Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๑๕.แม่ทัพผู้ทรนง

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๑๕ แม่ทัพผู้ทรนง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อเจ้าเมืองไซหยงส่งเครื่องบรรณาการ มาให้ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ นั้น ได้มีหนังสือกำกับมาด้วย มีความว่า

เดิมเมืองไซหยงเป็นข้าศึกกับเมืองเปียนเหลียง ตั้งแต่เต็กเชงยกทัพมา ก็ยอมอ่อนน้อมสวามิภักดิ์โดยสุจริต มิได้คิดแข็งเมืองมาจนเดี๋ยวนี้ ซึ่งนางโปยเลงกงจู๊ปลอมเข้าไปในเมืองเปีนเหลียง จะทำร้ายเต็กเชงแก้แค้นแทนสามีนั้นข้าพเจ้ามิได้ทราบ เตียตงนำหีบใส่กระดูกนางโปยเลงกงจู๊มาให้จึงได้รู้ความ ข้อซึ่งนางโปยเลงกงจู๊ทำการล่วงเกินนั้น ข้าพเจ้ามิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย พระองค์อย่าได้มีความรังเกียจ เคลือบแคลงในข้าพเจ้าเลย

ในขณะเดียวกันเจ้าเมืองไซหยงก็ทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งส่งให้ พังหอง มีความว่า

ซึ่งให้นางโปยเเลงกงจู๊ปลอมเข้ามาทำร้ายเต็กเชง ทราบความว่าท่านช่วยคิดอ่านเอาเป็นธุระ ข้าพเจ้าขอบคุณท่านมากนัก จึงจัดสิ่งของได้แต่งให้ เทกลังเหงีย คุมเข้ามาสนองคุณท่าน ด้วยเต็กเชงฆ่านางโปยเลงกงจู๊ผู้บุตร ข้าพเจ้ามีความเจ็บแค้นเป็นอันมาก แต่เหลือปัญญาที่จะคิดอ่านกำจัดเต็กเชงได้ เห็นแต่ท่านผู้เดียวขอจงได้เห็นแก่ทางไมตรี มีความเมตตาให้จงมาก ถ้าแม้นสำเร็จดังความปรารถนาแล้ว ข้าพเจ้าจะสนองคุณท่านให้มาก

อันธงสำหรับเมืองไซหยงซึ่งเต็กเชงเอามานั้น เป็นธงทำเทียมไม่ใช่ของจริง ท่านจงยกเอาข้อความนี้ขึ้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว เต็กเชงก็จะมีความผิดโทษถึงประหารชีวิต

ของที่ให้ เทกลังเหงีย นำมาเป็นกำนัลให้แก่พังหองนั้น ก็คือทองคำสิบลิ่มหนักลิ่มละร้อยตำลึง กระจกวิเศษบานหนึ่ง ศิลาวิเศษสัณฐานเหมือนเจดีย์ กับพลอยวิเศษเม็ดหนึ่ง หยกขาวสี่แท่ง กับป้านหยกใบหนึ่ง พังหองก็มีความยินดียิ่งนัก และจัดให้เทกลังเหงียกับบ่าวสองคน พักอยู่ในบ้านด้วย

พังหองก็เข้าไปพระราชวังข้างในหา นางพังกุยฮุย ผู้บุตร ซึ่งเป็นสนมเอกของฮ่องเต้ เล่าความที่ได้รับของกำนัลและหนังสือจากเจ้าเมืองไซหยงให้ฟังทุกประการ แล้วว่า เจ้าจงคิดอุบายให้พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ทรงทราบ ว่า เพงไซอ๋อง เอาธงปลอมมา นางพังกุยฮุยก็ว่า

“…….บิดาก็มีอายุมากแล้ว ไม่ควรจะมาคิดร้ายเพงไซอ๋อง เมื่อครั้งเอียเทา ข้าพเจ้าต้องคิดอุบายกราบทูลแก้ไข จึงได้โปรดยกโทษให้ครั้งหนึ่งแล้ว บิดายังขืนทำต่อไปอีก ข้าพเจ้าเห็นไม่ควรเลย………”

พังหองได้ฟังก็นิ่งอั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถอนหายใจบอกว่า

“…….อันเพงไซอ๋องนั้นมีข้อสาเหตุกับเราลึกซึ้งมากนัก ถ้าแม้นไม่คิดทำลายล้างเสีย เขาก็คงจะปองทำร้ายเรา ถึงบุตรและหลานเป็นเที่ยงแท้ ทุกวันนี้บิดาก็ไม่เห็นใครจะเป็นที่พึ่งได้ เห็นแต่เจ้าผู้เดียว ถ้าไม่เอาเป็นธุระแล้ว บิดาก็จะขอลาออกเสียจากที่ ซึ่งจะทำราชการไปเห็นจะไม่พ้นความผิด เพงไซอ๋องเขาก็คงจะคิดร้ายด้วยอุบายต่าง ๆ………..”

