DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
All Blogs
 

“กำปั้น บาซู” ถูกยิง


                นักร้องดัง “กำปั้น บาซู” อาการดีขึ้น แต่ยังผวาหลังถูกกระสุนลูกหลงบนระเบียงคอนโดฯ ระหว่างทหารปะทะ นปช.ย่านราชปรารภ ยังห่วงศพเพื่อนที่นำลงมาไม่ได้ พ้อไม่อยากเชื่อเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่อยากให้เหตุการณ์จบเร็วที่สุด


                วันนี้ (16 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้อง 523 ชั้น 5 โรงพยาบาลพญาไท 1 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของนายคริชณะ พาณิชย์พงษ์ อายุ 33 ปี หรือกำปั้น นักร้องวงบาซู ค่ายอาร์เอส ได้เข้าพักรักษาตัวอยู่จากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ด้านขวา กระสุนทะลุหลัง ขณะพักอยู่ในอาคารคอมพลีทคอนโด ห้อง 18/2/270 ชั้น 27 ย่านราชปรารภ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มผุ้ชุมนุมเสื้อแดง บริเวณถนนราชปรารภ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกำปั้นนอนอยู่บนเตียงคนไข้ สวมชุดคนไข้สีฟ้า มีการใส่สายออกซิเจนที่จมูก ใส่สายน้ำเกลือที่แขนซ้าย และมีการพันผ้าพันแผลที่ไหล่ข้างขวา มีอาการอิดโรยอย่างชัดเจน


                นายคริชณะ หรือกำปั้น กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุหลังจากที่ตนเดินทางกลับที่พักเมื่อช่วง 10.00 น.ของวันที่ 15 พ.ค. พอมาถึงถนนรางน้ำ พบว่าไม่สามารถขับรถมุ่งหน้าไปถนนราชปรารภ เพื่อนำรถยนต์เข้าจอดที่อาคารที่พักได้ เนื่องจากเส้นทางถูกปิดจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารและคนเสื้อแดง จึงได้จอดรถทิ้งไว้ในซอยรางน้ำ ก่อนจะตัดสินใจชวนเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกันจำนวน 3 คนเดินลัดเลาะหาเส้นทางกลับคอนโดฯ จึงปีนกำแพงคอนโดฯ เข้าที่พัก


                “กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น.ได้ยินเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นหลายครั้งเป็นเวลานาน ผมสังเกตเห็นเพื่อนยืนอยู่ตรงระเบียงด้านนอกของห้องพัก จึงได้พยายามตะโกนเรียกเพื่อนให้กลับเข้ามาภายในห้องเพื่อความปลอดภัย แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนจะกลับเข้าห้อง ได้มีกระสุนปืนยิงขึ้นมาที่ระเบียง เห็นเพื่อนล้มทั้งยืน โดยสังเกตเห็นว่ากระสุนเข้าที่ลำคออย่างจัง จึงรีบหมอบเพื่อจะหลบวิถีกระสุน แต่ก็ถูกกระสุนยิงเข้าที่หัวไหล่ขวากระสุนทะลุหลังได้รับบาดเจ็บ ทำให้เพื่อนที่อยู่ในห้องอีก 1 คนรีบนำตัวตนเองลงมาด้านล่าง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเดินทางมาที่โรงพยาบาลได้เนื่องจากยังมีการยิงปะทะกันอยู่ ทำให้ต้องรอเวลากว่า 1 ชั่วโมง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายจึงสามารถเดินทางมาโรงพยาบาลพญาไท 1” นายคริชณะกล่าว


                นายคริชณะกล่าวต่อว่า หลังจากเดินทางมาถึงโรงพยาบาล คณะแพทย์ได้รีบนำตัวตนเองเข้าเอกซเรย์บาดแผล พบว่ากระสุนทะลุไหล่ขวาออกด้านหลัง ก่อนคณะแพทย์นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินก่อนทำการผ่าตัดรักษาทันที จนขณะนี้อาการปลอดภัย แต่ยังมีอาการปวดบริเวณแผลอย่างมาก แพทย์จึงได้ให้ยาระงับอาการปวดพร้อมด้วยยานอนหลับเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่


