|
เดินตลาด 5 แผ่นดิน : ตลาดน้ำวัดนิมมานรดี
ความเดิมตอนที่แล้ว
หลังจากที่เดินชมตลาดเลียบคลองราชมนตรีมาจนสุดทาง ก็ถึงวัดนิมมานรดี ก่อนจะไปเดินเที่ยวตลาด ก็แวะกราบนมัสการพระประธานที่ในโบสถ์กันก่อน
วัดนิมมานรดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เดิมชื่อ วัดบางแค สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณปีพ.ศ.2350 ในสมัยรัชกาลที่ 1
วัดบางแค เป็นวัดที่รุ่งเรืองมากวัดหนึ่ง แต่ต่อมาได้ทรุดโทรมลง จนถึงปีพ.ศ.2415 ในสมัยรัชกาลที่ 5 สมภารแจ้งซึ่งได้ย้ายจากวัดระฆังโฆษิตาราม มาปกครองวัด โดยมีขุนตาลวโนชากร (นิ่ม) และภรรยาชื่อ ดี ซึ่งเป็นผู้มีฐานะดี ทำการปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ในวัดขึ้นใหม่ทั้งหมด และเมื่อวัดได้รับการบูรณะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทางวัดได้เปลี่ยนนามใหม่ วัดนิมมานรดี เพื่อเป็นเกียรติอนุสรณ์ตามชื่อผู้บูรณะปฎิสังขรณ์วัด และสอดคล้องกับชื่อสวรรค์ชั้นที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ 2422 และได้รับพระราชทานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2514
เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระรูปโลหะทองเหลืองผสมลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย นามว่า หลวงพ่อเกษ เทศกาลตรุษจีนของทุกปี จะมีการจัดงานนมัสการเป็นประจำ และทุกวันจะมีประชาชนมานมัสการขอความสุขสิริมงคล มีการจุดประทัดถวายด้วย
หน้าบันของพระอุโบสถหลังใหม่ มีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเมื่อประมาณพ.ศ. 2417 สูง 16 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางฐาน 11.30 เมตร ปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อพ.ศ. 2518 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จประกอบพิธียกฉัตรเจดีย์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2523
วัดนี้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์จนดูใหม่ไปทั้งวัด ซึ่งเราไม่ค่อยจะชอบนัก ก็มันไม่เหลือเค้าความเก่าแก่ให้เห็นบ้างเลย
เจ้าหน้าที่นัดหมายเวลาในช่วงบ่าย และชี้ทางไปตลาดน้ำ จากนั้นก็ปล่่อยให้ชาวคณะเดินชมตลาด ซื้อของ หาอะไรกินกันตามอัธยาศัย เรากับเพื่อนก็เลยถือโอกาสนี้สำรวจวัดกันก่อน ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติม เพราะไม่มีป้ายบอกประวัติความเป็นมาเลย ที่พิมพ์ไว้ข้างบนนั่น ก็ได้จากป้ายสีน้ำตาลของททท. ผสมกับข้อมูลที่หาได้จากเฮียกู (Google)
อากาศร้อนมาก หมดแรงคิดหามุมกล้องแปลกๆ แล้วล่ะ ไปเดินเที่ยวตลาดกันดีกว่า
ตลาดน้ำวัดนิมฯ เพิ่งกลับฟื้นคืนชีวิติชีวาขึ้นมาใหม่ได้ไม่นานนัก อยู่ระหว่างการโปรโมทเป็นตลาดโบราณของย่านบางแค กรุงเทพมหานคร มันก็เลยเกิดโปรแกรมท่องเที่ยวรายการนี้ขึ้นมานั้นเอง ไกด์ของเรา เล่าว่าชาวบ้านใช้เวลากันถึง 2 ปีที่จะช่วยปลุกตลาดน้ำขี้นมาอีกครั้ง
ช่วงแรกนี้ พวกเราก็เดินเรื่อยเปื่อย ช้อปปิ้งของกินกันไปเองตามอัธยาศัยอยู่แล้ว เราเริ่มหิว และร้อนมาก ..ได้เฉาก๊วยเย็นๆ ช่วยได้เยอะ และให้กระเพาะทำงานหนักขึ้นด้วยก๊วยจั๊บของพ่อค้ามือใหม่ คุณน้องคนขาย ยังใหม่อยู่มาก ก็เลยหยิบจับอะไรได้ช้า ไม่ทันใจเล้ยยย
คนขายวันเสาร์ ยังไม่เยอะเต็มพื้นที่ คนซื้อก็ยังไม่เยอะเช่นกัน ตลาดนี้จึงยังไม่คักคักนัก อ้อ..มีเรือเร็วบริการล่องคลองด้วยล่ะ ...
