<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 ธันวาคม 2553
 

ทริปเดินเตร่ตรอก : Part II ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์


ความเดิมตอนที่แล้ว

อากาศในกรุงเทพมหานครนคร ณ ช่วงวันที่ 17 ตุลาคมนั้น ค่อนข้างแปรปรวน
มันควรจะเป็นหน้าหนาว แต่กลับครึ้มฟ้าครึ้มฝน แถมคืนวันที่ 16 ตุลาก็ตกเอา ตกเอา
จะพวกเราตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าเช้าวันอาทิตย์ฝนตก ก็ตามแต่อัธยาศัย ใคร่ใครจะเดินตามนัดก็เดินนะ
ซึ่งตอนนั้น เราบอกกับตัวเองไว้ว่า หากตื่นมาแล้วยังมีฝนอยู่ คงต้องถอนตัว เก็บทริปเข้ากระเป๋าไป
เพราะการเดินเที่ยวท่ามกลางสายฝน พอได้อยู่ แต่ว่าถ่ายรูปไม่ถนัดเนี่ยซิ ..ลำบากไป
ความจำเรายิ่งสั้นๆ อยู่ และเหมือนจะสั้นลงเรื่อยๆ ซะด้วย
ถ้าไมถ่ายรูปเก็บไว้ มีหวัง แม้ความประทับใจที่อาจมี ก็คงจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ก็โชคดีอยู่บ้าง ที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนั้น ไม่มีฝน
แม้ว่าฟ้าจะไม่แจ่มกระจ่างนัก แต่ก็ไม่ทำให้เราลำบากในการถ่ายรูปหรอกนะ
แต่เราก็ไม่ลืมที่หยิบร่มยัดใส่เป้มาด้วย ...ดันลืมแต่กระเป๋าสตางค์



เนื่องจากใกล้ถึงเวลาที่น้องชายนัดกับทีมงานพาเดินแล้ว เราก็เลยพากันเดินตามหลังชายไปยังชุมชนบ้านบาตร
และพยายามจำเส้นทางเอาไว้ เผื่อจะได้บอกทางเพื่อนที่ตามมาทีหลังได้
สรุปว่า เราจำเส้นทางที่เดินได้แน่นอน แต่จำชื่อถนนมาบอกเล่าใน blog นี้ไม่ได้
ถ้าอยากไปเดินบ้าง เห็นทีต้องให้เราไปเดินนำทางแล้วล่ะ



ขอตัดมายัง ชุมชนบ้านบาตร ซึ่งก็จะยังไม่เล่าถึงชุมชนนี้ใน blog นี้เช่นกัน
แค่เราจุดนี้รอพบคนที่จะเป็นผู้นำพวกเราเดินเที่ยวชมทั้ง 6 ชุมชน

แนวคิดในการดำเนินโครงการ
สืบเนื่องจากบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนา ระหว่างสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาองค์กรชุมชนและความมั่นคงองมนุษย์ ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 เป็นการบันทึกความเข้าใจในการสร้่างกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาระสำคัญแห่งความร่วมมือมุ่งเน้นการส่งเสริมงานด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพของการอยู่อาศัยของคนในชุมชนแออัดผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่เมือง สนับสนุนงานด้านการพัฒนาชุมชนซึ่งมีชุมชนเป็นแกนหลักและมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาให้มั่นคงเกิดคุณค่าในการใช้ที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพัฒนาทั้งทางด้านสังคมเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพตามโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ซึ่งได้สิทธิเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จำนวน 39 ชุมชน ซึ่งมีเป้าหมายที่สำคัญคือ เพื่อสนับสนุนประสานความร่วมมือในการดำเนินงานพัฒนาความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและร่วมมือกันทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อเป็นแนวทางต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป็นกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกำหนดเนื้อหางานเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการสำรวจชุมชน ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ตลอดจนวางแผนและพัฒนาโครางการโดยมีแผนผังการปรับปรุงชุมชนเพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาวทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

จากการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อการแปรเปลี่ยนไปของสภาพความเป็นอยู่และการดำรงชีวิต ตามแบบวิถีชุมชนเดิม จึงจำเป็นที่จะต้องกลับมาให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชน อันจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ วิถึการดำรงชีวิต การพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชน โดยอาศัยรากฐานทางประวัติศาสตร์ วิถีการดำรงชีวิตดั้งเดิม และสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันทรงคุณค่าเป็นหลัก

