Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าจากอดีต (๓) โรดิโอเหนือฟ้ากรุงเทพ

เรื่องเล่าจากอดีต (๓)

โรดิโอเหนือฟ้ากรุงเทพ

พ.สมานคุรุกรรม


เมื่อวันวิสาขบูชาเวียนมาถึงในวันเพ็ญเดือนหกของทุกปี ชาวพุทธต่างก็ไปทำบุญเวียนเทียนบูชาพระรัตนตรัย ที่วัดใกล้บ้านกันเป็นประจำ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปควันเทียน

แต่มีอยู่ปีหนึ่งที่วันวิสาขบูชา ได้กลายเป็นวันแห่งความพินาศ ของกรุงเทพมหานคร บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ความกลัว และความตาย ทั่วทุกแห่งหนเกลื่อนไปด้วยทรากศพและคลุ้มไปด้วยควันไฟ

วันนั้นคือวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๗ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปีวอก รัตนโกสินทร์ศก ๑๖๓ ซึ่งเมื่อกาลเวลาได้ล่วงมาถึงบัดนี้ ก็เป็นเวลากว่า ๕๐ ปีแล้ว

มีชาวบ้านย่านสามเสน ได้บันทึกไว้ด้วยอักขระสมัยมาลานำไทยเป็นมหาอำนาจ และด้วยสำนวนแบบชาวบ้านผู้ไม่ประสีประสา กับการปฏิบัติการอันดุเดือดของฝูงบินมฤตยู ผู้ทำให้วันนั้นกลายเป็นวิสาขบูชาเลือด โดยพาดหัวตัวโตว่า

ข้าสึกโจมตีพระนครเวลากลางวัน และมีรายละเอียด ดังนี้

....วันนี้เป็นวันวิสาขะบูชา ราสดรชักทงชาติขึ้นสู่ที่สูงทุกบ้านทุกเรือน เหล่าพุทธ มามะกะทั้งหยิงชาย ต่างก็ชักชวนกันไปวัดเพื่อฟังเทสน์ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ก็มีเครื่องบินข้าสึกผ่านเข้ามาประมาน ๔๐ เครื่อง พวกประชาชนต่างก็ตื่นเต้นปลาดใจ มองดูการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน แต่ไม่สู้จะหวาดกลัว เพราะคิดเสียว่าเขาเข้ามากลางวันหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยทิ้งระเบิดเลย เคยเข้ามา ๓ เครื่องบ้าง ๕ เครื่องบ้างเสียงแต่ปืนฝ่ายเรายิง

ครั้งนี้แม้จะมามากมายก็คงจะเลือกทิ้งแต่จุดสำคัน ดังนั้นจึงไม่ไคร่จะพากันลงหลบภัยดังเช่นกลางคืน แต่ผิดคาด พอเขาเข้ามาครู่เดียว ก็ทิ้งระเบิดปัง ๆ ทีเดียว ทิ้งไม่เลือกที่เสียด้วย กระจายกันออกไปหมู่ละ ๕ ลำ มีเรือนำอีก ๑ ลำ เจ้าเรือนำขีดวงที่ไหน เจ้าบริวารก็ทิ้งบอมที่นั่น ตำบนหนึ่ง ๆ ทิ้งระเบิดลงมาไม่ต่ำกว่า ๒๕ ลูก หลุมระเบิดต่อหลุมระเบิดจดกันก็มี การเขียนวงเครื่องหมายกะที่ให้ทิ้ง คือพ่นควันออกทางหางและทางปีกทั้ง ๒ ข้าง แล้วบินวงโค้ง ฝ่ายเจ้าบริวารก็กะจายแถวเรียง ๑ ดากันประเคนระเบิดมหาวินาสลงมา เสียงบึ้ม ๆ เปรี้ยงปร้าง โผงผาง กราว ๆ แทบหูดับ บ้านเรือนกะเทือนไหวโยกเยก ล้มระเนระนาด ที่ยังซงอยู่ได้ก็หลังคาทะลุปรุโปร่ง

นับว่าเป็นการโจมตีครั้งไหย่ และหนักที่สุดกว่าทุก ๆ ครั้ง ที่ถูกมาแล้ว ลูกระเบิดที่ทิ้ง มีทั้งระเบิดเพลิง ระเบิดทำลาย และระเบิดสังหาร ๕ วันมาแล้วก็ยังเก็บสพไม่หมด เพราะถูกเรือนทับบ้าง ดินทับบ้าง มากต่อมาก ขุดรื้อหากันทุกวัน......

ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ สรศัลย์ แพ่งสภา ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือชื่อ " หวอ..ชีวิตไทยในไฟสงครามโลกครั้งที่ ๒" โดยสำนักพิมพ์สารคดี ในบทที่ ๒๒ ข้ามากลางวันก็ได้ แจ้งสถานที่ถูกลูกระเบิดถล่ม มีความว่า

.....วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๗ วันนี้ต้องพูดถึงกันหน่อยละครับ เราถูกเล่นงานหนัก ฝูงบิน บี-๒๙ จำนวนมากกว่า ๓๐ เครื่อง เข้ามาถล่มกรุงเทพ เมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. แหงนขึ้นดูเห็นลูกระเบิด หลุดจากท้องเจ้ายักษ์ใหญ่ป้อมบิน ร่วงพรูลงมาเป็นสาย ระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วกรุง ไม่รู้หวังผลอะไร ลูกระเบิดลงเปรอะไปหมด ทำเนียบรัฐบาล สนามม้าราชตฤณมัยสมาคม กรมเตรียมการทหาร (วังกรมหลวงชุมพร) สวนมิสักวัน เขาดินวนา ร.พัน.๙ หลังวชิราวุธวิทยาลัย บริเวณโรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย (ปัจจุบันคือสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา) สี่แยกซังฮี้ถึงชุมชนสวนอ้อยตรงข้ามวชิรพยาบาล บริเวณสนามเป้าถึงปากซอยอารี ถนนพหลโยธิน ย่านโรงงานรถไฟมักกระสัน อาคารถนนราชดำเนินกลาง โรงงานทำหมวก กรมโรงงานอุตสาหกรรม ใกล้โรงกรอง น้ำสามเสน หน้าสถานทูตญี่ปุ่น บริเวณเชิงสะพานพุทธยอดฟ้าฝั่งพระนคร โรงเรียนเพาะช่าง พื้นที่หลังโรงพักจราจร พื้นที่สี่แยกบ้านหม้อ บริเวณสี่แยกเฉลิมกรุงพังเป็นแถบไปถึงสี่กั๊กพระยาศรี (ฝั่งร้านกรุงเทพฯบรรณาคาร) โรงเลื่อยเฮี้ยงเฮงหลง เชิงสะพานผ่านฟ้าฯ ถนนพะเนียง สี่แยกจักรพรรดิพงษ์ ถนนหลานหลวง ละแวกหลังวัดโสมนัสวิหาร พื้นที่สี่แยกราชประสงค์ หน้าโรงเรียนตำรวจ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลตำรวจ) ละแวกสถานทูตอังกฤษ และโรงเรียนมาแตร์ถึงซอย รื่นฤดี สุขุมวิท พื้นที่ตรอกจันทร์สะพาน ๓-๔ สถานีรถไฟสายปากน้ำ-หัวลำโพง ละแวกสถานีกล้วยน้ำไทและบ้านกล้วย โรงฟอกหนัง คลองเตย พื้นที่ตำบลคลองตันและพื้นที่ตำบลบางกะปิ ฝั่งธนบุรีมีละแวกศิริราชพยาบาล ย่านรถไฟบางกอกน้อย ศาลาเทศบาลธนบุรี บริเวณท่าพระ บริเวณวัดบุบผาราม วัดขุนจันทร์ ตลาดพลู พื้นที่บางขุนนนท์ บางปะกอก บริเวณวัดอัปสรสวรรค์ ฯลฯ ระเบิดไม่ได้ลงตรงเป้าหมายหลักที่ไหนสักแห่ง ชาวพาราเดือดร้อนสาหัสสากรรจ์

รายละเอียดของการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ได้ปรากฎอยู่ในหนังสือนาวิกศาสตร์ของ ราชนาวิกสภา ฉบับประจำเดือน กรกฎาคม ๒๕๓๗ ซึ่ง พล.ร.ต.วิโรจน์ ศุภกาญจน์ ได้แปลและเรียบเรียง จากบทที่ ๗ ชื่อ Rodeo Over Bangk0k จากหนังสือเรื่อง B-29 The Plane That Won The War โดย พันตรี Gene Gurney แห่งกองทัพอากาศสหรัฐ และผู้เรียบเรียงให้ชื่อภาษาไทยว่า เมื่อกองบิน บี - ๒๙ ออกศึกครั้งแรกเหนือกรุงเทพ ซึ่งพอจะสรุปความให้เข้ากับเรื่องที่เล่ามาแล้วได้ ดังนี้

.....เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักแบบ บี-๒๙ รุ่นแรก จำนวน ๑๓๐ ลำ สังกัดหน่วยบัญชาการบินทิ้งระเบิดที่ ๒๐ ได้เดินทางมาถึงสนามบินในรัฐเบงกอลทางภาคตะวันตกของประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ๒ เมษายน ถึง ๘ พฤษภาคม ๒๔๘๗

เครื่องบินแบบ บี-๒๙ หรือป้อมบินยักษ์นี้ มีลำตัวยาว ๙๓ ฟุต ๒ นิ้ว ความยาวระหว่างปลายปีกทั้งสองข้าง ๑๔๑ ฟุต ๙ นิ้ว เครื่องยนต์ทั้งสี่เครื่อง มีกำลังเครื่องละ ๒,๒๐๐ แรงม้า ที่ระดับน้ำทะเล บรรทุกลูกระเบิดได้หนัก ๒,๒๐๐ ปอนด์ จะบินได้ไกล ๕,๓๓๓ ไมล์ ในระดับความสูง ๒๕,๐๐๐ ฟุต ความเร็วสูงสุด ๒๘๒ ไมล์ ต่อชั่วโมง เป็นเครื่องบินรบแบบแรก ที่มีการปรับความดันอากาศในลำตัวเครื่องบิน ให้เท่ากับความดันอากาศ ที่ระดับน้ำทะเล เมื่อบินสูง ๑๐,๐๐๐ ฟุตขึ้นไป มีป้อมปืนกลอากาศ ขนาด .๕๐ นิ้ว (๑๒.๗ ม.ม.) จำนวน ๕ ป้อมที่โป่งออกมานอกลำตัว คือด้านหัว ด้านข้างทั้งสอง ใต้ท้อง และปลายหาง รอบตัวของเครื่องบินจึงไม่มีมุมอับกระสุนเลย

เครื่องบินชุดนี้เพิ่งออกมาจากโรงงานผลิตของบริษัทโบอิง โดยมีเวลาฝึกในสหรัฐอเมริกาเพียง ๑๘ ชั่วโมง กองทัพอากาศสหรัฐมีแผนที่จะใช้เครื่องบินแบบนี้ เป็นกองกำลังทางอากาศยุทธศาสตร์ ไปโจมตีที่หมายในประเทศญี่ปุ่นและที่หมายทางยุทธศาสตร์ ในดินแดนยึดครองของญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.๒๔๘๗

กรุงเทพฯเป็นเป้าโจมตีที่ดีเลิศสำหรับการซ้อมมือ บี-๒๙ ที่บินออกจากสนามบินสี่แห่งในรัฐเบงกอล สามารถบินตรงเข้าหาเป้าได้เลย ระยะทางบินไปกลับจากฐานทัพในรัฐเบงกอล ประมาณ ๒,๐๐๐ ไมล์ จะเป็นการทดสอบขีดความสามารถ ทางยุทธการข้อหนึ่งของ บี-๒๙ ซึ่งเป็นการบินเหนือผิวน้ำ โดยมีดินแดนของประเทศพม่าเป็นที่หมาย ในการบินไปหาเป้า และกลับฐานทัพนั้น เป็นตัวอย่างที่จะเกิดขึ้นสำหรับการปฏิบัติการโจมตี ภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในอนาคต ซึ่งเส้นทางบินจะถูกจำกัด เพราะต้องผ่านหรือเฉียด ดินแดนที่ข้าศึกยึดครอง

