Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้พิชิตสามก๊ก (๒)



สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พิชิตสามก๊ก

ตอนที่ ๒ ศึกแรกที่เขากิสาน

เล่าเซี่ยงชุน

ฝ่ายสุมาอี้อยู่ที่เมืองอ้วนเซีย กับบุตรชายสองคนคือสุมาสู กับสุมาเจียว ทั้งสองมีสติปัญญาหลักแหลม สุมาอี้ได้สั่งสอนให้ชำนาญในกระบวนสงครามมาแต่น้อย เมื่อสุมาอี้รู้ว่า พระเจ้าโจยอยแต่งกองทัพออกไปทำศึกกับขงเบ้ง เสียทีเป็นหลายครั้ง ก็เสียใจทอดใจใหญ่

สุมาสูถามว่าบิดาวิตกด้วยสิ่งใด สุมาอี้ก็ว่าเจ้าเป็นเด็กถึงบิดาบอกก็จะรู้อันใด สุมาสูจึงว่า

“..........ซึ่งวิตกของบิดานั้น ข้าพเจ้าแจ้งอยู่แล้ว เพราะพระเจ้าโจยอยละเมินเราเสีย ข้าศึกจึงล่วงดูหมิ่นเข้ามาได้ถึงเพียงนี้.........”

สุมาเจียวได้ฟังพี่ชายว่าดังนั้น ก็หัวเราะบอกว่าอีกไม่ช้าเห็นจะมีหนังสือรับสั่งของพระเจ้าโจยอยมาถึงเป็นแน่ ขณะนั้นทหารก็เข้ามาบอกสุมาอี้ว่า พระเจ้าโจยอยให้หนังสือมาถึง สุมาอี้ก็ดีใจคำนับกราบลงที่ต่ำ แล้วให้เชิญหนังสือรับสั่งเข้ามาอ่าน มีใจความว่า แต่งตั้งให้สุมาอี้เป็นขุนนางเหมือนแต่ก่อน แล้วให้จัดทหารยกไปเขากิสาน บรรจบกับทัพหลวงที่เมืองเตียงฮัน เมื่อทราบความแล้วก็รีบจัดแจงตามรับสั่ง

เมื่อเตรียมจะยกทหารไปเมืองเตียงฮัน ทหารคนสนิทของ ซินหงีเจ้าเมืองกิมเสีย ก็เข้ามาบอกความลับว่า

“...........บัดนี้เบ้งตัดซึ่งอยู่ที่เมืองซงหยง คิดขบถจะไปเข้าด้วยขงเบ้ง เตงเหียนผู้หลานกับลิจูคนสนิท จึงมาบอกแก่ซินหงี ซินหงีจึงให้ข้าพเจ้ารีบมาบอกท่าน........”

เบ้งตัดนั้นเดิมเป็นนายทหารของเล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน เมื่อเล่าปี่ได้ครอบครองเมืองเสฉวน เบ้งตัดก็เป็นนายทหารของเล่าปี่ อยู่ที่เมืองซงหยง ครั้งที่กวนอูถูกทหารของซุนกวนล้อมอยู่ที่เมืองเป๊กเสีย ได้ส่งคนมาขอให้เบ้งตัดยกไปช่วย เบ้งตัดไม่ยอมช่วย เมื่อกวนอูถูกจับไปประหารชีวิตแล้ว เบ้งตัดกลัวความผิดจึงหนีไปอยู่กับพระเจ้าโจผี และได้เป็นเจ้าเมืองซินเสีย กับ ว่าราชการเมืองยังหยงและอ้วนเซียด้วย จนมาถึงรัชสมัยพระเจ้าโจยอยจึงได้กลับไปเป็นเจ้าเมืองซงหยงอีก

สุมาอี้ได้แจ้งดังนั้นแล้วก็ว่า

“...........แม้ขงเบ้งกับเบ้งตัดคิดกันเข้าแล้ว เบ้งตัดก็จะรับอาสาไปตีเมืองลกเอี๋ยง ขงเบ้งจะเข้าตีเอาเมืองเตียงฮัน ก็จะสำเร็จโดยง่าย หากว่าบุญพระเจ้าโจยอยยังมากอยู่ จึงเผอิญให้พระเจ้าโจยอยกลับนับถือตั้งเราเป็นขุนนางดังเก่า แล้วให้รู้เนื้อความนี้ เราจะนิ่งเสียบัดนี้ก็ไม่ชอบ จำจะคิดอ่านไปจับตัวเบ้งตัด ตัดความคิดขงเบ้งเสียก่อน..........”

