Group Blog
 
All blogs
 
คุณค่าแห่งการอวยที่คู่ควร "MGMT – Congratulations" / Placebo and Kings of Convenience live in BKK

     MGMT ไม่ได้อุบาทว์ หรือ Oracular Spectacular ห่วยแตกสุดยอดจนฟังแล้วไข้ขึ้นหูหรอกนะ แต่สองปีที่แล้ว OS ได้โดนอคติของฉันเข้าบดบังเสียจนไม่อาจเอามันมายัดเข้ากรุอัลบั้มที่ชื่นชอบลำดับต้นๆ แห่งปีได้ ทั้งๆ ที่ตอนช่วงแรกที่อัลบั้มออกมา ฉันมีอาการที่เรียกว่า “คลั่ง” วงนี้ในระดับไม่ธรรมดา หรือฟัง Time To Pretend ไปเป็นล้านๆ รอบ


อธิบายได้ว่า ช่วงท้ายปี 2008 ได้เกิดการเพิ่มขึ้นมาของค่าปริมาณความอิจฉาริษยาของฉันที่เห็น OS ไปเสนอหน้าอยู่ในอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีของสถาบันต่างๆ ในลำดับสูงเกินกว่าที่ควร ขณะที่สำนักชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม แสดงออกถึงความชื่นชอบเต็มที่ด้วยการสมนาคุณรางวัลอัลบั้มแห่งปีและซิงเกิ้ลแห่งปี “อันดับหนึ่ง” ให้ เหล่านี้ได้ทำปฏิกิริยากับความเบื่อหน่ายในความโด่งดังเป็นผลุแตกของเพลง Kids และ Time to Pretend ที่คุณสามารถได้ยินมันในทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะในภาพยนตร์ ตัวอย่างภาพยนตร์ ซีรี่ส์ แบ็กกราวน์รายการโทรทัศน์ โฆษณา เกมส์ ผับบาร์ ได้ยินตามวิทยุอีกวันละสิบห้าแสนรอบ ฯลฯ ยังให้เกิดผลลัพธ์เป็นความหมั่นไส้ในร่างกาย แปรเป็นอคติและการไม่ชอบหน้าเท่าใดนัก


     แต่หากได้ยินใครบอกว่า MGMT ทำเพลงไม่ได้เรื่อง อนุญาตให้เดินไปตบบ้องหูคนนั้นห้าครั้ง กระชากคอเสื้อมันขึ้นมา ก่อนเอาซีดี OS ปาใส่หน้าแล้วกระชิบเบาๆ ข้างรูหูว่า “กรูให้มรึงฟรีๆ เอาไปกระแทกหูซะ!”


OS เป็นอัลบั้มที่ดี ฉันยอมรับ
ฉะนั้นอย่ามาตบบ้องหูจขบ. เพราะฉันไม่ได้บอกว่ามันห่วย แค่รู้สึกรับไม่ได้ที่โดนอวยในระดับเทพขนาดนั้น
นั่นคือ “การอวย” ที่ฉันไม่ชอบใจกับ MGMT ครั้งกระโน้น


     แต่คราวนี้ฉันจะมาทำหน้าที่มาอวยมันแทน เนื่องจาก Congratulations อัลบั้มที่สองของดูโอจากนิวยอร์คได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งความรู้สึกและจิตใจฉันให้ฉันไปเอาอารมณ์คลั่งเมื่อครั้งได้ฟัง OS ครั้งแรกกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังพลันจะหลงใหลได้ปลื้มจนเกือบจะละทิ้งความหมั่นไส้วงนี้ไปซะ


     มันรู้สึกประหนึ่งว่า Andrew และ Ben เดินเข้ามาขย้ำคอฉัน และปาอัลบั้มนี้ใส่หน้า พร้อมตะคอกว่า “อยากจะหมั่นไส้ต่อไปมะ ฮึ?”