กรุงเทพฯเป็นต้นทางภาคพื้นดินของญี่ปุ่นในการส่งสิ่งอุปกรณ์ ไปยังแนวรบในประเทศพม่า โรงงานซ่อมรถไฟที่มักกะสัน จึงต้องกลายเป็นเป้าหมายอันดับแรกในการโจมตี นอกจากนี้ความต้องการของพันธมิตร ที่จะปฏิบัติการตัดเส้นทางคมนาคมทางรถไฟ รวมทั้งการโจมตีโรงงานรถไฟพม่าที่อินเซน ทางด้านเหนือของนครย่างกุ้ง ทำให้โรงงานซ่อมรถไฟที่มักกะสัน มีความสำคัญมากขึ้นเป็นพิเศษ อีกประการหนึ่งโรงงานซ่อมรถไฟมักกะสันนั้น ตั้งอยู่โดดเด่นใน ทุ่งนานอกเขตชุมชน ซึ่งง่ายต่อการเล็งทิ้งระเบิด และสามารถทำการถ่ายภาพความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากการทิ้งระเบิดครั้งแรกของ บี-๒๙ได้ทุกแง่ทุกมุม โดยไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ตั้งอยู่ใกล้เคียง ดังนั้น การประเมินค่าความเสียหายของเป้าหมายแห่งนี้ จะสามารถทำได้ง่าย แต่มีความถูกต้องในระดับสูง

จากแผนยุทธการข้างต้น เครื่องบิน บี-๒๙ จำนวน ๑๐๐ ลำ จึงได้ออกเดินทางจากสนามบินทั้งสี่แห่ง เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๗ ตั้งแต่เวลา ๐๕.๓๐ น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา ๐๗.๓๐ น.ในประเทศไทย บี-๒๙ เครื่องหนึ่ง ที่ขึ้นจากสนามบินชาคูเลีย ได้ตกลงที่ปลายทางวิ่งเพียงเล็กน้อย ลูกระเบิดขนาด ๕๐๐ ปอนด์เกิดระเบิดขึ้น เครื่องบินจึงแหลกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย และทหารประจำเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด อีกเครื่องหนึ่งนั้นเครื่องกลไกขัดข้องไม่สามารถเคลื่อนที่ออกจากลานจอดได้

อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาเครื่องบินทั้ง ๙๘ ลำ ก็บินอยู่ในอากาศระดับความสูง ๕,๐๐๐ ฟุต ความเร็วเดินทาง ๒๑๐ ไมล์/ชั่วโมง เป็นรูปขบวนฝูงละ ๔ ลำถือเข็ม ๑๔๒ องศา ไปยังจุดบินเข้าหาเป้า ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพ ในเวลาต่อมา เครื่องบิน บี-๒๙ ที่เครื่องกลไกขัดข้องอีก ๑๘ ลำ บินต่อไปไม่ได้ ก็ได้รับอนุญาตให้กลับสนามบินของตนได้ จึงเหลืออีก ๘๐ ลำที่มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายปลายทาง

ขณะที่ กองบิน บี-๒๙ กำลังบินอยู่ในหมอกหนาทึบ ปรากฏว่าเครื่องขัดข้องอีก ๓ ลำ ต้องบินกลับสนามบินในประเทศอินเดีย จึงเหลืออยู่ ๗๗ ลำ เมื่อถึงฝั่งอ่าวไทยก็ไต่ขึ้นสู่ ระดับ ๒๕,๐๐๐ ฟุต ทำความเร็วได้ ๒๐๐ ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่ออยู่เหนือบริเวณเกาะสามเกาะ (ซึ่งน่าจะเป็นเกาะสีชัง เกาะไผ่ และเกาะล้าน) อันเป็นจุดรวมพลแล้ว ก็เลี้ยวขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งมีเมฆคลุมพื้นที่เบื้องล่างถึงเจ็ดในสิบส่วน