นางพังกุยฮุยได้ฟังดังนั้นก็ไม่อาจขัดใจบิดาได้ จึงถามว่า

“………ธงซึ่งเพงไซอ๋องเอามาถวายนั้น เป็นธงปลอมแน่แล้วหรือ บัดนี้บิดาอยากจะให้พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ทรงทราบว่า เป็นธงปลอมเท่านั้นแหละหรือ……..”

พังหองจึงว่า

“…….มิใช่ธุระอะไรมากมาย เป็นแต่แก้ไขใช้ปัญญา แต่พอให้พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ทรงทราบว่าเป็นธงปลอมเท่านั้น ครั้นบิดาจะตรงเข้าไปกราบทูลก็เห็นไม่ชอบกล จึงได้มาหาเจ้า……….”

นางพังกุยฮุยก็รับว่าจะจัดการให้ตามที่บิดาต้องการ พังหองจึงกลับมาบ้านด้วย ความยินดี

ครั้นเวลาค่ำพระเจ้าซ้องยินจงเสด็จเข้าไปที่เก๋งของนางพังกุยฮุย นางพนักงานก็เชิญเครื่องเสวยเข้าไปถวายตามเคย ระหว่างฮ่องเต้เสวยนางพังกุยฮุยก็คอยจับจอกรินสุราถวาย ฮ่องเต้ก็เสวยพลางตรัสคุยกับนางพังกุยฮุย นางเห็นได้ช่องจึงกราบทูลว่า

“……..ทุกวันนี้พระองค์ทรงพระเมตตาโปรดชุบเลี้ยงให้ข้าพเจ้ามีความสุข พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ อันตัวข้าพเจ้านี้เปรียบเหมือนนกสกุลต่ำ ได้เข้ามาปนอยู่ในฝูงหงส์ จะพึ่งพระบารมีไปได้ตลอดหรือไม่ตลอดก็ไม่ทราบ……..”

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“………เหตุใดเจ้าจึงว่าดังนี้ อันบุญวาสนาซึ่งเสมอ
และไม่เสมอกันนั้น จะเอาเป็นประมาณไม่ได้ สุดแล้วแต่ความรักและเป็นคู่เคยอุปถัมภ์กันมา นั้นเป็นการสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่น ถ้าเรามีชีวิตอยู่ตราบใด ก็จะทำนุบำรุงเจ้าไป……..”

นางพังกุยฮุยจึงกราบทูลว่า

“……….เมื่อครั้งเจ้าเมืองไซหยงยกกองทัพมาตีเมืองซำก๋วนนั้น ข้าพเจ้ามีความวิตกมากนัก นี่หากว่าได้ เอียจงเปา ป้องกันไว้จึงไม่เป็นอันตราย บัดนี้เอียจงเปาก็ตายไปแล้ว ทุกวันนี้ไม่เห็นผู้ใดจะเข้มแข็งเหมือนเอียจงเปา………..”

พระเจ้าซ้องยินจงก็ตรัสว่า

“……….เจ้าออกชื่อเอียจงเปาเรามีความเสียดายมากนัก เดี๋ยวนี้ก็เห็นแต่เพงไซอ๋องไปปราบปรามเมืองไซหยง ได้ธงสำหรับเมืองมา บ้านเมืองค่อยเป็นสุข…….”

นางพังกุยฮุยก็ทูลถามว่า ธงซึ่งเพงไซอ๋องเอามาถวายนั้น พระองค์ได้ทอดพระเนตรแล้วหรือ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราเห็นแล้ว ขุนนางข้าราชการก็ได้ดูด้วยกันมาก นางพังกุยฮุยก็ถามว่า เหมือนอย่างข้าพเจ้าจะดูบ้างควรหรือไม่ ถ้าแม้นควรแล้วข้าพเจ้าอยากจะใคร่รับพระราชทานดู ด้วยยังไม่เคยเห็นเลย

ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้หญิงคนใช้ไปบอกเจ้าพนักงาน ให้เอาธงนั้นมาให้นางพัง กุยฮุยดู นางพังกุยฮุยดูพลางก็นึกหาอุบายที่จะทูลว่าเป็นธงปลอม ตามที่บิดาสั่ง ครั้นพิเคราะห์ไปก็จับเหตุได้ จึงกราบทูลว่า

