ตั้งชื่อเรียบร้อยกิ๋บเก๋แสบทรวงว่า "Stuck on the Naughty Step"
ยืนยันแล้วเป็นอย่างดีกว่าซิ้งเกิ้ลแรกคือ Everyone's At It
แต่อย่าเพิ่งไปสนใจเพลงนี้ เพราะยังไม่มีหลุดมาให้ฟัง ไปสน Guess Who Batman ที่เธอเอาไปลงไว้ใน Myspace ให้ฟังกันแล้วดีกว่า อ่ะ หรือจะเรียกว่า Get Wit the Brogram ก็เอาเหอะ ชื่อประหลาดดีพิกล ความหมายก็ไม่รู้ ตอนแรกเธอเขียนเพื่อเจาะจงหมายถึง พรรค BNP (British National Party)ที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาในอังกฤษ แต่ก็เปลี่ยนใจภายหลัง ไม่เอาดีกว่า รู้สึกสื่อความหมายได้กว้างไป อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเจ๊อยากจะกัด George W Bush ด้วยเลยเล่นกับตัวอักษรแบบนี้ซะเลย
Look inside Look inside Your tiny mind Then look a bit harder Cos we're so uninspired So sick and tired Of all The hatred you harbour So you say It's not okay to be gay Well I think You're just evil You're just some racist Who can't tie my laces You're point of view Is medevil
Fuck you, fuck you Very, very much Cos we hate What you do And we hate Your whole crew So please Don't stay in touch Fuck you, fuck you Very, very much Cos your words Don't translate And it's getting Quite late So please Don't stay in touch
Do you get Do you get A little kick out Of being small minded You want to be Like your father His approval your after Well that's not how You'll find it Do you Do you really enjoy Living a life That's so hateful Cos there's a hole Where your soul Should be You're losing Control of it And it's really Distasteful
Fuck you, fuck you Very, very much Cos we hate What you do And we hate Your whole crew So please Don't stay in touch Fuck you, fuck you Very, very much Cos your words Don't translate And it's getting Quite late So please Don't stay in touch
Stuck on the Naughty Step จะวางแผงเดือนธันวาปีนี้ Lily บอกว่าแนวดนตรีจะเปลี่ยนไปจากเดิม คือไม่เอาสกาอีกแล้ว แต่จะเป็นอิเล็กโทรพ็อพมากขึ้น
ก่อนหน้านี้เพลงที่เธอโพสต์ไว้ใน Myspace มี I could say กับ I don't know ซึ่งจะเป็นเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มดังกล่าวด้วย
เมื่อไม่นานนี้ก็มีอีกเพลงคือ Who'd of known แต่จะไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้มใหม่ด้วย เพราะว่าไปเอาท่อนคอรัสจากเพลงเก่าของ Take That มา เนี่ยสิถึงไม่เหมือนแนวเธอเลย ป๊อปเกินเลยและฟังหวานๆชวนง่วงและเอียนไปพร้อมๆกัน
รายชื่อเพลงที่คาดว่าจะอยู่ในอัลบั้ม "Everyone's At It" "I Don't Know" "Not Fair" "Guess Who Batman?" / "Get Wit The Brogram" "He Wasn't There" "Oh No" "Fighting Chance" "The Law of Averages Said That I Was Going to Get My Heart "Broken" "I Could Say" "Steve from Accounts" "Pushing You Away While I Push Myself Inside" "Wherever We Go" (featuring Lindsay Lohan)
ซิ้งเกิ้ลเปิดตัว The Age of the Understatement ชื่อเดียวกับอัลบั้ม งานที่จะทำให้ลืม Arctic Monkeys ไปได้เลย เพราะนี่คือสิ่งที่จะหาฟังไม่ได้จากฝีมืออเล็กซ์ใน Arctic Monkeys แต่หากใครเคยฟังThe Rascals มาก่อนก็คงไม่แปลกใจมากนัก เพลงมาแนวเรโทรอย่างไม่เกรงใจใคร มีทั้งเสียงกลองประกอบจังหวะมาร์ชเร้าใจ เสียงประโคมของแตร การเข้ามาสลับฉากด้วยเสียงประสานอันให้อารมณ์ยิ่งใหญ่ ฟังไปก็คล้ายสกอร์หนังสายลับยุโรปตะวันตก(บอนด์กำลังปฏิบัติภารกิจที่โซเวียตนี่เอง) แถมกลิ่นอายแบบให้หวนคิดถึงหนังแนวสปาเก็ตตี้เวสเทิร์น (คลิ้น อีสต์วู้ดกำลังควักปืนเตรียมพร้อม) เอ็มวีเพลงนี้ใช้มอสโกเป็นฉากหลัง พร้อมกับการปรากฏของสิ่งที่ดูแล้วก็งงอย่างนักสเก็ต นักบุญออร์ธอด็อกซ์หรือรถถัง???