     ภายใต้การโปรดิวซ์ของ Peter Kember (สมาชิกผู้ก่อตั้ง Spaceman 3) และวงเอง จงดีใจเถิดที่คนฟังจะได้เห็นพวกเขาในทางใหม่ขึ้นกว่าเดิมมาก แถมสิ่งที่จะเคยสร้างความหมั่นไส้ในความดังก็ถูกขจัดไป เมื่อวงบอกว่าจะไม่ปล่อยเพลงใดเป็นซิงเกิ้ลทั้งนั้น
(ไม่รู้คณะกรรมการ Grammy Awards จะอกแตกตายหรือปล่าว เพราะนั่นอาจทำให้ MGMT ไม่มีเพลงที่โด่งดัง พ็อพๆ และเป็นที่รู้จักเท่า Kids จนไปเข้าหูพวกเขาและเสนอชื่อวงเข้าชิง Best New Artist หลังเวลาผ่านไปสองล้านห้าแสนปีแบบนั้นก็ได้)


     แม้ Congratulations จะประกอบไปด้วยความแปลกประหลาดเมื่อได้ฟัง แต่สิ่งที่เร้าหูให้ติดหนึบ เพลงติดหูง่ายๆ ก็มีอยู่เช่นกัน เพียงแต่มันอาจไม่ใช่อัลบั้มที่จะถูกใจผู้รักใคร่เพลงแบบ Time To Pretend, Kids และหวังจะให้มีแบบนั้นอีก ใครที่หวังเช่นนั้น หูคุณจะกลับโดน Congratulations ข่มขืนด้วยเพลงที่น่าอุทานว่า “อะไรของมันฟะ!”


     กลิ่นไซคีเดลลิคในสไตล์อคูสติค บรรยากาศยุค 60’s เพลงที่ส่วนใหญ่ไม่มีท่อนฮุคติดหู และปราศจากอารมณ์อิเล็กโทรเข้มๆ ให้ครึกครื้น นั่นต่างหากคือสิ่งที่จะมาแทนที่อยู่ในงานชุดนี้


      It’s Working คือเพลงเปิดอัลบั้ม ความจริงอินโทรขึ้นมาก็เร้าใจใช่เล่น แต่เพลงมีการเปลี่ยนแปลงจังหวะ มีช่วงเร็วขึ้นมา และกลับมาช้า ให้ความรู้สึกลอยๆ ไซคีเดลลิค ช่วงนึงได้ความรู้สึกเรโทรและยุค 60’s สองอารมณ์สลับไปมา เสียงเครื่องเคาะจังหวะ กระทบกันกับซินธ์ฟุ้งๆ เริ่มได้กลิ่นความเปลี่ยนแปลงมาแล้ว!


     A Song for Dan Treacy คือเพลงกลิ่นเซิร์ฟ ร็อคแบบที่วงเคยบอกว่าจะปรากฏในอัลบั้ม ซึ่งนอกจากจะแปลกแล้ว ยังเป็น MGMT ในแนวใหม่ไฉไลกว่าเดิม น่ารักลัลลาและเหมาะกับซัมเมอร์ ขณะที่เพลงดำเนินไปก็ยังสอดแทรกเสียงซินธ์แหน่วๆ ดื๊อๆ ไปด้วย ได้ยินเสียงเคาะกรุ๊งกร๊งดังมาเบาๆ จากแบ็กกราวน์ ฟังเพลงนี้เริ่มต้นมาคล้าย The Drums แต่พอฟังจบแล้วนึกว่า Black Kids


     Someone’s Missing ก่อร่างสร้างท่วงทำนองด้วยความเชื่องช้า เสียง Andrew ร้องแบบหอนๆ คลอไปกับเครื่องดนตรีน้อยชิ้น ก่อนที่ตอนใกล้จบจะประสานเสียงกระหึ่มขึ้นมา


     Flash Delirium กับการสรรหาความบ้าบอแบบใหม่  ช่วงแรกๆ ของเพลงยังดูเป็นผู้เป็นคน เสียงแทรกประหลาดๆ มากมายปะปนอยู่ทั่วแทร็ค ประกอบกับจังหวะที่ปรับเปลี่ยนไปมา เสียงร้องซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการร้องเพลงหรือสวดมนตร์ สไตล์ที่มืดหม่นขึ้น กลิ่นไซคีเดลลิคกระจาย ช่วงท้ายแปลกแบบกู่ไม่กลับ คือรุนแรงไปฮาร์ดคอร์โน่นเลย นี่เป็นเพลงแรกจากอัลบั้มที่ฉันได้ยิน และการฟังจบครั้งแรกของฉันไม่ต่างจากการเอาหัวไปจุ่มชักโครกที่ไม่ได้กดขณะกำลังเมาแอ๋ แต่เมื่อฟังหลายรอบเข้ากลับกลายเป็นความสนุกสนาน สดชื่น คล้ายอาการสร่างเมาแล้ว และเพิ่มความประทับใจที่มากกว่าเดิมในทุกครั้งที่ฟัง


