Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้พิชิตสามก๊ก (๖)

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พิชิตสามก๊ก

ตอนที่ ๖ สิ้นศัตรูคนสำคัญ

เล่าซี่ยงชุน

สุมาอี้ตั้งเงียบสงบอยู่ในค่ายได้ประมาณสิบห้าวัน ม้าใช้ก็เอาเนื้อความมาบอกแก่ สุมาอี้ว่า ขงเบ้งนั้นใช้โคยนต์เทียมเกวียนขนเสบียง จากด่านเกียมโก๊ะมาส่งที่เขากิสาน เป็นหลายเที่ยวกองทัพของขงเบ้งก็ไม่ขาดเสบียงอาหาร โคยนต์นั้นไม่มีชีวิตเดินทางขึ้นเนินลงลุ่มได้ ทั้งกลางวันกลางคืนไม่ต้องพัก สุมาอี้ก็ออกปากว่า

“.............เราให้หน่วงไว้ไม่ออกรบพุ่ง หวังจะให้กองทัพขงเบ้งขาดเสบียง บัดนี้ขงเบ้งได้ทำโคยนต์เข็นเกวียนเสบียงมาส่งมิได้ขาด เห็นการสงครามนี้จะยืดยาวไป จำจะคิดอ่านให้ทหารไปตีเอาโคยนต์มาดูอย่าง จะได้ทำเข็นเกวียนของเราบ้าง..........”

แล้วสุมาอี้ก็ให้นายทหารเอกสองนาย คุมทหารไปดักตีขบวนเสบียงของขงเบ้ง จำบโคยนต์มาได้ห้าตัว สุมาอี้เห็นโคยนต์ก็ชมว่าขงเบ้งมีความคิดดีนัก และให้ช่างประมาณร้อยเศษ รื้อโคยนต์นั้นออกดู จดจำกำหนดชิ้นส่วนใหญ่น้อย สั้นยาวหนาบาง แล้วก็ให้ช่างเหล่านั้นทำโคยนต์อยู่ประมาณห้าสิบวัน ก็ได้โคยนต์เหมือนของขงเบ้ง ใช้การได้ดีถึงสองพันตัว จึงให้นายทหารคุมเกวียนที่ลากด้วยคยนต์ ไปขนเสบียงจากเมืองเสหลงเป็นประจำ

ประมาณยี่สิบวันต่อมา ขบวนเกวียนเสบียงของสุมาอี้ เดินทางมาในเวลาค่ำ ก็ถูกทหารขงเบ้งเข้าโจมตีและแย่งชิงเกวียนไปได้ ทหารก็กลับมาบอกโกฉุยที่ค่ายปักหงวน โกฉุยก็ยกทหารตามไปทันทหารขงเบ้งก็หนีไปทิ้งเกวียนไว้ให้ แต่ทหารโกฉุยทำอย่างไรโคยนต์ก็ไม่เดิน จนกระทั่งทหารของขงเบ้งกลับมาตีทหารโกฉุยแตกไป แล้วก็พลิกกลไกข้างในให้โคยนต์เดินไปได้

สุมาอี้แจ้งข่าวก็ยกทหารมาช่วย ครั้นมาถึงซอกเขากลางทางที่ขงเบ้งซุ่มทหารไว้ ก็ยกเข้าโจมตีโดยไม่ทันรู้ตัว ทหารของสุมาอี้ก็แตกกระจายไป สุมาอี้หนีไปทางหนึ่งแต่ผู้เดียว นายทหารข้าศึกไล่ตามติดไปจนทันก็ฟันด้วยง้าว แต่เคราะห์ดีที่บังเอิญโดนต้นไม้ติดค้างอยู่ กิ่งไม้ก็เกี่ยวเอาหมวกทองของสุมาอี้หล่นอยู่กลางดิน ตังควบม้าหนีรอดมาได้ เมื่อมาถึงค่ายแล้วสุมาอี้ก็มีความวิตกทุกข์ร้อน เพราะเสียทหารและเสบียงไปเป็นอันมาก พอดีพระเจ้าโจยอยมีหนังสือรับสั่งให้ตั้งค่ายมั่นไว้ อย่าออกไปรบพุ่งกับขงเบ้งอีก สุมาอี้จึงเก็บตัวเงียบอยู่ในค่ายเป็นเวลาช้านาน

สุมาสูบุตรคนโตก็บอกกับบิดาว่า

“.........บัดนี้ทหารขงเบ้งเที่ยวผูกรักแก่ชาวบ้านนอก ช่วยทำมาหากิน ได้ข้าวปลาไว้เป็นกำลังมาก อนึ่งราษฎรก็มีใจรักขงเบ้งเป็นอันมาก ซึ่งบิดาจะนิ่งอยู่ไม่รบพุ่งฉะนี้ ข้าศึกก็จะมีใจกำเริบขึ้น...........”

