<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 พฤษภาคม 2554
 

ปั่นน่องโป่ง ชมสถาปัตยกรรมฝีมือช่างอิตาเลี่ยน : Past IV





ความเดิมตอนที่แล้ว

จากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยใน blog ที่แล้ว
ก็เป็นอันจบภาคเช้ากันไป หลังพักเที่ยง อิ่มหนำสำราญกันแล้ว
ก็มาพบกันอีกครั้งที่ลานอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ในมหาวิทยาลัยศิลปากร
ชาวอิตาลีคนสำคัญ ที่ไม่ทำความรู้จักก็คงไม่ได้ ...




วิทยากรก็ยกไมค์ให้กับนักศึกษาเจ้าถิ่น บรรยายประวัติของอาจารย์ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยซะเลย

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ในเขตซานโจวันนี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อนาง Santina Feroci เมื่ออายุ 23 ปี สามารถสอบผ่านเป็นศาสตราจารย์ จากราชวิทยาลัยศิลปแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence)

ปี พ.ศ. 2466 ท่านได้ชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป ด้วยเหตุนี้จึงเดินสู่แผ่นดินสยามเพื่อเข้ามารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2466 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากร สถานแห่งราชบัณฑิตสภา

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2485 ประเทศอิตาลียอมพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ชาวอิตาเลียน ในประเทศไทยตกเป็นเชลยของ ประเทศเยอรมนี กับ ญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยขอควบคุมตัวท่านศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี ไว้เอง และ หลวงวิจิตรวาทการ ได้ดำเนินการทำเรื่องราวขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย โดยเปลี่ยนชื่อของท่านให้มาเป็น "นายศิลป์ พีระศรี" เพื่อคุ้มครองท่านไว้ ไม่ต้องไปถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกให้สร้าง ทางรถไฟสายมรณะ และ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ออกแบบปั้นและควบคุมการหล่อพระราชนุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์สำคัญของประเทศไทย โดยการปั้นต้นแบบสำหรับพระปฐมบรมราชานุสรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 - 2477 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พ.ศ. 2484 พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี และการออกแบบพระพุทธรูปปางลีลา ประธานพุทธมณฑล
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 รวมสิริอายุได้ 69 ปี 7เดือน 29 วัน


ผลงานต้นแบบของอาจารย์ศิลป์ เก็บรักษาและจัดแสดงอยู่ที่ กรมศิลปากร
เพียงแค่เดินผ่านรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ถึงแล้ว



ที่นี่เก็บรักษางานประติมากรรมต้นแบบ ไว้มากมาย
ทั้งผลงานของท่านอาจารย์และประติมากรท่านอื่นๆ
พร้อมทั้งจำลองขั้นตอนการทำงานประติมากรรมให้ได้เรียนรู้ด้วย
ตั้งแต่การปั้น ขึ้นรูป หล่อแบบ หล่อบรอนซ์





เดินชมจนทั่วแล้ว ก็เดินตามกันม่าอีกตึกหนึ่ง ในบริเวณกรมศิลปากรเช่นกัน




อาคารโบราณทรงสูงชั้นเดียว มีหน้าต่างใหญ่ 3 บาน เป็นกระจกใส สามารถเปิดรับแสงและลมจากธรรมชาติได้ตลอดวันโดยไม่ต้องใช้แสงสว่างจากไฟฟ้า ที่ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2467 โดยการออกแบบของศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี (ศิลป์ พีระศรี)

ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 กรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้สูญเสียท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งสถาบันและวงการศิลปร่วมสมัยของไทยไปอย่างสิ้นเชิง คงทิ้งไว้แต่ความทรงจำต่อความดี ความจริงใจ และความรักอันลึกซึ้งของท่าน ที่ไม่ยอมกลับไปฝังร่างกายของท่านที่บ้านเกิดเมืองนอน แต่ได้มาอุทิศร่างกายและจิตใจไว้ให้กับคนไทยและประเทศไทย อาคารหลังนี้เมื่อท่านสิ้นอายุขัยลงแล้ว ได้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างว่างเปล่ามาจนถึง พ.ศ. 2527

จากรอยจารึกในคุณงามความดี ความเสียสละ มีคุณธรรม และความรู้ ความสามารถที่ท่านได้เมตตามาตลอดชีวิตของท่านในประเทศไทย ดุจบิดาแห่งศิลปสมัยใหม่ของประเทศไทย (The Father of Modern Arts in Thailand) จึงกำเนิดโครงการพิพิธภัณฑ์ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ขึ้น ณ อาคารประวัติศาสตร์ที่ท่านใช้ชีวิตการทำงานศิลป และสอนศิษย์พร้อมกันไป ดำเนินการโดยคณะกรรมการชุดต่างๆ หาทุนทรัพย์ในการซ่อมแซม และปรับปรุงอาคารจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ให้กับท่าน วันที่ 15 กันยายน 2527 เป็นวาระวันคล้ายวันเกิดของท่านครบรอบ 92 ปี ได้มีพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ขึ้นโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้น (ฯพณฯ ชวน หลีกภัย) เป็นประธานในการเปิดงานครั้งนี้ เพื่อการเผยแพร่งานศิลปร่วมสมัย ศิลปสมัยใหม่ของบรรดาศิษย์อาวุโสที่เป็นศิลปินชั้นเยี่ยมให้ประชาชนทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้เข้าชมศึกษาหาความรู้เรื่อยมา

