Group Blog
 
All Blogs
 
ผู้พิชิตสามก๊ก (๔)

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พิชิตสามก๊ก

ตอนที่ ๔ ความขัดแย้งของแม่ทัพ

เล่าเซี่ยงชุน

หลังจากที่กองทัพของจ๊กก๊กได้ถอยไปเป็นครั้งที่สามแล้ว รุ่งขึ้นปีใหม่ โจจิ๋นก็คิดจะแก้ตัวบ้าง จึงกราบทูลพระเจ้าโจยอยว่า

“.............กองทัพเมืองเสฉวนยกมากระทำย่ำยีถึงขอบขัณฑสีมาเนือง ๆ กองทัพเมืองลกเอี๋ยงนี้ก็เสียทีเป็นหลายครั้ง ทหารเมืองเสฉวนนั้นก็กำเริบใหญ่หลวงนัก จะนิ่งอยู่บัดนี้มิได้ นานไปกองทัพเมืองเสฉวนก็จะทำอันตราย ให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนอีก แลเทศกาลนี้ก็เป็นคิมหันตฤดูแล้ว ข้าพเจ้าจะขอยกทัพไปกับสุมาอี้ ตีเอาเมืองเสฉวนแลเมืองฮันต๋งให้จงได้ กำจัดศัตรูเสียอย่าให้มีภัยมาถึงเมืองเรา...........”

พระเจ้าโจยอยก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงให้โจจิ๋นเป็นแม่ทัพฝ่ายขวา สุมาอี้เป็นฝ่ายซ้าย เล่าฮวนเป็นที่ปรึกษา ยกพลทหารสิบสี่หมื่นไปทางด่านเกียมโก๊ะ มุ่งไปตีเมืองฮันต๋ง เมื่อมาถึงตำบลตันฉอง ก็ไม่เห็นมีผู้คนเหย้าเรือนเหลืออยู่ สืบถามจากชาวบ้านได้ความว่า เมื่อกองทัพเมืองเสฉวนถอยผ่านมาคราวก่อน ได้เผาทำลายเสียสิ้น โจจิ๋นก็จะให้รีบเดินทัพต่อไป แต่สุมาอี้แย้งว่า

“............อันจะยกกองทัพล่วงไปนั้นยังมิได้ ด้วยเวลาคืนนี้เราเห็นดาวฤกษ์รัศมีมัวอยู่ ในเดือนนี้จะมีฝนห่าใหญ่ จะยกไปนั้นทแกล้วทหารทั้งปวงจะลำบากมากนัก ขอให้ท่านยกกองทัพตั้งอยู่ที่นี่ก่อน เมื่อพ้นเทศกาลฝนแล้วจึงค่อยยกไป.........”

โจจิ๋นเห็นชอบด้วยจึงยั้งกองทัพไว้ อยู่มาประมาณสิบวันฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ติดต่อกันถึงสามสิบวัน น้ำฝนสูงประมาณสามศอกท่วมเสบียงอาหารเสียสิ้น ทหารทั้งปวงมิรู้ที่จะนั่งนอนแห่งใด ได้ความลำบากยิ่งนัก ความทราบไปถึงพระเจ้าโจยอย จึงมีรับสั่งให้เลิกทัพกลับมา แม่ทัพทั้งสองก็ถอนทหารเดินทางกลับ แต่ค่อยเลื่อนทหารมาเป็นปกติมิได้รีบรัดโดยเร็ว ด้วยเกรงขงเบ้งจะส่งทหารตามโจมตี แต่ก็ไม่มีทหารข้าศึกตามมาแต่อย่างใด โจจิ๋นจึงว่าแก่สุมาอี้ว่า

“...........เราจะเดินกองทัพรออยู่ฉะนี้ ทแกล้วทหารทั้งปวงจะลำบากนัก กองทัพขงเบ้งก็มิได้ติดตามแล้ว เราจงยกทหารรีบไปเถิด...........”

สุมาอี้จึงว่า

“...........ซึ่งขงเบ้งมิได้ยกกองทัพตามเราฉะนี้ เพราะเหตุว่ากลัวเราจะซุ่มทหารไว้ จึงปล่อยให้เรามาโดยสะดวก แลกองทัพลาดมาก็ได้หลายวันแล้วก็มิตาม เห็นขงเบ้งจะยกทหารมาตั้งที่เขากิสาน.........”