     I Found A Whistle บรรยากาศลอย มีเครื่องดนตรีเรียบเรียงกันไปแบบเสียงหวีดๆ ลึกลับ และรำลึกกลับไปหาซาวนด์แบบชุดแรกได้ เพลงยังมีกลิ่นซินธ์อบอวลอยู่ในความฟุ้งแห่งอคูสติคกีต้าร์


     ความแปลกประหลาดและความยาวของ Siberian Breaks ก็ยังน่าดึงดูดใจอยู่ ด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนจังหวะ เปลี่ยนเนื้อหา เปลี่ยนความเร็วไปตลอดทั้งความยาวสิบสองนาทีกว่าของแทร็ค เสมือนเอาเพลงหลายเพลงมายำแหลกเข้าด้วยกัน (ซึ่งมันควรจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ) ทั้งแบบกลิ่นโฟล์ค เคลิบเคลิ้มฟังสบาย ดรีมพ็อพ โปรเกรสซีฟร็อค บริทพ็อพ บางช่วงซินธ์กระหึ่มขึ้นมา ทำอะไรบ้าบอแบบนี้ แต่เชื่อไหมว่าวงดันทำออกมาดีเหลือเชื่อ นิยามได้น้ำเน่าเลียนแบบภาพยนตร์เรื่องนึงได้ว่า "surreal but nice"


     Brian Eno (เวลาเห็นโปรดอย่าสับสน นี่คือเพลงของ MGMT ที่ชื่อ Brian Eno ไม่ใช่เพลงของ Brian Eno ที่ชื่อ MGMT!) เรียกว่าถ้าไม่ฮาแตกก็แอบอมยิ้มเอาได้ในความน่ารักของเพลงทั้งเนื้อหา และจังหวะฮุคๆ ติดหูง่าย เด้งดึ๋ง ยักย้ายได้ไม่เลว หรือจะแหกปาก “บร้าย-อั่น อิ๊-โนๆๆๆ” ตามด้วยล่ะจะยิ่งได้อารมณ์


     Lady Dada’s Nightmare เพลงบรรเลงที่ไม่ใช่แค่น่าขนลุกแต่ชื่อ ตัวเพลงก็อ้อยสร้อย และเสียงกรีดร้องครวญครางยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ เพลงน่าสนใจเมื่อเห็นชื่อ นึกว่าจะมีเนื้อร้องอะไร ผิดหวังเล็กน้อยที่ออกมาเป็นแบบนี้


     Congratulations ปิดตัวด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่ได้แปลกอะไร แต่เรียบง่ายที่สุดในอัลบั้ม  ที่แปลกก็น่าจะเป็นเพราะแปลกไม่เข้าพวกกับเพลงอื่นในอัลบั้มมากกว่า หวานแหววและละลายเกินกว่าที่จะคิดว่านี่คือ MGMT แต่ก็นี่ล่ะ พวกเขา! ฟังแล้วจะสลาย ละลายเป็นอากาศธาตุซะให้ได้


รายชื่อเพลง อัลบั้มวางขาย 13 เมษายนที่อเมริกา (MGMT ไม่เคยมีแผ่นลิขสิทธิ์ไทย ซึ่งโซนี่ มิวสิค ไทยแลนด์เคยทำแผ่นวงเทือกนี้บ่อยซะที่ไหน)
1. It's Working
2. Song For Dan Treacy
3. Someone's Missing
4. Flash Delirium 
5. I Found A Whistle
6. Siberian Breaks
7. Brian Eno
8. Lady Dada's Nightmare
9. Congratulations


เพลงแนะนำ: A Song for Dan Treacy
สามารถเข้าไปฟังเพลงทั้งหมดได้ที่เว็บวง
//www.whoismgmt.com/




     สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกดีกับวงนี้คือการอยู่และทำงานแบบเจียมเนื้อเจียมตัว คิดดูว่าวงระดับนี้ ซึ่งชุดแรกโด่งดัง พ็อพติดหู ขายได้และเป็นที่รู้จักมากมาย หากพวกเขาจะสานต่อความสำเร็จนั้นด้วยการเขียนเพลงพ็อพๆ ออกมาอีกก็ย่อมขายได้และยิ่งดังต่อไปอีกแน่ แต่ MGMT เลือกที่จะเหยียบย่ำหนทางนั้น ละทิ้งความตลาด แล้วกลับไปทดลองทางใหม่ หลีกหนีเมนสตรีม ทำเพลงที่ไม่คำนึงถึงแฟนๆ ด้วยซ้ำ (นั่นอาจทำให้วงเสียฐานแฟนบางส่วน) แถมไม่ปล่อยซิงเกิ้ลใดๆ วางขาย
     จะอธิบายว่ามันเป็นความอยากเท่หรือแนวของวงก็ใจร้ายไป แต่ฉันคิดว่านี่แหละคือความรู้สึกจริงใจแท้ๆ ของวง และพวกเขาก็เป็นแค่กลุ่มคนจากใต้ดินที่ไม่ได้อยากอยู่เป็นเป้าความเป็นซุเปอร์สตาร์ หรือทะเยอทะยานในเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง เงินทอง ยอดขาย
     ลองอ่าน/ฟังบทสัมภาษณ์ต่างๆ ของวงดู  คงจะทราบ (ไม่นานนี้เห็นข่าวว่าพวกเขาเคยปฏิเสธเล่นเป็นวงสนับสนุนให้ U2 หรือ Coldplay) หรือกระทั่งทุกวันนี้เวลา Andrew เจอกล้องและโดนสัมภาษณ์ทีไร เขายังกระอักกระอ่วนและทำตัวไม่ค่อยถูกเลยในบางครั้ง


     นี่จะเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปีของฉัน
     ตัดสินมันตั้งแต่ต้นปีนี่แหละ (ซึ่งคงไม่มีอะไรผิดพลาด หากผิดพลาดก็มีได้แค่ เช่น Coldplay เกิดบ้าออกอัลบั้มมาในปีนี้ 20 ชุด ฉันจะจำเป็นต้อง Congratulations ออกไป อะไรงั้น)
     ถ้าปลายปีนี้ไม่มี Congratulations กรุณาไปกระโดดถีบหน้าจขบ.ได้ :P
     ขอจบการอวยเพียงเท่านี้




มีคอนเสิร์ตสุดยอดสองงานติดๆ กันช่วงที่ผ่านมาในไทย เนื่องจากขี้เกียจ จึงคัดลอกจากที่โพสต์ไว้ในเฉลิมกรุงมาล่ะกัน


Placebo ในงาน Tiger Translate 2010 ณ หลังเอสพลานาด รัชดา วันที่ 20 มี.ค.
จากกระทู้ของคุณ merveillesxx
//www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C9016229/C9016229.html


Placebo สุดยอดดดดดดดดดด


อ๊ากกกกก อารมณ์ค้าง
คือว่า รู้สึก "เมา"และ" มันส์" จริงๆ 
ตั้งใจไปดูสุดขีด แค่นี้ก็คุ้มและ :)


Brian ผู้ซึ่งตัดผม (ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่) มีโชว์ร่องอกสุดเซ็กซี่ >_<
Stefan ไม่ค่อยสาวแฮะ แต่หุ่นเนี่ย ดีจริงๆ โอวว
ส่วน Steve Forrest ถึงจะไม่ค่อยชอบใจการเข้ามา แต่พี่แกตีมันส์ใช่เล่น และการถอดเสื้อเนี่ย แอบเห็นความเซ็กซี่เลยนะจ๊ะ
ว่าแต่ เขาเป็นเพศใดฤา? >_<”


setlist
1. For What It's Worth เปิดตัวมันส์และ
อลังการ
2. Ashtray Heart มี เซนีเซโรๆๆๆ อย่างเจ๋ง!
3. Battle For The Sun โคตรไ่ม่ชอบเพลงนี้ แต่พอเล่นสดแล้วโยกลืมตาย กับมีอิมโพรไวซ์มันส์ๆ ดี
4. Every You Every Me มันเล่นเร็วจริงๆ ด้วยอ่ะ ตั้งตัวไม่ทัน มาไวไปไว แต่ตั้งใจมาฟังมากกก
5. Breathe Underwater นี่ก็มันส์
6. The Never-Ending Why เออ Brian บอกว่ามันคือเพลงเกี่ยวกับชาวพุทธ งงเลย เพิ่งรู้
7. Meds เวอร์ชั่นสั้นไปหน่อย และไม่เร้าใจเท่าไหร่ แต่ก็โอเค
8. Song To Say Goodbye เสียงอุบาทว์อ่ะ
9. Special K ชอบโคตร เป็นเพลงที่โดดทั้งเพลงอ่ะ ทำไปได้ไงวะ
10. The Bitter End จำไม่ได้และ
11. Bright Lights จริงๆ ชอบเพลงนี้ แต่เกลียดเวอร์ชั่นที่ร้อง bright lights and blackholes เพิ่มมานี่
12. Trigger Happy ไม่คิดว่าจะเล่น
13. Infra-red เสียง Brian โดนกลบมาก ยิ่งตอนท่อนฮุค ไม่รู้เรื่อง
14. Taste In Men  โชว์ขูดกีต้าร์และเบสระทมหูสุดๆ แต่พลังเสียงกระชากใจ กระทั่งวงและนักดนตรีแอ็คอัพออกมาขอบคุณและจากไป


