TCT: Concerts for Teenage Cancer Trust at the Royal Albert Concert Hall
นี่เป็นดีวีดีที่ฉันดองไว้จนเค็มได้ที่ จู่ๆ เหลือบไปเห็นแล้วตกตะลึงนึกว่ามีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า จำไม่ได้ว่าเคยซื้อไว้ กระทั่งซื้อที่ไหน เมื่อไหร่ยังลืม (คาดว่าประมาณกลางปี?) ครั้นพอได้หยิบมาจากหิ้งเพื่อจะเอามาเชยชมในวันที่ตัดสินตัวเองให้ว่างๆไปงั้น ก็รู้แล้วว่าสมควรกับการดองไว้จริงๆ ได้ดูแล้วก็คงผ่านเลย คาดว่าโอกาสที่จะได้พบปะกันอีกเป็นครั้งที่สองคงมีราวๆ 0.097% หรือในวันที่โลกนี้งดผลิตดีวีดี ซีดีเพลงออกมาแล้วนั่นแหละ ชื่อเต็มๆของมันคือ TCT: Concerts for Teenage Cancer Trust at the Royal Albert Concert Hall สำหรับองค์กร Teenage Cancer Trust นี้ก็ตามชื่อเลย และ Royal Albert Hall คงอาจได้ยินมาพอสมควรกับชื่อเสียงด้านความโอ่อ่าหรูหราของสถานที่ และศิลปินมากมายก็จัดคอนเสิร์ตที่นี่เป็นประจำให้ได้ยินบ่อยๆ คอนเสิร์ต TCT ก็เช่นกัน โดยมีตัวต้นคิดจัดงานนี้อย่าง Roger Daltrey ของ The Who เขาไปชักชวนศิลปินหรือวงของอังกฤษดังๆสม่ำเสมอทุกปี ขอแรงงานและให้เวลาสักนิดกันคอนเสิร์ตแบบนี้ ทำแล้วก็ได้บุญกันไป เอาเงินไปสมทบทุนให้กับองค์กรนี้ในทุกๆปี จากที่ไปหาข้อมูลดู ดีวีดีออกปีนี้ก็จริง แต่โชว์จากศิลปินในดีวีดีนี้เป็นการแสดงของตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วทั้งหมด ขณะที่ TCT at the Royal Albert Hall เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา มีพวก Paul Weller, Duffy, The Fratellis, David Gray, Newton Faulkner, Amy Macdonald และโดยเฉพาะ Muse
แทร็กสิสต์ + พูดถึงแต่ละเพลงคร่าวๆ
The Who - The Seeker เอ๋! คือ แปลกๆเหมือนกันที่ร้องเพลงนี้ Noel Gallagher - Don’t Look Back In Anger บางทีมันก็ดี บางทีก็ห่วยเหลือเชื่อล่ะคนนี้ Noel Gallagher and Paul Weller - The Butterfly Collector เอ่อ พอNoel แนะนำ Paul Weller หนึ่งในตำนานผู้ให้กำเนิดยุคพังก์และเลื่อมใสThe Who เช่นกันมา ก็กรี๊ดให้นิด แต่ไหงเวอร์ชั่นอคูสติกของ Butterfly Collector มันน่าผิดหวังเยี่ยงนี้ จืดชืด น่าเบื่อที่สุด Kaiser Chiefs - Take My Temperature ไม่รู้จะเอามันส์ไปไหน พี่อ้วนทดสอบเรตติ้งเดินแหวกไปหาฝูงชนซะกินเวลาร่วมห้าปี สิบสี่เดือน The Coral - Dreaming Of You แน่นอนว่าที่ตระการตากับการดูวงนี้เล่นสดคือ ดนตรีอันหลากหลายชนิด ซึ่งเสียงไพเราะทั้งนั้น The Cure - The Kiss ไม่ใช่แฟนวงนี้เท่าไหร่ กีต้าร์หนักสุดกู่แหลกลาญบริหารโสตประสาทหู Razorlight and Roger Daltrey - Summertime Blues พอดีชอบเพลงนี้ ให้ผ่าน The View - Face For The Radio เพลงนี้พอเล่นสดแล้วดูดีแฮะ Bloc Party - Like Eating Glass นี่อาจจะเจ๋งที่สุดแล้วล่ะ ค่อยดูมีชีวิตชีวาหน่อย The Bees - Got To Let Go เฉยๆ Gruff Rhys - Gwn Miwn มาแปลกสุดแล้ว ชวนงงตั้งแต่แรกเริ่ม Gruff Rhys(ของ Super Furry Animals) เปิดตัวด้วยการนั่งบนโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของจุกจิกบ้าบอคอแตกที่จะทำให้เกิดเสียงได้ ก่อนจะจัดแจงทำเสียงโน่นนี่ออกมาพร้อมร้องด้วยภาษา..