เชียงรายรำลึก Part X : ขึ้นดอยก่อนข้ามแดน
ความเดิมตอนที่แล้ว
ทิ้งช่วงไว้นานอย่างไร้ข้อแก้ตัว เอาเป็นว่า กลับมาเล่าต่อ
ตื่นแต่เช้า เพราะตั้งใจจะข้ามแดนไปท่าขี้เหล็ก เมียร์มาร์ ออกมาสูดอากาศเย็นๆ ที่หน้าโรงแรมซะก่อน
แม้ว่าที่พักจะไม่เวิร์คนัก แต่ก็มีบริการทำใบผ่านแดนชั่วคราวให้ โดยเจ้าหน้่าที่จะขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไป แล้วก็ไปยื่นติดต่อทำเรื่อง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรอีก แค่จ่ายเงิน 40 บาท แล้วก็มารับใบผ่านแดนที่เคาน์เตอร์ตอนสายๆ ดังนั้น ช่วงเช้าๆ อย่างนี้ ก็ตัวใครตัวมันก่อน เรากับเพื่อนอีก 2 คนเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะขึ้นดอยไปไหว้พระ บรรยากาศตอนเช้า สงบดี มีชาวบ้านออกมาตักบาตรข้าวเหนี่ยว (แบบที่เห็นในหลวงพระบางเลย)
สูดอากาศเย็น 20 องศาเข้าปอดแล้วออกเดิน ผู้คนยังไม่ตื่นกัน ก็เลยเป็นเช้าที่ดูสงบนิ่งจริงๆ
เดินตามป้ายบอกทางไปจนกระทั่งถึงทางขึ้นดอย ....มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุดอยเวา
ค่อยๆ เดินช้าๆ ก้าวขึ้นบันไดนาคไปทีละขั้น ที่ละคั่น เลี้ยวกลับมามองดู พระอาทิตย์ที่เยี่ยมหน้าออกมาทักท้าย หลังเมฆเคลื่อนผ่าน
ช่างเป็นเช้าที่สดใส บริสุทธิื ปราศจากความขุ่นข้องหมองใจ เหมือนชีวิตผู้คนในพื้นที่จะเป็น "ชีวิตเนิบช้า" อย่างที่คนกรุงเทพฯ อย่างเราไม่ค่อยได้เจอ
พระธาตุดอยเวา ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย ก่อนถึงชายแดนแม่สายประมาณ 100 เมตร บนดอยริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย ตามประวัติกล่าวว่า พระองค์เวาหรือเว้าผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ เป็นผู้สร้างเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุองค์หนึ่งเมื่อ พ.ศ. 364 นับเป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่องค์หนึ่ง รองมาจากพระบรมธาตุดอยตุง นอกจากนี้บนดอยเวายังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ของอำเภอแม่สาย และท่าขึ้เหล็กทางฝั่งพม่าได้อย่างชัดเจน สามารถนำรถขึ้นไปจนถึงพระธาตุได้
เดินไม่ทันเหนื่่อย (จริงเหรอ) ก็ถึงยอดดอย เห็นองค์พระธาตุเด่นสะดุดตารายรอบมีทั้งพระพุทธรูปหินสีขาวแบบศิลปะพม่า และพระพุทธรูปหล่อศิลปะไทย
ด้านหนึ่งนั้น ตั้งพระประจำวันไว้ให้กราบบูชา ไหว้พระกันแล้ว ก็แยกย้่ายเดินชมกันตามอัธยาศัย
ณ ตอนนี้เราอยู่บนจุดสูงสุดของอำเภอแม่สาย ...มองไปไกลๆ ก็จะเห็นไปถึงฝั่งประเทศเพือนบ้าน ก็มีสิ่งปลูกสร้างแทรกซึมตามหมู่ไม้แบบเมืองไทยนั่นแหละ บางที อาจเป็นตึกอาคารของนักลงทุนชาวไทยก็ได้นะ สุดท้าย ขึ้นไปกราบสักการะพระิอินทร์บนปราสาทไพชยนต์แล้วก็ค่อยๆ เดินนับขั้นบันไดลงจากดอย แวะกราบพระประธานในพระอุโบสถกันด้วย เวลาก็ประมาณ 8 โมงเช้าแล้ว ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ นั่งฟังพระกันเต็มโบสถ์เลย พวกเราก็เลยไม่อยู่รบกวน กราบพระแล้ว ก็ออกมาข้างนอก ถึงตอนนี้ก็ตัวใครตัวมัน หาอะไรกินกันเองในตลาดดอยเวา ซึ่งเป็นตลาดขายของฝากด้วย อยู่ติดกับวัดพระธาตุดอยเวานั่นแหละ ถึงตลาดสองสาวแยกไปหาอะไรที่คุ้นเคย สว่นเราก็ไปหาอะไรแปลกๆ แบบคนพื้นบ้าน ลองหากินอาหารไทยใหญ่ "ข้าวแรมฟืน" (ตามที่หนังสือคู่มือแนะนำไว้) ก็มาได้ขนมทอดแป้งข้าวโพด ....เป็นของหวานรองท้อง ส่วนที่ดูเหมือนาข้าวบดผสมเผือกหรือฟักทอง ก็คือ "ข้าวแรมฟืน" ที่เราตามหา แต่ไม่ยักมีใครทำขาย ก็เลยได้แต่ดูและอาหารหนักสำหรับเช้านี้ คือ ข้าวซอยน้อย ซึ่งเป็นอาหารของไทลื้อ ที่นี่จะใข้ถุงพลาสติกหุ้มกะละมังไว้ (จะได้ไม่ต้องล้าง) แล้วใส่เครื่องต่างๆ ลงไป เราพลาดไปนิดตรงที่บอกว่า "กินเผ็ดได้" ...ก็เลยได้พริ่กน้ำสมและพริกป่นที่เผ็ดถึงใจ กินไป ก็สูดน้ำมูกไป ...ไอ้จะกินเหลือ ก็เกรงใจคนขาย ...จะคิดว่าไม่อร่อย สุดท้ายก็กินอย่าง (ทำท่า) เอร็ดอร่อย จนเกือบหมด ...เผ็ดจนต้องไปเดินหาน้ำจาก 7-11 ข้างโรงแรมมากลั้วคอ แก้เผ็ด แล้วจัดแจงเก็บสมบัติต่างๆ ให้เรียบร้อย เอามาใส่รถตู้ไว้ รอว่ากลับจากท่าขึ้เหล็ก ก็ออกเดินทาง่ต่อได้เลย โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล.
Create Date : 24 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2555 10:33:33 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2342 Pageviews. |
|
|
|