เล่นเพลงใหม่เยอะมาก
แอบอยากฟังเพลงเก่าหรืออันที่อยากมีโอกาสได้ฟัง อย่าง Where Is My Mind? หรือ Running Up That Hill ไรงั้น
ไม่ก็ Speak In Tongues หรือ Soul Mates (Sleeping With Ghosts) หรือ Follow The Cops Back Home ก็ได้



ยังไงก็ขอปรบมือให้สุดใจ และขอบคุณมากสำหรับความบันเทิงเริงใจ
ถึงจะเล่นแป็บเดียว (ความรู้สึกไปไว)


สงสัย Brian กะ Stefan คงรีบอยากไปพัฒน์พงษ์ 555



แต่มีเรื่องชวนเซ็งส่วนตัว


- ช่วงที่วงเล่น Song To Say Goodbye และ Trigger Happy เสียงทำไมโหยหวนและแตกเยี่ยงนั้น?


- วงพูดน้อยจริงๆ แต่ยังดีที่เล่นมันส์


- ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่มีอังกอร์ ทั้งๆ ที่แฟนๆ แหกปากร้องไปไม่รู้กี่รอบ เลยแอบเสียดายเล็กน้อยที่ยังไม่ได้ฟังอีกหลายเพลง
คือ คุณพี่พิธีกรก็รีบออกมามาก crew ก็เหมือนกัน -*-


- crew ของวงจะหยิ่งไปไหนคะ ไปยืนอ้อนวอนขอ setlist ตั้งนาน ไม่ค่อยจะสนใจ แถมยังล้อเลียน แต่สุดท้ายพี่คนหัวโล้นเลยให้ผู้หญิงสองคนที่มาขอไป เราไปยืนอ้อนวอนอย่างสุภาพ จนแทบอยากจะด่าตั้งนาน แต่อด เลยยอมแพ้ ขี้เกียจรอแล้ว


- พิธีกรคนที่เป็นดีเจ พูดแนะนำวงว่าคือ “อินดี้” และ “อเมริกัน”  ได้ยินแล้วจะเป็นลมตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มดู


- การ์ดข้างหน้าเฮี้ยบมากและแอบกวน คนนึงเห็นเก็บปิ๊ก Stefan เอาไว้เอง


- ส่วนสตาฟฟ์หน้างานก็เข้มเหลือเกิน เพื่อนเข้าไม่ได้เพราะอายุยังไม่ถึง 20 โธ่! มันอีกไม่กี่วันก็ยี่สิบแล้ว >_<”


- มีคนได้บัตรฟรีเยอะมากกก รู้งี้ไม่ซื้อมันหรอกเนี่ย!


เอ้อ และเราในฐานะที่มางานนี้ปีแรก (เพราะอายุเพิ่งถึง) แต่ดันรู้สึกสังขารไม่เที่ยงเหลือเกิน นี่ตรูเริ่มแก่? -*- คงเพราะโดดมากเกินไป
จะไป KoC ไหวมะเนี่ย


ป.ล. ไม่รู้เรื่องวงอื่นๆ ที่เล่นเลย ได้แต่ไปยืนเอ๋อรับประทาน
แต่ส่วนตัวแอบประทับใจ Abuse the Youth เล่นมันส์มาก และนักร้องนำวง Flur มองด้านข้างแล้วเหมือน Tom Meigan ของ Kasabian เลยแฮะ



Kings of Convenience live in BKK ณ มูนสตาร์ สตูดิโอ 1 วันที่ 23 มี.ค. จากกระทู้นี้ //www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C9029580/C9029580.html


อะไรจะดีขนาดนี้ :)


เกิดมาไม่เคยดู คอนเสิร์ตที่ไม่เหนื่อยสักแอะขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทั้งความชิล ความสบาย และเงียบงัน (ในช่วงแรกๆ) และอะไรที่แสนจะเป็นกันเอง  ถึงจะไม่ได้รู้สึกว่าสนุกเร้าใจ  มันส์กระจาย แหกปากจนคอตีบ หรือมีลีลากระหึ่มอลังการ แสงสีเสียงตระการตาอะไร แต่เป็นความประทับใจแบบอบอุ่น รู้ซึ้งถึงความใกล้ชิดที่น้อยนักจะมีคอนเสิร์ตแบบนี้