เอ่อ ไม่ใช่อังกฤษ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง(เวลช์รึป่าว เพราะเขาเป็นคนเวลส์) แน่นอนว่าประหลาดแปลกปลอมแบบนี้ย่อมกระตุ้นความสนใจคนดู แต่!! ขอโทษนะ มันเหมือนเพลงสวดศพ และอนึ่ง ฉันยังอยู่ในโลกนี้ ยังอยากฟังเพลงที่ไม่ได้ล้ำเกินกว่าโลกปัจจุบันไปโลกหน้าเกินตัวเฉกเช่น เพลง...อะไรฟะ (หูไม่เทพค่ะ) Judas Priest - Hell Bent For Leather ไม่ใช่แฟนวงนี้เช่นกัน แอบเผลอกดfast forward ซะ -*- Kasabian - L.S.F. ถูกใจมากกกกก นักร้องเขาเอนเตอร์เทนดี(ท่าออกเกย์หน่อยๆ แต่คงไม่ใช่) The Who - Baba O’Riley The Who - Tea and Theatre
ในที่สุดก็มาปิดท้ายด้วยพวกเขาเอง ซึ่งก็ใช่ว่าวงเดิมดังที่รุ่งเรือง นี่เหลือมาร่อแร่ไม่กี่คน ถึงฉันจะเกิดไม่ทันยุคเขาและไม่ได้เป็นแฟนตัวยง แต่บอกได้เลยว่าเพลงที่ร้องมามันไม่ใช่ The Who แบบที่เคยเป็น ใน Baba O'Riley เสียงลุงRoger แหบพร่าไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เสียงกีต้าร์ก็ดูแผ่วเบาลง ส่วน Tea and Theatre อันนี้ได้ยินมาในแบบ The Who ยุคหลัง ซึ่งก็โอเค โดยรวมดูเหมือนมันประกอบไปด้วยพวกศิลปินที่เคารพรัก The Who มาร่วมแจมให้ กับอีกพวกที่ไม่ได้ดูเข้าในสไตล์เดียวกัน สำหรับ The Who คือสิ่งที่ยกไว้ในฐานที่เข้าใจกัน วงอย่าง Kaiser Chiefs, Kasabian, The Bees, The Coral นี่ก็เป็นรอยต่อที่รับและปรับปรุงจากยุคอดีตของ The Who มาบวกกับอิทธิพลของบริทพ็อพในยุค 90’s
ที่ยังพอมีอะไรให้ประทับใจ :
ถึงNoel จะร้อง Don’t Look Back In Anger อย่างไม่ได้ความเท่าไหร่ อารมณ์ร่วมคนดูต่อเพลงนี้ยังมหัศจรรย์เสมอ
โชว์ของ Razorlight นี่ Johnny Borrell (ซึ่งแน่นอนว่าใส่ชุดขาว)ยังไม่ถึงกับติสต์แตกและทำตัวน่าหมั่นไส้มาก คงเพราะอยู่กับลุง Roger เลยขอสงบเสงี่ยม ส่วนSummertime Blues ก็ถ่ายทอดมาได้ดี
ฉันรัก The Coral
Features : เป็นบทสัมภาษณ์ Pete Townshend มือกีต้าร์ The Who ความยาวประมาณ 40 นาที ยังไม่ได้ดู (กรรม -*-)
สรุป : อย่างน้อยเป็นดีวีดีเพื่อการกุศลล่ะน่า ไม่ใช่พวกต้องซื้อ ต้องมีในครอบครองแน่ๆ แต่แฟนThe Who คงต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง
My Votes 1. Best British Band – Coldplay 2. Best International Band – The Killers (รู้สึกว่าปีนี้ Kings of Leon มีโอกาสดีในการเข้าวินมาก) 3. Best Solo Artist - Adele 4. Best New Band – Vampire Weekend 5. Best Live Band - Coldplay 6. Best Album – Coldplay - Viva La Vida or Death and All His Friends 7. Best Track – - Coldplay - Viva La Vida 8. Best Video –Coldplay - Violet Hill 9. Best Live Event – Reading and Leeds Festival (มั่ว อย่างกับได้ไปน่ะ) 10. Best TV Show - Match of the day (จะกี่ปีก็ชอบและตามหาดูรายการนี้) 