Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๑๔ คดีความพลิกผัน

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนดีแผ่นดินซ้อง

ตอนที่ ๑๔ คดีความพลิกผัน

" เล่าเซี่ยงชุน "

ฝ่าย พังหอง เมื่อ เปาบุ้นจิ้น ให้คนสนิทมาเชิญตัว แต่ไม่ยอมไปนั้น ก็รู้แน่ว่า เอียเทา คงจะรับเป็นสัตย์ และซัดทอดมาถึงตนเป็นแน่แท้ จึงหาทางเอาตัวรอด โดยรีบเข้าไปหา นางพังกุยฮุย บุตรสาว ซึ่งเป็นสนมเอกของ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ถึงในพระราชวัง นางพังกุยฮุยก็ออกมาต้อนรับบิดา เชิญให้นั่งในที่อันควรแล้วก็ถามว่า บิดามาด้วยธุระสิ่งใด พังหองก็ขยิบตาให้หน้า นางพังกุยฮุยก็ขับสาวใช้ให้ออกไปอยู่ห่าง ๆ แล้วพังหองก็เล่าความที่คิดกลอุบาย ให้ นางโปยเลงกงจู๊ ปลอมตัวเป็นบุตรสาวเอียเทา ไปทำร้าย เพงไซอ๋อง จนถูกฆ่าตาย แล้วมี รับสั่งให้เปาบุ้นจิ้นชำระความ บัดนี้เอียเทาก็ได้รับสารภาพและซัดทอดมาถึงตัว ถึงคราวอับจนแล้ว

"....ครั้งนี้ไม่เห็นใครที่จะช่วยแก้ไข ให้พ้นจากความผิดได้ บิดาเห็นอยู่แต่เจ้าผู้เดียวเท่านั้น จงช่วยสงเคราะห์บิดาด้วยเถิด....."

นางพังกุยฮุยจึงว่า

"....อันเพงไซอ๋องนั้น เขาก็ไม่ได้ทำสิ่งใดให้ได้ความเจ็บแค้นมากมาย ไม่ควรที่จะคิดทำร้ายล้างผลาญเขาให้ได้ความผิดเปล่า ๆ ทุกวันนี้บิดาก็มีความสุขสบายอยู่แล้ว ไม่ควรหาทุกข์ใส่ตัว แต่นี้ไปบิดาอย่าได้ทำการเช่นนี้ต่อไปอีกเลย อันความเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะช่วยแก้ไขให้บิดาพ้นจากความผิด อย่าได้วิตกทุกข์ร้อนไปเลย....."

พังหองได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ รีบลาบุตรสาวกลับไปบ้าน

ครั้นเวลาค่ำ พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ เสด็จมาที่เก๋งนางพังกุยฮุยอย่างเคย นางพังกุยฮุยก็ให้พนักงานเชิญเครื่องโต๊ะ เข้าไปถวายตามธรรมเนียม พระเจ้าซ้องยินจงก็เสวยพลางตรัสปราศัยด้วยนางเป็นที่สบาย แต่ทอดพระเนตรเห็นนางพังกุยหุย มีสีหน้าเศร้าโศก จึงตรัสถามว่า

“....เจ้าเจ็บไข้ทุกข์ร้อนสิ่งใดหรือ ดูหน้าไม่สบาย....."

นางพังกุยฮุยก็กราบทูลว่า

".....ทุกวันนี้พระองค์ทรงเมตตาชุบเลี้ยงข้าพเจ้าให้มีความสุข และโปรดพังหองผู้บิดาข้าพเจ้าให้มียศใหญ่นั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ ทุกวันนี้บ้านเมืองก็เป็นปกติ ไม่มีทัพศึก ราษฎรได้ทำมาหากินเป็นสุขสบาย แต่บิดาข้าพเจ้าเป็นคนชราจะบังคับบัญชากิจราชการบ้านเมืองก็ผิด ๆ ถูก ๆ เคลิบเคลิ้ม ข้าพเจ้ามีความวิตกกลัวจะผิดลงในราชการ ชื่อเสียงก็จะพากันเสียไป จะขอรับพระราชทานให้บิดากราบถวายบังคมลาออกไปอยู่บ้านเดิม....."

พระเจ้าซ้องยินจงก็ตรัสว่า

"...บิดาเจ้ายังไม่สู้ชรานัก จะขอลาออกเสียจากราชการทำไมให้อยู่ไปเถิด จะวิตกอันใดกับการเล็กน้อย เราก็นับถือบิดาเจ้าว่าเป็นผู้ใหญ่ ถึงจะมีความผิดบ้างเราก็ให้อภัยโทษ เจ้าอย่าวิตกทุกข์ร้อนด้วยบิดาเลย..."