ก่อนรอดูก็นั่งหาวไปสองแสนรอบ วงเปิดก็ทำหน้าที่ได้ดี เล่นจบคนดูก็รออีกสักหน่อย เราก็ได้ยล KoC กัน


วงเริ่มเปิดป่าช้ากับเพลง My Ship Isn’t Pretty  เป็นการเรียกผีที่ดีมาก ฟังไปก็อยากหาหมอนไป แต่อารมณ์ศร้ามากๆ T_T
พอจบได้ยินว่า “ขุบคุณครั่บ” (ถ้าเราหูไม่ฟาด) ไม่รู้สอนใครสอน Eirik  พูดเนี่ย เพี้ยนเลย 555 ไม่งั้นเขาก็พูดผิดเองล่ะ
ประมาณ ช่วงสามสี่เพลงแรก ดูจะเงี๊ยบ เงียบ และถึงจะมีการขอให้ไม่ถ่ายรูปช่วงสามสิบนาทีแรก แต่คนก็ยังแอบถ่ายเยอะอยู่ (อันนี้ขอตำหนิคนทำหน่อยดิ ก็เขาขอความร่วมมือแล้ว จะอยากถ่ายอะไรขนาดนั้น -*-)


วงเล่นเพลงใน DoD เยอะจริงๆ  24-25, Second To Numb, Renegade รวมถึงได้ “โอเค ไอ เก็ทททท อิทททฺ” ใน
Mrs. Cold หรือ Boat  Behind ที่ก่อนจะร้อง Erlend และ Eirik แบ่งแยกผู้ชมออกเป็นสองกลุ่ม ให้คนดูร้อง “โอ้ววววววว โอวๆๆๆ อ๊า อา” หนุกหนานกันเลยทีเดียวช่วงนี้
ส่วน Rule My World เพลงที่ดูเหมือนจะเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองไทยในตอนนี้ วงเลยมอบให้พวกเราซะเลย
ใครถูก ใครผิดล่ะ? -*-
Erlend ยังบอกว่าที่พวกเขามาไทยก็เพื่ออยากมาดูสถานการณ์ ณ ขณะนี้ด้วยตัวเอง ว่าเป็นไง หลังดูจาก CNN แล้วงงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าพอมาเห็นจริงๆ แล้วจะคิดยังไง


เพลงเก่าๆ ก็มี I Don’t Know What I Can Save You From, Singing Softly To Me, The Girl of Back Then และยังเล่นเพลงที่วงไม่ได้เล่นมาหลายปีแล้ว แต่เล่นตามคำเรียกร้องมาอย่าง Failure


Erlend น่าจะมีปัญหาเรื่องซาวน์ดหรืออะไรสักอย่าง เลยแอบมีโมโหแบบฮาๆ บอก “we’re doing this for you, okay?”
อ๊ายยย แอบโหด เค้ากลัวววว
นอกจากแอบโหดยังมีงอนด้วย
และพ่อคุณมุขเยอะดีจริงๆ แฮะ แถมมีลีลาท่าเล่นกีต้าร์ตอนจบเพลงแบบกวนๆ ดูแล้วน่ารักและขำดี ไม่เนิร์ดมากอย่างที่คิดด้วย


แอบได้ยิน Erlend คุยกะ Eirik เป็นนอร์วีเจี้ยนตลอด 
หรือบอก sound engineer อะไรนั้นอีก ตอนที่พูดมาทีแรกคนเลยงงกันใหญ่ว่า Erlend พล่ามอะไรออกมา  -*-


Erlend ยังจะให้ขยับเข้ามาใกล้เวทีขึ้น นี่ยิ่งโคตรใกล้ชิดเข้าไปสุดๆ เราเองก็เลยได้กอดกับขอบเวทีมันซะ
น่ารักกว่านั้นคือมีถ่ายรูปกับแฟนๆ โอวววว


ที่ ดีอีกอย่างคือวงนิสัยดีที่สุดในโลกกว้าง เพราะไม่ให้รออังกอร์นาน ยังไม่ทันได้กรี๊ดกร๊าดจนคอแหบ ทั้งคู่ก็กลับมาอังกอร์ตามเสียงเชียร์อย่างทันท่วงที


