DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
All Blogs
 

สาวเอฟเอชเอ็มถูกยิงขมับ-ท้อง ศพคาห้องพัก3วัน






สาวเอฟเอชเอ็มถูกยิงขมับ-ท้อง ศพคาห้องพัก3วัน


             เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พ.ต.ท.บรรหาร นิติอมรกุล พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุมีเหตุฆาตกรรมหญิงสาวภายในอาคารบ้านกลางกรุง รีสอร์ท ซอยรัชดา 7 ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.ศศิธร หรือปิ๊ก อ่อนวิมล อายุ 27 ปี อดีตผู้สมัครมิสเอฟเอชเอ็ม เน็กซ์ ดอร์ 2008 ตรวจสอบตามร่างกายพบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .32  เข้าที่บริเวณขมับขวา 1 นัด หน้าท้อง 1 นัด เสียชีวิตมาประมาณ 3-4 วัน


            นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนขนาดเดียวกันยี่ห้อสมิทธ์แอนเวสสัน ตกอยู่ข้อพับแขนขวา และซองปืนตกอยู่บนที่นอน จากการตรวจสอบอาวุธปืนดังกล่าวพบว่าถูกใช้ยิงไปแล้วจำนวน 2 นัด และยังมีกระสุนอยู่โม่อีก 4 นัด ตรวจสอบภายในห้องดังกล่าวไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกรื้อค้นและไม่พบจดหมายลาตายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานต่อไป


       จากการสอบสวนนางรัตนา แคว้นบ้านเจ้า แม่บ้าน กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 10.00 น. มีผู้ที่พักอาศัยอยู่ข้างห้องผู้ตายบอกว่าได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากด้านในห้องพักดังกล่าว ตนจึงแจ้งฝ่ายนิติบุคคลเพื่อประสานช่างซ่อมกุญแจมาตรวจสอบ เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในห้องก็พบศพผู้ตายนอนอยู่บนเตียงจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาตรวจสอบ


            พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพและที่เกิดเหตุมีความผิดปกติบางอย่าง จึงให้ผู้ชำนาญเข้าตรวจสอบพบว่าที่ผ้านวมมีคราบเขม่าดินปืนอยู่ 2 จุด คาดว่าผู้ตายน่าจะถูกฆาตกรรมอำพราง โดยคนร้ายอาจใช้ผ้านวมคลุมอาวุธปืนเอาไว้เพื่อปกปิดเสียงปืนให้เบาลง โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวนายศิริโรจน์ ศิริเจริญ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าดังกล่าว รวมทั้งเพื่อนและญาติของผู้ตายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารดังกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีบุคคลต้องสงสัยเข้ามาพบผู้ตายหรือไม่ เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป


ข้อมูลจากข่าวสด



ตร.ตั้ง 3 ประเด็น ฆ่าสาว FHM วงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยได้


             ตร.เผยกล้องวงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยก่อเหตุฆ่าสาว FHM ปี 2008 ได้ แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด ตั้ง 3 ประเด็นฆ่าคือ เรื่องแฟนหนุ่ม เรื่องที่สอง มรดกของพ่อผู้ตายเพิ่งเสียชีวิต ทิ้งมรดกไว้ให้ผู้ตายเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีพี่น้องต่างแม่อยู่ด้วย และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องหนี้สินของผู้ตายที่ติดค้างอยู่จำนวนหนึ่ง เบื้องต้นสอบแฟนหนุ่มผู้ตายให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก คาดว่าไม่นานจับคนร้ายได้แน่นอน


            วันนี้ (11 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบก.น.1 กล่าวความคืบหน้ากรณี น.ส.ศศิธร หรือ ปิ๊ก อ่อนวิมล อดีต 1 ใน 10 ผู้เข้าประกวด Girl Next Door หรือ สาวข้างบ้านของนิตยสาร FHM ปี 2008 ถูกยิงเสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมกลางกรุงรีสอร์ท ซอยรัชดาภิเษก 7 ว่า หลังเกิดเหตุได้เรียกเพื่อนผู้ตาย รวมทั้ง นายณัฐวุฒิ กาญจนสุดา อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตายแล้ว มาสอบปากคำแล้ว โดยตัวนายณัฐวุฒิ ให้การเป็นประโยชน์อย่างมากว่า ไม่ได้พบหน้าผู้ตายมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว เนื่องจากทะเลาะกันสาเหตุจากที่ฝ่ายชายชอบออกไปดื่มเหล้า จึงทำให้ผู้ตายเกิดความน้อยใจหนีกลับไปอยู่ที่คอนโดเพียงลำพังคนเดียว


            พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นนายณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้ตามไปง้อผู้ตายที่คอนโดแต่อย่างใด เพราะต้องช่วยแม่ขายอาหารอยู่ที่ร้านอาหาร “ครัวบ้านช่าง” ย่านบางนา และพักอยู่กับที่บ้าน แต่นายณัฐวุฒิจะคุยกับผู้ตายทางโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้ตายเองก็มีการโต้ตอบกลับมาเป็นข้อความอยู่ ประเด็นนี้จึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตายคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้สอบปากคำกลุ่มเพื่อนผู้ตายแล้วก็ยังไม่พบว่ามีใครเข้าข่ายต้องสงสัยแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ตายทำให้ทราบว่า ในเวลา 19.00 น.ของวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ เพราะได้โทรศัพท์คุยกับเพื่อน


            พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารที่เกิดเหตุนั้น ขณะนี้พบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายจับ เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายเป็นคนใกล้ชิดกับผู้ตายอย่างแน่นอน เพราะการจะเข้าออกคอนโดฯที่เกิดเหตุนั้น จะต้องมีคนรู้จักพักอยู่ในคอนโดฯจึงจะสามารถเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่าการฆ่าตัวตาย


            "สำหรับประเด็นการฆาตกรรมนั้น เบื้องต้นตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องแรกเรื่องแฟนหนุ่ม เรื่องที่สองคือ มรดกของพ่อผู้ตายเพิ่งเสียชีวิต แล้วทิ้งมรดกไว้ให้ผู้ตายเป็นผู้ได้รับเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีพี่น้องต่างแม่อยู่ด้วย และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องหนี้สินของผู้ตายที่ติดค้างอยู่จำนวนหนึ่ง คาดว่าไม่นานน่าจะได้ตัวคนร้ายรายนี้อย่างแน่นอน" พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าว


ข้อมูลจาก Manager online




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2553    
Last Update : 12 ตุลาคม 2553 8:39:26 น.
Counter : 5841 Pageviews.  

รวบที่เมืองคอน-มือปืนโหดจ่อยิงหัวครู


รวบที่เมืองคอน-มือปืนโหดจ่อยิงหัวครู สารภาพญาติจ้างขัดผลประโยชน์


            จับไอ้โหด- ภาพวงจรปิดนาทีนายสมควร ศรีสมุทร บุกจ่อยิงนายชาลี สวนสมุทร ครูโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า เสียชีวิตในปั๊มน้ำมันปตท. จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ล่าสุดตำรวจตามจับได้ขณะนั่งรถบัสหลบหนีไปจ.นครศรีธรรมราช


            ในที่สุดมือปืนยิงครูปากน้ำดับคาปั๊มจนมุมที่เมืองคอน หลังหนีลงใต้ขณะโดยสารรถบัสเตรียมเผ่นต่อไปสงขลา ตร.บุกจู่โจมตะครุบได้โดยละม่อม สารภาพอ้างญาติไหว้วาน ยิ้มร่าบอกบนบานขอให้หนีรอดจากพื้นที่ได้จะกินเจแก้บน 3 วัน ด้านรองผู้การมหาชัยชี้ปมตายมาจากความขัดแย้งกับกลุ่มเพื่อนครูด้วยกัน


            จากกรณีคนร้ายก่อเหตุยิงนายชาลี สวนสมุทร อายุ 55 ปี อยู่ 346/12 ม.2 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ รับราชการเป็นครูตำแหน่งครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ (ครูพลศึกษา) โรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เสียชีวิตภายในปั๊มน้ำมันปตท. ถนนพระราม 2 ม.3 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยทุกขั้นตอนกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพเหตุ การณ์เอาไว้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายรัฐศิลป์ ปานสีนุ่น อายุ 42 ปี เป็นคนขับรถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน 8739 กทม. พามือปืนลงมือและพามือปืนหลบหนี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


            ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 ต.ค. ร.ต.อ.จักร พรรดิ สารีบุตร รอง สว. สส.สภ.เมืองสมุทร สาคร นำกำลังเข้าประสานพ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง รองผกก.สส.บก.ภ. จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.ต.ธีรวุฒิ เทพเลื่อน สว.สส.ฯ ร่วมกันจับกุมนายสมควร ศรีสมุทร หรือแคว็ด อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/67 ถ. พัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายตามหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร เลขที่ 482/2553 ลงวันที่ 8 ต.ค. 2553


            ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเกิดเหตุคนร้ายยิงนาย ชาลี สวนสมุทร ครูโรงเรียนป้อมพระจุลจอมเกล้า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เสียชีวิตภายในปั๊มน้ำมันปตท. จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันบันทึกภาพเหตุ การณ์ไว้ได้


            จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้เป็นหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับกุมมือปืนรายนี้คือ นายสมควร ศรีสมุทร และจากการสืบสวนติดตามจนทราบว่านายสมควรได้หลบหนีลงไปทางภาคใต้ โดยเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางไปยังพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงส่งกำลังติดตามพร้อมกับประสานตำรวจในพื้นที่ จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สี่แยกบ่อล้อ ต.เชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรี ธรรมราช ขณะนั่งรถบัสโดยสารเดินทางต่อไปยัง จ.สงขลา เพื่อไปกบดานที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง


            พ.ต.ต.ธีรวุฒิกล่าวว่า จากการสืบสวนจนแน่ชัดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสกัดตามเส้นทางต่างๆ ซึ่งมาคลาดกับนายสมควรที่บริเวณแยกหัวถนน ต.ศาลามีชัย อ.เมือง จ.นครศรี ธรรมราช และพบว่านายสมควรได้โดยสารรถบัสประจำทางสายนครศรีธรรมราช-สงขลา มุ่งหน้าไปยัง จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงไล่ติด ตามรถบัสคันดังกล่าวไปจนทันกันที่บริเวณสี่แยกบ่อล้อ ต.เชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นคร ศรีธรรมราช


            "รถบัสคันดังกล่าวจอดรับผู้โดยสารจึงสบโอกาสเจ้าหน้าที่ได้จู่โจมขึ้นไปบนรถจับกุมตัวนายสมควรไว้ได้โดยละม่อม เบื้องต้นเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุยิงนายชาลีจริง จึงคุมตัวมาทำบันทึกการจับกุมก่อนที่จะส่งให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร รับไปดำเนินคดีต่อไป" สว.สส.กก.สส.ภ.จว. นครศรีธรรมราช กล่าว


       สอบสวนนายสมควรให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุยิงนายชาลีจริง ซึ่งหลังจากก่อเหตุแล้วได้นำเสื้อและอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุโยนทิ้งน้ำ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน และหลังจากยิงเสร็จได้บนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่าหากหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุพ้นจะกินเจถวาย 3 วันซึ่งหนีได้จริง แต่มาถูกจับกุมจนได้


            ด้านพ.ต.อ.ประทีป ราญสระน้อย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายไม่ได้ยิงผิดตัว เพราะจากหลักฐานวงจรปิดระบุชัดคนร้ายมุ่งเข้าไปฆ่าผู้ตาย ส่วนปมเหตุขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนชนวนเหตุมาจากความขัดแย้งในกลุ่มเพื่อนครูด้วยกัน โดยมือปืนได้รับการไหว้วานจากญาติที่มีปัญหากับผู้ตาย จึงอาสาเป็นคนลงมือให้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 8:58:26 น.
Counter : 1981 Pageviews.  

ประหาร! ร.ต.ท. ฆ่าโหดยกครัวเพื่อนตร. 4 ศพ


       จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ลอบยิง ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ พร้อมภรรยาและลูกตาย 4 ศพ ที่ปทุมธานี ล่าสุด ศาลตัดสินประะหาร ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อดีตพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทองแล้ว


            ศาลจังหวัดปทุมธานี ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีอัยการเป็นโจทก์ยืนฟ้อง นายมนตรี แก้วรัตน์ หรือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ ประจำ สภ.บางบัวทอง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.53 ซึ่งจำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 289(7)ประกอบมาตรา 80,339 วรรคท้าย พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ


            การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาทรัพย์ไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น อีก 3 กระทง ประหารชีวิตทุกกระทง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพกพา ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน


            แม้จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงใดก็ตามเ มื่อพิจารณาจากลักษณะการกระทำ ซึ่งเป็นไปโดยอุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่ลดโทษให้จำเลย คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ริบของกลางกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 คนละ 240,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 3 เป็นเงิน 1,610,746 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิด(วันที่ 24 มีนาคม 2553)จนกว่าจำชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วมทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ


ย้อนรอยเหตุการณ์ระเทือนขวัญ 25 มี.ค. 2553


          สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีผู้พบศพผู้เสียชีวิต จำนวนหลายรายบริเวณริมถนนวงแหวนฝั่งตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) หลัก กม.ที่ 64-65 ม.2 ต.บางเตย อ.สามโคก จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีเทาดำ เลขทะเบียน ฌย 1188 กทม. จอดข้างทางภายในรถมีเสื้อเครื่องแบบตำรวจแขวนอยู่ระบุชื่อ ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ ตรวจสอบภายในรถพบศพ ด.ญ.ญานิสา หรือน้องออย พันธ์วงศ์ อายุ 5 ขวบ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเบาะด้านหลัง สภาพศพถูกยิงเข้าที่ลำคอ และที่พื้นรถใกล้กันพบศพด.ช.จิรายุ หรือน้องโอม พันธ์วงศ์ อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตอยู่ในสภาพนั่งคุดคู้ ถูกยิงที่บริเวณคิ้วซ้าย


       นอกจากนี้พบยังศพชายนอนคว่ำหน้าอยู่พื้นดินข้างทาง ห่างจากจุดที่จอดรถประมาณ 10 เมตร ทราบชื่อว่าคือ ร.ต.ท.ราชันย์ พันธ์วงศ์ อายุ 37 ปี สังกัด สภ.บางบัวทอง และยังพบศพหญิงสาวนอนหงายเสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้าลึกเข้าไปจากถนนประมาณ 50 เมตร ถูกยิงที่เบ้าตา ทราบชื่อนางเนาวรัตน์ พันธ์วงศ์ อายุ 33 ปี นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ชื่อด.ญ.ระวิสรา หรือน้องออม พันธ์วงศ์ อายุ 6 ปี ถูกยิงเข้าไหปลาซ้ายและแขนซ้าย


            นางวารีรัตน์ นิ่มอนงค์ อายุ 45 ปี พี่เลี้ยงที่ดูแลลูกของผู้ตาย เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท.ราชันเดินทางกลับไปเที่ยวบ้านที่จ.ลำปาง เมื่อวันอังคารที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปส่งน้องแก๊ป อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นลูก ร.ต.ท.ราชันกับภรรยาเก่า ขาไปทั้งหมด 6 คน ขากลับกลับมา 5 คน ส่วนทรัพย์สินที่พกติดตัวไปด้วย ทั้งสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และแหวนทองคำ นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชรและปืนพก รวมมูลค่ากว่า 6 แสนบาท ที่มักติดตัวอยู่ประจำหายไปด้วย


            ส่วนสาเหตุการฆาตกรรมนั้นไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ด้านพล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ซึ่งเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เชื่อว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คนและรู้จักผู้ตายเป็นอย่างดี จากการตรวจสอบสภาพศพร.ต.ท.ราชันและนางเนาวรัตน์พบว่าถูกยิงด้วยปืนลูกซอง ส่วนศพของเด็กทั้ง 2 คนถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิด โดยคนร้ายได้จ่อยิงเด็กทั้ง 2 ทีละคนอย่างโหดเหี้ยม


รวบตัว ร.ต.ท. ฆ่าโหด


       ความคืบหน้าฆ่าโหด ร.ต.ท.ราชัน พันธ์วงศ์ ตำรวจ สภ.บางบัวทอง เสียชีวิตพร้อมภรรยาและลูกเล็กอีก 2 คน ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วคือ ร.ต.ท.มนตรี แก้วรัตน์ อดีตพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อนสนิทของผู้ตาย


            เบื้องต้น ร.ต.ท.มนตรี ให้การรับสารภาพก่อเหตุจริง เพราะโกรธแค้นที่ผู้ตายไปเป็นพยานในคดีของตนที่ตกเป็นผู้ต้องหายิงคนเสียชีวิตที่ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งยังขัดแย้งกันในเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วย ทั้งนี้ ร.ต.ท.มนตรี ได้กล่าวขอโทษที่ยิงภรรยา และบุตรของผู้เสียชีวิต


            อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมต่อ ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เพื่อเตรียมทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป


ข้อมูลจาก S! NEWS




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2553    
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 0:11:44 น.
Counter : 2679 Pageviews.  

โหด! เมียด่าไม่หยุด ผัวแทงดับคาโรงพยาบาล


       หนุ่มสุราษฎร์เครียด เมียรักด่าไม่หยุด ผัวแค้นชักมีดกะซวกแทงตายสยองคาเตียงโรงพยาบาล ญาติ-คนไข้ กระเจิง เห็นเหตุสลดคาตา 


            ผัวเครียดเมียรักด่ากะซวกดับคาเตียง รพ.ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย ร้อยเวร สภ. เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายแทงคนป่วยเสียชีวิต ภายในหอผู้ป่วย รพ. สุราษฎร์ธานี จึงรีบไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ภายในหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง 3 ตึกศัลยกรรม พบชายสภาพคลุ้มคลั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตามร่างกายมีรอยเลือดกระเซ็นถูกเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อ นายสมโชค สุขเสน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และยึดมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10 ซม. เปื้อนเลือด 1 เล่ม ที่วางไว้บนเตียงผู้ป่วยไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นางวาสนา แสงแก้ว อายุ 46 ปี เป็นภรรยาของ นายสมโชค หลังเกิดเหตุแพทย์ พยาบาล ได้พยายามช่วยชีวิต แต่คนเจ็บถูกแทงเข้าที่หน้าอก 3 แผล เข้าจุดสำคัญขาดใจตาย อย่างน่าอนาถ


            จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวาสนา ผู้เสียชีวิตได้เข้ามารักษาตัวและเอกซเรย์สมองตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. เพราะประสบอุบัติเหตุขณะซ้อนท้าย จยย. ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ทำให้หอผู้ป่วยทั้งชั้นมีผู้คนจำนวนมาก ต่อมานายสมโชคได้เดินมาเยี่ยมภรรยา จู่ๆ ได้ชักอาวุธมีดพกสั้นกระหน่ำแทงเมียรัก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของญาติที่มาเยี่ยมผู้ป่วย หลังก่อเหตุนายสมโชคพยายามหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขัดขวาง และแจ้งตำรวจมาควบคุมตัวดังกล่าว


            นายสมโชค ยอมรับสารภาพ โดยให้การว่า ที่ลงมือก่อเหตุสลดขึ้นเพราะความเครียด เนื่องจากตนถูกภรรยาต่อว่าหลายครั้งเรื่องขี่ จยย. ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยาที่ซ้อนท้ายมาด้วยบาดเจ็บสาหัส ก่อนก่อเหตุ ตนมาเยี่ยมภรรยากลับถูกต่อว่าอีก จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธมีดปลายแหลมซึ่งพกติดตัวตลอดเวลากระหน่ำแทงภรรยาจนสิ้นใจตายคามือ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวไปสอบสวนปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ข้อมูลจาก S! NEWS




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2553    
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 0:05:22 น.
Counter : 1357 Pageviews.  

บึ้มสมานแมนชั่นตาย4เจ็บ8สาหัส2


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


คลิกชมภาพต่อไป


       เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจวัตถุระเบิด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เตรียมเข้าตรวจสอบ สมานเมตตา แมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี อีกครั้ง ในเวลา 07.00 น.วันนี้ หลังจาก หยุดการค้นหาผู้เสียชีวิต เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจาก เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิด ล่าสุด มีจำนวน 4 ศพ ทราบชื่อ 2 ศพ คือ นายอภิรักษ์ สัจจบรรจงจิต และ นายสมัย วงศ์สุวรรณ เจ้าของห้องพักเลขที่ 202 ห้องที่เกิดเหตุ ส่วนอีก 2 ศพ ยังไม่ทราบชื่อ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ทราบว่า นายสมัย 1 ใน 4 ผู้เสียชีวิต และเป็นเจ้าของห้องที่เกิดเหตุนั้น เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ของ ศูนย์อำนวยการแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. จ.เชียงใหม่ ข้อหา ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมาขอเช่าหอพักเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อทำธุรกิจส่งออก ซึ่งเจ้าหน้าที่ จะทำการตรวจสอบประวัติของนายสมัย อีกครั้ง ขณะที่ ผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย ยังคงพักรักษาตัวที่ ร.พ.พระนั่งเกล้า


            อย่างไรก็ตาม ในเวลา 09.00 น.วันนี้ พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประชุมที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ขณะที่ สาเหตุของระเบิดดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานว่า เกิดจากการที่ คนร้าย ประกอบระเบิดไม่เสร็จ และเกิดความผิดพลาด จนเกิดระเบิดขึ้นก่อน


ข้อมูลจาก INN




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2553    
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 8:28:18 น.
Counter : 2699 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.