                “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกยิงโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ทราบว่าอาวุธเป็นของฝ่ายใด ทั้งนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทย อยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว ตอนนี้เป็นห่วงร่างของเพื่อนที่อยู่ภายในห้อง ที่ยังไม่สามารถนำศพเพื่อนมาออกจากระเบียงห้องได้ เนื่องจากมีการยิงกันตลอดเวลา จึงอยากให้มีการนำศพเพื่อนออกมาตรวจสอบโดยเร็ว” นายคริชณะกล่าว และว่าสำหรับคนที่เป็นห่วงอาการของตนเอง ยืนยันว่าอาการตนเองดีขึ้นมาก ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งการเดินทางมาเยี่ยมอาการคงเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติ จึงอยากให้ทุกคนติดตามข่าวสารจากทางสื่อมวลชนจะดีกว่า


                ด้าน นพ.จตุพร ปรารถนาดี แพทย์ศัลยกรรมกระดูก ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า ขณะนี้อาการของกำปั้นดีขึ้น แต่ยังต้องระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อที่บาดแผล ตอนนี้ต้องให้ยาระงับปวดและยานอนหลับ เพื่อให้คนไข้สามารถได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้คงต้องให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักระยะเพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิดก่อนอนุญาตให้กลับบ้านได้
ข้อมูลจาก Manager online




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 7:00:49 น.
Counter : 2033 Pageviews.  

ถล่มเอ็ม 79 โรงแรมดุสิตธานีไฟไหม้-ทหารอากาศถูกยิงตาย 1 เจ็บ 1

ภาพข่าวจากสำนักข่าวไทย


          มือมืดยังยิงป่วนไม่หยุด ใช้ระเบิดเอ็ม 79 ยิงถล่มตลอดทั้งคืน จนโรงแรมดุสิตธานีเกิดเพลิงไหม้ แขกหนีตายกันวุ่น นอกจากนี้ยังมีทหารอากาศ 2 นาย ขับกระบะวีโก้เข้าไปในเส้นสีลม จนเกิดการเข้าใจผิดยิงปะทะกับทหารที่ดูแลพื้นที่อยู่ ผลตาย 1 เจ็บ 1 ผู้บังคับบัญชาของทั้งสองฝ่ายปิดปากเงียบ


            เมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายได้ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานีจำนวนหลายลูก ทำให้กระจกหน้าโรงแรมแตกและหล่นลงเกลื่อนถนน จากนั้นคนร้ายก็ได้ยิงระเบิดเอ็ม 79 ตกลงบริเวณตึกอื้อจื่อเหลียงอีก 3 ลูก เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่การปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังเกิดขึ้นอย่างเนื่องโดยมีเสียงปืนดังขึ้นตลอดเวลา


            หลังจากนั้นก็ได้มีกลุ่มควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากบริเวณชั้น 5 และ ชั้น 17 ของโรงแรมดุสิตธานี ทำให้แขกที่เข้าพักต่างวิ่งหนีตายกันวุ่นวาย แต่เจ้าหน้าที่ รปภ.ของทางโรงแรมสามารถควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปได้ เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากคนร้ายใช้จรวดอาร์พีจี หรือลูกกระสุนเอ็ม 79 ขึ้นไปตกในจุดที่มีเชื้อเพลิงบริเวณชั้นดังกล่าว จึงทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา


            ต่อมาเวลา 01.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จึงรุดไปตรวจสอบก็พบว่า ทหารที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บนั้นเสียชีวิตแล้ว 1 นาย ทราบชื่อต่อมาคือ จ่าอากาศเอกพงศ์ชลิต พิทยานนทกาญจน์ อายุ 51 ปี สภาพศพสวมชุดเสื้อยืดสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ส่วนทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกนายคือ เรืออากาศตรีอภิชาติ ซ้งย้ง อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่ใบหน้าเล็กน้อย ทั้งสองนายสังกัดหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ


            จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองนาย ได้ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ผ่านหน้าอาคารซีพีทาวเวอร์ มุ่งหน้าเข้าไปในถนนสีลม จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นระหว่างผู้ที่อยู่ในรถกับทหารที่คุมพื้นที่อยู่ริมถนน จนรถกระบะก็เสียหลักพุ่งชนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่บริเวณข้างทาง หลังเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปตรวจสอบรถคันดังกล่าว ก็พบผู้บาดเจ็บทั้งสองรายอยู่ในรถ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน แต่จ่าอากาศเอกพงศ์ชลิต ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด


            ต่อมาได้มีผู้บังคับบัญชาของทหารบกที่ดูแลพื้นที่เกิดเหตุ และผู้บังคับบัญชาจากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน เดินทางมาที่โรงพยาบาล เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีใครให้คำตอบแต่อย่างใด ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ โดยเรืออากาศตรีอภิชาติ ก็เดินทางกลับไปพร้อมผู้บังคับบญชาของตัวเอง ส่วนศพของจ่าอากาศเอกพงศ์ชลิต นั้นคาดว่าจะมีการเดินทางมารับศพกันในช่วงสายวันนี้
ข้อมูลจาก Manager online




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 6:52:41 น.
Counter : 968 Pageviews.  

ผลพิสูจน์นิติเวช... "สไนเปอร์"...ยิงหัวทีละศพ

                ทีมแพทย์ของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผ่าชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์มิคสัญญีเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อคลี่คลายปมข้อสงสัยต่างๆ ไม่ให้เกิดข้อกังขาจนนำไปสู่การขยายผลลุกลามต่อไปอีก จึงมีการระดมแพทย์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ



                    การผ่าชันสูตรพลิกศพกลุ่มผุ้ชุมนุมจำนวน 11 ราย ในรูปแบบของคณะกรรมการประกอบด้วย 1.ศ.คลินิก นพ.สมชาย ผลเอี่ยมเอก นายกสมาคมแพทย์นิติเวช 2.รศ.พญ.นันทนา ศิริทรัพย์ รพ.จุฬา 3.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม รพ.รามา 4.พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ ผ.นต. 5.รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ หัวหน้าแพทย์ศิริราช 6.พ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม 7.รศ.นพ.สุพจน์ แจ่มสุวรรณ รพ.จุฬา 8.นพ.ทษนัย พิพัฒน์โชติธรรม ม. ธรรมศาสตร์ 9.นพ.นิติกร โปริสวาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข 10.นพ.สฤษดิ์ ศรีนุกูล 11.นพ.เชิดชัย ตัยติศิรินทร์ มาจาก นปช. 12.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  มาจาก นปช. เพื่อยืนยันความโปร่งใส


                ผลการผ่าพิสูจน์หลังจากสรุปสภาพศพผู้เสียชีวิตจากบาดแผลรวมถึงวัตถุพยานต่างๆ ที่ได้จากผู้เสียชีวิต และสาเหตุการเสียชีวิต ทีมแพทย์ได้ใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกเล็งยิงเข้าที่ศีรษะและลำตัวอย่างโหดเหี้ยม


               โดยผู้เสียชีวิตคนที่


                1. นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ สัญชาติญี่ปุ่นช่างภาพของสถานีโทรทัศน์รอยเตอร์ส พบว่า ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายทะลุปอด หลอดเลือดแดงใหญ่ เลือดออกเยื่อหุ้มหัวใจ


                    2. นายทศชัย เมฆงามฟ้า ผลการผ่าชันสูตรถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายขั้วหัวใจ


                    3. นายสวาท วางาม ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายสมอง


                    4. นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายสมอง 


                    5. นายจรูญ ฉายแม้น ถูกกระสุนความเร็วสูงทำลายปอดและตับ


                    6. นายวสันต์ ภู่ทอง ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายสมอง 


                    7. นายอำพล ตติยรัตน์  พบถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายสมอง 


                    8. นายไพศาล ทิพย์ลม ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายสมอง เช่นกัน


