตอนแรกเขาก็แปลกใจอยู่ว่าริชาร์ดจะมาหาเขาถึงบ้านทำไม แต่พอเห็นข้อความที่ปรากฏอยู่ในการ์ดแล้วเขาก็ถอนหายใจ
นายอยากให้ฉันไปงานของสำนักพิมพ์ที่จัดเพื่อรำลึกถึงพ่อเหรอ?
ก็นายเป็นตัวแทนคนเดียวของครอบครัวที่ยังอยู่ที่นี่นี่นา แล้วงานนี้น่ะจัดเพื่อเป็นเกียรติให้กับน้าโฮเวิร์ดด้วย ยังไงนายก็ต้องไป
แต่ถึงแม้ว่าพ่อจะเป็นนักเขียนสำนักพิมพ์ของแม่นายก็จริงแต่ว่าอย่างน้อยก็น่าจะถามความเห็นกันก่อน
นายก็พูดเหมือนไม่รู้จักแม่ฉันไปได้น่าแจ็ค
แจ็คกล่าวโคลงศีรษะด้วยความระอา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแจ็คไม่เคยจะไปก้าวก่ายหรือมีส่วนร่วมกับอาชีพนักเขียนของพ่อเลยสักครั้ง แต่ดูเหมือนครั้งนี้ดูท่าทางเขาจะเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
แล้วจะให้แต่งตัวไปงานยังไง? คงไม่ใช่แต่งชุดแฟนซีเป็นพ่อมดหรืออัศวินแบบในนิยายของพ่อหรอกนะ
ริชาร์ดสำลักชาที่กำลังยกขึ้นดื่มก่อนจะรีบตอบ ไม่หรอกน่า ก็แต่งตัวสุภาพตามปกตินั่นแหละ
ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว ชายหนุ่มทำท่าทางโล่งอก
แล้วเรื่องที่จะตรวจสอบพินัยกรรมล่ะ ทางทนายของนายเขาว่าไงมาบ้าง
ก็เห็นว่ากำลังคุยกับทนายของฝั่งนายอยู่นะ ส่วนรายละเอียดเรื่องอื่นคงบอกไม่ได้ แจ็คกล่าวพลางมองไปที่ริชาร์ดอย่างจับสังเกต แต่อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับยกมุมปากยิ้มน้อยๆ เท่านั้น
ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ... แต่ถ้าหากอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะ
ขอบใจที่เอื้อเฟื้อนะริชชี่ แต่เรื่องพวกนี้ฉันคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายเป็นคนจัดการ เพราะฉันเองคงไม่ถนัดเท่าไหร่กับเรื่องการตรวจสอบเอกสารอะไรพวกนั้นหรอก
แล้วแม่ของนายล่ะเป็นยังไงบ้าง
ก็ยังอยู่กับพวกญาติที่ไทยน่ะ ฉันยังไม่อยากให้ท่านกลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ
เพราะอย่างนั้นก็เลยคิดว่าจะซื้อบ้านใหม่อย่างนั้นล่ะสิ ริชาร์ดว่าพลางชี้ไปที่แคตตาล็อกอสังหาริมทรัพย์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางตกใจของริชาร์ด แม่คงไม่ยอมให้ฉันขายหลังบ้านนี้ทิ้งหรอก แค่กำลังคิดว่าจะทำสตูดิโอที่บ้านต่างหาก
สตูดิโอ? ปกติแล้วนายเป็นช่างภาพสารคดีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงคิดจะเปิดสตูดิโอล่ะ
ตั้งแต่พ่อตายไปฉันก็คิดมาตลอดว่าฉันน่าจะใช้เวลากับแม่ให้มากกว่านี้
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าจะทิ้งงานที่ทำอยู่แล้วมาเปิดสตูดิโองั้นสิ
แจ็คยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ ก็คงทำนองนั้น แต่อะไรก็ยังไม่แน่นอนหรอก แต่ก็เกริ่นๆ กับทางออฟฟิศไว้แล้วเหมือนกัน... ตกลงว่าฉันต้องไปก่อนเวลาไหม แล้วต้องไปขึ้นเวทีเพื่อพูดอะไรซึ้งๆ เหมือนอย่างที่พวกคนดังเขาชอบทำกันหรือเปล่า แจ็คเปลี่ยนหัวข้อคุยเพราะเขาไม่อยากจะพูดรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายรู้มากนัก
คงต้องมีกล่าวขอบคุณอะไรบ้างแหละ ก็มันเป็นงานของพ่อนายนี่
โอย ให้ตายสิริชาร์ด ฉันไปทำอะไรให้แม่นายโกรธแค้นอะไรนักหนา แจ็คโอดครวญออกมาแบบไม่จริงจังนักซึ่งก็เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของอีกฝ่ายที่มองมาด้วยความเห็นใจ
แค่งานนี้งานเดียวเองน่าแจ็ค แล้วริชาร์ดก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะตบบ่าของแจ็ค ฉันกลับก่อนก็แล้วกันนะ
แจ็คพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนตาม ฝากสวัสดีป้าเฮเลนด้วยนะ