นางพังกุยฮุยได้ฟังรับสั่งก็มีความยินดี จึงรินสุราถวายฮ่องเต้โดยกิริยาแจ่มใส ฮ่องเต้ก็เสพสุราสัพยอกหยอกเอิน จนดึกจึงเสด็จเข้าที่บรรทม

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เสด็จออกท้องพระโรงว่าราชการ เปาบุ้นจิ้น ก็เอาเรื่องราวที่ชำระความเข้าไปถวาย มีใจความว่า หญิงคนใช้ทั้งสี่ของเอียเทาให้การรับเป็นสัตย์ว่า นางโปยเลงกงจู๊ บุตรสาวเจ้าเมืองไซหยง ภรรยา เฮกหลี ทหารเอกของเมืองไซหยง ปลอมตัวเป็นชายเข้าอยู่ในกองทัพเพงไซอ๋อง และติดตามมาจนถึงเมืองเปียนเหลียง เข้าพำนักอยู่กับ พังหอง แล้วพังหองคบคิดกับเอียเทา แต่งกลอุบายให้นางโปยเลงกงจู๊ปลอมเป็น นางฮองเกียว บุตรสาวเอียเทา มาแต่งงานกับเพงไซอ๋อง เพื่อทำร้ายเพงไซอ๋อง แต่เพงไซอ๋องรู้ตัวจึงฆ่านางตาย กับได้ให้คนขุดศพนางโปยเลงกงจู๊ที่ตายมาพิจารณา เห็นหูมีรอยเจาะเก้าแห่ง เอาแป้งปิดไว้ เป็นลักษณะของชาวเมืองไซหยงจริง เอียเทาจำนนต่อหลักฐานรับเป็นสัตย์ จึงตัดสินคดีดังนี้

ตัวเพงไซอ๋องนั้น พระองค์ได้ชุบเลี้ยงตั้งแต่งให้เป็นถึงแม่ทัพ ถืออาญาสิทธิ์ออกไป เหตุใดจึงประมาท ไม่เอาใจใส่ตรวจตราดูแลผู้คนในกองทัพ ให้นางโปยเลงกงจู๊ปลอมเข้ามาจนถึงเมืองเปียนเหลียง ข้อหนึ่งเมื่อนางโปยเลงกงจู๊ทำร้าย ทำไมไม่จับเอาตัวไว้ จะได้ชำระซักถามเอาความ เพงไซอ๋องมาฆ่าเสียด้วยโทโสฉุนเฉียวดังนี้ไม่ชอบ มีความผิดอยู่

ตัวพังหองคบค้ากับคนต่างเมือง แต่งกลอุบานให้นางโปยเลงกงจู๊ปลอมมาทำร้าย เพงไซอ๋องนั้น ข้อนี้ฉกรรจ์นัก พังหองมีความผิดใหญ่

เอียเทาเล่าก็เชื่อพังหอง แนะนำเสี้ยมสอนให้ทำกลอุบายดังนี้เอียเทา มีความผิดมาก

ชุยสินกับบุนงวนภัก ผู้เป็นตระลาการก็หยาบช้า ไม่พิจารณาดูแลซากศพ ให้ละเอียด ว่าจะเป็นชาวเมืองเปียนเหลียง หรือคนเมืองไหน มีสำคัญเขาเจาะหูกันอย่างไรก็ไม่รู้ สักแต่ว่าดูศพเห็นแล้วก็ให้คนเอาไปฝังเสีย ข้อนี้ชุยสินกับบุนงวนภักเบาแก่ความ ก็มีความผิด

เมื่อเอียเทาเข้ากราบทูลกับพระองค์ ว่าจะยกนางฮองเกียวบุตรสาว ให้เพงไซอ๋อง พระองค์นั้นก็ไม่ทรงสืบสวนไล่เลียงไต่ถามดูให้รู้ชัด ว่าจะเป็นนางฮองเกียวบุตรสาวเอียเทาจริงหรือมิใช่ก็ไม่รู้ ทรงเห็นดีไปด้วยกับเอียเทา จนเกิดความขึ้น ดังนี้ พระองค์มีความผิด

พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเรื่องราว ทราบสิ้นทุกข้อแล้ว จึงตรัสถามพังหองว่า ตัวท่านคบคิดกับเอียเทาดังนี้ จะว่ากระไร พังหองก็กราบทูลว่าข้าพเจ้ามีผิด สุดแล้วแต่จะโปรด

พระเจ้าซ้องยินจงก็มีพระราชดำริว่า ความเรื่องนี้เป็นเพราะพังหองผู้เดียว ครั้นจะลงโทษก็ได้ตรัสให้อภัยแก่นางพังกุยฮุยไว้เมื่อคืนนี้แล้ว ไม่รู้ที่จะทำประการใดจึงตรัสถามเปาบุ้นจิ้นว่า

"....ในเรื่องราวนี้ ท่านก็ยกข้อผิดเรา จะมีโทษเพียงใดให้ว่าไป....."

