นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด 2

หลังได้รับรายงานจากสตีฟ เทเลอร์จึงย้อนกลับไปตามทางที่เพิ่งจากมา เมื่อเข้าไปในห้องชันสูตรเขาจึงออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจสภาพร่างกายของผู้เสียชีวิต

 

 

“นำเสื้อผ้าและทรัพย์สินส่วนตัวของเขาไปที่ห้องพิสูจน์หลักฐาน ผมต้องการรู้ข้อมูลของผู้ตายทั้งหมดภายในหนึ่งชั่วโมง”

 

 

เขาหันไปมองแพทย์ที่เริ่มลงมือตรวจบาดแผล

 

 

“พูดกับผมด้วยหมอ”

 

 

 

แพทย์ชันสูตรขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะโดยปรกติแล้วเทเลอร์จะไม่ค่อยลงมายุ่มย่ามในห้องชันสูตร แต่เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เขาต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่หน่วยไปถึงสองคน นายแพทย์ท่านนั้นจึงกล่าวตอบแต่โดยดี

 

 

“เขามีรอยแผลฉีกขาดบริเวณท้อง มือและขาคาดว่าเป็นฝีมือของหมีหรือสุนัขป่า จากสภาพร่างกายที่แข็งเกร็งบิดเบี้ยวบอกว่าชายคนนี้ได้รับความทรมานก่อนตาย แต่เท่าที่ตรวจดูเบื้องต้นถึงจะมีบาดแผลแต่ผมยังไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ”เขาแตะคราบที่เปรอะเปื้อนรอบปากของศพ”มีของเหลวอยู่รอบปาก บอกไม่ได้ว่าเป็นน้ำลายหรือสารเคมี”

 

 

เขามองหน้าเทเลอร์

 

 

“ผมยังบอกสาเหตุการตายไม่ได้จนกว่าจะผ่าพิสูจน์”

 

 

“ผมจะรอ”เทเลอร์พูดเสียงเรียบและถอยหลังออกห่างพอสมควร เขาข่มใจไม่เอ่ยปากถามหรือพูดอะไรออกมาเลยสักคำเพราะกลัวว่าจะเป็นขัดขวางการทำงานของแพทย์ ระหว่างการตรวจอวัยวะภายในของผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้ก้าวเข้ามาพร้อมใบรายงานผลการตรวจสารเคมีในเลือด แพทย์ชันสูตรถึงกับขมวดคิ้ว

 

 

“เขาอยู่ในสภาวะอินซูลิโนมา (Insulinoma)”

 

 

“ขอภาษาชาวบ้านด้วยหมอ”เทเลอร์พูด อีกฝ่ายจึงยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พร้อมกับอธิบาย

 

 

“มันเป็นความผิดปรกติของตับอ่อนที่ผลิตอินซูลินขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ”เขาถอนใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นเทเลอร์ทำหน้าเป็นเชิงช่วยขยายความเพิ่มขึ้นอีกหน่อย “ตามปรกติตับอ่อนจะผลิตอินซูลินก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้นจากกลูโคสเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อมีอินซูลินในกระแสเลือดมากเกินไป กลูโคสในกระแสเลือดจะลดต่ำกว่าปรกติที่ควรเป็น”

 

 

พูดพลางล้วงมือเข้าไปในช่องท้องศพและดึงก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งออกมา

 

 

“นี่เป็นสาเหตุอาการป่วยของเขา”

 

 

เขาวางอวัยวะภายในชิ้นนั้นลงในชามรูปไตและส่งให้เทเลอร์ อีกฝ่ายรับมาพิจารณา

 

 

“ตับอ่อน”

 

 

แพทย์ประจำห้องชันสูตรผงกศีรษะพร้อมกับชี้ไปยังจุดที่มีก้อนเนื้อตะปุ่มตะป่ำ

 

 