Standing Next to Me คือซิ้งเกิ้ลต่อมา เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานนี้ แล้วก็แปลกดีที่อุตส่าห์ใช้อคูสติกกีต้าร์เสียงสเปะสะปะกับออร์เคสตร้าร่วมกัน จังหวะชวนให้ผงกหัวและเคาะตามจังหวะได้ไม่ยาก อีกทั้งเนื้อหาเพลงดูธรรมดาไปหน่อยสำหรับคนอย่างนายอเล็กซ์ เพราะฉะนั้นงานนี้อาจไม่ใช่ฝีมืออเล็กซ์สักถึงกึ่งหนึ่ง และเอ็มวีที่ดูแล้วนึกว่าBeatles ก็เล่นใส่สูทคอเต่า ทำผมกะลาครอบหัว สร้างบรรยากาศยุค 60’s มีนักเต้นเป็นฉากสลับ ความเป็นเลนนอนและแมกคาร์ทนีย์มาสิงร่างสองคนนี้หรือปล่าวไม่รู้ แต่อย่างน้อยความพยายามสร้างสรรค์เพลงและเนื้อร้องในเพลงนี้ก็ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง
แทรกอื่นๆที่น่าสนใจ
In my room อันนี้มาอีกแล้ว theme James Bond สนใจไปแต่งสกอร์ให้เขาหน่อยไหมคะเนี่ย Calm like you ฟังแล้วได้กลิ่นอายแบบ Arctic Monkeys เต็มที่ ใครเป็นแฟนอยู่แล้ว คงปลื้มได้ไม่ยาก Only the truth สัดส่วนการร้องเท่าๆกันทั้งสองคน ฟังไปก็คล้ายๆ The age of the understatement
รายชื่อเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม
1."The Age of the Understatement" 2."Standing Next to Me" 3."Calm Like You" 4."Separate and Ever Deadly" 5."The Chamber" 6."Only the Truth" 7."My Mistakes Were Made for You” 8."Black Plant" 9."I Don't Like You Anymore" 10."In My Room" 11."Meeting Place" 12."The Time Has Come Again"
ฟังแล้วจะรู้ Viva la Vida or Death and All His Friends - Coldplay
Viva la Vida or Death and All His Friends
เริ่มจาก Parachutes เมื่อปี 2000 ตามด้วย A Rush of Blood To The Head ในอีกสองปีต่อมา ต่อด้วย X&Y กระทั่งมาถึงอัลบั้มล่าสุดของสี่หนุ่ม Chris Martin Jonny Buckland Guy Berryman และ Will Champion ในชื่อ Viva la Vida or Death and All His Friends ก็กลับมาให้แฟนๆได้ฟังกันพร้อมแบกความหวังที่ไม่มากไม่มายเลย แค่ว่าต้องเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดของพวกเขาเท่านั้น Viva la vida เป็นชื่อภาพวาดของ Frida Kahlo ศิลปินเม็กซิกันเลื่องชื่อซึ่งChris Martinประทับใจอย่างมาก 12 มิถุนาคือ วันที่ชาวสหราชอาราจักรจะได้ครอบครองอัลบั้มนี้ก่อนใคร ตามด้วยอเมริกาเหนือวันที่ 17 หลังจากที่ก่อนหน้านั้น Coldplay ปล่อยแผนการตลาดออกมาเช่นการปล่อยให้ดาว์นโหลดซิ้งเกิ้ลแรก Violet hill ไปฟังกันฟรีๆก่อนขายออนไลน์ หรือล่าสุดที่เอาทั้งอัลบั้มมาให้ฟังกันในเว็บ myspaceของตัวเอง (ก่อนหน้านั้นเพลงบางส่วนก็รั่วออกมาแล้วด้วย) เรียกว่าวัดใจกันไปเลย. ให้สมดังเป้าประสงค์ของพวกเขาที่อยากให้ทุกคนได้ฟังอัลบั้มนี้ก่อนตาย ฟังทั้งอัลบั้ม และยืนยันเหลือเกินว่านี่เป็นอัลบั้มที่ทุกคนจะจดจำไว้ในประวัติศาสตร์
จากหน้าปกอัลบั้มเอารูปของศิลปิน Eugene Delacroix ที่มีชื่อว่า Liberty Leading the People ภาพช่วงของการปฏิวัติ ผู้หญิงที่ถือธงอยู่คือ Marianne ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสช่วงนั้น มีกราฟฟิตี้เขียนว่า viva la vida การปฏิวัติคำนี้ก็จะเป็นหัวใจสำคัญของอัลบั้มด้วย ภายใต้การโปรดิวซ์ของหัวเรี่ยวหัวแรงหลักอย่าง Brian Eno ที่ทำ U2 ไว้เป็นอย่างไรคงไม่ต้องอธิบาย ภาพรวมทั้งหมดใน Viva la Vida or Death and All His Friends จากคำสัมภาษณ์ของChris กับนิตยสารNME บอกว่า “ถ้าคุณฟังมันดูจะเห็นว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างมากในนั้น มีเรื่องเซ็กส์ ความตาย ความรัก ความกลัว การท่องเที่ยว ผู้หญิง และเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดมีในนั้น”