นัดหมายช่วงบ่ายในเวลาบ่ายโมงตรง ..ตอนนี้เหลือคนเดินตามไกด์ไม่มากเท่าไหร่ พากันไปเยี่ยมชมบ้านที่จัดทำกระเป๋าผ้าไทย ..สินค้า OTOP ของเขต
ซื้อกันถึงแหล่งผลิตอย่างนี้ ...สนุกสนานทั้งคนซื้อคนขายกันเลยทีเดียว
คราวนี้ก็ได้เวลาไกด์นำชมแล้วล่ะ ..เล่าประวัติและความสำคัญครั้งอดีตเก่าก่อนของคลองภาษีเจริญ ซึ่งเป็นคลองขุดเชื่อมต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าขายของย่านนี้ พอมีถนนเข้ามา ความสำคัญของคลองก็ลดลงไป ... จากเรือพาย ก็ใช้เรือยนต์ จากการค้าในน้ำ ก็เลยย้ายกันขึ้นมาขายบนบก
แวะเยี่ยมบ้านครูเล็ก (เรียกตามคุณไกด์) ซึ่งท่านได้อุทิศพื้นที่เรือนแถวชั้นล่าง จัดแสดงภาพถ่ายโบราณ ที่เกี่ยวคลองภาษีเจริญ และการค้าขายทางน้ำ
ท่านเจ้าของบ้านอยู่พอดีเลย ...ก็เลยพาไปสัมผัสจับต้อง "เสื่อผืนหมอนใบ" ของบรรพบุรุษ เสื่อนี้ไม่ใช่เสื่อกกที่สานเอาอย่างที่เราเข้าใจหรือเคยเห็นมาตลอด แต่เป็นเสื่อไม้ไผ่ซีกเล็กๆ ที่ใช้เ้อ็นร้อยออกมาเป็นผืนพอดีตัว ซึ่งม้วนแล้ว หนักใช้ได้เลย หมอนที่ใช้ก็จะเป็นหมอนไม้หนุนคอเช่นกัน
เสื่อผืนนี้ ข้ามน้ำข้ามทะเลมายาวนอน จนหลุดเป็นชิ้นๆ ครูเล็กจึงใช้เอ็นร้อยเข้าไปใหม่อีกครั้ง และเก็บรักษาไ้ว้พร้อมกับเตียงไม้ของบรรพบุรุษของท่าน แต่ก็ใจดีพอที่จะได้เราไ้ด้ชมกันอย่างใกล้ชิด ขอบพระคุณค่ะ
เดินกันต่อมาผ่านห้องแถวขายของชำ ขายกาแฟ ร้านหมอกระดูกแผนโบราณผ่านโรงไม้ มาจนถึงร้านขายขนมเปี๊ยะเก่าแก่ (อีกแล้ว) ก็เป็นเวลาซื้อของฝากอีกตามเคย
ช้อปกันมาตลอดทาง สองมือเรายังว่างเปล่า ไม่มีอะไรติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านเลย ก๊วยจั๊บก็ย่อยแล้ว ...เวลาก็เหลือน้อย แต่กลิ่นผัดไท หอมเตะจมูกขึ้นมาทันที อย่ากระนั้นเลย อุดหนุนคุณยายซะหน่อย
คุณยายเลิกขายของนานแล้ว แต่พอทำตลาดขึ้นมาใหม่ คุณยายก็เลยงัดกระทะ ควงตะหลิว ขายผัดไท เราฟังคุณยายเล่าไป แล้วก็ค่อยๆ หยิบเครื่องปรุงใส่กระทะ ผัดไปเรื่อย ไฟไม่แรง คุณยายก็หยิบไม้ซีกเติมเข้าไปในเตา ... ยายให้เตาถ่านรึนี่ เหมือนเวลาจะหยุดไปชั่วขณะ ..จนคุณยายตักผัดไทใส่กล่อง แนมด้วยมะม่วงซอย ถั่วงอก ใบบัวบก คื่นฉ่าย และถั่วคั่ว เราถึงได้ยกข้อมือดูนาฬิกา ...ตายละวา ...ใกล้ถึงเวลาที่รถบัสจะมารับแล้ว
ร่ำลาคุณยาย และเพื่อนคู่หูที่แยกกลับบ้านจากตรงนี้ ..รีบสาวเท้าไปตามเส้นทางเดิม ผ่านร้านรวงต่างๆ จนไปถึงหน้าบ้านบางแค ..รถบัสรออยู่พอดี เรายังไม่ใช่คนสุดท้าย ไม่นานก็ครบคน ได้เวลา กลับมายังจุดเริ่มต้น คือ กองการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร
แม้ว่าจะเริ่มต้นอย่างขลุกขลัก แต่ก็จบได้อย่างประทับใจ... ว่างๆ จะพาคนที่บ้านมาเดินเล่นและกินผัดไทอีกรอบ ...ถึงตอนนั้น ตลาดน่าจะคึกคักขึ้นแล้ว
ปล. เพลงประกอบชื่อ สาวบางแคใจดำ : สายันต์ สัญญา
Create Date : 05 เมษายน 2553 |
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 23:27:43 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1558 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:9:01:39 น. |
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:16:16:53 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:16:49:09 น. |
|
โดย: ตา (ta/'o-o/' ) วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:20:54:00 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:21:22:37 น. |
|
โดย: freedom IP: 202.44.7.49 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:49:04 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|
พูดถึงวัดในร.๕ ทีไร นึกถึงแต่วัดเบญฯเสียทุกทีไป