“เนื้องอกตับอ่อน มันทำให้เกิดความผิดปรกติในการผลิตอินซูลินส่งผลให้กลูโคสในกระแสเลือดลดต่ำลง”

 

 

เทเลอร์พยักหน้าช้าๆก่อนจะถาม

 

 

“แล้วมันมีผลต่อเขายังไง”

 

 

“ถ้าระดับกลูโคสในเลือดมีน้อยเกินไป จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด หมดแรง ถ้าคนป่วยอยู่ในสภาพอ่อนแอหรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต”

 

 

“ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายคนนี้จะออกมาเดินป่าตามลำพัง”เทเลอร์พูดพลางอ่านรายชื่อสิ่งของที่อยู่ในตัวของผู้ตายและพูดต่อ”โดยไม่มียาสักเม็ด”

 

 

เขามองร่างไร้วิญญาณบนเตียงชันสูตร

 

 

“บางทีสิ่งที่ฆ่าเขาไม่ใช่สัตว์ป่าแต่เป็นการกระทำของพวกอิลูมิเนติค”

 

 

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น ทันทีที่เปิดรับเสียงปลายสายก็รายงานระรัว

 

 

“เกิดเรื่องแล้วครับ วลาร์ดนำรถขององค์กรออกไปโดยพละการ ผมตรวจดูจีพีเอสแล้วพบว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของร็อคนีย์”

 

 

“ให้แฮมเมอร์ตามเขาไปเดี๋ยวนี้ เราต้องห้ามวลาร์ดก่อนเขาจะไปถึงที่นั่น”

 

 

เทเลอร์ปิดโทรศัพท์และมองแพทย์ชันสูตรที่กำลังยืนถือมีดค้าง

 

 

“ไม่มีอะไร เชิญทำงานของคุณต่อ ผมต้องการรายงานทุกอย่างรวมทั้งชื่อของผู้ตายภายในสามสิบนาที”

 

 

*/*/*/*/*

 

 

เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบกับสีหน้าของบรรดาหมอกับพยาบาลที่แสดงความตื่นตระหนกแกมประหลาดใจสร้างความสงสัยต่อวูล์ฟจนต้องละจากเตียงและเดินเข้าไปถาม

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”

 

 

พยาบาลนางหนึ่งหันมาทางหนุ่มหมาป่าพร้อมกับพูดเชิงดุ

 

 

“ลงจากเตียงทำไม คุณต้องพักผ่อนให้มาก”

 

 

“ผมนอนมาพอแล้ว”วูล์ฟตอบพลางหันมองไปโดยรอบ”เจ้าผีดิบหายไปไหน”

 

 

นางพยาบาลต่างหันไปสบตากัน คนที่ดุวูล์ฟเป็นผู้ตอบ

 

 

“เขาออกไปทำธุระข้างนอก”

 

 

“งั้นหรือ”หนุ่มหมาป่าทำท่าจะเดินกลับเตียงแต่กลับหยุดชะงักและหันมาถาม

 

 

“แล้วคุณสมิธล่ะครับ ผมไม่เห็นเขาตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว”

 

 

คราวนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพยาบาลถึงกับเงียบกริบ ดร.วินเซ็นต์ซึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของวูล์ฟจึงตอบ

 

 

“คุณสมิธกับวลาร์ดออกไปทำงาน กลับไปนอนที่เตียงได้แล้ว”

 

 

หนุ่มหมาป่าไม่ยอมขยับ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนถาม

 

 

“มีสัตว์ทดลองปรากฏตัวขึ้นอีกหรือครับ”

 

 

“ผมไม่ทราบ” ดร.วินเซ็นต์พูดเสียงกระด้างพลางใช้มือดันวูล์ฟเบาๆ”ไม่ใช่เรื่องที่คนป่วยต้องกังวล ไปนอนพักผ่อนดีกว่าวูล์ฟ”

 

 