Erlend พล่ามๆ ความหลังที่มาในการแต่งเพลงที่กำลังจะเล่นนี้ ก่อนที่จะได้ฟัง Homesick สมใจในที่สุด เป็นอีกเพลงที่รอ
และจบลงด้วย Know How ที่ลุ้นๆ อยู่ว่าจะเล่นไหม แต่ดันเป็นเพลงสุดท้ายนี่สิ
จบซะแล้วหรือ! รู้สึกไวเกินไป


เออ มีตอนนึงคนนี่แหละบอกว่าแบบนี้คงจะต้องกลับมาไทยอีก – ก็เอาให้มันแน่เหอะ ฮ่า ก็พูดแบบนี้กันทุกวง
แต่พนันได้ว่าวงคงประทับใจแฟนๆ ที่นี่แบบคาดไม่ถึงมาก่อนแน่นอน เช่นเดียวกับที่บัตรมัน sold out อย่างนั้น


setlist
My Ship Isn’t Pretty
24-25
Me In You
นับจากนี้ไปไม่เรียงเพราะจำไม่ค่อยได้
I Don’t Know What I Can Save You From
Mrs. Cold
Singing Softly To Me
Misread
The Girl of Back Then
Second To Numb
Boat Behind
Failure
Renegade
Rule My World
Cayman Islands
Peacetime Resistance
I’d Rather Dance With You


encore:
Homesick
Know How


ลืมอะไรไหม?


มี เพลง encore น้อยกว่าที่หวังไว้ จริงๆ อยากฟัง Toxic Girl, Stay Out Of Trouble, Little Kids ที่ดันเก็งไว้นึกว่าจะเล่นด้วย แต่ดันไม่มีซะนี่
แต่ก็เอาเถอะ
ขอบคุณวง
ขอบคุณผู้จัดที่น่ารักมากกก :)


ภาพจากคุณ เต็งเช็งเหลียง
กระดาษ OOOH ตอนเพลง Me In You นี่ทำไปคุ้มจริงๆ ได้จับแขนและจั๊กกะแร้ Eirik ด้วย!





ป.ล. ซื้อดีวีดี No Distance Left To Run มาดองไว้ประมาณชาตินึงได้ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู
ไม่ทราบเป็นแมวน้ำอะไรของมัน! คงยังไม่อยากดูให้ช้ำใจว่าอิ Damon คงไม่กลับมาทำ Blur อีกแล้วจริงๆ






Create Date : 25 มีนาคม 2553
Last Update : 26 มีนาคม 2553 2:45:01 น. 11 comments
Counter : 9860 Pageviews.

 
MGMT นี่ยังไม่เคยฟังเลย (เชยมะ) ฮ่าๆ

เรื่อง placebo และ koc ก็ได้กล่าวกันไปในกระทู้นั้นแล้ว คงไม่ต้องเอ่ยถึงอีก

เด๋วรอ lucy ดู dvd เบลอก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน ผมตั้งกระทู้ dvd ไว้ในพันทิป แต่คนดูล้นหลามมาก ตอบกระทู้กันตั้ง 15 คนแน่ะ ฮ่าๆๆ (รวมตัวเองอีกต่างหาก) รอคุณ lucy ไปตั้งดีกว่า เด๋วเข้าไปคุยใหม่ เพราะท่าทางแฟนคลับคุณคงเยอะ


โดย: strawberry machine gun IP: 58.8.176.35 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:13:05:06 น.  

 
พลาดทั้งสองงาน
จบข่าว

อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นเลือด

T_T"





โดย: haro_haro วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:13:26:45 น.  

 
และยกธงขาวให้ MGMT นะ
ไม่ชอบอย่างแรง



โดย: haro_haro วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:13:27:45 น.  

 
นึกสงสัยอยู่นานนม จนนมยาน เอ๊ย!
ว่า Welcome to a dustbin! คืออะไรเหรอ?
หมายถืง มันมีความหมายคืออะไรน่ะ อิอิ

ไม่เกี่ยวกะเนื้อเร๊ยยย เนอะๆ



ปล.
แล้วก็แอบรำคาญนิดๆ ที่มีมัน(Welcome to a dustbin!)ด้วย 555
กว่าจะเข้ามาอ่านได้ ต้องผ่านด่านง่ะ
หรือจงใจให้มี เพราะจะได้ล้น ด้วยว่าข้างในมีอะไรน่าสนมั่งง่า

ไร้สาระ..ได้อีก


โดย: haro_haro วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:13:31:10 น.  