เปาบุ้นจิ้นจึงกราบทูลว่า

".....พระองค์เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ตัวข้าพเจ้าเป็นแต่ขุนนาง ไม่ควรที่จะชำระตัดสินปรับโทษพระองค์ได้ พระองค์มีความผิดประการใด ก็จงทรงตัดสินปรับโทษของพระองค์เองเถิด....."

พระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้จึงตรัสว่า

".....ความเรื่องนี้เหลวไหลจะว่าไปก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น ไหน ๆ นางโปยเลงกงจู๊ก็ตายไปแล้ว เลิกกันเสียเถิดอย่าชำระต่อไปอีกเลย....."

ตรัสดังนั้นแล้วก็เสด็จเข้าข้างใน พังหองจึงพูดกับเปาบุ้นจิ้นว่า

".....ท่านชำระความเรื่องนี้ดีนัก มีคุณกับข้าพเจ้าเป็นอันมาก นี่หากว่าพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้ ยังทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงต่อไป หาไม่ก็คงยับลงด้วยมือท่าน เป็นเที่ยงแท้....."

เปาบุ้นจิ้นได้ฟังพังหองพูดเสียดสี จึงย้อนว่า

"...ผู้ซึ่งเป็นข้าราชการในแผ่นดินนั้นมีหลายอย่าง บางคนดูรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ แต่น้ำใจเป็นสัตว์เดียรัจฉาน คิดแต่กำจัดล้างผลาญ ผู้มีคุณต่อแผ่นดิน อันตัวท่านทุกวันนี้ ถืออำนาจนางพังกุยฮุยบุตรสาว ว่าเป็นคนโปรดปราน จะทำการสิ่งใดก็ไม่กลัวความผิด คิดอายแก่มนุษย์ทั้งหลาย อุตส่าห์ทำเช่นนี้ให้เนือง ๆ เถิด คงจะได้เห็นคมอาวุธสักเวลาหนึ่ง....."

ว่าแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป

ฝ่ายนางฮองเกียวเมื่อกลับไปบ้านแล้ว ก็ตรึกตรองว่าความอันนี้ ตนได้รับเป็นสัตย์กับเปาเล่งถูทุกข้อ ถ้าเปาเล่งถูนำความขึ้นกราบทูลแล้ว ที่ไหนตนกับบิดาจะพ้นความผิด คงจะตายเป็นแน่แท้ จะรอให้ตายด้วยพระราชอาญาทำไม คิดแล้วจึงเข้าไปในห้อง เขียนหนังสือเป็นคำโคลงไว้ฉบับหนึ่ง ขอลาบิดามารดามีความว่า

บิดามารดาได้เลี้ยงดูรักษาข้าพเจ้ามา ตั้งแต่เป็นทารกจนเติบใหญ่ ก็ยังมิได้สนองคุณ อุปมาเหมือนเลี้ยงลูกเสือไว้ไม่ได้ใช้แรง ข้าพเจ้าขอลาท่านทั้งสอง ตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองจะไม่ได้เห็นหน้าข้าพเจ้าต่อไปอีกแล้ว ถ้าอยากจะเห็นหน้าข้าพเจ้า ก็จงไปดูที่เมืองผีเถิด

แล้วนางฮองเกียวก็ผูกคอตายเสียในห้องนั้นเอง

ข้างเอียเทาซึ่งเปาบุ้นจิ้นได้ปล่อยตัวไป ตามรับสั่งฮ่องเต้ที่ให้เลิกแล้วต่อกันนั้น ครั้นกลับไปถึงบ้านพบว่าบุตรสาวได้ผูกคอตายเสียแล้ว ก็ร้องไห้โศกเศร้ารำพันกับภรรยาเป็นอันมาก เมื่อได้นำศพนางฮองเกียวไปฝังแล้ว ก็ปรึกษากับภรรยาว่า