ริชาร์ดไม่ได้กล่าวอะไรอีกนอกจากเพียงแค่ยิ้มรับก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะที่เจ้าของบ้านนั้นกำลังนั่งครุ่นคิดกับท่าทีของผู้มาเยือนที่เขายังเดาไม่ออกว่ากำลังจะคิดวางแผนการอะไรอยู่กันแน่ถึงได้จัดงานรำลึกถึงพ่อของเขาโดยไม่คิดจะไต่ถามคนในครอบครัวเช่นนี้ ชายหนุ่มมองไปที่กรอบรูปภาพถ่ายของพ่อซึ่งเขาเป็นคนถ่ายให้ไม่กี่ปีก่อนที่จะเสียชีวิต แจ็ครู้ดีว่าในเวลานี้เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้สักคน แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางเป็นมิตรกับเขามากแค่ไหนก็ตาม
เขาไม่ใช่คนโลภที่หวังจะเอามรดกของพ่อมาเก็บไว้เป็นของตัวเอง แต่การเสียชีวิตอย่างกะทันหันและพินัยกรรมที่ระบุไว้ว่าจะยกลิขสิทธิ์นิยายทุกเรื่องให้ป้าเฮเลนมันน่าสงสัยจนเขาไม่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้และดูจากท่าทีของฝ่ายนั้นแจ็คก็มั่นใจว่ามันจะต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อเขาแน่นอน เพียงแต่เขายังไม่อยากจะปักใจเชื่อจนกว่าโรเบิร์ตจะหาหลักฐานหรือเบาะแสอะไรสักอย่างให้กับเขาได้เสียก่อน และเขาเองก็ยังมีเรื่องระหว่างพ่อของเขากับชาร์ล็อตที่ต้องค้นหาความจริงเช่นกัน
*******************************
ชาร์ล็อตยื่นทิปให้กับพนักงานขนกระเป๋าของโรงแรมเมื่อนำกระเป๋าเดินทางของเธอมาวางไว้ในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอกล่าวขอบคุณสั้นๆ เมื่ออีกฝ่ายค้อมศีรษะให้ก่อนที่ออกจากห้องพักของเธอไป
ทันที่ที่พนักงานของโรงแรมออกจากห้องไป โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นแทบจะทันที หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครโทรเข้ามาก่อนจะปัดหน้าจอเพื่อรับสาย ซึ่งก็เป็นเจมส์ที่โทรมาเช็คว่าเธอถึงที่พักปลอดภัยแล้วหรือไม่
ผมให้คุณมาก่อนเผื่อว่าคุณอยากจะเที่ยวพักผ่อนด้วย แล้วอีกสองวันผมจะตามไปนะครับ
ชาร์ล็อตเลิกคิ้วเมื่อเห็นการ์ดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟในห้องสวีทของเธอ มันเป็นข้อความต้อนรับที่วางอยู่ใกล้ๆ กับถังน้ำแข็งที่มีขวดแชมเปญแข่เย็นอยู่พร้อมกับผลไม้และชีสที่เอาไว้ทานคู่กัน หรูหราใช่เล่นเลยนะนี่
ขอบคุณนะคะ แต่ฉันเพิ่งรู้ว่าอาชีพนักเขียนจะได้รับการดูแลอย่างหรูหราขนาดนี้ด้วย
เป็นความต้องการของทางสำนักพิมพ์ที่เต็มใจจะมอบความสะดวกสบายให้กับคุณน่ะ
ไม่ใช่เพื่อปลอบใจหลังจากที่หลอกล่อให้ฉันยอมมางานนี้หรอกเหรอคะ เธอค่อนใส่เจมส์อย่างไม่จริงจังนักแล้วก็พูดคุยกับเจมส์อีกเกี่ยวกับงานที่รำลึกถึงโฮเวิร์ดที่เธอจะต้องไปเข้าร่วมอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสาย
หลังจากนั้นชาร์ล็อตก็หันมาจัดการนำเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า เมื่อเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นและตรงไปที่หน้าต่างก่อนจะย่นจมูกใส่เมื่อเห็นว่าฝนกำลังเทลงมาอย่างหนัก
ฝนตกแบบนี้จะให้ไปไหนได้ แล้วเล่นให้มาอยู่ก่อนตั้งสองวันแบบนี้ไม่คิดว่าเราจะเบื่อตายไปก่อนหรือไงกันนะ
ด้วยสภาพอากาศที่เป็นแบบนั้นประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็ทำให้ชาร์ล็อตปัดความคิดที่จะออกไปข้างนอกและเดินมาทิ้งตัวนั่งเอกเขนกตรงโซฟาตัวใหญ่แทน หญิงสาวหยิบรีโมทโทรทัศน์ภายในโรงแรมมาเปิดหาดูรายการโทรทัศน์แก้เบื่อไปเรื่อยจนกระทั่งมาเจอซีรีย์เรื่องที่เธอกำลังติดตามอยู่พอดีจึงได้เปิดมันทิ้งไว้แล้วลุกขึ้นไปเปิดขวดแชมเปญที่แช่เย็นอยู่ในถังบนโต๊ะมาเปิดดื่ม รสชาติดีสมกับเป็นการบริการของโรงแรมห้าดาว เธอเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ดูซีรีย์ในโทรทัศน์และจิบแชมเปญไปพลาง แต่ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ไม่นานนักชาร์ล็อตจึงผล็อยหลับไปในที่สุด