11. Best Film – Burn After Reading (ในที่สุดก็มีหนังในปีนี้ที่ชอบมากกว่าThe Dark Knight แต่ว่าก็ยังไม่ยุติธรรม มีตั้งหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู/เข้าในไทยน่ะ) 12. Best Live Session - The Killers - Royal Albert Hal 13. Best Website – youtube.com 14. Best Band Blog - thechurchofchrismartin.com (เป็นอะไรที่ฮาแทบขาดใจตาย) 15. Best Dancefloor Filler – The Killers - Human 16. Best Venue - Wembley Stadium 17. Hero Of The Year – Heath Ledger (Why so serious?) 18. Villain Of The Year – People's Alliance for Democracy (PAD) (เขาจะรู้เรื่องด้วยไหมเนี่ย) 19. Best Dressed – Brandon Flowers 20. Worst Dressed – Johnny Borrell 21. Worst Album – The Ting Tings – We Started Noting (มีลางสังหรณ์น่ากลัวจังว่า shortlist ปีนี้อาจมี Perfect Symmetry) 22. Worst Band – Jonas Brothers – (คิดอยู่ว่ากับThe Ting Tings จะเอาอะไรดี แต่อันนี้ของเขาแรงจริงๆ ล่าสุดชิงแกรมมี่ฯ ซะด้วย เชื่อเขาเลย พูดไม่ออกอีกแล้ว
สาขาอื่นที่เห็นมันแยกมาอีก Sexiest Male – Brandon Flowers Sexiest Female – Kate Nash Best Album Artwork – The Killers – Day&Age
Grammy Awards 2009 เจ็ดสาขาเต็มๆที่ได้เข้าชิงของ Coldplay มีดังนี้
Record Of The Year Chasing Pavements Adele Viva La Vida Coldplay Bleeding Love Leona Lewis Paper Planes M.I.A Please Read The Letter Robert Plant & Alison Krauss
Album Of The Year Viva La Vida Coldplay Tha Carter III Lil Wayne Year Of The Gentleman Ne-Yo Raising Sand - Robert Plant & Alison Krauss In Rainbows - Radiohead
Song Of The Year American Boy - William Adams, Keith Harris, Josh Lopez, Caleb Speir, John Stephens, Estelle Swaray & Kanye West, songwriters Chasing Pavements - Adele Adkins, songwriter I'm Yours - Jason Mraz, songwriter Love Song - Sara Bareilles, songwriter Viva La Vida - Guy Berryman, Jonny Buckland, Will Champion & Chris Martin, songwriters
Best Rock Performance By A Duo Or Group With Vocals Rock And Roll Train - AC/DC Violet Hill - Coldplay Long Road Out Of Eden - The Eagles Sex On Fire - Kings of Leon House of Cards - Radiohead
Best Rock Album Viva La Vida - Coldplay Rock n Roll Jesus - Kid Rock Only By The Night - Kings of Leon Death Magnetic - Metallica Consolers of the Lonely - The Raconteurs
Best Pop Performance By A Duo Or Group With Vocals Viva La Vida- Coldplay Waiting In The Weeds- Eagles Going On- Gnarls Barkley Won't Go Home Without You- Maroon 5 Apologize -OneRepublic