“……..อันตัวเราซึ่งมีความผิดครั้งนี้ ก็เพราะคบกับพังหอง ตั้งแต่วันนี้ไปเราไม่คบค้าสมาคมด้วยพังหองต่อไปอีกแล้ว ถ้าอยู่ในราชการก็ต้องไปมาหาสู่ชอบพอกับพังหอง แล้วก็จะชักนำให้ทำแต่การชั่ว ความผิดก็จะมาถึงตัวเราเหมือนครั้งนี้ ครั้นจะไม่คบค้าชอบพอ ทำเพิกเฉยเสียก็จะโกรธ คิดอ่านทำร้ายด้วยอุบายต่าง ๆ เหมือนอย่างเพงไซอ๋อง……….”

วันรุ่งขึ้นเวลาเช้าเอียเทาก็เข้าไปเฝ้ากราบทูล ขอลาออกจากราชการกลับไปอยู่บ้านเดิม ฮ่องเต้ทรงพระดำริว่า เอียเทามีความผิดคิดอายแก่ขุนนางข้าราชการ จึงได้ลาออกจากตำแหน่ง ก็โปรดให้ออกจากราชการ

เอียเทาก็กราบถวายบังคมกลับมาบ้าน รวบรวมทรัพย์สิ่งของเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางจากเมืองเปียนเหลียง ไปอยู่เมืองกังไสตามเดิม

ต่อมาพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้เห็นว่า เมืองไซหยงซึ่งส่งนางโปยเลงกงจู๊บุตรสาว ปลอมตัวมาทำร้ายเพงไซอ๋องจนถึงเมืองเปียนเหลียง คงจะยังไม่ยอมอ่อนน้อมโดยสุจริต คงคิดแข็งเมืองขึ้นอีกเป็นมั่นคง ขืนนิ่งไว้ก็จะมีใจกำเริบมากขึ้น ครั้นจะยกกองทัพไปปราบปราม ก็จะได้ความลำบากแก่ทแกล้วทหารและอาณาประชาราษฎร จึงมีรับสั่งให้เพงไซอ๋อง เอาศพนางโปยเลง กงจู๊ ส่งไปให้เจ้าเมืองไซหยง บอกความที่คิดร้ายแล้วถูกจับได้จึงฆ่าเสียแล้ว เจ้าเมืองไซหยงจะได้ครั่นคร้าม เข็ดขยาดฝีมือและสติปัญญาชาวเมืองเปียนเหลียง จะได้เลิกคิดแข็งเมืองต่อไป

เพงไซอ๋องจึงให้ขุดศพนางโปยเลงกงจู๊ ขึ้นมาเผา แล้วเก็บกระดูกใส่หีบ ให้ เตียตง ทหารเอก คุมไปส่งเจ้าเมืองไซหยงตามรับสั่ง

ส่วนพังหองนั้น ยังคงมีอำนาจหน้าที่ใหญ่โตอย่างเดิม แต่ก็คงจะเกรงขามเปาบุ้นจิ้นหรือ เปาเล่งถู ผู้ทรงภูมิปัญญา เป็นหลักของแผ่นดิน ทางฝ่ายบุ๋นต่อไปอีกนานทีเดียว.

##########


นิตยสารโล่เงิน
มีนาคม ๒๕๔๗


Create Date : 26 เมษายน 2551
Last Update : 26 เมษายน 2551 6:14:08 น. 5 comments
Counter : 435 Pageviews.

 
ท่านเปาเก่งกาจ

เป็นหลักให้กับบ้านเมือง

ตอนนี้น่าจะมีหลักให้กับบ้านเมืองไทยบ้างนะ

คนไม่ดีจะได้ไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย


โดย: พี่แต้ วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:16:44:48 น.  

 
ท่านเปาเก่งกาจ

เป็นหลักให้กับบ้านเมือง

ตอนนี้น่าจะมีหลักให้กับบ้านเมืองไทยบ้านนะ

คนไม่ดีจะได้ไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย


โดย: พี่แต้ วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:16:45:01 น.  

 
คนที่อยู่ในฐานะเดียวกับท่านเปาในเมืองไทย
ก็ไม่ทำอย่างท่านเปานี่ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:18:55:01 น.  

 
ช่าย ถ้าทำจริงประเทศไทยเจริญกว่านี้เยอะ


โดย: kira7 IP: 116.68.159.61 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:44:23 น.  

 
อย่างน้อยก็ไม่ยุ่งอย่างเดี๋ยวนี้นะครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:19:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.