CEMETERIES OF LONDON หลังจากสดใสไปในเพลงแรก แทรกที่สองนี้ก็เปลี่ยนโทนจากด้านสดใสเข้าสู่ด้านมืดทันที เพลงนี้ชอบตรงsinging la la laa la laa laa eeeeyyyyy คอรัสกันซะงดงามชวนฟัง รวมทั้งเสียงเปียโนช่วงท้ายตอนจบเพลง กระชากอารมณ์ให้หยุดนิ่งได้พักหนึ่ง เนื้อหาเพลงเหมือนchris ดูจะเล่นกับศาสนาอีกเพลง แถมยังมีพวกแม่มด เมืองผี คำสาปอะไรอีก ชวนขุนลุกดีแฮะ ท่อนสุดยอด “I see God come in my garden, but I don't know what he said, for my heart it wasn't open" อยากให้เพลงนี้ตัดเป็นซิลเกิ้ล นึกภาพเอ็มวีงามๆในหัวไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
LOST! แปลกแหวกแนวมาก็เพลงนี้แหละ เสียงปรบมือก็ดูไม่ใช่แนวพวกเขาเท่าไหร่ แต่ทำให้เพลงมีจังหวะคึกคักขึ้นมา ช่วงโชว์ผีมือโซโลกีต้าร์ของ Jonny Buckland คือจุดเด่นของเพลง ท่อน Just because I'm losing doesn't mean I'm lost อันนี้ช่างตรงไปตรงมาดีแท้ ไม่เหมือนภาษาเพลงcoldplayที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรารู้จักกัน แต่นี่คือคติประจำตัวนายคริสเขาแหละ ทว่า เนื้อเพลงก็ยังมีภาษาสวยๆอย่างเช่นเนื้อที่ว่า "You might be a big fish in a little pond, doesn't mean you've won"
42 42 ขึ้นต้นด้วยเสียงเปียโนเนียนๆ นุ่มนวลด้วยเสียงร้อง ฟังไปก็ชวนโงกหลับและเคลิบเคลิ้ม ว่าแล้วก่อนที่จะชวนกันไปหาเตียงนุ่ม หมอนอุ่น พวกเขาก็จัดการกระชากใจเราเข้าสู่จังหวะร็อกคึกคัก ตรงส่วนนี้รับอิทธิพลมาจาก Rammstein วงร็อคชื่อดังของเยอรมันมาอย่างเต็มที่ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเปียโนในแบบฉบับตัวเองอีกที เพลงนี้เหมือนการพลิกด้านจากมุมมืดไปสู่แสงสว่างที่ค่อยๆส่องลอดเข้ามาทีละน้อย เช่นเดียวกับเนื้อหาของเพลง those who are dead are not dead they're just living in my head เพลงนี้รูปแบบอาจดูคล้ายๆงานของ Radiohead โดยเฉพาะ Paranoid android ซึ่งบทสัมภาษณ์ในnme คริสก็ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมาจากพวกเขาเอง
LOVERS IN JAPAN/ REIGN OF LOVE นี่ก็เป็นรูปใหม่ที่coldplayนำมาใช้อีก กับการนำสองแทรกมาใส่ไว้ด้วยกัน เข้าใจว่าคงอภินันทนาการหรืออย่างไร ประมาณว่าซื้อหนึ่งได้สอง อย่างนี้โหลด iTunes มาก็มีแต่คุ้มกับคุ้ม จุดมุ่งหมายนั้นคริสบอกว่าอัลบั้มเขาต้องฟังทั้งอัลบั้ม Lovers in Japan เพลงมีจังหวะสอดประสานเมโลดี้เร็วขึ้นมาหน่อย ดูหวานๆง่ายๆ เพิ่มความน่าสนใจในช่วงกลางอัลบั้มได้ไม่น้อย Brian Eno ช่วยให้แทรกนี้คนฟังฟังไปพลางจินตนาการหน้าBonoร้องไปได้อีกต่างหาก ต่อด้วย Reign of love ซึ่งอ่อนนุ่มละมุนละไม หวานๆแต่ก็เรียบง่าย หากฟังตอนบรรยากาศเย็นเยียบ เหงาหงอยอยู่จะได้อารมณ์ร่วมมากขึ้น
VIVA LA VIDA >> เพลงนี้ ถ้ายังไม่ได้ฟัง อย่าเพิ่งตาย!!! เพลงสวดหรืออย่างไรกันเนี่ย แต่ viva la vida คือเพลงที่โปรดที่สุดและดึงดูดใจได้ตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลยทีเดียว ฟังครั้งแรกนี่คิดว่าใช้ได้แล้ว เพราะกว่า violet hill แต่ยิ่งฟังหลายๆๆๆๆๆรอบแล้วรู้เลยว่าเพลงนี้ทำให้ยิ้มได้และซาบซึ้งกับมันจนแยกไม่ออก ขออภัยถ้าจะโอเวอร์ไปนิ้ด ความไพเราะบดบังดวงตาไปซะแล้ว เพราะจนแทบน้ำตาแตก(ร้องไห้ไปเลยจริงๆ ไม่อยากเชื่อตัวเอง) พลางคิดขอบคุณcoldplayที่ไม่ได้ทำให้แฟนผิดหวังเลย อัลบั้มนี้มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ นับแต่clock แล้ว เพลงนี้แหละคือการออกมาประกาศความเป็นสุดยอดของพวกเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ Viva la vids ประกอบไปด้วยเครื่องดนตรีครบเครื่องลงตัว แม้แต่กลอง...(เรียกว่าอะไรอ่ะ?) เครื่องสาย เบสเป็นจังหวะๆ ไวโอลิน วงออเครสต้า เสียงคอรัสเป็นแบ็กกราวน์ นี่มันเพอร์เฟคชัดๆ ยิ่งเนื้อเพลงด้วย มีความสวยงามของภาษาดังเดิม ชอบตรงท่อนที่ว่า For some reason I can't explain I know Saint Peter won't call my name ช่วงที่คริสร้องด้วยเสียงสูงตามสไตล์