 
เห็นรูปงาน คิงส์ออฟฯ ที่เพื่อนส่งมาให้เยาะเย้นแล้ว
ไม่พอยังจะหอบโปสเตอร์มาให้ (ตอกย้ำเข้ากันเข้าไป- -") อีก
จัดเวทีได้เก๋มาก อากาศร้อนๆ ท่าทางจะหนาวสุดหัวใจ

โอ๊ย อิจฉา ตาร้อน


โดย: haro_haro วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:13:33:50 น.  

 
อยากจะบอกว่า ตอนที่มาเรียนต่อแล้ว รู้สึกว่าฟังเพลง homesick เพราะขึ้นล้านเท่า :))

แอบชอบเพลงเดียวกัน อิอิ


โดย: little_fuku (บ่ได้ล๊อกอิน) IP: 208.87.56.3 วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:14:02:59 น.  

 
เสิซแล้วเจอ อ่านๆมาแล้วรู้สึกประทับใจ เขียนได้เห็นภาพมาก พี่มีเฟซบุคมั๊ยค๊ะ
:))


โดย: nam IP: 125.25.90.127 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:23:42:10 น.  

 
Where the wild things are
รอตอนสิ้นปีก็แล้ว
ต้นปีก็แล้ว T_T"
มกราคมเห็นเมเจอร์โพสไว้ ตอนกลางเดือนด้วย "ฉายแน่นอน"

นี่มันก็ผ่านมาจะกลางปีอยู่แล้ว
ยังไม่เห็นเลขวันที่ขึ้นซะที ว่าจะเข้าวันไหน T_T

เซ็ง


ปล.
ไม่เห็นจะเหมือนขยะเลย
ขยะต้องเหม็น น่าขยะแขยง มีแมลงวัน
แต่นี่ มีสาระ ข่าวสาร (การเมือง!) วงดนตรีดังๆ ให้อ่านอับเดด
ถึงแม้จะเอียงไปบ้าง (55) กับวงที่ลูซี่เครซี่ .. มันก็เป็นแนวทาง
ให้คนหามาฟังด้วยแหละ .. //ออกแนวมีรสนิยมไรเงีย ^^


โดย: haro IP: 10.11.20.181, 203.153.163.34 วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:8:17:05 น.  

 
* ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
เห็นว่า Sony จะทำแผ่น Congratulations ด้วย!!!

* พี่มะระ WTWTA ชอบมากๆ ช่วงนี้กำลังเ่ห่อดูหลายๆ รอบ และนอนกอดแผ่น :)

* #7 คุณ nam ไม่มีอ่ะค่ะ

* ดู No Distance.. แล้ว แปลกมากที่ไม่ร้องไห้ นึกว่าจะร้องโฮกๆ (ไปร้องตอนไลฟ์ที่ Hyde Park มากกว่า)

ไม่นึกว่าหนังจะเน้นไปที่เรื่องวงตั้งแต่อดีตมาเลย คิดว่าจะแค่ตอนรียูเนียนอย่างเดียว

กรี๊ดดดและแอบช็อคตอน Damon จูบ Graham (จริงๆ ก็ไม่รู้จะช็อคทำไม ฮาาา)

แต่คงไม่มีข่าวไหนดีเท่าข่าว Blur จะ release ซิงเกิ้ลใหม่ 17 เมษานี้แล้ว T_T

//www.rollingstone.com/rockdaily/index.php/2010/04/09/blur-set-to-return-with-new-song-on-record-store-day/



โดย: Lucy in the sky with diamonds วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:3:27:42 น.  

 
WTWTA เพิ่งได้ดูอ่ะ น่ารักปนน่าขนลุกนิดๆ นะเจ้าตัวขนปุยน่ะ
จบได้ดีทีเดียวล่ะ

ชอบมาก (:


โดย: haro IP: 10.11.20.181, 203.153.163.34 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:17:02:24 น.  

 
Nike Golf (Nike Golf) on Wednesday announced plans to withdraw from Golf clubs in the market, focus on making Golf clothing and shoes.
Under Armour Soccer Cleats //www.underarmoursoccercleats.com


โดย: Under Armour Soccer Cleats IP: 192.95.30.51 วันที่: 26 กันยายน 2559 เวลา:22:07:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lucy in the sky with diamonds
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]







New Comments
Friends' blogs
[Add Lucy in the sky with diamonds's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.