<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 กรกฏาคม 2554
 

เลียบริมโขง เมืองอุบล : Part XVI



ความเดิมตอนที่แล้ว

รวบรัดตัดความ เอาเป็นว่าเราเดินมาถึงวัดต่อไปแล้วนะ
วัดนี้เป็น Must Visit เพราะมีหอไตรกลางน้ำ
ซึ่งจริงๆ แล้ววัดเก่าส่วนใหญ่ ก็จะสร้างหอไตรกลางน้ำกันทั้งนั้นแหละ



วัดทุ่งศรีเมือง ตั้งอยู่บริเวณถนนหลวง ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทางทิศตะวันออกของทุ่งศรีเมือง เมื่อเนื้อที่ 19 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา สันนิษฐานสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ในยุคสมัยสมเด็จกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ได้ตกลงกับเจ้าของที่ดินหลายคน ยกที่ดิน(ที่ทำนา)ให้กับทางราชการ แรกๆ ชาวเมืองเรียกว่า "ทุ่งศรีเมือง" แต่เนื่องจากทุ่งแห่งนี้ เป็นที่รวมของการจัดงานมหกรรมใหญ่ๆ เช่น งานเฉลิมพระชนมพรรษา งานรัฐธรรมนูญ เป็นต้น และเป็นทุ่งประดับเมือง จึงเรียกว่า "ทุ่งศรีเมือง"


สิ่งปลูกสร้างสำคัญและเป็น "จุดขาย" ของวัดเก่าแก่แ่ห่งนี้ก็คือ "หอไตร"
พอเราก้่าวผ่านประตูเข้าสู่บริเวณวัด เราก็จะมองเห็นเด่นเป็นสง่าแต่ไกลเลย



หอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าพรหมราชวงศา (กุทองสุวรรณกูฏ) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 3 ตามเอกสารระบุว่า ท่านเจ้าคุณอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) เจ้าคณะเมืองอุบลราชธานี ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดมหาวนาราม(วัดป่าใหญ่) เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างคือ เพื่อเก็บรักษาพระไตรปิฏก ป้องกันไม่ให้ มดปลวกไปทำลาย ซึ่งช่างที่มีชื่อเป็นช่างควบคุมการก่อสร้าง เท่าที่มีชื่อระบุไว้ ได้แก่ ญาครูช่าง ซึ่งเป็นช่างหลวงจากราชสำนักร่วมก่อสร้างด้วย




ผนังอาคารมีการลงรักปิดทองสวยงามมาก ภายในมีพระพุทธรูปประธาน
ตู้พระไตรปิฎก จารึกใบลาน หนังสือใบลานที่เขียนประวัติความเป็นมาของเมือง เก็บรักษาไว้
พร้อมทั้งตั้งวางพระประจำวันทั้ง 8 องค์ให้สักการะบูชาด้วย
เราก็เลยต้องค่อยๆ เดินชมให้ทั่ว ...ลวดลายสีทองแม้จะเลือนไปบาง
แต่ก็ยังมองเห็นว่า "งาม" อยู่ดี

ออกจากหอไตร ก็พากันไปกราบพระประธานในพระอุโบสถกัน



พระอุโบสถ หรือหอพระพุทธบาท สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาฏิโมกข์(สุ้ย หลักคำ) เจ้าคณะเมืองอุบลในขณะนั้น ได้จำลองการสร้างมาจากวัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ โดยมีช่างจากเวียงจันทน์เป็นช่างสำคัญในการสร้าง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน ระหว่างศาสนาคารอีสานพื้นบ้านกับเมืองหลวง




ภายในผนังมีจิตรกรรมผาผนังที่มีคุณค่า โดยเป็นจิตรกรรมฝาผนัง เขียนเป็นภาพเทพชุมนุม พุทธประวัติ ตอนผจญมาร และปรินิพพาน ภาพชาดก ได้แก่ ปาจิตต์กุมารชาดก และมหาเวชสันดรชาดกกัณฑ์ต่างๆ ภาพจิตกรรมเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ความเจริญของบ้านเมือง การประกอบอาชีพ การละเล่น พิธีกรรม การแต่งกาย ทรงผม นอกจากภาพชาวบ้านพื้นถิ่นอีสานและคนลาวแล้ว ยังแสดงภาพชาวตางชาติ ทั้งจีน ฝรั่ง แขก ซึ่งเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยสมัยนี้อีกด้วย




เอาล่ะ ได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้ว
ยังคงมีพระุพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัดที่ควรไปสักการะ
เราเปิดแผนที่ในมือ แล้วก็พาเพื่อนๆ เดินไป "วัดน้อย" หรือ "วัดมณีวนาราม"
ตั้งใจจะไปสักการะ "พระแก้วโกเมน" กันก่อน
แต่ถามทางพระเณรในวัด ...หูแชเชือนกันไป ท่านบอกทางไป "วัดมหาวนาราม" หรือ "วัดป่าใหญ่"
เดินมาถึงแล้ว และเป็นวัดในรายการอยู่แล้ว ก็เข้าไปทำบุญ