โจจิ๋นก็ไม่เห็นด้วย สุมาอี้ก็ว่า

“...........ท่านมิเชื่อก็ขอให้แยกกองทัพไปคนละทางเถิด ท่านจงไปรักษาจำก๊กด้านตะวันตก ข้าพเจ้าจะไปรักษากิก๊กทิศตะวันออก ถ้าในสิบวันกองทัพขงเบ้งไม่ยกมา ข้าพเจ้าจะไปคำนับท่านถึงค่าย ขอให้ท่านเอาแป้งทาหน้าข้าพเจ้าเสีย แล้วเอาเสื้อผู้หญิงใส่ประจานให้ได้อายแก่ทหารทั้งปวงเถิด...........”

โจจิ๋นจึงว่า

“..........ถ้าขงเบ้งยกทหารมาเหมือนปากท่านว่า เราจะเอาปั้นเหน่งหยก กับม้าดีที่พระเจ้าโจยอยประทานเรานั้น ให้แก่ท่าน...........”

สองแม่ทัพให้สัญญากันแล้ว ต่างคนต่างก็ยกทหารแยกกันไป ครั้นถึงตำบลกิก๊กแล้ว สุมาอี้ก็ปลอมตัวเป็นพลทหาร เที่ยวตรวจค่าย ก็ได้ยินทหารบ่นกันว่า ฝนตกถึงสามสิบวันได้ความลำบากหนักหนา แล้วมิหนำซ้ำมาตั้งอยู่ที่นี่ให้ได้ยากอีกเล่า เหมือนมานั่งคอยท่าหาความทุกข์ใส่ตัว น่าจะกลับไปบ้านเมืองให้เห็นหน้าบุตรภรรยา จะมิดีกว่าหรือ

สุมาอี้จึงกลับมาเรียกประชุมนายทัพนายกอง แล้วเอาตัวทหารที่เจรจามิชอบนั้นมาตัดสินว่า

“.........เรามาทำการทั้งนี้ใช่จะปรารถนาเอาความสุขแต่ตัวหามิได้ คิดจะให้เป็นความสุขแก่บุตรภรรยาท่านทั้งปวง เหตุใดมาเจรจาฉะนี้ มิได้มีความภักดีต่อเจ้า กินเบี้ยหวัดมาร้อยวันพันวัน จะเอาการแต่วันเดียวก็มิได้ ซึ่งจะเอาไว้ในกองทัพนี้มิได้ นานไปจะกลับเป็นศัตรู........”

แล้วสั่งให้เอาไปประหารชีวิตเสียในบัดนั้นเอง ทหารทั้งปวงก็ตกใจ สุมาอี้ก็ว่า

“...............ท่านทั้งปวงอย่าตกใจ อุตส่าห์ทำการสนองคุณเจ้าเถิด ถ้าได้ยินเสียงประทัดใหญ่ จุดขึ้นในกลางค่ายเมื่อใด ก็เร่งรบพุ่งข้าศึกจงสามารถ อย่าได้กลัวแก่ความตาย.........”

เหล่าทหารทั้งหลายเห็นอาญาสิทธิ์เด็ดขาดของแม่ทัพดังนั้น ก็พากันสงบปากคำ ต่างรักษาหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็ง

อยู่มาอีกไม่กี่วันสุมาอี้ก็ได้รับแจ้งข่าวว่า ทหารเมืองเสฉวนลอบเข้าตีค่ายโจจิ๋นแตก ก็รีบยกทหารไปช่วยสวนทางกับโจจิ๋น ที่หนีมากับทหารเพียงห้าสิบคน สุมาอี้จึงรับตัวเข้ามาอยู่ในค่ายกิก๊ก โจจิ๋นก็มีความอัปยศต่อสุมาอี้เป็นอันมาก มิรู้ที่จะเอาหน้าไว้แห่งใดเลย แต่สุมาอี้ก็มิได้ว่าซ้ำเติมแต่ประการใด คงปรึกษาการศึกสงครามเป็นปกติ เมื่อรู้ว่ากองทัพขงเบ้งได้ยึดตำบล กิสานได้แล้ว จึงยกกองทัพของตนไปตั้งรับที่แม่น้ำอุยโห