Sleep Through the Static อัลบั้มใหม่ของหนุ่ม Jack Johnson
อัลบั้มใหม่Sleep Through The Static ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 5 ของพ่อหนุ่มเสียงนุ่มJack Johnson จะวางแผงวันที่5 ก.พ.นี้แล้วค่ะ คราวนี้หนุ่มแจ็คลงทุนไปบันทึกเสียงที่แอลเอ จากที่แต่ก่อนจะทำอัลบั้มที่ฮาวายมาตลอด ความแปลกใหม่อัลบั้มนี้แจ็คบอกว่าจะมีกีตาร์ไฟฟ้าเข้าไปมากกว่าเดิม แต่แฟนๆที่ชอบสไตล์อะคูสติกแบบเดิมก็อย่าเพิ่งผิดหวัง เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ทิ้งสไตล์เก่าๆแน่นอน
รายชื่อเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม # "All at Once" # "Sleep Through the Static" # "Hope" # "Angel" # "Enemy" # "If I Had Eyes" # "Same Girl" # "What You Thought You Needed" # "Adrift" # "Go On" # "They Do They Don't" # "While We Wait" # "Monsoon" # "Losing Keys"
สำหรับซิงเกิ้ลแรกจะเป็น If I Had Eyes แล้วจะตามด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม Sleep Through the Static
เอาเพลงมาให้ลองฟังดู เพลงแรก If I Had Eyes อินโทรน่ารักๆ สไตล์เฮียแจ็ค เพลงเป็นสไตล์บลูส์ๆที่มีเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าแบบอะคูสติก เพราะดีค่ะ ชอบ
เนื้อเพลง If I had eyes in the back of my head I would have told you that You looked good As I walked away
And if you could've tried to trust the hand that fed You would've never been hungry But you never really be
The more of this or less of this or is there any difference or are we just holding onto the things we don't have anymore
Sometimes time doesn't heal No not at all Just stand still While we fall In or out of love again I doubt I'm gonna win you back When you got eyes like that It won't let me in Always looking out
Lot of people spend their time just floating We were victims together but lonely You got hungry eyes that just can't look forward Can't give them enough but we just can't start over Building with bent nails we're falling but holding, I don't wanna take up anymore of your time Time time time
Sometimes time doesn't heal No not all Just stand still While we fall In or out of love again I doubt I'm gonna win you back When you got eyes like that It won't let me in Always looking out Always looking
******************************************************************** ส่วนอีกเพลง Sleep Through the Static ขึ้นมาแบบมีเสียงฮาโมนิก้าด้วย ตามด้วยกลองแบบโจ๊ะๆ และเสียงกีต้าร์ไฟฟ้ากับเบสนุ่ม ขณะที่ความหมายเพลงก็เน้นในทางต้านสงคราม
ฟังเพลงที่นี่
เนื้อเพลง Trouble travels fast When you’re specially designed for crash testing Or wearing wool sunglasses in the afternoon Come on and tell us what you’re trying to prove
Because it’s a battle when you dabble in war You store it up, unleash it, then you piece it together Whether the storm drain running rampant just stamp it And send it to somebody who’s pretending to care
Just cash in your blanks for little toy tanks Learn how to use them, then abuse them and choose them Over conversations relationships are overrated “I hated everyone” said the sun
And so I will cook all your books You’re too good looking and mistooken You could watch it instead From the comfort of your burning beds …Or you can sleep through the static