วัดมหาวนาราม ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ อ.เมืองอุบล แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดป่าใหญ่" เป็นวัดเก่าแก่ และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานี มีมูลเหตุการสร้าง คือ เมื่อพระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนแรก ได้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ก่อสร้างวัดขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูลนั้นเอง ตั้งชื่อว่า "วัดหลวง" เพื่อให้เป็นสถานที่ทำบุบำเพ็ญกุศลแก่ประชาชนทั่วไป วัดนี้จึงนับได้ว่าเป็นวัดแรกของเมืองอุบลราชธานี ภายหลังก่อสร้างวัดหลวงเสร็จแล้ว ได้นิมนต์ พระธรรมโชติวงศา ซึ่งเป็นพระมหาเถระ และพระภิกษุสามเณร มาอยู่จำพรรษา เพื่อสนองศรัทธาของประชาชน


ไหนๆ ก็เหมือนจะเป็นวัดสุดท้ายของทริปแล้ว
เราก็เลยขอใช้เวลาทำบุญถวายสังฆทานด้วย >> รายการแม่โทรสั่งมา
และสักการะพระพุทธรูปสำคัญของเมืองอีก 1 องค์



พระเจ้าใหญ่อินแปลง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูน พร้อมกับลงรักปิดทอง ลักษณะศิลปะแบบลาว ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตามตำนาน มีเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่า มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทร์แปลงมหาวิหาร นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว มีอายุประมาณ พันกว่าปี อีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินแปลง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม มีอายุพันกว่าปีเช่นเดียวกัน องค์สุดท้าย คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาวนาราม อำเภอเมือง อุบลราชธานี มีอายุประมาณสองร้อยกว่าปี ในวันเพ็ญเดือน 5 (ประมาณเดือนเมษายน) ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร เทศน์มหาชาติชาดก และสรงน้ำปิดทองพระเจ้าใหญ่อินแปลง ซึ่งถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีมาจนทุกวันนี้


เดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อมุ่งหน้ากลับที่พัก ก็ผ่าน "วัดป่าน้อย" อีกรอบ
เห็นมีการตั้ืงปะรำพิธี ทำบุญอยุ่ ..แวะไปดูใกล้ๆ และสอบถามพระภิกษุที่ดูแลอยู่อีกครั้ง
จึงทราบว่า ประดิษฐาน "พระแ้ก้วโกเมน" องค์จำลองให้สักการะ
พวกเราก็เลยรู้ว่า ที่เดินผ่านกันเมื่อครู่ก่อนนั้น ก็คือวัดที่ต้องการแวะนั่นแหละ
และพระอุโบสถปิด ไม่สามารถเข้าไปกราบพระประธานได้



วัดมณีวนาราม (วัดป่าน้อย) ตั้งอยู่ถนนหลวง ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดอุบลราชธานี


และสิ่งที่สนใจอื่นอีกอย่างก็คือ ศาลาแดง หรือกุฏิแดง เป็นที่พำนักของพระอิรยวงศาจารย์ ญาณวิมลอุบลคณาภิบาลสังฆปราโมกข์ (สุ้ย) ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดองค์แรกของจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว



เป็นอันว่าเราไหว้พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัด (ตามโพยททท.) ได้เกือบครบ
หมดเวลาแล้วล่ะ ต้องพากันกลับที่พัก ทำเรื่องเช็คเอ๊าท์
แต่ว่าไฟล์ทกลับของพวกเราอยู่หัวค่ำ ยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับเดินเที่ยว
พวกเราฝากสัมภาระทั้งหมด ไว้ที่เคาน์เตอร์ ตกลงนัดหมายจ้างรถไปส่งที่สนามบิน
แล้วก็พากันไปกินอาหารมื้อเที่ยง คราวนี้ต้องเปลี่ยนคนนำทางแล้ว
เพื่อนอีกคนกางโพนร้านอาหารแนะนำ เดินนำหน้าไป
มาปักหลักกันที่ร้านอาหารญวน ...อีกมื้อ



คุยถึงว่าช่วงเช้าไปไหนกันมาบ้่าง ..เอารูปมาอวดกัน
แล้วเราก็ติดใจวัดเก่าๆ แห่งหนึ่ง ก็เลยกำหนดเอาไว้ในใจว่า "จะแวะไป"



โปรดติดตามตอนต่อไป


ปล.

ข้อมูลวัดทุ่งศรีเมือง > //guideubon.com/news/view.php?t=18&s_id=26&d_id=2
ข้อมูลวัดมหาวนาราม > //guideubon.com/news/view.php?t=18&s_id=21&d_id=7
ข้ิอมูลวัดมณีวนาราม > //guideubon.com/news/view.php?t=18&s_id=21&d_id=7



Create Date : 06 กรกฎาคม 2554
Last Update : 7 กรกฎาคม 2554 21:12:57 น. 3 comments
Counter : 1506 Pageviews.  
 
 
 
 
ไปทานอาหารญวนที่ร้านไหนคะ น่าทานดีจัง
 
 

โดย: ณงลักษณ์ IP: 58.8.249.225 วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:33:49 น.  

 
 
 
พี่ณง > ขอโทษทีค่ะ ...จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ (มันนานเกิ้นนนนนน)
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:41:51 น.  

 
 
 
แวะมาจดชื่อวัดคะ
 
 

โดย: normalization วันที่: 6 ธันวาคม 2554 เวลา:11:02:59 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com