สุมาสูก็เตือนว่า เบ้งตัดเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ บิดาน่าจะบอกหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าโจยอยให้ทราบก่อน แต่สุมาอี้แย้งว่าอันการขบถนั้นจะนิ่งอยู่ช้ามิได้ ข้าศึกจะมีกำลังมากขึ้น เราต้องคิดอ่านยกกองทัพไปจับตัวเบ้งตัดให้ได้แล้ว จึงมากราบทูลฮ่องเต้ต่อภายหลัง จึงจะชอบ

แล้วสุมาอี้ก็ให้คนถือหนังสือล่วงหน้าไปให้เบ้งตัด จัดแจงเตรียมเสบียงอาหารไว้ให้พร้อม จะได้ยกทัพไปบรรจบพร้อมกันที่เมืองเตียงฮัน เพื่อทำศึกกับขงเบ้ง เบ้งตัดก็เข้าใจว่าสุมาอี้ไม่รู้ว่าตนเปลี่ยนใจแล้ว

สุมาอี้ก็ยกทหารออกจากเมืองอ้วนเซีย พอเดินทางไปได้สองวันก็พบกับซิหลงนายทหารเอกเก่าสมัยโจโฉ คุมทหารมาแจ้งแก่สุมาอี้ว่า

“...........บัดนี้พระเจ้าโจยอยจัดแจงทหารจะยกไปเมืองเตียงฮัน เห็นท่านช้าอยู่จึงให้ข้าพเจ้ามาตามให้รีบยกกองทัพไป............”

สุมาอี้จึงบอกว่าบัดนี้เบ้งตัดเป็นขบถ ตนจะรีบไปจัดการเสียก่อน แล้วเล่าเนื้อความทั้งปวงให้ซิหลงฟัง ซิหลงก็เห็นด้วย สุมาอี้จึงให้ซิหลงเป็นกองหน้า ให้บุตรชายสองคนเป็นกองหลัง รีบยกทหารไปเมืองซงหยง ไปถึงกลางทางพบทหารของเบ้งตัดมีพิรุธ สุมาอี้จึงจับตัวมาสอบสวน ก็ได้ความโดยละเอียดว่า

ขงเบ้งมีหนังสือเตือนเบ้งตัด ให้ระวังตัวเพราะได้ข่าวว่าโจยอยตั้งสุมาอี้เป็นแม่ทัพ ถ้ารู้ความว่าเบ้งตัดจะไปตีเมืองลกเอี๋ยง ก็จะยกมารบเบ้งตัดเสียก่อน แต่เบ้งตัดไม่เชื่อขงเบ้ง อ้างว่าระยะทางจากเมืองอ้วนเซียกับเมืองซงหยงไกลกันมาก กว่าจะยกมาก็เป็นเดือน แต่ถึงจะยกมาก็จะรบเอาชัยชนะได้

สุมาอี้แจ้งเรื่องละเอียดแล้วก็รีบเดินทางต่อไป ให้ถึงเมืองซงหยงก่อนที่เบ้งตัดจะรู้ตัว เมื่อถึงเมืองซงหยงนั้นเบ้งตัดได้ชักชวนซินหงีเจ้าเมืองกิมเสีย กับซินต๋ำเจ้าเมืองซินเสียเข้าเป็นพวกด้วย และเตรียมตั้งรับกองทัพของสุมาอี้อย่างข้มแข็ง ซิหลงนำกองหน้าไปถึงกำแพงเมือง เห็นเบ้งตัดยืนอยู่บนเชิงเทิน ก็ร้องด่าออกไปเบ้งตัดก็โกรธให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมา ถูกหน้าผากซิหลง เจ็บปวดสาหัส ทหารก็เข้าประคองนายพากันถอย เบ้งตัดจึงเปิดประตูเมืองยกทหารออกไปไล่ตีซ้ำเติม พอดีสุมาอี้ยกมาถึงเบ้งตัดจึงกลับเข้าไปตั้งมั่นในเมืองดังเก่า สุมาอี้ก็ให้ทหารล้อมเมืองไว้ก่อน แต่ซิหลงทนพิษเกาทัณฑ์ไม่ไหวก็ถึงแก่ความตายไป

วันต่อมาเบ้งตัดขึ้นไปบนเชิงเทิน เห็นทหารของสุมาอี้ล้อมเมืองไว้มั่นคงก็วิตกหนักไม่รู้ที่จะแก็ไขประการใด พอดีซินหงีกับซินต๋ำที่ชักชวนไว้เดินทางมาถึง เบ้งตัดก็ดีใจรีบเปิดประตูเมืองออกไปรับ แต่ทั้งสองนายกลับเข้าเป็นพวกสุมาอี้ และควบม้าเข้ามาจะจับตัว เบ้งตัดก็กลับม้าจะหนีเข้าเมือง เตงเหียนกับลิจูที่อยู่บนเชิงเทินก็ยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ เบ้งตัดก็จะพาทหารแหกวงล้อมออกไป แต่ซินต๋ำไล่มาทันจึงเอาทวนแทงตกม้าตาย และตัดศรีษะเอามาให้สุมาอี้