ตอนแรกหนุ่มหมาป่าจะทำตามคำแนะนำแต่สัมผัสของดร.วินเซ็นต์ที่เย็นเฉียบกว่าทุกครั้งทำให้เขาหันกลับมาจ้องหน้าและทำจมูกฟุดฟิด

 

 

“กลิ่นของหมอเหมือนตอนที่เกิดเรื่องกับคุณอันเดอร์ฮิลล์” เขาคว้าไหล่ดร.วินเซ็นต์และบีบค่อนข้างแรง”บอกผมมาตามตรงดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

น้ำหนักมือที่แรงผิดมนุษย์ทำให้แพทย์ประจำหน่วยต้องร้องลั่น พยาบาลคนหนึ่งจึงรีบบอก

 

 

“เกิดเรื่องกับคุณสมิธ ส่วนวลาร์ดออกไปข้างนอกโดยไม่แจ้งคุณเทเลอร์”

 

 

วูล์ฟไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอเท่าไหร่นัก เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำ

 

 

“ออกไปข้างนอกโดยไม่แจ้งคุณเทเลอร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพราะผีดิบเลือดเย็นอย่างหมอนั่นไม่มีวันทำอะไรผลุนผลันเหมือนคนไร้ความคิด”

 

 

คิ้วขมวดคลายออกเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

 

“เรื่องที่เกิดกับคุณสมิธร้ายแรงแค่ไหน” เขามองใบหน้าเผือดของดร.วินเซ็นต์ที่ยืนนิ่งไม่กล้าพูดและระเบิดคำพูดออกมาอย่างสุดกลั้น”บอกมา

 

 

“เรารู้แค่ว่าสมิธกับดิกสันถูกพวกอิลูมิเนติคทำร้าย ดิกสันตายคาที่ส่วนคุณสมิธหายไป”

 

 

ข่าวที่ได้ยินทำให้วูล์ฟถึงกับยืนตะลึง ร่างกายชาวูบตั้งแต่ปลายเท้าไล่ไปตามสันหลังขึ้นไปถึงหัว หนุ่มหมาป่ารู้สึกเหมือนสมองของตัวเองหดเล็กลง มือที่บีบดร.วินเซ็นต์คลายออกโดยไม่รู้ตัว

 

 

“คุณสมิธตาย อย่างงั้นเหรอ”เขาพูดเสียงแผ่วพร้อมกับเซถอยหลังออกไปสองสามก้าว ความตระหนกจากข่าวที่ได้รับทำให้หนุ่มหมาป่ารู้สึกมึนงงเหมือนโดนค้อนกระหน่ำทุบลงบนหัว หลังจากยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจดวงตาสีน้ำตาลก็เบิกว้างขึ้น เขาหันหน้ามองออกไปนอกอาคารและพูดเสียงดัง”งั้นที่เจ้าผีดิบทำแบบนี้ก็เพื่อออกไปตามล่าฆาตกร”

 

 

เขาวิ่งไปที่หน้าต่างและทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไป ดร.วินเซ็นต์รีบดึงแขนเอาไว้พร้อมกับร้องห้าม

 

 

“ทำแบบนี้ไม่ได้นะวูล์ฟ”

 

 

หนุ่มหมาป่านิ่วหน้าและหันมาตอบเสียงห้วน

 

 

“ผมไม่ยอมปล่อยให้วลาร์ดออกไปคนเดียว”

 

 

“ผมทราบ ตอนนี้คุณเทเลอร์สั่งให้แฮมเมอร์ตามออกไปแล้ว”ดร.วินเซ็นต์มองหน้า

 

วูล์ฟก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเชิงสั่ง“คุณเป็นคนป่วยไม่ควรเคลื่อนไหวไปมา กลับไปนอนรอฟังข่าวที่ห้องดีกว่า”

 

 

“ไม่

 

 