และการก็เป็นดังที่สุมาสูว่า อุยเอี๋ยนนายทหารเอกของขงเบ้ง ก็เอาหมวกทองของ สุมาอี้ที่เก็บได้จากสนามรบ ใส่ปลายไม้ชูเยาะเย้ยและร้องด่าว่าเป็นข้อหยาบช้าที่หน้าค่าย แต่สุมาอี้ก็มิได้ว่าประการใด พวกขุนนางนายทหารก็พากันโกรธ ต่างก็แต่งตัวใส่เกราะจะยกออกไปรบ สุมาอี้ก็ห้ามว่า

“............อย่าออกไปเลย อันโบราณกล่าวไว้ว่า เหตุการณ์นิดหนึ่งจะพาให้เสียการใหญ่..........”

ทหารทั้งนั้นก็เชื่อฟังคำสุมาอี้ อุยเอี๋ยนร้องท้าทายอยู่ทั้งวันจนเหนื่อย ก็ยกกลับเข้าค่ายไปเอง

ต่อมาแฮหัวโฮกับแฮหัวอุย บุตรของแฮหัวเอี๋ยนที่มาในกองทัพ ก็มาบอกสุมาอี้ว่า

“...........ขงเบ้งให้ตั้งค่ายอยู่บนเนินเขา แลปากทางเฮาโลก๊ก แล้วตั้งทับแลตึกดินน้อย ๆ รายอยู่เป็นอันมาก ข้าพเจ้าเห็นการศึกครั้งนี้จะยืดยาว ขอให้ท่านคิดอ่านตัดเสียให้ทันที นานไปเห็นจะกำจัดขัดสนนัก..........”

สุมาอี้ก็บอกว่า ซึ่งข้าศึกทำการทั้งปวงนั้น เห็นจะเป็นกลอุบายของขงเบ้ง ถ้าจะยกออกไปรบพุ่งก็อาจจะเสียที สองพี่น้องจึงว่า

“.........ถึงขงเบ้งจะคิดกลศึกประการใด ข้าพเจ้าสองคนพี่น้องจะขออาสาออกไปตี เอาชัยชนะสนองพระคุณเจ้าเราให้ได้..........”

สุมาอี้ก็อนุญาตให้สองพี่น้องคุมพล คนละพันออกไปตีเป็นสองกอง ทั้งสองก็คุมทหารออกไปจากค่าย พอดีข้าศึกคุมขบวนเกวียนเสบียงผ่านมา จึงเข้าโจมตีแย่งเอาเกวียนและ โคยนต์มาได้เป็นอันมาก หลายครั้งหลายหน และสุมาอี้ก็ปล่อยพลทหารที่จับได้กลับไปทุกครั้ง หวังจะให้พลทหารเลื่องลือว่า สุมาอี้มีใจเมตตาแก่ไพร่พลทหาร คิดกำจัดแต่นายทหารที่เป็นหัวหน้าเท่านั้น วันหนึ่งสองพี่น้องก็จับเชลยได้ประมาณห้าสิบคน เมื่อซักถามก็ได้ความว่า ขงเบ้งมาตั้งค่ายอยู่ที่เนินเขาเซียมก๊ก ให้ทหารขนเสบียงไปไว้ที่ค่ายปากทางเฮาโลก๊ก เมื่อปล่อยเชลยกลับไปแล้ว สุมาอี้ก็สั่งทหารทั้งปวง ให้เตรียมเข้าตีค่ายใหญ่ที่เขากิสาน ตนจะคุมทหารไปตีค่ายที่เก็บเสบียง ที่ เฮาโลก๊กและเนินเขาเซียมก๊กเอง

รุ่งขึ้นสุมาอี้ก็ให้กองหน้าเดินทางไปตีค่ายขงเบ้งที่เขากิสาน พอเวลาเย็นเห็นทหารขงเบ้งยกไปช่วยค่ายเขากิสานแล้ว ก็ยกทหารเข้าตีค่ายปากทางเฮาโลก๊ก ก็เจอกับอุยเอี๋ยนเข้ารบกันได้สามเพลง อุยเอี๋ยนก็ชักม้าหนีเข้าไปในหุบเขา สุมาอี้กับบุตรสองคนก็ขับม้าตามเข้าไป ก็ไม่เห็นผู้คนแต่อย่างใด สุมาอี้พาบุตรเดินเข้าไปจากปากทาง ก็เห็นแต่กระท่อมทับเล็ก ๆ มีแต่หญ้าฟางอยู่เป็นอันมาก จึงว่า

“...........ที่นี่ขงเบ้งคิดจะย้ายเสบียงมาซ่อนไว้ อันในหุบเขานี้จำเพาะมีทางเข้าออกตามซอกแต่สองข้างทาง แม้ขงเบ้งแต่งทหารมาซุ่มสกัดปากทางไว้ทั้งสองข้าง เราก็จะได้ความ ขัดสนนัก..........”

พอพูดขาดคำลง ก็ได้ยินเสียงประทัดและทหารโห่ร้องอื้ออึงขึ้น แล้วก็มีคบเพลิงทิ้งลงมาจากเนินเขาเป็นอันมาก เพลิงนั้นก็ติดชนวนและดินประสิวกับเชื้อเพลิงในกระท่อมเหล่านั้นลุกโพลงขึ้น ไหม้ทหารสุมาอี้ตายไปเป็นอันมาก สุมาอี้ก็แทบสิ้นสติ ตกลงจากม้าเข้ากอดบุตรทั้งสองไว้ แล้วร้องไห้ร่ำว่า ครั้งนี้ชีวิตเราพ่อลูกเห็นจะตายในที่นี้เป็นมั่นคง แต่จะเผ่นขึ้นม้าก็ตกลงถึงสามสี่ครั้ง จะหนีไปทางไหนก็มีแต่เพลิงรอบตัว ก็ยิ่งร้องไห้เป็นอันมาก

แต่เกิดอาถรรพ์มีลมพายุใหญ่พัดมา ฟ้าผ่าเสียงดังแผ่นดินจะถล่ม แล้วฝนก็ตกลงมาเป็นห่าใหญ่ เพลิงทั้งนั้นก็ดับไปสิ้น น้ำฝนท่วมขึ้นประมาณศอกหนึ่ง สุมาอี้ก็ร้องขึ้นว่า บุญของเรายังมีอยู่เป็นอันมาก เทพยดาจึงบันดาลให้ฝนตกลงมาช่วยชีวิตเรา แล้วก็พาบุตรทั้งสองออกมาถึงปากทาง พบกับทหารกองหลังที่ตามมาทัน ก็พากันกลับไปค่าย แต่ก็ถูกทหารขงเบ้งยึดไว้ได้แล้ว ต้องถอยต่อไปประมาณสองร้อยเส้น จึงตั้งค่ายขึ้นใหม่ ส่วนกองหน้าซึ่งไปตีค่ายขงเบ้งที่เขากิสาน ครั้นรู้ว่าสุมาอี้เสียค่าย ก็ยกกลับและถูกทหารขงเบ้งตีกระหนาบ ทหารถูกฆ่าตายไปประมาณสิบส่วน เหลืออยู่สักสองส่วนก็พากันหนีไปหาสุมาอี้ที่ค่ายใหม่

ตั้งแต่นั้นสุมาอี้ก็ประกาศแก่ทหารใหญ่น้อยว่า แม้ทหารขงเบ้งยกมาก็อย่าออกไปรบพุ่งด้วยเลย จงรักษาค่ายไว้ให้มั่นคง ถ้าผู้ใดมิฟังจะตัดศรีษะเสีย ดังนั้นแม้ขงเบ้งจะส่งทหารมาท้าทายทุกวันเวลา ทหารสุมาอี้ก็ไม่ออกไปรบด้วย

ต่อมาอีกหลายวันทหารของขงเบ้งก็แบกหีบใบหนึ่ง กับหนังสือฉบับหนึ่งมาให้ สุมาอี้ถึงค่าย เมื่อเปิดหีบออกดูก็เห็นเป็นผ้าซับในกางเกงผู้หญิง ส่วนหนังสือนั้นก็มีข้อความเยาะเย้ยถากถางว่า สุมาอี้เป็นแม่ทัพยกมาจะทำสงคราม แต่กลับนิ่งเงียบอยู่ในค่ายไม่ออกมารบ สมควรจะนุ่งผ้าของผู้หญิง หากรู้สึกอับอายแก่ทหารทั้งปวง ก็จงยกทัพออกมารบกันให้เด็ดขาดลงไป