สุมาอี้ก็เข้าเมืองซงหยงได้ เมื่อเกลี้ยกล่อมราษฎรชาวเมืองให้อยู่กินเป็นปกติแล้ว ก็ให้เอาศรีษะเบ้งตัดส่งไปถวายพระเจ้าโจยอย ฮ่องเต้ก็แต่งตั้งให้ซินหงีกับซินต๋ำเป็นขุนนางผู้ใหญ่ และให้ไปในกองทัพสุมาอี้ด้วย ส่วนเตงเหียนให้เป็นเจ้าเมืองซงหยง ลิจูเป็นเจ้าเมืองซินเสีย

แล้วพระเจ้าโจยอยก็ยกกองทัพหลวงจากเมืองลกเอี๋ยงไปตั้งที่เมืองเตียงฮัน พอ สุมาอี้ยกทัพมาถึงก็เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ในเมือง พระเจ้าโจยอยก็มีความยินดีตรัสกับสุมาอี้ว่า

“..............ท่านอย่าน้อยใจเราเลย ซึ่งเราคิดผิดเบาความแพ้กลอุบายขงเบ้งนั้น เราขออภัยเสียเถิด ครั้งนี้เบ้งตัดคิดขบถ หากว่าท่านรู้หาไม่เมืองก็จะเป็นอันตราย.........”

สุมาอี้ก็ทูลว่า

“..........เมื่อซินหงีให้ทหารไปบอกข้าพเจ้า ว่าเบ้งตัดคิดขบถนั้น ข้าพเจ้าคิดอยู่ว่าเบ้งตัดเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จะบอกหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระองค์ ให้มีหนังสือลงมาก่อนก็กลัวจะช้าไป ซึ่งข้าพเจ้าทำการละเมิดนอกรับสั่ง โทษข้าพเจ้าก็ผิดอยู่ตามแต่พระองค์จะโปรด............”

แล้วก็ทูลถึงเรื่องที่จับการติดต่อชองขงเบ้งกับเบ้งตัดได้ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“...........ท่านนี้มีสติปัญญาหลักแหลม หาผู้เสมอมิได้ แต่นี้ไปเมื่อหน้า ถ้าผู้ใดทำความผิดโทษถึงตายแล้ว ก็ให้ฆ่าเสียเถิดอย่าบอกเราให้รู้เลย.........”

แล้วก็พระราชทานเครื่องยศให้สุมาอี้ เป็นแม่ทัพยกไปรบพุ่งกับขงเบ้ง สุมาอี้ก็ขอตัวเตียวคับทหารเอกสมัยโจโฉไปด้วย สุมาอี้ก็ยกกองทัพยี่สิบหมื่นไปที่เขากิสาน ตั้งค่ายมั่นคงอยู่ พระเจ้าโจยอยก็ให้ซินผีกับซุนแล้ คุมทหารอีกกองหนึ่งยกไปช่วยโจจิ๋นที่เมืองไปเซีย อีกทางหนึ่ง

สุมาอี้คิดวางกลอุบายที่จะเอาชนะขงเบ้งแล้ว ก็ให้คนถือหนังสือไปหาโจจิ๋น ให้ระวังป้องกันเมืองไว้ให้ดี ตนจะยกเข้าตีทัพขงเบ้งทางตำบลเกเต๋ง แล้วก็กำชับเตียวคับว่า

“..........เราคิดกลอุบายทั้งปวง ถึงเห็นชอบด้วยกันก็ดี แต่ทว่าอย่าประมาท อัน ขงเบ้งนั้นจะเหมือนเบ้งตัดนั้นหามิได้ ตัวท่านเป็นกองหน้าจะยกทหารเดินทัพไปอย่าดูเบา จงแต่งกองสอดแนมไปดูลู่ทางทั้งปวงก่อน แม้มิได้เห็นผู้คนซ้ายขวาจึงยกไป ถ้ามิได้ตรวจตราซับซาบดูให้ถ้วนถี่ เห็นว่าได้ทีแล้วจะรีบยกไปนั้น ก็จะต้องกลของขงเบ้งโดยไม่ทันรู้ตัว.........”

เตียวคับก็รับคำเป็นอันดี แล้วก็คำนับลายกกองหน้าไปตามแผน แล้วสุมาอี้ก็ใช้ให้สุมาเจียวบุตรคนรอง คุมทหารไปสอดแนมดูท่าทีของข้าศึกที่เกเต๋งแล้วให้กลับมาบอกก่อน สุมาเจียวก็กลับมาบอกว่า เห็นทหารขงเบ้งไปตั้งอยู่บนเขา สุมาอี้ได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี รีบแต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าคุมทหารประมาณร้อยเศษ ไปดูลู่ทางโดยรอบเขาที่เกเต๋งนั้นแล้วก็ได้ความว่า ผู้ที่ขงเบ้งให้มาคุมเส้นทางที่ตำบลเกเต๋งนี้คือ ม้าเจ๊กน้องม้าเหลียง และมีอองเป๋งตั้งค่ายอยู่ไกลภูเขาออกไปประมาณร้อยเส้น สุมาอี้กลับมาแล้วก็บอกกับทหารว่า

“.........ม้าเจ๊กคนนี้ปรากฏก็แต่ชื่อ เป็นคนหาปัญญาไม่ ขงเบ้งใช้คนโฉดเขลาฉะนี้จะเสียการเป็นมั่นคง..........”

