DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
All Blogs
 
3 ศพสังเวยหึงโหด




       คนใกล้ตัว น.ส.ชมพูนุช ผาสุกดี สาวเสิร์ฟวัย 29 ปี รู้เรื่องส่วนตัวของเธอดีว่า "ชมพูนุช" มีสามีถึง 3 คน ซึ่งสามีทั้ง 3 ต่างก็เป็นพ่อของลูกๆ เธอ 3 คน ที่เลี้ยงดูกันตามอัตภาพ


            ทำให้ชีวิตเธอค่อนข้างลำบาก


            ลำพังรายได้จากอาชีพสาวเสิร์ฟที่ทำงานอยู่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านดาวคะนอง ก็แทบจะไม่พอกินพอใช้เพราะลูกยังเล็ก


            ไหนยังต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งไปให้สามีคนที่ 2 คือ นายอภิชาติ ดวงหาญ วัย 34 ปี หนุ่มพนักงานส่งเอกสารบริษัท เอส.ยู.เอส.แมนเนเจอร์ เซอร์วิส จำกัด ที่เพิ่งเลิกรากัน


            ที่เลิกเพราะ "ชมพูนุช" ทนความป่าเถื่อนของหมอนี่ไม่ไหว เพราะทั้งตบทั้งตี ใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าทำร้ายร่างกาย "ชมพูนุช" จนถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งความกันไว้จึงแยกทางกัน


            แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หมอนี่ก็ยังตามรังควาน "ชมพูนุช" อยู่ตลอดเวลา ทำให้ "ชมพูนุช" ต้องหันมาคบหากับสามีคนที่ 3 คือ นายสกุล ลีนาภินันท์ อายุ 34 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง และหนีมาอยู่กินกับสามีคนใหม่ที่บ้านเลขที่ 334 ซอยรัชดา 1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี เพื่อหนีจากนายอภิชาติ


            แต่ "ชมพูนุช" ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจของเธอ จะเป็นการสุมไฟแค้นให้กับนายอภิชาติเกิดอาการหึงหวงตามมา


            แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้!?!


            วันที่ 31 พ.ค. วันหายนะก็มาถึง สายวันนั้นหลังจากที่ "ชมพูนุช" ออกจากบ้านไปส่งลูกๆ ไปโรงเรียน พอกลับมาเธอก็ทำงานบ้านตามปกติอยู่ในบ้านสองคนกับนายสกุล โดยไม่คิดเฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น


            ทันทีที่ทั้งสองเผลอ นายอภิชาติซึ่งเฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่ข้างบ้าน ก็ปรี่เข้ามาหานางชมพูนุช ตรงเข้ามาด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย ก่อนที่จะเข้าทำร้ายนายสกุล อย่างบ้าคลั่ง จนเกิดการต่อสู้กัน สุดท้ายนายอภิชาติสู้นายสกุลไม่ได้ จึงหันไปคว้ามีดทำครัวยาว 6 นิ้ว ที่อยู่ใกล้ๆ มือ จ้วงแทงหัวนายสกุลเลือดสาด ก่อนที่จะขึ้นคร่อมแทงหน้าอกและแขนจนเหยื่อคมมีดนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นบ้าน


            ห้วงนั้น "ชมพูนุช" ช่วยอะไรสามีใหม่ไม่ได้เลย เนื่องจากถูกนายอภิชาติข่มขู่อยู่ตลอดเวลา เธอจึงวิ่งหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน แต่ก็ยังไม่วายถูกนายอภิชาติ ถีบประตูห้องพังเข้าไปทำร้ายถึงบนเตียงนอน


            นายอภิชาติสวมวิญญาณโหด ใช้มีดเล่มเดียวกันจ้วงแทง "ชมพูนุช" ที่ร้องวิงวอนขอชีวิตเสียงหลงอย่างเลือดเย็น มันกะซวกเธอเข้าที่กลางหน้าอกและขาเป็นแผลเหวอะหวะถึง 7 แผล เท่านั้นยังไม่พอ ยังปาดคอซ้ำจนตายคามือ


            หลังก่อเหตุนายอภิชาติทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้เชือกไนลอนผูกคอกับขื่อบ้านเป็นศพที่สามตายตามกันไป


            สยองบ้านหลังนี้ถึง 3 ราย!!


            หลังเกิดเหตุร้าย นางลัดดา แซ่โค้ว อายุ 54 ปี น้าสาวของ "ชมพูนุช" รีบแจ้งตำรวจทันที อึดใจเดียว พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.ท.ชาญชาตรี สีดาคำ พงส.(สบ 3) สน.บุคคโล พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่บ้านเลขที่ 334 ซึ่งเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้หลังนี้


            ในบ้านพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจัดกระจาย ในห้องนอนพบ ศพน.ส.ชมพูนุช ถูกแทงตายจมกองเลือดอยู่บนเตียง ใกล้กันเป็นศพของนายอภิชาติ ที่ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองโดยการผูกคอตายด้วยเชือกไนลอน ส่วนนายสกุลพลเมืองดีพยายามหามส่งโรงพยาบาล แต่ทว่าเสียชีวิตลงก่อนหน้านั้น


       ตำรวจสอบปากคำ นางลัดดา แซ่โค้ว อายุ 54 ปี น้าสาวของน.ส.ชมพูนุช ให้การว่า "ชมพูนุช" พยายามหนีนายอภิชาติมาตลอด เพราะถูกนายอภิชาติซ้อมเป็นประจำ บางทีก็ถูกเอาเครื่องชอร์ตไฟฟ้าทำร้าย บางทีก็ตบกระทืบ จนสะบักสะบอม จึงหนีมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ และคบหาอยู่กับนายสกุลจนมีลูกด้วยกัน


            "สงสารก็แต่ลูกๆ ทั้ง 3 คน ของหลานสาว ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะอยู่กันอย่างไร เพราะพ่อแม่ตายหมดแล้ว ฉันก็คงต้องหาเลี้ยงไปตามมีตามเกิด เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็นึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิดเรื่อง เพราะนายอภิชาติเป็นคนขี้หึงและอารมณ์ร้อน ก็ได้แต่คอยเตือนหลานสาวอยู่บ่อยๆ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้" นางลัดดา กล่าวทิ้งท้าย


            เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เกิดจากการที่นายอภิชาติหึงหวงภรรยาเก่า เมื่อเข้าไปเห็นว่าอยู่กับสามีใหม่ในบ้านจึงเกิดโมโหบุกเข้าไปทำร้ายใช้มีดแทงเหยื่อทั้งสอง ก่อนตัดสินใจผูกคอตาย


            เกิดเหตุสลดขึ้นในที่สุด
ข้อมูลจากข่าวสด


Create Date : 08 มิถุนายน 2553
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 8:18:17 น. 0 comments
Counter : 1031 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.