****************************
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งชาร์ล็อตก็พบว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้วและฝนก็ดูท่าจะไม่ยอมหยุดตกง่ายๆ ชาร์ล็อตจึงตัดสินใจโทรสั่งอาหารจากห้องอาหารในโรงแรมขึ้นมารับประทานบนห้องแทน และหลังจากนั้นเธอก็อาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเดินทางมาเป็นชุดนอนแม้ว่านี่จะยังไม่ดึกมากก็ตาม
มาอังกฤษทั้งทีทำไมตอนนี้มันถึงได้ดูน่าเบื่อแบบนี้เนี่ย เธอคิดพลางย่นจมูกให้กับตัวเองในขณะที่กดรีโมททีวีเพื่อเปลี่ยนช่องรายการไปเรื่อยๆ หากก็ดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจพอสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงปิดทีวีและคว้าแท็บเล็ตที่ถูกวางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อบ่ายติดมือเข้าไปในห้องนอน ดวงตาคู่สีน้ำตาลสว่างที่อยู่ใต้กรอบแว่นตาหนานั้นกวาดมองไปทั่วหน้าจอก่อนจะแตะปลายนิ้วลงบนโปรแกรมค้นหาและพิมพ์คำค้นหาที่เธอต้องการลงไป
โรเบิร์ต ฮอว์ธอร์น ทนายความ สำนักงานกฎหมาย ลอนดอน สหราชอาณาจักร
เพียงแค่วินาทีเดียวผลของการค้นหาก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอยาวเหยียด เธอกวาดปลายนิ้วไล่ดูผลการค้นหาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ตรงที่เธอคิดว่าน่าจะใช่สิ่งที่เธอต้องการค้นหา
สำนักงานกฎหมายการ์เดี้ยนลอว์ โดยโรเบิร์ต ฮอว์ธอร์น
หญิงสาวแตะนิ้วลงบนลิงก์แล้วมันก็พาเธอไปยังหน้าเว็บไซต์ของสำนักงานกฎหมายที่ลักษณะดูเคร่งขรึมและเรียบง่าย เธอกวาดตามองไปทั่วหน้าเว็บเพจจนเจอภาพถ่ายของบุคคลที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นโรเบิร์ต ฮอว์ธอร์น ผู้เป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายและสังเกตใบหน้าของเขาอย่างพิจารณา ผมสีน้ำตาลทองที่ถูกหวีจัดทรงมาเป็นอย่างดีนั้นมีเหลือบสีเงินแทรกเล็กน้อยตามวัย และสูทสีเทาเข้มตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไทลายกราฟิกสีแดงเข้มแม้จะดูเรียบๆ แต่โดยรวมแล้วก็ดูเหมาะกับคนที่ประกอบอาชีพเป็นทนายดี แล้วหลังจากนั้นเธอก็มองหาหมายเลขติดต่อและอีเมล์ก่อนจะบันทึกมันเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือแล้ววางมันลงบนโต๊ะหัวเตียงเพื่อที่จะเตรียมตัวเข้านอน
พรุ่งนี้ยังเหลือเวลาว่างอยู่อีกวันซึ่งชาร์ล็อตกะเอาไว้ว่าเธออาจลองติดต่อกับโรเบิร์ตดูเผื่อว่าความสงสัยที่เธอมีเกี่ยวกับการตายของโฮเวิร์ดและพินัยกรรมฉบับที่เธอมีอยู่นั้นอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องได้ใช้ในกรณีที่มีการปลอมแปลงพินัยกรรมตามที่โฮเวิร์ดกล่าวมา แล้วจู่ๆ ชาร์ล็อตก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที
เพราะถ้าเป็นอย่างที่เธอคาดเดาเอาไว้ การตายของโฮเวิร์ดอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ใครๆ คิดก็ได้ และมันก็หมายถึงว่าเธอกำลังพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายเข้าโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนนี้ขอย้อนไปเล่าอดีตนิดนึงนะคะ ถ้าไม่เล่าเดี๋ยวจะพากันงงไปซะหมดว่าตกลงอะไรยังไงกันแน่
ใครเพิ่งมาอ่านฝากติดตามกันด้วยนะคะ แวะทักทายกันบ้างจะได้ชื่นใจรีบเขียนให้จบ(ซะที) อิอิ
รักคนอ่านค่ะ 
ในอดีตเคยเป็นนักอ่านเงา วันนี้ขอแสดงตัวค่ะ จ๊ะเอ๋ค่าาาาา!!!!!