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ร่วมกับชุมชนบนพื้นที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายและเขตพระนคร จึงได้ริเริ่มการสร้างกระบวนการทำงานที่เริ่มจากคนใช้ชุมชน รวมกลุ่มกันสร้างเครือข่าย "ฟื้นฟูชุมชนเมืองเชิงอนุรักษ์ย่านป้อมปราบศัตรูพ่าย-พระนคร" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการฟื้นฟูชุมชนย่านประวัติศาสตร์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสถาปัตยกรรมอาคารอนุรักษ์ และส่งเสริมการสร้างความเข็มแข็งให้กับชุมชน


เรารอผู้นำทางอยู่พักใหญ่ๆ คนนำทางก็มาถึง..
ได้ซักถามความเป็นมาของงานกันคร่าวๆ เพราะสงสัยว่างานนี้ ใครเป็นแม่งาน
ก็ได้ความว่าเป็นงานของชุมชนจริงๆ และตัวผู้นำทางนั้นทำงานกับหอศิลป์ตาดูและทีมงาน
มาช่วยประสานงานในเรื่องการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ปรากฎในแผ่นพับ
พวกเราคุยกับคนนำทางไปพักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีคนร่วมทริปเพิ่มขึ้น (รวมทั้งเืพื่อนเราอีกคนที่ยังไม่มา)
งั้นก็ ออกเดินล่วงหน้ากันก่อนเลยละกัน

ไกด์สมัครเล่นออกตัวก่อนเลยว่า เดิมนั้นเชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญงานชุมชนและงานสถาปัตยกรรม
มาเป็นผู้นำชม แต่จำนวนผู้สนใจเดินหลังพิธีเปิดงานผ่านไปนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้
ก็เลยเปลี่ยนเป็นใ้ห้ทีมงานนำชมกันเอง พวกเราก็ไม่ได้ติดใจอะไร
เพราะเอกสารที่แจกมา ก็มีข้อมูลแน่นพอตัวอยู่

พวกเราเดินย้อนเส้นทางออกมา เพื่อมุ่งหน้าไปชุมชนแรกซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตพระนครกันก่อน


บ้านเก่าๆ ติดลูกไม้นิดๆ ที่สังเกตเห็นตอนเดินข้ามสะพานสมมตอมรมารค
พอถึงแยกสำราญราษฎร์ ตรงหน้านี้ก็คือ โรงรับจำนำเก่าแก่ ซึ่งอาจเป็นแห่งแรกก็ได้นะ




ตึกแถวติดๆ กันนั้นดูโทรมๆ แต่ประตูสีสวยสด สะดุตตาดี




แล้วเราก็ข้ามถนนแถวนี้แหละ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปในดูอาคารเก่า ซึ่งเคยเป็นโรงเรียนมาก่อน
ปัจจุบันเป็นพื้นที่ของผู้จำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์และพระพุทธรูป
ที่นี่มี "ศาลกรมพระสมมตอมรพันธ์" ประดิษฐานอยู่



พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ พระนามเดิม พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระราชโอรสลำดับที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดาหุ่น(ท้าวทรงกันดาล) ประสูติเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2403

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงรับราชการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ พ.ศ. 2423 ทรงดำรงตำแหน่งไปรเวตสิเกรตารี (ราชเลขาธิการ) กำกับดูแลกรมพระอาลักษณ์ จนกระทั่ง พ.ศ. 2435 กรมพระอาลักษณ์ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นกระทรวง เรียกว่า กระทรวงมุรธาธร และทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระคลังข้างที่ ซึ่งเดิมอยู่ในสังกัดกระทรวงพระคลังมหาสมบัติมาขึ้นกับกระทรวงมุรธาธร

ช่วงปลาย พ.ศ. 2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร และกรมขุนสมมตอมรพันธ์ ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพระคลังข้างที่อีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อมาใน พ.ศ. 2436 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสด็จไปตรวจราชการที่หัวเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ไปทรงบังคับบัญชาราชการในหน้าที่เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และให้กรมขุนสมมตอมรพันธ์ ทรงบังคับบัญชาราชการแทนในหน้าที่เสนาบดีกระทรวงมุรธาธรเป็นการชั่วคราว

ในช่วงปลายรัชกาล ทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประพาสยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2450 พร้อมด้วย กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์, กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ และกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ในรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระองค์เป็นกรมพระสมมตอมรพันธ์ ทรงดำรงตำแหน่งสมุหมนตรี และเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2458 พระชนมายุได้ 55 ชันษา ทรงเป็นต้นราชสกุล สวัสดิกุล