                    9. นายธวัฒนะชัย กลัดสุข ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายปอด ตัดเส้นเลือดใหญ่เสียเลือดจำนวนมาก


                    10. ชายไม่ทราบชื่อและอายุพบว่า ถูกกระสุนความเร็วสูง ทำลายหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณช่องอก และปอด เสียเลือดจำนวนมาก


                11. นายมนต์ชัย แซ่จอง ผลการผ่าพบว่า ป่วยเป็นโรคหัวใจ เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน



                สำหรับศพของนายเกรียงไกร คำน้อย แพทย์นิติเวชของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ผลการผ่าชันสูตร พบถูกกระสุนที่มีความเร็วสูง 1 นัด ทำลายหลอดเลือดแดงใหญ่ บริเวณเชิงกรานด้านขวาขาดถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดจนแตกละเอียดลักษณะเป็นตะกั่วอีก 1 นัด


                ส่วนศพของนายคนึง ฉัตรเท แพทย์นิติเวชของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ผ่าชันสูตรพบว่า ถูกกระสุนความเร็วสูง 1 นัด ทำลายบริเวณช่องอกด้านขวา ปอดฉีกทั้งสองข้างทำลายกระดูกสันหลัง  ซึ่งทั้งสองศพ ญาติติดต่อมารับกลับไปบำเพ็ญกุศลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา


                ขณะที่ศพของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์ พลทหารอนุพงษ์ เมืองรำพัน พลทหารสิงหา อ่อนทรง นายบุญธรรม ทองจุ้ย นายสมศักดิ์ แก้วสาร นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ และชายไม่ทราบชื่อ ยังไม่ได้รับการเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิต


                หนึ่งในคณะกรรมการผู้ร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก" ว่า ผู้เสียชีวิตทุกรายถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่มีความเร็วสูง ไม่ได้เกิดจากการจ่อยิง แต่เป็นการเล็งยิงมากกว่า กระสุนที่มีความเร็วสูง เมื่อปะทะกับร่างกายแล้วเกิดการทะลุ ไม่สามารถเก็บหัวกระสุนได้ แต่จะพบเพียงเศษตะกั่วที่มีขนาดเล็กในร่างกายเท่านั้น ส่วนทิศทางการยิงไม่สามารถระบุได้ เพราะแพทย์ไม่เห็นท่าทางของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงบอกไม่ได้ว่ากระสุนมาจากทิศทางใด


                ขณะเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกคอกวัว เขตพระนคร กรุงเทพฯ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุ โดยบันทึกภาพรายละเอียดทั้งหมด


                    "เบื้องต้นผลการตรวจที่เกิดเหตุ พบร่องรอยของกระสุนหลายขนาดทั้งสองฝั่งถนนราชดำเนินกลางทั้งขาเข้าและขาออกบริเวณสี่แยกคอกวัว ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของกระสุนเอ็ม 16 ร่องรอยของกระสุน 7.62 อาก้า ร่องรอยของหลุมระเบิดที่เกิดจากเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 และร่องรอยของอาวุธสงครามเอ็ม 60" แหล่งข่าวกล่าว


                จากผลพิสูจน์ของทั้งนิติเวชและการเก็บพิสูจน์หลักฐาน ยังมีข้อสงสัยที่ต้องสืบสวนต่อว่า ใครคือ "มือสังหาร" !!




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2553 7:45:10 น.
Counter : 1470 Pageviews.  

ยิงหัวเสธ.แดง ผ่าแล้วอาการโคม่า !!


พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หนึ่งในผู้บาดเจ็บ




ศูนย์เอราวัณสรุปเหตุยิงกันช่วงหัวค่ำที่ผ่านมามีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ตายอีก 1 คน ถูกหามส่ง 4 รพ. ช่วยรักษาแล้ว