สุมาอี้แจ้งในหนังสือแล้ว ก็เก็บความโกรธไว้ในใจ ทำเป็นหัวเราะแล้วสรรเสริญขงเบ้งว่ามีสติปัญญา เข้าใจทำการยั่วเย้า เมื่อจัดอาการมาเลี้ยงดูผู้ถือหนังสือแล้วก็ถามว่า

“............ทุกวันนี้ขงเบ้งยกมาทำศึกยังกินนอนปกติอยู่หรือ ประการหนึ่งได้กำชับตรวจตราทแกล้วทหารพร้อมมูลอยู่หรือประการใด...........”

ผู้ถือหนังสือก็บอกว่า

“............แต่มหาอุปราชยกกองทัพมานี้ จะกินอาหารแลสิ่งของก็น้อย นอกนั้นมิได้ปกติด้วยกำชับตรวจตราทแกล้วทหาร ให้รักษาค่ายเป็นการใหญ่อยู่...........”

สุมาอี้จึงว่า

“..........ซึ่งขงเบ้งคิดการศึกดังนี้ ก็มีความทุกข์ใหญ่หลวง เห็นอายุขงเบ้งจะสิ้นเสียแล้ว เราคิดวิตกอยู่ ถ้าหาขงเบ้งไม่แล้ว อันจะทำการสงครามด้วยผู้ใด เห็นจะไม่สู้สนุก.......”

เมื่อผู้ถือหนังสือคำนับลากลับไปแล้ว นายทหารใหญ่น้อยในกองทัพรู้ว่าขงเบ้งมีหนังสือมา เป็นข้อหยาบช้าดังนั้น ก็พากันว่าแก่สุมาอี้ว่า

“...........ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง เหตุไฉนมานิ่งอยู่ ให้ทหารเมือง เสฉวนซึ่งเป็นเมืองน้อยมาดูหมิ่น ว่ากล่าวดังนี้ไม่ควร ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปรบพุ่งเอาชัยชนะแก่ขงเบ้งให้จงได้..........”


สุมาอี้ก็ยืนยันว่าเป็นรับสั่งของพระเจ้าโจยอย ที่ห้ามไม่ให้ยกออกไปรบกับขงเบ้ง ขอให้อดใจไว้อย่าละเมิดรับสั่ง และขงเบ้งก็ไม่ได้ให้ทหารยกออกมาท้าทายอีกเป็นเวลาถึงหกวัน เช่นเดียวกัน สุมาอี้จึงให้แฮหัวป๋าบุตรของแฮหัวเอี๋ยน ยกทหารออกไปท้าทายที่หน้าค่ายขงเบ้ง ในเวลากลางคืนของวันที่หก อุยเอี๋ยนก็ออกมารบด้วย แต่แฮหัวป๋าไม่ได้ต่อสู้ รีบกลับมารายงานสุมาอี้ ว่าทางค่ายขงเบ้งเป็นปกติอยู่

คืนวันต่อมาสุมาอี้ก็ออกมาดูดาวอีก เห็นดาวสำหรับมหาอุปราชเมืองเสฉวนแดงดังแสงโลหิต ตกลงมากลางค่ายขงเบ้งถึงสามครั้ง แล้วกลับขึ้นไปอยู่ที่เก่า แต่รัศมีรุบหรู่มิได้ปกติ สุมาอี้ก็คิดว่าขงเบ้งคงจะตายแล้วเป็นแน่ ก็มีใจยินดีจะยกกองทัพไปตีค่ายขงเบ้ง แต่กลับย้อนคิดว่าเหตุนี้ยังเชื่อเอาเป็นแน่มิได้ก่อน เกลือกขงเบ้งเห็นว่าตนยังมิได้ยกออกไปรบพุ่งเป็นหลายวัน แกล้งทำกลอุบายเอาทหารออกซุ่มไว้นอกค่าย แล้วให้จุดดอกไม้เพลิงทิ้งลงมาแต่ยอดเขากิสาน หวังจะให้ตนเห็นว่าขงเบ้งตายแล้ว จะมีใจกำเริบยกกองทัพไปโจมตี ทหารขงเบ้งจะได้ออกรบสกัดเป็นทัพกระหนาบ สุมาอี้คิดดังนั้นแล้วจึงไม่ยกพลออกไป แต่ให้แฮหัวป๋าคุมทหารประมาณห้าสิบคน ไปสืบดูให้รู้ว่าขงเบ้งตายแล้วหรือยัง แฮหัวป๋าก็คุมทหารไปตามสั่ง