Who needs sleep when we’ve got love? Who needs keys when we’ve got clubs? Who needs please when we’ve got guns? Who needs peace when we’ve gone above But beyond where we should have gone? We went beyond where we should have gone
Stuck between channels my thoughts all quit I thought about them too much, allowed them to touch The feelings that rained down on the plains all dried and cracked Waiting for things that never came
Shock and awful thing to make somebody think That they have to choose pushing for peace supporting the troops And either you’re weak or you’ll use brut force-feed the truth The truth is we say not as we do
We say anytime, anywhere, just show your teeth and strike the fear Of god wears camouflage, cries at night and drives a dodge Pick up the beat and stop hogging the feast That’s no way to treat an enemy Well mighty mighty appetite we just eat ‘em up and keep on driving Freedom can be freezing take a picture from the pretty side Mind your manners wave your banners What a wonderful world that this angle can see
But who needs to see what we’ve done? Who needs please when we’ve got guns? Who needs keys when we’ve got clubs? Who needs peace when we’ve gone above But beyond where we should have gone? Beyond where we should have gone We went beyond where we should have gone Beyond where we should have gone
จากอัลบั้ม : No One's Gonna Change Our World แต่ง : Lennon/McCartney
เนื้อเพลง Words are flying out like endless rain into a paper cup They slither while they pass They slip away across the universe Pools of sorrow waves of joy are drifting thorough my open mind Possessing and caressing me
Jai guru deva om Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world
Images of broken light which dance before me like a million eyes That call me on and on across the universe Thoughts meander like a restless wind inside a letter box they tumble blindly as they make their way across the universe
Jai guru deva om Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world
Sounds of laughter shades of life are ringing through my open ears exciting and inviting me Limitless undying love which shines around me like a million suns It calls me on and on across the universe
Jai guru deva om Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Nothing's gonna change my world Jai guru deva Jai guru deva
Jai Guru Deva Om คืออะไร? ตอบ >>> Jai เป็นคำแสดงความยกย่องขอบคุณ(ชัย) Guru คือ คุรุนั่นแหละ ครูนั่นเอง Guru Dev เป็นอาจารย์ของ Maharishi ที่เป็นอาจารย์สอนสี่เต่าทองในปี 1968 Om คือvibration of universe เหมือนโอม(โอมมมมมมม เพี้ยง)
เพลงนี้ในเวอร์ชั่นอื่น : Cyndi Lauper Fiona Apple ร้องost Pleasantville เพราะมาก หลอนปนเศร้าดี Rufus Wainwright ร้องในเรื่อง I am sam อีกเวอร์ชั่นที่เพราะมากๆ รวมถึงเขายังเคยร้องเพลงนี้ร่วมกับSean Lennon (ใช่แล้ว ลูกจอห์นนั่นแหละ)และMobyที่งาน 2001 John Lennon tribute ที่ Radio City Music Hallด้วย หาดูได้ในเว็บหมูทุบหรือdvd Come Together ล่าสุด Jim Sturgess ใน Across the Universe อื่นๆ โอ๊ย! เยอะมากๆ ตามประสาเพลงBeatlesที่จะมีคนมาตามคัพเวอร์มากมาย Billie Joe Armstrong Bono Steven Tyler Alicia Keys Alison Krauss Pink Floyd Texas Stevie Wonder