                    ศูนย์บริการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร หรือ ศูนย์เอราวัณ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้บาดเจ็บจากมีเหตุระเบิด และยิงกันที่บริเวณสวนลุมพินี ตั้งแต่ช่วงเวลา 19.00 น. กับช่วงเวลา 21.30 น. ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มียอดผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่สรุปได้เบื้องต้น คือ มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 8 ราย โดยหนึ่งในผู้บาดเจ็บ คือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วชิรพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 7 คน เข้ารักษาตัวภายใน รพ.จุฬาลงกรณ์ จำนวน 4 คน กลับบ้านไปแล้ว 1 คน เหลือยังรักษาตัวออยู่อีก 1 คน ส่วนอีก 1 คน คือ นายชาติชาย ทาเหลา อายุ 25 ปี ที่ถูกยิงเบ้าตามีอาการสาหัสได้เสียชีวิตลงแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เลิดสิน 2 คน รพ.กลาง และ รพ.ตำรวจอีกที่ละ 1 คน ส่วนความคืบหน้านั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม


            อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้มีรถถังหุ้มเกราะชนิดสายพาน พร้อมกำลังทหารจำนวนมากได้เดินทางเข้าสมทบจาก ถ.วิทยุ แล้ว ขณะที่ได้มีแก๊งจักรยานยนต์ก่อกวน และยั่วยุกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตามด่านตรวจในหลายจุดในพื้นที่ ถ.วิทยุ แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นในขณะนี้


รพ.หัวเฉียว เผยยังไม่ผ่าตัด เสธ.แดง เนื่องจากยังไม่พร้อม หารือญาติส่งรักษาต่อ รพ.วชิระฯ ยังไม่เปิดเผยอาการรอส่งตัวก่อน อีด ส.ส.ไทยรักไทยรุดเยี่ยม แย้มอาการยังทรงหมอให้เลือดฟื้นสภาพรอพร้อมเพื่อผ่าตัด ญาติยังหวังอาการปลอดภัย


                วันนี้(13 พ.ค.) เมื่อเวลา 23.30น. ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว นางประภัสสร รุจิรากรกุล ผอ.ฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลหัวเฉียว เปิดเผยความคืบหน้าในการรักษา พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ถูกยิงศรีษะได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาว่า หลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลหัวเฉียวได้รับตัว พล.ต.ขัตติยะ มารักษาเบื้อต้นที่ห้องไอซียู แต่ยังไม่ได้ทำการผ่าตัดแต่อย่างใด เนื่องจากสภาพร่างกายของ พล.ต.ขัตติยะ ยังไม่พร้อม


                นางประภัสสร กล่าวอีกว่า สำหรับการรักษา นพ.พรชัย ตั้งลักขณวนิช ผอ.โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้ประชุมร่วมกับ นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผอ.โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และญาติของ พล.ต.ขัตติยะ ถึงการรักษา โดยได้ลงความเห็นว่าต้องย้ายตัว พล.ต.ขัตติยะ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลเนื่องจากมีความพร้อมในการรักษามากกว่า ซึ่งทางญาติของ พล.ต.ขัติยะก็เห็นด้วย จึงได้นำรถพยาบาลมารับตัว พล.ต.ขัตติยะ ที่ชั้น 7 ของโรงพยาบาลหัวเฉียว เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ส่วนอาการของ พล.ต.ขัตติยะ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ต้องรอทางโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ที่รับ พล.ต.ขัตติยะ ไปรักษาต่อออกมาแถลง


                ต่อมาเวลาประมาณ 24.00น. ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นพ.ทศพร เสรรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.แพร่ ได้เดินทางมาดูอาการพล.ต.ขัตติยะ หลังทราบข่าวการย้ายตัวมารักษา ภายหลังพูกคุยกับญาติและแพทย์ถึงอาการของ พล.ต.ขัตติยะ ได้เปิดเผยว่า ได้ติดตามอาการของ พล.ต.ขัตติยะ เป้นระยะซึ่งขณะนี้อาการของพล.ต.ขัตติยะ ยังคงที่ โดยทางแพทย์ได้พยายามรักษาอย่างเต็มที่ สำหรับการผ่าตัดต้องรอแพทย์ประเมินอาการของพล.ต.ขัตติยะ ว่าพร้อมหรือไม่ก่อน หากพร้อมก็สามารถผ่าตัดได้ทันที ส่วนสาเหตุที่ย้ายโรงพยาบาลในการรักษาเนื่องจากทางโรงพยาบาลวชิรพยาบาล มีคลังเลือดที่เพียงพอ และอุปกรณ์ที่มากกว่า ทั้งนี้ ทาง ผอ.โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เป็นผู้แนะนำให้มารักษาที่นี่ด้วยตนเอง ส่วนการรักษาขณะนี้ได้ให้เลือดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้พร้อม โดยแพทย์รักษาตามขั้นตอน ส่วนญาติของ พล.ต.ขัตติยะ ยังอยู่ในอาการตกใจ แต่ยังเข้มแข็งและมีความหวังว่าแพทย์จะรักษาจน พล.ต.ขัตติยะ อาการปลอดภัย


                ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่มีการย้ายตัว พล.ต.ขัตติยะ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไม่ได้มีการแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบก่อน ทำให้สื่อมวลชนจำนวนมากที่รอทำข่าวไม่สามารถบันทึกภาพได้ และก่อนย้ายทหารยังได้ยิงปืนขึ้นฟ้าบริเวณหน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว 1 นัดเพื่อหันเหความสนใจของนักข่าว ผู้ชุมนุมเสื้อแดง โดยอาศัยจังหวะดังกล่าวนำตัว พล.ต.ขัตติยะ ออกมาทางด้านหลังของโรงพยาบาลหัวเฉียว


เสธ.แดง ผ่าตัดแล้ว พบกระสุน 2 รู รอพักฟื้นดูอาการ ด้าน ผอ.ระบุ อาการยังโคม่า อยู่ได้เพราะให้ยาช่วยรักษา ทางรพ.จัดทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนกระสุนสังหารยังไม่ทราบขนาด


            วันนี้(14 พ.ค.) เวลา 03.30 น.นพ.ทศพร เสรีรัตน์ อดีตสส.จังหวัดแพร่ พรรคไทยรักไทย ออกมาเปิดเผย ถึงความคืบหน้าอาการของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ว่า ขณะนี้ทางคณะแพทย์ที่ทำการรักษาและผ่าตัดเสธ.แดง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เลือดประมาณ 10 ขวด และได้ดูผลการเอ็กเรย์ โดยผลการผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ตอนนี้รอให้เสธ.แดง ฟื้นตัว เนื่องจากว่ายังอยู่ระหว่างการพักฟื้น ส่วนกระสุนที่พบมีอยู่ 2 รู ซึ่งพบว่าถูกยิงบริเวณศรีษะด้านบนฝั่งขวาออกด้านล่างฝั่งซ้าย ทำมุมเฉียง อย่างไรก็ตามทางญาติได้มาดูแลและให้กำลังใจเสธ.แดง หลายคน โดยเฉพาะลูกสาวของเสธ.แดง ซึ่งตนขอชมเชยว่าลูกสาวของเสธ.แดง เข้มแข็งและมีสติดีมากคอยดูแลคุณพ่อตลอด


            นพ.ทศพร กล่าวอีกว่า ตอนนี้ต้องรอพักฟื้นระยะหนึ่ง ส่วนจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองมากน้อยแค่ไหน ต้องรอดูก่อน คาดว่าใช้เวลาสักพักว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ยังบอกไม่ได้ อย่างไรก็ตามในระยะนี้ต้องนอนรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียู เพราะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากป้องกันการติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด ทั้งนี้ตนอยากจะขอวิงวอนกับผู้ที่ลงมือกระทำในครั้งนี้ขอให้เสธ.แดง เป็นคนสุดท้าย และวิงวอนทุกฝ่ายยุติการกระทำอันรุนแรง และนิรโทษสกรรมให้กับทุกฝ่าย ส่วนกรณีของบ้านเลขที่ 111 ยังไม่มีใครโทรศัพท์มาสอบถามอาการ รวมทั้งไม่มีโทรศัพท์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสอบถามเรื่องดังกล่าว