ปรากฏว่าเมฆหนาคลุมอยู่เบื้องบนโรงงานรถไฟมักกะสัน ดังนั้นเครื่องบินส่วนใหญ่จึงหันไปเตรียมทิ้งระเบิดโดยวิธีเล็งจำลองในจอเรดาร์ ซึ่งปรากฎว่าสะพานเหล็กสายหนึ่ง (น่าจะเป็นสะพานพระราม ๖ ซึ่งอยู่ทางทิศ ๓๕๕ ของโรงงานรถไฟมักกะสัน ห่างประมาณ ๔.๕ ไมล์) ทอดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่เกือบทิศเหนือตรง และห่างจากโรงงานรถไฟมักกะสันไม่มากนัก และสะท้อนสัญญาณคลื่นเรดาร์แรงมาก จนปรากฎภาพในจอเรดาร์อย่างชัดเจน จึงใช้สะพานนี้เป็นที่หมายสำหรับเล็งจำลองเพื่อทิ้งระเบิดครั้งนี้

บานประตูห้องบรรทุกลูกระเบิด ที่ท้องเครื่องบินเปิดอ้าเต็มที่ แล้วลูกระเบิดทำลาย กับพวงลูกระเบิดเพลิง ก็หล่นลงตามกันเป็นสาย ไปสู่เป้าที่อยู่ข้างล่าง ทหารประจำเครื่องบิน บี-๒๙ เห็นเครื่องบินขับไล่ข้าศึกหลายเครื่อง กำลังขับไต่ขึ้นมา นอกจากนี้ก็มองเห็นกลุ่มระเบิด และควันของกระสุนปืนต่อสู้อากาศยาน อย่างหนาแน่นในท้องฟ้า การยุทธในท้องฟ้าเหนือบางกอก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

บี-๒๙ บินเข้าโจมตีจากทุกทิศ ในระดับสูงที่ต่างกัน มีเครื่องบินขับไล่ข้าศึกเพียงเก้าเครื่อง ที่แสดงท่าทีว่าจะขัดขวางการโจมตี แต่หลังจากพลประจำป้อมปืนใน บี-๒๙ ยิงสกัดไปไม่กี่นัด เครื่องบินขับไล่ก็บินไปแอบในหมอกซึ่งไกลเกินระยะยิงหวังผล ถึงกระนั้นก็ยังมีการยืนยันว่า เครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่นถูกยิงเสียหายสองเครื่อง และอีกหนึ่งเครื่องน่าจะได้รับความเสียหาย กลุ่มระเบิดของกระสุนปืนต่อสู้อากาศยาน ค่อนข้างหนาแน่น แต่ว่าขาดความแม่นยำ มี บี-๒๙ ลำเดียวได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ที่ส่วนหางจากสะเก็ดระเบิด ของกระสุนปืนต่อสู้อากาศยาน

บี-๒๙ ลำแรกปลดลูกระเบิดเมื่อเวลา ๑๒.๒๒ น. และลำสุดท้ายผละจากเป้าเมื่อเวลา ๑๔.๐๒ น.ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย รวมเวลาที่ บี-๒๙ จำนวน ๗๗ ลำ ใช้เวลาโจมตี ๑๘๐ นาที เฉลี่ยแล้วโรงงานมักกะสันถูกโจมตีด้วยลูกระเบิดหนัก ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ ทุก ๆ ๑ นาที ๑๘ วินาที

เครื่องบิน บี-๒๙ กองนี้แม้ไม่ได้รับอันตรายจากการเข้าโจมตี แต่ได้สูญเสียในขณะเดินทางกลับ ๔ ลำ โดยเครื่องหนึ่งขัดข้องตกที่ตำบลอิวจี ใต้นครคุนมิงประมาณ ๖๐ ไมล์ ทหารประจำเครื่องบินโดดร่มชูชีพได้ปลอดภัย เครื่องที่สองน้ำมันหมดต้องร่อนลงที่สนามบินคัมคัม ใกล้นครกัลกัตตา ทหารประจำเครื่องปลอดภัย เครื่องที่สามลงทะเล ห่างจากสนามบินจิตตะกอง ประมาณ ๑๐๐ ไมล์ ทหารประจำเครื่องบินเสียชีวิต ๒ นาย ลำสุดท้ายต้องร่อนลงในทะเลฝั่งตะวันตกของอ่าวเบงกอล เพราะเครื่องขัดข้อง นักบินยศพันตรี และนายสิบพนักงานวิทยุตายคาที่นั่ง

สรุปว่าในยุทธการคราวนี้ ฝ่ายสัมพันธมิตรสูญเสียเครื่องบิน บี-๒๙ มูลค่า ประมาณลำละ ๑ ล้านดอลลาห์ ไป ๕ ลำ เสียชีวิตทหารรวม ๑๕ นาย

อีกสองสามวันต่อมา ทหารประจำเครื่องบิน บี-๒๙ ที่กลับจากภารกิจที่กรุงเทพ ก็ได้ดูภาพถ่ายทางอากาศ ที่เครื่องบินลาดตระเวนตรวจการณ์ ไปถ่ายภาพผลของการทิ้งระเบิด โรงงานรถไฟมักกะสัน ปรากฎว่าอาคารที่เป็นที่ตั้งหน่วยงานสำคัญของโรงงาน ซึ่งเป็นที่หมายหลักของการโจมตี ด้วยลูกระเบิดที่มีน้ำหนักถึง ๗๗๐,๐๐๐ ปอนด์ ยังคงยืนหยัดอยู่ตระหง่านเป็นปกติ.........

ดังนั้นถ้าจะมีคำถามว่า ทำไมเครื่องบิน บี-๒๙ กองนี้ จึงได้ทิ้งระเบิดเปะปะไปทั่วกรุงเทพ ในวันวิสาขบูชาเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ได้วางแผนไว้เป็นอย่างดี และไม่มีใครหาญเข้ามาขัดขวางด้วย เพราะมีอำนาจการยิงที่เหนือกว่า ไม่รู้กี่สิบเท่า

คิดว่าคำตอบที่ถูกต้อง น่าจะเป็นเพราะว่า เครื่องบินก็สร้างขึ้นใหม่ นักบินและทหารประจำเครื่องก็มือใหม่ เพิ่งปฏิบัติงานเป็นครั้งแรกบนท้องฟ้าเหนือดินแดน ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และทุกคนก็คงอยากจะรีบกลับไปยังฐานทัพ ซึ่งอยู่ห่างนับพันไมล์โดยเร็ว และปลอดภัย จึงต่างก็รีบปล่อยวัตถุอันตรายที่บรรทุกมาให้หมด ๆ ไปอย่างรวดเร็ว เลยทำให้ การแสดงบนท้องฟ้าเหนือกรุงเทพ กลายเป็นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง โดยใช้พื้นที่ของกรุงเทพเป็นสนามฝึกไปโดยปริยาย

คนไทยนับร้อยนับพันคนในกรุงเทพธนบุรี จึงต้องได้รับเคราะห์กรรมที่เขาทุ่มเทลงมาให้ โดยไม่มีทางต่อสู้แต่อย่างใด เพราะในการสงครามนั้นย่อมไม่มีใครจะปราณีใคร

แล้วเราจะไม่จำไว้เป็นบทเรียนกันบ้างเลยเชียวหรือ.

##########

นิตยสารโล่เงิน
กันยายน ๒๕๔๐

โต๊ะประวัติศาสตร์ ห้องสมุดพันทิป
๑๕ เมษายน ๒๕๔๘








Create Date : 27 สิงหาคม 2550
Last Update : 20 กันยายน 2550 9:33:04 น.

Counter : 140 Pageviews. 6 comments

Add to







อ่านแล้วทำให้รู้สึกแย่กับสงครามและคนญี่ปุ่นมากๆ เมื่อกี้ไปอ่านเรื่องข้างบนแต่เม้นไม่ได้อีกแล้วค้าบ



โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:17:38:16 น.







ข้างบนแก้ไขแล้วครับ

เรื่องนี้มีตัวผมร่วมแสดงด้วยครับ
คือนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ถุนบ้าน ที่สวนอ้อยครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:18:38:50 น.







กำลังนึกสงสัยอยู่ว่าซอยสวนอ้อยน่ะบ้านคุณเจียวต้าย แต่ไม่นึกว่าจะทันรุ่นนั้นค้าบ



โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:11:13:11 น.