หนุ่มหมาป่าพูดสั้นๆพร้อมกับปัดมือแพทย์ประจำหน่วยออกจากนั้นจึงกระโดดลงจากหน้าต่างไปยังด้านล่างท่ามกลางเสียงร้องอุทานด้วยความตระหนก เมื่อห้ามวูล์ฟไม่สำเร็จดร.วินเซ็นต์จึงวิ่งไปหยิบโทรศัพท์และกรอกคำพูดลงไปทันที

 

 

“วูล์ฟกำลังตามวลาร์ดไปครับ”

 

 

เสียงเทเลอร์กล่าวตอบกลับมา ดร.วินเซ็นต์จึงกล่าวรับคำก่อนจะวางสายและเบนสายตาไปยังด้านนอกมองทิวไม้ที่กำลังไหวเอนไปตามแรงลมด้วยความเป็นห่วงและหนักใจ   

 

 

หลังจากหนีออกมาจากหน่วยแล้ววูล์ฟหยุดยืนอยู่กลางถนนและยืดใบหน้าขึ้นเพื่อสูดหากลิ่นของคนที่กำลังตามหา แต่กลิ่นที่ชัดเจนกว่ากลับเป็นของแฮมเมอร์ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งผ่านไป หนุ่มหมาป่ามองถนนที่คดเคี้ยวราวกับงูก่อนตัดสินใจกระโจนเข้าไปในป่า ด้วยความเร็วเหนือคนธรรมดาทั่วไปไม่ช้าเขาก็ไปโผล่บนถนนสายเดียวกันแต่ห่างจากหน่วยเกือบสองไมล์ ยืนรอไม่กี่นาทีรถของหน่วยก็เลี้ยวมาตามโค้ง วูล์ฟจึงกระโดดขวางทาง แฮมเมอร์อุทานลั่นพร้อมกับเหยียบเบรกจนตัวโก่งยังไม่หายจากการตระหนกเขาก็ตกใจอีกครั้งเมื่อหนุ่มหมาป่าเปิดประตูเข้าไปในรถ

 

 

“วูล์ฟ”แฮมเมอร์พูดออกมาได้เท่านั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบวูล์ฟก็คว้ามันไปเสียก่อน

 

 

“ขับไป”เขาพูดสั้นๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามหนุ่มหมาป่าจึงบีบโทรศัพท์เครื่องนั้นจนแหลกคามือ แฮมเมอร์รีบเหยียบคันเร่งพารถพุ่งออกไปทันที

 

 

“คุณทำแบบนี้ทำไม”เขาถามหลังจากขับไปได้สักพัก วูล์ฟโยนซากมือถือไปบนหน้ารถก่อนตอบ

 

 

“เพราะคุณไม่มีวันห้ามวลาร์ดได้”

 

 

“คุณเทเลอร์สั่งให้ใช้ยาสลบ”แฮมเมอร์อธิบายและหุบปากนิ่งเมื่อหนุ่มหมาป่าจ้องกลับมาด้วยดวงตาวาว

 

 

“นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมต้องมา” เขาเบนสายตากลับไปที่ถนนอีกครั้ง”ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”

 

 

แฮมเมอร์ชำเลืองมองวูล์ฟก่อนจะเริ่มต้นเล่าตั้งแต่เชื้อแบคทีเรียที่พบในเลือดมนุษย์หมาป่า คำขู่จากไรซิน ไปจนถึงสมิธกับดิกสันสะกดรอยตามร็อคนีย์และถูกฆ่าตายในเวลาต่อมา หนุ่มหมาป่านั่งฟังทุกอย่างจนจบจึงพูดขึ้น

 

 

“ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของวลาร์ดแต่ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้น”

 

 

“เขาโกรธน่ะครับ”แฮมเมอร์พูดพร้อมกับชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นรถบรรทุกคันใหญ่วิ่งสวนทางมา”เพื่อนร่วมงานตายซ้อนกันถึงสองคนแบบนี้ต่อให้ใจเย็นแค่ไหนก็สติแตกได้”

 

 




Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2556 23:47:11 น.
Counter : 359 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog