ขบวนการเคลื่อนไหวของพวกเขาในปีนี้ นอกจากคอนเสิร์ตรียูเนียนเพื่อหาตังค์ เอ๊ย! เพื่อเป็นการตอกย้ำความปรองดองกันของ Damon และ Graham ไล่ตั้งแต่ Hyde Park, Glastonbury, Oxegen ปิดท้ายด้วย T in the Park ที่ Graham เกือบตายเพราะอาหารเป็นพิษ ก่อน Damon จะประกาศกร้าวว่าไม่มีอีกแล้ว รียูเนียนมันจบแค่นี้ รวมถึงการออกรวมฮิต Midlife: A Beginner's Guide to Blur (เพื่ออะไร?) ไลฟ์ซีดี All The People: Blur Live at Hyde Park และทำหนังสารคดี No Distance Left To Run ที่จะฉายในอังกฤษมกราคมปีหน้า เรียกว่าเรื่องเหล่านี้มันน่ายินดีและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
คำพูดของ Damon ค่อนข้างแน่นอนไปแล้วว่าเขาจะไม่ทำอัลบั้มใหม่ แม้ช่วงนึง Graham จะบอกว่าเขาเองสนใจจะทำ แต่ท้ายที่สุดคือ เขายืนยันว่าแผนการเข้าสตูดิโออัดอัลบั้มหรือเล่นคอนเสิร์ตด้วยกันอีกคงไม่มีแล้ว (ไม่มีตลอดไปหรือถึงตอนไหนก็ไม่ทราบ)
ที่น่าสงสัยคงเป็นเพราะคำพูด Damon กับ Graham มันค้านกันเองในช่วงนึง เพราะหลังจาก T in the Park ซึ่ง Damon บอกว่าคือคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายแล้ว ฝ่าย Graham ให้สัมภาษณ์เองว่าสนใจอยากทำอัลบั้ม และวงก็พูดกันว่าจะทัวร์คอนเสิร์ตนอกเกาะอังกฤษกันด้วยดีไหม หลังจากนั้นไม่นาน Damon จึงออกมายืนยันอีกครั้งว่าการรียูเนียนจบไปแล้ว ข่าวจากนั้นคือ Graham เองกลับคำพูดว่าวงไม่มีแผนจะทำอะไรด้วยกันอีก เขาเองก็จะก้มตาก้มตาใส่แว่นทำงานเดี่ยวต่อไป ทัวร์คอนเสิร์ตตัวเอง ฯลฯ
ยิ่งเมื่อได้ดู trailer No Distance Left To Run แล้ว ยิ่งกว่าจะรู้สึกอกแตกตายให้ได้เสียอีก
หนังสารคดี No Distance Left To Run คือเรื่องเกี่ยวกับการรียูเนียนที่ผ่านมาของวง หนังกำกับโดย Dylan Southern และ Will Lovelace จะเข้าฉายที่อังกฤษแบบจำกัดโรงในวันที่ 19 ม.ค. 2010 โดยจะเปิดตัวครั้งแรกที่ โอเดียน เลสเตอร์ สแควร์ กรุงลอนดอน ซึ่งแน่นอนว่า Blur คงไปปรากฏตัวด้วย (ขอให้ทั้งวงเถอะ)
Trailer
ด้วยความสัตย์จริง ตอนช่วง The Universal ดูแล้วน้ำตาไหล
ความเป็นไปได้ที่ No Distance Left To Run จะได้ฉายในไทยมันเท่ากับการที่ลิเวอร์พูลจะได้แชมป์ลีก ถึงจะออกดีวีดีมา (ซึ่งไม่รู้ตอนไหน) ก็ต้องรอไปอีกพักนึง ซึ่งนั่นมันของที่โน่น แต่ของแผ่นไทยล่ะ? Warner Music ผู้รวดเร็วกว่าเต่าประมาณสองคืบจะทำหรือไม่? ตอนไหน? เมื่อไหร่?
จริงๆ ตอนแรกที่เห็นข่าวหนังนี้ ฉันกลับเกิดอาการอีกแล้วว่า “จะทำทำไม?” ประกอบกับอาทิตย์ก่อน ฉันไปฆาตกรรมเงินในกระเป๋า (ที่ไม่ค่อยมี) ของตัวเอง ณ ร้านโดเรมี อันทำให้ไปป๊ะกับไอ้แผ่น All The People: Blur Live at Hyde Park จนสุดท้ายก็ชั่งใจและจัดการมาเป็นกรรมสิทธิ์ในที่สุด
อย่างไรก็ดี การได้ฟัง All The People: Blur Live at Hyde Park ด้วยหูอย่างเดียว คือความบรรเจิดยิ่งแล้วในชีวิตของคนที่ไม่มีปัญญาไปอยู่ ณ ที่นั่น ตอนนั้นได้
Damon กับสองวันติดกัน ณ ไฮด์ พาร์ค กรุงลอนดอน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่วงกลับมาเล่นด้วยกัน โดยเฉพาะกับการกลับมาของ Graham Coxon (ไม่รวม This Is A Low ในงาน NME Awards ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่ Damon และ Graham กลับมาเล่นบนเวทีด้วยกัน)
ก่อนร้องเพลง Out Of Time Damon บอกว่าไฮด์ พาร์ค เป็นสถานที่สำคัญพิเศษสำหรับเขา เพราะมีส่วนสำคัญในการเป็นที่เดินขบวนต่อต้านสงคราม(อิรัก) เมื่อปี 2003 และเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
Setlist แผ่น 1 1. She's So High 2. Girls And Boys 3. Tracy Jacks 4. There's No Other Way 5. Jubilee 6. Bad Head 7. Beetlebum 8. Out Of Time 9. Trimm Trabb 10. Coffee And TV 11. Tender
แผ่น 2 1. Country House 2. Oily Water 3. Chemical World 4. Sunday Sunday 5. Parklife 6. End Of A Century 7. To The End 8. This Is A Low 9. Popscene 10. Advert 11. Song 2 12. Death Of A Party 13. For Tomorrow 14. The Universal
Blur จะมี re-reunion ไหม น่าสนใจยิ่ง
แต่เพราะ Damon ความคิดกระฉูด ทำงานโน่นนี่ไม่หยุดหย่อน เพราะ Graham ยังคงขยันทำงานเดี่ยวของตัวเอง เพราะ Alex ก็มีงานโปรเจ็คต์ตัวเองและรักการเขียนหนังสือ เพราะ Dave สนใจไปเล่นการเมือง
เรื่องสุดท้าย เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันชักดิ้นชักงอและเกือบหัวใจวายตายเมื่อรู้ข่าว British Sea Power live in BKK แล้ววันที่ 14 ก.พ. ปีหน้า จะเป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดของปี!
กรี๊ดดดดด British Sea Power live in BKK จริงเหรอเนี้ยยยย กรี๊ดสลบบบบบบ ถ้ามาจริงจะร้องเพลง Atom ให้สุดเสียงเลย มาวันวาเลนไทน์พอดีด้วย ดูแน่ๆๆ ขอบคุณสำหรับข่าวนี้ค่ะ ดีใจๆๆ
แล้วถ้าเค้ามาเนี่ย
ขอไปเจอคุณลูซี่ได้ไหมเนี่ย