ข้อมูล : วิกิพีเดีย



ฟังบรรยายประวัติสั้นๆ แล้วก็เดินตามกันต่อไปเลี้ยวเข้าไปในซอกเล็กๆ
ระหว่างตึกแถวร้านเจริญรุ่งเรืองกับร้านรัตนตรัย ซึ่งถ้ามาเที่ยวเองก็คงจะเดินผ่านเลยไป
เสียง "ติงต่อง" แบบเดียวกับเวลาเดินเข้าร้านค้าดังขึ้น ทำเอาตกใจ
นี่คือ ผลงานศิลปะของศิลปินท่านนึง เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเราเข้าสู่พื้นที่แสดงงานแล้วนะ



งานศิลปะติดอยู่บนกำแพง ก็คือ กรอบรูปกระจก ซึ่งไม่มีรูปอะไรเลย
นอกจากอิฐกำแพงเก่่าๆ ที่เรามองเห็นผ่านกระจกนั่นเอง
ช่างเป็นงานศิลปะที่เรียบง่ายและเก๋ไก๋อะไรอย่างนี้

พ้นตรอกเล็กนี้ๆ เราก็เห็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ตั้งเด่นเป็นสง่า
นี่คือ วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ นั่นเอง
หน้าที่เล่าเรื่องถูกเปลี่ยนมายังคุณป้าผู้นำชุมชน (ขออภัยจำชื่อไม่ได้แล้ว)



วังนี้เดิมเป็นวังของกรมพระสมมตอมรพันธ์ เคยเป็นสำนักงานตำรวจ และเคยเป็นโรงเรียนมาก่อน
สภาพภายนอกยังคงสวยงามดีอยู่ ภายในค่อนข้างทรุดโทรมและไม่ได้เปิดใช้งานมานานแล้ว




ผลงานศิลปะที่่จัดแสดงในพื้นที่นี้ มีภาพถ่ายด้วย ซึ่งเป็นลักษณะงานถ่ายภาพศิลปะที่
ที่ถ่ายภาพอาคาร แล้วใช้เทคนิคตกแต่งภาพเพิ่มเิติม แล้วนำติดแสดงบริเวณรั้วสังกะสีข้างพื้นที่จริงนั้นเอง




เราเดินตัดทะลุเข้ามาสู่พื้นที่อยู่อาศัยของชาวชุมชน
ย่านนี้ประกอบอาชีพเย็บจีวรและสบง รวมทั้งขายครื่องสังฆภัณฑ์
ซึ่งเดิมถือเป็นย่านใหญ่เลยจนกระทั่งขยายตัวออกไปย่านสี่กั๊กพระยาสี
สองฝั่งแนวถนนในย่านนี้มีร้านจำหน่ายเครื่องสังฆภัณท์และพระพุทธรูปให้เช่าหลายขนาดมาก


ขนาดใหญ่ๆ จึงต้องติดป้าย "ห้ามนั่ง" เพราะฝรั่งถึงกับนั่งลงบนองค์พระเพื่อถ่ายรูป


ถึงเวลานี้เพื่อนเราอีกคนก็ตามมารวมกลุ่มแล้ว คณะทัวร์ 4 คนก็เลยเดินกันต่อ
เส้นทางต่อไปมุงหน้าชุมชนบ้านบาตร เป็นชุมชนที่ 2




โปรดติดตามตอนต่อไป

ปล. เนื้อหาส่วนประวัติศาสตร์ย่อความและเรียบเรียงจากสูจิบัตรกิจกรรม


Create Date : 10 ธันวาคม 2553
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 22:14:27 น. 9 comments
Counter : 3345 Pageviews.  
 
 
 
 
โีรงเรียนเก่าที่ผมเคยเรียนสมัยประถม ชื่อว่า

เทเวศน์วิทยา
 
 

โดย: พ่อขี้เบื่อ IP: 61.90.85.13 วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:21:19:04 น.  

 
 
 
มาตามวิกิลิงค์
เ้อ้ย
ทวิตส์ลิงนะครับ
เรือ่งของชุมชนที่ท่านนัทธเล่ามา
เป็นเรือ่งนี่น่าคิดนะครับ
เพราะมันไม่ใช่แค่สำนึกร่วมของคนในชุมชนเท่านั้น
แต่มันยังมีสำนึกร่วมทางประวัติศาสตร์
ที่เป้นสถาบันเชิงบคคลที่เทิดทูนบูชา
ทำให้ทุกย่างก้าว มีชีวิตและจิตวิญาณตามไปด้วย

(
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:23:14:52 น.  

 
 
 

สวัสดีค่ะ..

