Smile Trip I - Part III : กินข้าวหมกไก่แล้วไปชมมัสยิด
ความเดิมตอนที่แล้ว
จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ผู้นำทริปก็พาชาวคณะเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ประมาณว่า ...ถ้าให้ย้อนกลับไปเดินเอง เราก็คงเดินนำไปยังจุดหมายไม่ถูกแน่ๆ
ซึ่งจุดหมายที่พวกเรามุ่งหน้าไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ก็คือ ชุมชนมัสยิดหลวง อันซอริสซุนนะห์ เดินคนนำทางไปเหอะ ....อย่าให้คลาดสายตา อาจมีหลง แต่เมื่อจ้ำๆ ตามหลังอย่างทันท่วงที่ ก็เลี้ยวเข้าสู่เขตพื้นที่โรงเรียน (ที่จำชื่อไม่ได้)
ที่ห้องโถงอาคารเรียน จัดเตรียมอาหารสำหรับแต่ละท่านไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ "ข้าวหมกไก่สามสี"
ข้าวหมกหอมเครื่องเทศ มีสีเหลืองไล่ระดับกัน มีชิ้นเนื้อไก่คลุกเคล้าไปแล้ว ต่างจากข้าวหมกไก่ที่ซื้อกินเองตามร้านค้า ....อร่อยมากกกกกกก ระหว่างกินก็ฟังบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของมัสยิดและชุมชนแห่งนี้ไปด้วย จบของคาว ก็มีของว่างมาเสริมให้ลิ้มลอง เผื่อว่าจะมีใครสั่งซื้อ อาหารสัญชาติแขก คือ ซาโมซ่า และขนมปังยาสุม เอาเป็นว่า ก็หอมเครื่องเทศและรสชาติดีมากๆ เลย
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเกินไป ...เดินตามวิทยากรไปยังตัวมัสยิดเลยดีกว่า
มัสยิดแห่งนี้ เดิมนั้นตั้งอยู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา และต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ย้ายมาอีกฝั่ง โดยพระราชทานที่ดินให้สร้างมัสยิดสำหรับชุมชนขึ้นใหม่ ลักษณะสถาปัตยกรรมของศาสนสถานชาวมุสลิมนั้น เรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งรกรุงรัง
เราฟังเรื่องราวประวัติความเป็นมาแล้ว ก็เลยแยกตัวมายืนมองแม่น้ำ รับลมเย็นๆ ฝั่งตรงข้ามคือสถานีรถไฟบางกอกน้อย ...ที่เคยโดยระเบิดลงในช่วงสงครามโลก
มีการปรับปรุงทัศนียภาพ และจัดสรรที่ดิน เพื่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ "ศิริราชปิยมหาราชการุณย์" ซึ่ง ณ เวลาปัจจุบันที่ up blog นี้ก็เริ่มเปิดให้บริการแล้ว
จากมัสยิดเราก็พากันไปเยี่ยมชมอาชีพเก่าแก่ของชาวชุมชนแห่งนี้ นั่นก็คือ "การเย็บที่นอนนุ่น"
เป็นงานที่ดูยุ่งยาก และอุดมไปด้วยฝุ่นจากนุ่น ฟุ้งกระจายเต็มบ้าน จำได้ว่าเมื่อก่อนเราก็นอนที่นอนนุ่นแบบนี้ เวลาลากออกมาตีฝุ่น พึ่งแดด เป็นงานที่หนักมากกกกกกกก ปัจจุบันนอนที่นอนยางพารา ซึ่งหนักกว่าเดิม แต่ไม่อุดมฝุ่นอย่างนี้ ตอนนี้ในชุมชนแห่งนี้ เหลือทำที่นอนไม่กี่บ้านเองนะ แต่ก็ยังมีส่งขายในย่านพาหุรัด สำเพ็ง
เอาล่ะ ออกจากชุมชนแห่งนี้้แล้ว ก็เดินตามชาวคณะมุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งเส้นทาง
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 07 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 21:33:08 น. |
|
6 comments
|
Counter : 2773 Pageviews. |
|
|
|
.
.
ถ้าเอาจริงๆ
ผมว่าอ่านไม่ค่อยสนุกครับคุณนัทธ์ 555
เหมือนเป็นการรวมนิทานอิสป
แล้วแปลแบบสั้นๆ ไม่เน้นสีสันการเล่าเรื่อง
มีการวิเคราะห์ว่าสัตว์แต่ละตัว
เปรียบเทียบกับคนแล้วเป็นอย่างไร
แทรกด้วยตำนานของเทพเจ้ากรีกน่ะครับ
แต่ผมชอบงานของ ENZO ทุกเล่มเลยนะครับ
งานเขียนของเขาช่างคิด ช่างจินตนาการ
เนื้อหาดีมากครับ