“………ธงนี้ข้าพเจ้านึกแคลงสงสัย กลัวจะไม่ใช่สำหรับเมืองไซหยง จะเป็นของปลอมดอกกระมัง เห็นแพรกับรอยเย็บนั้นยังใหม่นักหนา ขอพระองค์จงทอดพระเนตรดูเถิด……”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรธงนั้นแล้ว ก็เห็นจริงตามที่นางพังกุยฮุยกราบทูล นางจึงทูลถามว่า ธงนี้เจ้าเมืองไซหยงแต่งให้ขุนนางคุม เข้ามากับเพงไซอ๋องถวายพระองค์ หรือเพงไซอ๋องเอามาถวายเอง ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเพงไซอ๋องเอามาเอง นางพังกุยฮุยก็ทูลว่า

“…….ธงนี้ปลอมแน่แล้ว เจ้าเมืองไซหยงจะทำเทียมให้กับเพงไซอ๋อง ว่าเป็นธงสำหรับเมือง ถ้ามิฉะนั้นเพงไซอ๋องเอาธงสำหรับเมือง ไว้เป็นของตัวเสีย ทำธงเทียมเข้ามาถวาย….”

ฮ่องเต้ก็เห็นด้วยว่าอันธรรมเนียมของเก่าแก่สำหรับเมืองสืบมาหลายชั่วคน ก็จะต้องมัวหมองไปบ้าง นี่ดูยังใหม่นักไม่เห็นสมกับที่เป็นของคู่บ้านเมืองเลย

ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าซ้องยินจงเสด็จออกขุนนางเข้าเฝ้าพร้อมกัน จึงตรัสว่าธงสำหรับเมืองไซหยงที่เพงไซอ๋องเอามานั้น เป็นธงปลอมเสียแล้ว ขุนนางทั้งปวงได้ฟังรับสั่งต่างคนก็ตกใจ จึงกราบทูลว่าธงนี้เมื่อเพงไซอ๋องเอาเข้ามาถวาย พระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรแล้ว ขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ได้ดูด้วยกันมากก็ไม่มีผู้ใดทักท้วง พระองค์รับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาไปเก็บไว้ก็ช้านาน ถึงรู้ว่าเป็นธงปลอมเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าทั้งปวงสงสัยนัก ธงนั้นมีพิรุธอย่างไรจึงได้ทรงทราบ

ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้พนักงานเอาธงมาให้ขุนนางดู ขุนนางทั้งปวงดูแล้วก็นิ่งอยู่มิได้ว่าประการใด เปาบุ้นจิ้น ก็กราบทูลว่า

“………เมื่อเพงไซอ๋องเอามาถวายข้าพเจ้าไม่ได้เห็น ด้วยออกไปแจกข้าวแก่ราษฎรที่เมืองซัวตัง พึ่งได้เห็นเดี๋ยวนี้น่าจะเป็นของปลอมจริงเหมือนรับสั่ง แต่ข้าพเจ้าตรึกตรองดูเห็นความว่า จะมีคนคบค้ากับ ชาวเมืองไซหยงเป็นมั่นคง จึงได้ล่วงรู้ว่าเป็นของปลอม……..”

ฝ่ายพังหองซึ่งเฝ้าอยู่ในที่นั้นด้วย ครั้นได้ยินเปาบุ้นจิ้นกราบทูลขึ้นดังนั้น ก็วาบเข้าไปในดวงใจ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าธงอันนี้เรารู้ว่าเป็นของปลอม ด้วยปัญญาของเราเองดอก

เปาบุ้นจิ้นก็กราบทูลว่า ถ้าพระองค์รู้ด้วยปัญญาของพระองค์แล้ว พระองค์ก็คบคนต่างเมือง ฮ่องเต้จึงตรัสว่า เรื่องธงนี้นางพังกุยฮุยเขาขอดูก่อน ครั้นพิจารณาไปก็เห็นเป็นของใหม่จริง จึงได้รู้ว่าปลอม

เปาบุ้นจิ้นก็ทูลว่า ถ้ากระนั้นนางพังกุยฮุยก็คบกับคนมาแต่เมืองไซหยง จึงได้รู้ ฮ่องเต้ได้ทรงฟังเปาบุ้นจิ้นว่าดังนั้น ก็ทรงขัดเคือง จึงตรัสว่า

“…..เปาบุ้นจิ้นพูดจาเลอะเทอะฟังไม่ได้ ใส่โทษคนโน้นคนนี้วุ่นวายนัก นาง พังกุยฮุยอยู่ถึงในวัง ว่าคบค้ากับชาวเมืองไซหยงนั้น ใครเขาจะเห็นด้วย……..”