น่าสนับสนุนงานฝีมือของคนไทยมากๆนะค่ะ

เที่ยวเผื่ออ้อมแอ้มด้วยนะค่ะ..

3 วันนี้ทำงานทุกวันเลย..

 
 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:23:38:24 น.  

 
 
 

เชิญชมการแสดงชุดใหม่ กันนะคะ เกศสุริยง
สร้างกริตเตอร์

แวะมาทักทายในวันหยุดยาว ได้พักผ่อนกันเต็มที่ไหมคะ วันนี้ครูเกศตื่นสายไปนิด พอทานข้าวเช้าเสร็จก็มาทักทายพร้อมอัฟblogใหม่ คุณนัทธ์ สบายดีนะคะ
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:11:57:17 น.  

 
 
 
ตามอ่านย้อนหลังจากตอน 1 เลยมาเม๊นท์ตอน 2 ละกัน
ชุมชนเก่าๆ มีเรื่องน่าสนใจซ่อนอยู่มากมายเลยนะคะ
เหมือนกับตลาดน้ำ ตลาดบก ที่มีอายุเป็นร้อยปี
จากที่ไม่มีใครสนใจพอนำมาเผยแพร่ต่อ
ก็ทำให้คึกคักขึ้นมาอีกครั้งนึง ดีนะคะ
คนรุ่นปัจจุบันจะได้ทราบประวัติเป็นมายังไงด้วย
แต่ชื่อสะพานนี้ "สะพานสมมตอมรมารค" อ่านยากจัง
เรานั่งสะกดอยู่นานเลย
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:16:25:27 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
สองวันที่bloggangป่วย รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป หน้าblogที่อัฟเดทก็หายไปรวมทั้งคอมเมนท์ด้วย เสียดายคอมเมนท์ที่เพื่อนๆแวะมาทักทายจัง คุณนัทธ์สบายดีนะคะ
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:19:31:59 น.  

 
 
 
เพิ่งทราบจริงๆว่าบ้านด้านหลังโรงเรียนที่ปิดไปนั้นเป็นวังของท่าน

เราเรียนโรงเรียนนี้ัตั้งแต่อนุบาลถึง ป.6 เลยค่ะ
ได้เรียนภายในวังเดิมของท่าน ระลึกถึงบุญคุณของท่านเสมอ
ตอนเด็กๆเรียนอยู่บนชั้ 3 - 4 จะมองไปที่บ้านหลังนั้น
มีแมวกับผู้หญิงผิวขาวมีอายุ ซึ่งแปลกกว่าหญิงชราปกติคือ
ใส่ถุงเท้าเสมอ (คนแก่เมื่อก่อนไม่ใส่ถุงเท้าอยู่บ้านกันหรอก)
ตามประสาเด็กๆ ก็เอาไปลือกันว่ายายคนนี้เป็นผีดิบเฝ้าบ้านแน่นอน
เพราะผิวขาวเผือดขนาดนั้น คงไม่เคยถูกแดดเลย ก็สนุกกันไป

ปัจจุบันพื้นที่โรงเรียนก็ยังเป้นของตระกูล ทังสุบุตร ค่ะ
ร้านสังฆภันณ์นั้นมาเช่าพื้นที่เพียงอย่างเีดียว
คนที่ดูแลตึก ดูแลรถ (เป็นพื้นที่เช่าจอดรถด้วย)
ก็ยังเป็นพี่ภารโรงที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆเหมือนเดิม
 
 

โดย: monkey_bone วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:11:48:59 น.  

 
 
 

เชิญไปชม ละครร้อง เรื่อง สาวเครือฟ้า ค่ะ
สร้างกริตเตอร์

สวัสดียามเที่ยงค่ะคุณนัทธ์
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:12:04:48 น.  

 
 
 
คุณพ่อขี้เบื่อ คุณ monkey_bone >> ดีใจจัง ที่ blog เราได้ต้อนรับผู้เกี่ยวพันกับชุมชนแห่งนี้ด้วย

คุณชาญ >> ชุมชนยังมีชีวิตค่ะ ..ถ้าคนในชุมชนช่วยกันต่อชีวิตด้วยกัน

คุณอ้อมแอ้ม >> ถึงงานเยอะก็ยังแวะมาเยี่ยมเยียน ขอบคุณนะคะ

คุณส้ม >> ชือสะพานนั้นตอนแรกก็อ่านไม่ถูกเหมือนกัน จนคนนำทางแยกคำให้นั่นแหละ ถึงได้รู้

ครูเกศ >> สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 19 ธันวาคม 2553 เวลา:20:34:32 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com