Best Rock Song Girls In Their Summer Clothes- Bruce Springsteen, songwriter (Bruce Springsteen) House Of Cards- Colin Greenwood, Jonny Greenwood, Ed O'Brien, Philip Selway & Thom Yorke, songwriters (Radiohead) I Will Possess Your Heart- Benjamin Gibbard, Nicholas Harmer, Jason McGerr & Christopher Walla, songwriters (Death Cab For Cutie) Sex On Fire- Caleb Followill, Jared Followill, Matthew Followill & Nathan Followill, songwriters (Kings Of Leon) Violet Hill- Guy Berryman, Jonny Buckland, Will Champion & Chris Martin, songwriters (Coldplay)
อืม สาขา Best Alternative Music – อุตส่าห์เชียร์ Dear Science ของ TV on the Radio ให้เข้า แต่เห็นแบบนี้ชี้ไปได้ที่ In Rainbows อย่างเดียว ยังไงซะมันขึ้นอยู่กับคุณแกรมมี่ล่ะ และบริทปีนี้ก็เกรียงไกรประกาศศักดาดีโคตรๆอีกแล้ว ยินดีๆ
- เห็นเรื่องนี้แล้วสะท้อนใจ นึกถึงกรณี My Sweet Lord ของ George Harrisonซึ่งเขาแพ้คดีนั้น มันเป็นเหมือนวิกฤตหนึ่งของคนที่เป็นศิลปิน แต่เราส่วนตัวก็ยังจดจำเขากับเพลงนี้ และColdplay กับVLV นะ(My Sweet Lord ถูกตัดสินว่าเป็นการลอกโดยไม่ตั้งใจ *เหมือนศัพท์ฮิตนักการเมือง - บกพร่องโดยสุจริต?)
Frances Limon ของ Enanitos Verdes ศิลปินกลุ่มจากอาร์เจนตินา เพลงนี้เหมือน If I Could Fly มากๆ และออกมาก่อนหน้าเพลงนี้ 2 ปี เทียบกับความเหมือนของ Viva La Vida และ If I Could Fly ที่แชร์คอร์ดกันในช่วงเวลาไม่กี่วินาที เอ ทำไมพูดถึงเพลงนี้กันน้อยนะ ยอดดูในyoutube ก็ไม่พุ่งถึงล้านเลย อ้าว ยังมีอีกเพลงสินะ J’en ai marre ของ Alizee ศิลปินพ็อพชาวฝรั่งเศส เธอเคยจะฟ้อง VLV เหมือนกัน และแน่นอนว่าต้องไม่ลืม The Songs I Didn't Write ของ Creaky Boards
"With the greatest possible respect to Joe Satriani, we have now unfortunately found it necessary to respond publicly to his allegations. If there are any similarities between our two pieces of music, they are entirely coincidental, and just as surprising to us as to him. Joe Satriani is a great musician, but he did not write the song "Viva La Vida." We respectfully ask him to accept our assurances of this and wish him well with all future endeavours. Coldplay."
ก็ดูฟังโต้ตอบอย่างนุ่มนวลสุภาพดี แต่ฉันไม่รู้ บางทีมันก็อาจบอกเป็นนัยๆประมาณว่า “Look! Joe, you're cool, but… could you please f*** off now?” ก็ได้ 555+
คำพูดคริส(เอามาจากNME ให้สัมภาษณ์ในNME radio ตะกี้)
When these things happen it's a coincidence and we're as surprised by it as anybody else.
Oh, I know exactly where the song came from. It came from the middle of the night, on a piano. I just get embarrassed about having to talk about these things.
I do feel a bit upset about it because I wrote the song. But, you know, these things happen. Whatever will be will be.
เล่นไปเล่นมา ก็หาว่าซ้ำ
ชอบ โคลด์เพลย์ และ ชอบเพลง VLV ด้วย
ความหมายดี