วันที่ 27 มีนาคม 2530 กระทรวงศึกษาธิการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้ชื่อว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ตั้งอยู่ภายในบริเวณกรมศิลปากร


ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดง จัดแสดงนิทรรศการถาวร "ห้องทำงานของอาจารย์ศิลป์"
ที่มีทั้งอุปกรณ์การสร้างสรรค์ผลงาน เครื่องใช้ส่วนตัว หนังสือที่อ่าน แผ่นเสียงที่ฟัง
แล้วก็มีศิลปร่วมสมัยประเภทงานจิตรกรรม (รูปเขียน) งานประติมากรรม (รูปปั้น) ของท่านอาจารย์
งานศิลปที่เป็นรูปสเก๊ต รูปปั้น ต้นแบบที่ท่านปั้นไว้และหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์
พร้อมด้วยงานจิตรกรรมและประติมากรรมของศิษย์อาวุโส
ที่ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมของประเทศไทย
ได้รับรางวัลเหรียญเงินและเหรียญทองแดงจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติตั้งแต่ พ.ศ. 2492 - 2511

ใช้เวลาดื่มด่ำกับงานศิลปะกันอยู่พอสมควร
ก็เดินกลับมายังจับจูงจักรยานของใครของมัน
ปั่นตามกันออกจากมหาวิทยลัยศิลปากร
มุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้าย "มิวเซียมสยาม"



เดิมสถานที่นี้เคยเป็นอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
มีการค้นพบรากฐานของวังในสมัยรัชการที่ 3 และรัชกาลที่ 5
เมื่อครั้งบูรณะปรับปรุงให้เป็น "มิวเซียมสยาม"
ตึกนี้ก็สร้างโดยช่างชาวอิตาเลียนเช่นกัน

มิวเซียมสยามเปิดให้ชาวคณะกิจกรรมนี้ ทั้งที่มาด้วยรสบัตรและจักรยานเชมฟรีด้วยล่ะ
แต่เราเคยชมแล้ว และไม่อยากปั่นจักรยานกลับไปลานคนเมือง โดยลำัพัง
ก็เลยเพียงฟังบรรยาย รวมพิธีปิดกิจกรรม มอบของที่ระลึก
แล้วก็จับจูงจักรยาน ออกมาตั้งแถว ปั่นตามผูึ้นำ ไปเรื่อยๆ
ในที่สุด ก็กลับถึงลานคนเมืองโดยสวัสดิภาพ ส่งมอบจักรยานคืนเจ้าหน้าที่
แล้วแยกย้ายร่ำลาชาวคณะ ...ออกเดิน...กลับมายังท่าพระจันทร ข้ามฟากกลับบ้าน

ไม่น่าเชื่อ ยังมีแรงเดินมาถึงท่าพระจันทร์ได้อีกด้วย
แต่วันจันทร์ แทบอยากลาป่วย ...ปวดน่อง ป่วดขา ไปอีก2-3 วัน ถึงจะกลับสู่สภาพปกติจริงๆ
แต่ก็ไม่เข็ดหรอกนะ ...น่ามีโอกาส (มีทริปปั่นและมีเวลา) เราก็จะไปปั่นเที่ยวแบบนี้อีก


ขอปิดท้ายด้วยรถจักรยานของท่านผู้นำ ...เก๋าซะ





ข้อมูลจาก
//th.wikipedia.org
//www.thailandmuseum.com/silpa_bhirasri/history.htm




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2554
3 comments
Last Update : 23 กันยายน 2560 10:00:27 น.
Counter : 1597 Pageviews.

 
 
 
 
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:56:21 น.  

 
 
 

แหล่มจ๊ะ
ศรัทธาท่านอาจารย์ศิลป์มากๆ ค่ะ
ส่วนมิวเซ่ยมสยามไม่เคยเข้าไปเลย
ผ่านแต่ด้านหน้า....ชอบภาพด้านหน้ามากๆ

 
 

โดย: อุ้มสี วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:50:11 น.  

 
 
 
เป็นเด็กศิลปากรแท้ๆ ยังไม่ค่อยจะได้เดินชื่นชมมหาลัยตัวเองทุกซอกขนาดนี้เลยค่ะ ส่วนใหญ่จะสิงอยู่ที่ฝั่งสนามจันทร์มากกว่า น้าน..นานจะเข้ากรุงซักที
 
 

โดย: rainoflove (rainoflove ) วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:17:09:43 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com