แต่โจจิ๋นนั้นมีแต่ทุกข์ตรอมใจจนป่วยไข้ลง อาการก็หนัก สุมาอี้อยากจะยกทัพกลับ ก็กลัวทหารทั้งปวงจะสะดุ้งสะเทือน จึงตั้งรั้งรออยู่ จนวันหนึ่งทหารของโจจิ๋นที่ตกเป็นเชลย ขงเบ้ง ก็นำหนังสือฉบับหนึ่งมาให้โจจิ๋นซึ่งกำลังป่วยหนัก เป็นหนังสือของขงเบ้งเขียนมาเยาะเย้ยซ้ำเติม ที่โจจิ๋นพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โจจิ๋นก็โกรธนักโรคกำเริบจนถึงแก่ความตายในกลางคืนนั้นเอง

สุมาอี้ก็เอาศพโจจิ๋นใส่เกวียนและมีหนังสือบอก ส่งขึ้นไปให้เมืองหลวง ฮ่องเต้ก็ให้แต่งการศพโดยสมควรแก่ประเพณีขุนนางผู้ใหญ่ แล้วมีหนังสือไปถึงสุมาอี้ ให้เร่งทำการรบพุ่งเอาชัยชนะแก่ขงเบ้งให้จงได้ สุมาอี้จึงมีหนังสือท้าขงเบ้งให้ยกพลออกมารบกัน

รุ่งขึ้นสุมาอี้ก็ยกพลออกจากค่ายริมแม่น้ำอุยโห มาตั้งที่กลางทุ่ง เห็นขงเบ้งถือพัดขนนกขี่เกวียนน้อยแต่งตัวโอ่โถง มาท่ามกลางทหาร ก็ขับม้าขึ้นไปข้างหน้าร้องถามว่า

“............เจ้าเราได้เสวยราชย์ในเมืองหลวงมาสองชั่วพระองค์แล้ว ก็มิได้ไปทำร้ายแก่เมืองเสฉวนแลเมืองฮันต๋ง ละให้ตั้งอยู่เป็นสุขมาช้านาน เพราะว่ามีความเอ็นดูกรุณาแก่ราษฎร มิให้ได้ความเดือดร้อน แลตัวขงเบ้งนี้เป็นชาวบ้านนอก อยู่ในแว่นแคว้นแดนเมืองลำหยง ควรหรือจะมาขืนแข่งให้เกินชาติภูมิของตัว บังอาจยกทหารล่วงเข้ามาย่ำยีถึงแดนเมืองเราเป็นหลายครั้ง มิบังควรนัก ให้ท่านเร่งคิดห้ามใจอย่าได้กำเริบ จงยกพลทหารกลับไปรักษาบ้านเมืองตามประเพณีจะดีกว่า แม้มิกลับไปจะขืนล่วงเข้ามาย่ำยีขอบขัณฑสีมาให้ได้ ชีวิตท่านก็จะมิได้คืนไปเมือง ด้วยฝีมือทหารของเรา........”

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วจึงว่า

“............ตัวเราเป็นข้าพระเจ้าเล่าปี่ พระเจ้าเล่าปี่พระราชทานเบี้ยหวัดผ้าปี ชุบเลี้ยงเรามาก็ช้านาน แลเมื่อพระองค์ประชวรจะสิ้นพระชนม์นั้น ได้ตรัสสั่งไว้แก่เราว่า ให้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินของพระเจ้าเหี้ยนเต้ผู้มีคุณสืบไป ตัวเราก็ได้รับคำไว้เป็นข้อใหญ่ ควรหรือจะมานอนนิ่งเสีย มิได้คิดอ่านทำการกำจัดสัตรูแผ่นดิน ดังคนหากตัญญูมิได้ ตัวท่านนี้บิดามารดาก็เป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้มาก่อน ควรที่จะเจ็บร้อนด้วยเจ้า กลับมาเข้าด้วยอ้ายศัตรูแผ่นดินนี้หาควรไม่..........”