รุ่งเช้าแฮหัวป๋าก็กลับมารายงานว่าบัดนี้ทหารเมืองเสฉวนเลิกทัพกลับไปแล้ว สุมาอี้ก็แน่ใจว่าขงเบ้งเห็นจะตายเป็นมั่นคง จึงจัดทหารแล้วขึ้นม้าพาบุตรทั้งสองยกไปถึงค่ายขงเบ้ง ก็มิได้เห็นผู้ใด จึงคุมทหารเร่งติดตามไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง สุมาอี้ก็แลเห็นทหารขงเบ้งเดินไปข้างหน้าเป็นอันมาก แล้วก็ได้ยินเสียงประทัดและทหารโห่ร้องบนเนินเขาทั้งสองข้างทาง อันทหาร ขงเบ้งซึ่งไปข้างหน้านั้นก็ดาหน้ากลับมา และเห็นตัวขงเบ้งถือพัดโบกอยู่ในเกวียน ธงขาวนั้นจารึกอักษรว่าขงเบ้งเป็นแม่ทัพ สุมาอี้ก็ตกใจว่าขงเบ้งยังไม่ตาย คราวนี้ต้องกลอุบายของขงเบ้งอีกแล้ว จึงสั่งถอย ทัพกลับมาค่ายของตน

อีกสองสามวันต่อมาชาวบ้านนอกจึงมาบอกกับสุมาอี้ว่า กองทัพเมืองเสฉวนนั้น เมื่อยกกลับไปได้ยินเสียงร้องไห้อื้ออึง อันเกวียนที่ปักธงขาวนั้นก็เป็นหุ่นขงเบ้ง ทำปลอมไว้หลอกทหารของสุมาอี้ ตัวจริงนั้นตายไปแล้ว สุมาอี้ก็ดีใจรีบยกกองทัพตามไปแต่ก็ไม่ทัน จึงพากันกลับมาค่าย สุมาอี้ก็บอกแก่ทหารทั้งปวงว่า ซึ่งขงเบ้งตายเสียบัดนี้ บรรดาเราท่านจะได้นั่งเป็นสุข จะได้นอนตาหลับกันเสียที แล้วก็ยกกองทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง

##########



Create Date : 19 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2559 8:07:56 น. 4 comments
Counter : 711 Pageviews.

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ยอมรับว่าผมเคยอ่านสามาก๊กแต่อ่านไม่จบครับ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะชื่อตัวละครที่จำยากมากอีกทั้งตัวละครมีเยอะมากเกินด้วย ผมเลยท้ออ่านไม่จบครับ

ส่วนสุมาอี้จำได้ว่าเคยได้ยินชื่อบ่อย รู้จักว่าอยู่ในเรื่องสามก๊ก แต่ไม่รู้จักตัวละครนี้เลยครับ พอมาอ่านในบล็อกนี้แล้วก็พอทราบได้ว่าสุมาอี้เป็นตัวละครอย่างไรครับ

โหวตให้สุมาอี้ครับ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
The Kop Civil Travel Blog ดู Blog
เจียวต้าย Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 19 พฤศจิกายน 2559 เวลา:13:09:42 น.  

 
สุมาอี้ นี้นักเขียนท่านอื่นเรียกว่า ผู้ปราบขงเบ้งครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 19 พฤศจิกายน 2559 เวลา:13:38:39 น.  

 
จนป่านนี้หนูยังไม่ได้หยิบสามก๊กมาอ่านจริงจังเลยค่ะคุณลุง


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
เจียวต้าย Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


***หนูมีโจทย์ที่อยากทำหลายอย่างค่ะ เหมือนท้าทายตัวเองว่า เราจะทำได้มั้ย รอบนี้เลยดีใจว่า ได้ทำ และทำได้ค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2559 เวลา:19:55:00 น.  

 
คุณหนูทำดีอยู่แล้วครับ ทั้งงานบ้าน ดูแลครอบครัว และทำสิ่งที่คนรัก

สำเร็จเรียบร้อยดีหมดทุกอย่างวครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 20 พฤศจิกายน 2559 เวลา:4:38:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.