            สำหรับบรรยากาศบริเวณอาคารเพชรรัตน์ รพ.วชิรพยาบาล ได้มีบรรดาสื่อมวลชนเฝ้าสังเกตการณ์ทำข่าวความคืบหน้าของเสธ.แดง พร้อมกันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ โดยมีอาวุธครบมือคอยรักษาความปลอดภัยทั้งทางเข้าออกประตูรพ.วชิรพยาบาล รวมทั้งมีการตรวจเข้มบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวด


            ด้าน นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระพยาบาล เปิดเผยถึงอาการของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ว่าอาการทั่วไปดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในอาการสาหัส ยังมีโอกาสที่จะเสียชีวิต ซึ่งแพทย์พยายามดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับบาดแผลที่ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาด ยิงผ่านทะลุสมองออกไป อาการที่อยู่ได้ตอนนี้เพราะแพทย์ให้ยาช่วยรักษาไว้ อย่างไรก็ตามแพทย์ที่ทำการรักษาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยื้อชีวิตเอาไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก INN, Manager online




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 9:08:29 น.
Counter : 1829 Pageviews.  

ฉีดเจ้าโลก !! ช็อกตาย ?


        เหตุหนุ่มใหญ่ชาวดูไบเสียชีวิตหลังเข้าไปใช้บริการฉีดยาเพิ่มขนาดเจ้าโลก เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 8 มีนาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูว่า มีชาวต่างชาติฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศช็อกเสียชีวิต นำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จึงไปตรวจสอบ พบศพ นายซาเอ็บ อัลมันซูรี อายุ 50 ปี ชาวดูไบ อยู่บนรถเข็น สภาพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ถอดกางเกงออกพบอวัยวะเพศบวมช้ำ มีรอยเข็มฉีดยาที่บริเวณโคนอวัยวะเพศด้านซ้ายและด้านขวา และมีเลือดตรงรอยเข็มฉีด ซึ่งแพทย์นิติเวชจะตรวจสอบการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง


        นายสหชาติ ประถิ่น เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า ทราบจากญาติของนายซาเอ็บว่า ผู้ตายหายออกจากห้องพักโรงแรมเกรซ ย่านนานา ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยก่อนเสียชีวิตทราบว่ามีอาการช็อกที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในซอยภาวนา ย่านลาดพร้าว ขณะกำลังฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ แพทย์จึงแจ้งให้ทางโรงพยาบาลเปาโลสยามมารับตัวไปรักษา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา และได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ชันสูตรการเสียชีวิตอีกครั้ง


        พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ฟูสินไพบูลย์ รอง ผกก.สส.สน.โชคชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนหมอที่ทำศัลยกรรมให้ผู้ตาย ทราบว่า ผู้ตายมาทำศัลยกรรมเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ซึ่งหมอได้ทำให้ตามขั้นตอนทางการแพทย์ แต่ระหว่างที่ทำศัลยกรรมอยู่นั้น ปรากฏว่าผู้ตายมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หมอจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเปาโลสยามเพื่อทำการักษา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นยังไม่มีการดำเนินคดีกับใคร อยู่ระหว่างการสอบสวนพยาน และรอผลการชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนว่าผู้ตายเสียชีวิตจากสาเหตุใด เกิดจากความประมาท หรือความผิดพลาดในการทำศัลยกรรมหรือไม่


        "เบื้องต้นทางญาติยังไม่ได้มาแจ้งความเพื่อเอาผิดกับใคร และยังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร สำหรับคลินิกดังกล่าวทราบว่าเป็นคลินิกถูกกฎหมาย เปิดมาหลายปีและทำอย่างเปิดเผย ซึ่งหมอก็ยืนยันว่า ทำตามหลักการทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพจึงจะทราบสาเหตุการเสียชีวิต" พ.ต.ท.พิเชษฐ์ กล่าว


        สำหรับผลการชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวช เบื้องต้นพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากภาวะหัวใจล้มเหลว แพทย์ได้นำชิ้นเนื้อและเลือดไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง และยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับศพแต่อย่างใด


จาก คมชัดลึก




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 7:54:50 น.
Counter : 3025 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.