สุมาอี้ก็ไม่ตอบโต้ประการใด แล้วทั้งสองก็รบกันด้วยกลพยุหะ ตามตำรับพิชัยสงคราม แต่กลของสุมาอี้ก็พ่ายแพ้แก่ขงเบ้ง ถึงขั้นถูกสบประมาทว่า ให้ไปศึกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ที่ดีกว่านี้เสียก่อน จึงค่อยกลับมาสู้ใหม่ สุมาอี้ก็ออกปากว่า แม้ตนมิเอาชัยชนะได้ในครั้งนี้ ที่ไหนจะมีหน้ากลับไปเมืองลกเอี๋ยงได้ และปลอบใจทแกล้วทหารทั้งปวง ให้อุตส่าห์ช่วยกันเอาชัยชนะ แก่ขงเบ้งให้จงได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จต้องยกพลข้ามฟากไปทางทิศตะวันตกของแม่น้ำ ตั้งค่ายมั่นคงลงแล้วก็มิได้ออกมารบพุ่งอีกเลย

หลายวันต่อมาในเวลากลางคืน ทหารก็เข้ามาบอกสุมาอี้ว่ามีทหารข้าศึกขอเข้ามาหา จึงให้พาตัวเข้ามาข้างใน สอบถามได้ความว่า ทหารผู้นั้นชื่อกิอั๋น เป็นผู้คุมเสบียงมาส่งกองทัพขงเบ้งทุกสิบวัน ครั้งหลังนี้ตนมัวกินเหล้าเพลินไม่ได้เร่งรัดจัดส่งเสบียงให้ทันตามกำหนด ขงเบ้งโกรธจึงสั่งทหารให้เอาตัวไปประหารเสีย แต่มีผู้ใหญ่ขอโทษไว้ จึงถูกเฆี่ยนถึงแปดสิบที ได้รับความเจ็บปวดนัก จึงหนีมากับบ่าวสองคน ขออ่อนน้อมต่อสุมาอี้ สุดแต่จะใช้สอย

สุมาอี้ก็ว่าอันขงเบ้งนั้นมีกลอุบายมาก ตนยังไม่ยอมเชื่อก่อน ถ้าทำการให้เห็นสักสิ่งหนึ่งจึงจะเชื่อ กิอั๋นก็ว่าจะให้ทำประการใดก็จะทำให้เห็นความสัตย์จริง สุมาอี้จึงว่า

“.........ถ้าฉะนั้นท่านจงรีบกลับไปเมืองเสฉวน ไปเล่าแก่คนทั้งปวงให้ปรากฏไปว่า ขงเบ้งคิดขบถจะจับพระเจ้าเล่าเสี้ยนฆ่าเสีย จะชิงเอาราชสมบัติตั้งตัวเป็นใหญ่ ถ้ามีผู้เลื่องลือเอิกเกริกรู้ไปถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยน ก็จะไม่ไว้ใจขงเบ้ง ดีร้ายจะมีตราให้หากองทัพเลิกกลับไป ถ้าท่านทำได้ฉะนี้ เราจะทูลพระเจ้าโจยอยตามความชอบ............”

กิอั๋นก็รีบคำนับลากลับไปเมืองเสฉวน สุมาอี้ก็ตั้งใจคอยกิอั๋น ว่าจะทำได้ตามที่พูดหรือไม่ จนกระทั่งม้าใช้มาบอกว่ากองทัพเมืองเสฉวนเลิกไปแล้ว สุมาอี้ก็ยังมิเชื่อจึงให้คนไปติดตามดูก็ได้รับรายงานว่า กองทัพเมืองเสฉวนยกไปถึงตำบลใด ก็มีเตาหุงข้าวมากขึ้นทุกระยะทาง สุมาอี้จึงว่าแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า

“............ทหารขงเบ้งยกตามหนุนมาทุกวันมิได้ขาด แต่ทว่าเห็นเราตั้งมั่นอยู่จะทำมิสะดวก ซึ่งล่าไปบัดนี้ เห็นจะวางทหารซุ่มไว้ ถ้าเราเบาความมิได้หนักหน่วงก็จะต้องด้วยกล ขงเบ้ง..........”

สุมาอี้รั้งรออยู่สองสามวัน จนมีชาวบ้านมาบอกว่า ขงเบ้งล่าทัพไปแล้วแต่แกล้งทำเตาหุงข้าวทิ้งไว้ให้เห็นว่าทหารมากดอก สุมาอี้ก็ทอดใจใหญ่แล้วรำพึงว่าขงเบ้งทำกลลวงเราครั้งนี้มิรู้ทันเลย ตัวเรามีปัญญาน้อย ซึ่งจะทำศึกไปเบื้องหน้านั้น ยากที่จะประมาณกลศึกขงเบ้งได้ แล้ว สุมาอี้ก็ยกทหารกลับเมืองลกเอี๋ยง


###########



Create Date : 15 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2559 12:18:01 น. 0 comments
Counter : 370 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.