ในวันนั้น ลูกระเบิดได้คร่าชีวิตเพื่อนผมไปคนหนึ่ง

ส่วนบ้านผมหลังคากระเบื้องแตกดูโปร่งฟ้า
เพราะมีลูกหนึ่งตกห่างไปไม่ไกลนัก
มันขุดเอาดินดาลมาทุ่มใส่หลังคาบ้านผมครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:17:17:20 น.







น่าสงสารประชาชนไม่ได้รู้เห็นด้วยกับสงคราม

แต่ก็ตกเป็นเหยื่อของสงคราม

ถ้าเปลี่ยนเอาเงินการทำสงครามมาทำกองทุน

ยูนิเซฟ คนในโลกคงมีความสุขกันถ้วนหน้า

เพราะค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ นะครับ ลำละล้านดอล



โดย: พี่แต้ วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:12:23:31 น.







ฝ่ายที่ก่อสงคราม เขาอยากจะครองโลก
แต่ประมาณการกำลังฝ่ายตรงข้ามผิดพลาดครับ

ถ้าอเมริกาจะเอาชนะญี่ปุ่นด้วยการรบธรรมดา
เขาคิดว่าต้องสูญเสียทหารอีกหลายแสน

เขาจึงทิ้งระเบิดปรมาณู เอาชีวิตคนญี่ปุ่นไปแทน
และประมาณการของเขาถูกต้อง จึงชนะสงครามครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:19:01:49 น.






Create Date : 26 มีนาคม 2553
Last Update : 18 เมษายน 2553 21:18:23 น. 7 comments
Counter : 1050 Pageviews.

 
อ่านแล้วอกได้คำเดียวว่า
น่ากลัว...........
ครับ
ยิ่งกว่านิยายสงครามอีก
เพียงแต่นี่
มันจริงๆๆ
โอ...........
คนรุ่นหลังอาจไม่เคยรู้
ปล.
..เพราะในการสงครามนั้นย่อมไม่มีใครจะปราณีใคร
...จะเป็นปรานี นะครับ


โดย: GTW วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:20:38:18 น.  

 
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ต้องขอขอบพระคุณมาก ๆ เลยครับ ที่นำเอาประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาฝากให้คนรุ่นหลังได้อ่านครับ

จำได้ว่าคุณป้าคนโตสุดของผมเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านของครอบครัวผมอยู่ที่แถวย่านวงเวียนเล็ก พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินมาทิ้งระเบิดกะจะให้ลงที่สะพานพุทธ แต่ว่านักบินคงจะกะพลาดลูกระเบิดเลยพลาดเป้าหมายมาตกลงที่วงเวียนเล็กแทน ครอบครัวของผมเลยต้องย้ายบ้านหนีพระเพลิงสงครามมาอยู่ในที่ปัจจุบันแทนครับ

(ไม่บอกหรอกว่าปัจจุบันผมอยู่ที่ไหน เดี๋ยวเครื่องบินมันจะบินตามมาทิ้งระเบิดใส่บ้านของผมอีกครับ ... ก๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ)

ขอให้คุณเจียวต้าย มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขมาก ๆ นะครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:20:47:57 น.  

 
สมัยสงครามอ่วเปอร์เซีย หรือสงครามอิรัค เราได้ดูทางโทรทัศน์จากต่างประเทศ
เหมือนเราดูหนังสงคราม แต่ผมขนลุกเพราะในภาพนั้นมีคนเจ็บคนตายจริง ๆ ไม่ได้แสดงครับอาจารย์จี


โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:6:32:48 น.  

 
วงเวียนเล็กกับสะพานพุทธฯ มองทางอากาศน่าจะเป็นที่เดียวกันด้วยซ้ำไปครับอาคุงกล่อง
วัดพิชัยญาติดูเหมือนโดนด้วยเช่นเดียวกับวัดเลียบนะครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:6:37:03 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.6.112 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:0:06:37 น.  

 
ไม่เห็นมีสรุปเลย


โดย: rat IP: 58.9.98.19 วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:18:54:49 น.  

 
สรุปอยู่ตรงนี้ครับ

"เพราะในการสงครามนั้นย่อมไม่มีใครจะปราณีใคร" ครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:6:27:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.