แล้วสุมาอี้ก็ให้เตียวคับยกทหารไปตั้งสกัดทาง มิให้อองเป๋งยกมาช่วยม้าเจ๊กได้ และให้ซินต๋ำกับซินหงียกทหารไปปิดทางที่ทหารของม้าเจ๊กจะลงมาตักน้ำกินเสีย แล้วสุมาอี้ก็ยกทหารทั้งหมดตั้งล้อมเขาไว้ในตอนรุ่งเช้า

ม้าเจ๊กเห็นสุมาอี้ยกทหารมาล้อมไว้ ก็โบกธงสัญญาณให้ทหารทั้งปวงลงมาตีทหารสุมาอี้ แต่ทหารม้าเจ๊กเห็นทหารที่ล้อมอยู่มีจำนวนมากกว่าก็รวนเร ม้าเจ๊กเห็นทหารทั้งปวงย่อท้อต่อข้าศึก จึงจับนายกองสองคนฆ่าเสีย ทหารก็กลัวแม่ทัพ จึงลงจากยอดเขาเข้ารบพุ่งกับทหาร สุมาอี้เป็นสามารถ แต่ไม่อาจเอาชนะได้ ต้องถอยกลับขึ้นไป ม้าเจ๊กก็เสียใจจึงตั้งมั่นไว้รอให้พวกของตนมาช่วย แต่อองเป๋งจะยกมาช่วยม้าเจ๊กก็ถูกทหารของเตียวคับยันไว้ ต่างรบพุ่งกันอย่างหนัก ก็ไม่สามารถฝ่าไปได้ ทหารของม้าเจ๊กอดน้ำลงมาตักมิได้ก็ระส่ำระสายหนัก ที่หนีลงมาอ่อนน้อมต่อ สุมาอี้ ก็มาก ที่เหลืออยู่สุมาอี้ก็สั่งให้จุดไฟเผาล้อมขึ้นไป ทหารของม้าเจ๊กก็แตกตื่นอลหม่าน

ม้าเจ๊กเห็นจะเสียทีอยู่ต้านทานมิได้ ก็พาทหารตีหักลงมา สุมาอี้ก็เปิดช่องให้ม้าเจ๊กออกไปเจอกับเตียวคับ แต่พอดีอุยเอี๋ยนทหารเอกของขงเบ้งมาช่วยทัน เข้ารบพุ่งกับเตียวคับเป็นสองต่อหนึ่ง เตียวคับต้องถอยหนี อุยเอี๋ยนได้ทีก็ตามรบกระชั้นชิดจะชิงเอาตำบลเกเต๋งคืน แต่ตามมาประมาณห้าสิบเส้น สุมาอี้กับสุมาเจียวพ่อลูกก็นำทหารเข้าโอบล้อมไว้ ทั้งหมดจึงรบพุ่งฆ่าฟันตะลุมบอนกันอลหม่าน อองเป๋งก็ยกทหารเข้ามาช่วยอุยเอี๋ยนกับม้าเจ๊กอีก ฝ่ายสุมาอี้จึงต้องถอยบ้าง แต่กลับมาถึงค่ายของอองเป๋ง ก็เจอกับซินหงีและซินต๋ำยึดค่ายไว้ได้แล้ว และตีโต้จนฝ่ายขงเบ้งต้องถอยไปตั้งหลักที่เมืองหลิวเซีย

สุมาอี้ยึดตำบลเกเต๋งได้แล้ว ก็ตามไปตีเมืองหลิวเซียได้อีก และให้ซินต๋ำกับ ซินหงี รักษาเมืองหลิวเซียไว้ ตนเองจะนำทัพผ่านเมืองเสเสียไปตีขงเบ้งที่ตำบลจำก๊ก หมายจะชิงเสบียงที่เมืองเสเสีย และตีเมืองลำอั๋นเมืองเทียนซุยซึ่งเป็นเส้นทางร่วมตลอดถึงกันด้วย

แต่การภายหน้าจะเป็นผลสำเร็จ เหมือนอย่างที่เกเต๋งหรือไม่ ก็ตองรอดูกันต่อไป.

#############



Create Date : 14 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2559 11:22:29 น. 0 comments
Counter : 464 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.