เปาบุ้นจิ้นก็ทูลซักต่อไปว่าธงนี้เมื่อนางพังกุยฮุยดูนั้น พระองค์โปรดดำริให้นางดูหรือนางขอดูเอง ฮ่องเต้ก็ว่าเราให้นางพังกุยฮุยดูเองดอก เปาบุ้นจิ้นก็ทูลว่าซึ่งอยู่นิ่ง ๆ พระองค์จะโปรดให้นางดูธงนั้นตรองไม่เห็นเหตุ เกรงแต่นางจะขอดูก่อน

ฮ่องเต้ก็จนพระทัยไม่รู้จะตรัสโต้ตอบ ยักเยื้องไปอย่างไรได้ จึงตรัสว่าเรื่องธงนี้ไม่ใช่ธุระเกี่ยวกับท่าน อย่ามาพูดเลยดูก่อนดูหลังก็ช่างเขาเถิด เปาบุ้นจิ้นได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่ แล้วฮ่องเต้จึงตรัสถามเพงไซอ๋องว่าเหตุใดจึงเอาธงปลอมมาหลอกลวงเรา

เพงไซอ๋องได้ฟังพระเจ้าซ้องยินจงรับสั่งกับเปาบุ้นจิ้น ท่วงทีพระกระแสเอนเอียงไปข้างนางพังกุยฮุยฝ่ายเดียว ก็มีความแค้นในใจมากนัก ครั้นฮ่องเต้ตรัสถามก็ทูลไม่ออก จนต้องตรัสถามอีกถึงสองสามครั้ง จึงทูลตอบไปด้วยความแค้นว่า

“…….พระองค์เชื่อถือนางพังกุยฮุยแล้ว จงเอาข้าพเจ้าไปประหารชีวิตเสียเถิด…”

พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ขัดเคือง จึงตรัสว่า

“…….เหตุใดเพงไซอ๋องจึงมาพูดจาท้าทายเราดังนี้ ธงนั้นตัวก็ได้ไปเอามาเอง เดี๋ยวนี้สงสัยอยู่ว่าเป็นของปลอม จะไม่ให้เราไต่ถามดูบ้างเลยหรือ……..”

เพงไซอ๋องก็กราบทูลว่า

“……..ธงนี้เจ้าเมืองไซหยงให้ขุนนางผู้ใหญ่เอามามอบให้ ข้าพเจ้าจึงได้รับมาถวาย พระองค์ได้ทอดพระเนตรดูพร้อมด้วยขุนนางทั้งปวง ก็ไม่มีผู้ใดทักท้วง จึงได้เอาเข้าไปเก็บไว้ในพระคลัง ก็ช้านานจนป่านนี้แล้ว นางพังกุยฮุยว่าเป็นธงปลอมพระองค์ก็เชื่อฟัง จะว่าอย่างไรก็ตามใจสิ้นทั้งนั้น การครั้งนี้เหมือนพระองค์ต้องประสงค์ศรีษะข้าพเจ้าเหมือนกัน เมื่อพระองค์ไม่เห็นกับไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน จะเห็นแต่นางพังกุยฮุยคนเดียวแล้ว จงเอาศรีษะข้าพเจ้าไปเถิด………”

พระเจ้าซ้องยินจงได้ทรงฟังก็กริ้วหนักขึ้น จึงตรัสว่าเพงไซอ๋องพูดจาหยาบช้าผิดธรรมเนียมนัก ครั้นจะไม่กำจัดเสีย ขุนนางทั้งปวงก็จะเอาเยี่ยงอย่างต่อไป ตรัสแล้วก็สั่งให้ทหารรักษาพระองค์เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย และให้พังหองเป็นผู้กำกับไปด้วย

ซึ่งย่อมจะเป็นที่ถูกใจของขุนนางกังฉินผู้นี้ เป็นอย่างยิ่ง.

##########

นิตยสารโล่เงิน
เมษายน ๒๕๔๗


Create Date : 29 เมษายน 2551
Last Update : 29 เมษายน 2551 9:03:29 น. 4 comments
Counter : 505 Pageviews.

 
น่าเห็นใจคนทำงาน กลับโดนตัดหัว

แต่ในเนื้อหาก็ไม่แจ้งชัดว่า ธงจริงหรือปลอมเลยนะครับ

อ่านแล้วไม่รู้ว่าเพงไซอ๋อง เอาธงปลอมมาให้จริงหรือไม่ เพราะพระเจ้าซ้องยิน ดันสั่งตัดหัวโดยไม่ต้องสอบ คือฉุนขาดให้ตัดหัวซะงั้น


โดย: พี่แต้ วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:16:31:44 น.  

 
ในจดหมายตอนต้น
เจ้าเมืองไซหยงบอกพังหองว่าเป็นธงปลอมครับ

แต่โทษประหารนั้น เพราะท้าทายฮ่องเต้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:19:01:38 น.  

 
พังหองไม่ยักกะเข็ดแฮะ คราวที่แล้วรอดมาได้ แต่คราวนี้ละสิ


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:50:58 น.  

 
คุณkira7 ครับ ในเรื่องจีน พวกกังฉินมักตายยากครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:21:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.