นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 16 เหยื่อทดลองรายแรก (2)

โทมัสเดินอย่างรีบเร่งตรงไปยังห้องทำงานของศาสตราจารย์แลงคาสเตอร์ เขาภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เธออยู่ตามลำพังเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขาขอเข้าพบรองอธิการบดีเป็นการส่วนตัว ระหว่างเดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ เด็กหนุ่มต้องหยุดชะงักเมื่อใครบางคนเอ่ยทัก

 

            “จะรีบไปไหนกัน คุณเฮลเลอร์สไตน์”

 

            น้ำเสียงทุ้มเยือกเย็นแต่ทรงพลังทำให้โทมัสรู้ในทันทีว่าผู้เรียกคือใคร เขาหมุนตัวหันกลับไปมองพร้อมกับพูด

 

            “ไรซิน”

 

            “ดีใจจริงที่จำผมได้” อีกฝ่ายพูดพลางชำเลืองตาไปยังอาคารสีขาวที่อยู่ไม่ไกลนักราวล่วงรู้เป้าหมายของโทมัสก่อนถามเสียเงรียบ “ผมมารบกวนคุณหรือเปล่า”

 

            “ก็ไม่เชิง” โทมัสตอบและยืนลังเลอยู่อึดใจก่อนถาม “คุณมาที่นี่ทำไม”

 

            ไรซินยิ้มในหน้า

 

“ผมมาพาคุณไปเยี่ยมชมห้องวิจัย” เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อเหมือนรู้ถึงความกังวลของโทมัส “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมแจ้งเรื่องนี้ให้รองอธิการบดีทราบแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่คุณว่าจะตัดสินใจยังไง”

 

โทมัสกำเครื่องหมายอิลูมเนติคที่อยู่ในกระเป๋าและตัดสินใจบอกความตั้งใจของเขา

 

“ผมยินดีไปกับคุณแต่ยังไม่ให้คำตอบจนกว่าจะได้เห็นว่าห้องวิจัยของอิลูมิเนติคค้นคว้าเรื่องอะไรกันแน่”

 

ไรซินยิ้มกับคำพูดของเขา

 

“นั่นสินะเรื่องแบบนี้มันต้องเห็นกับตา แต่รับรองได้เลยว่าคุณจะชอบ”

 

พูดจบมนุษย์พิษเดินนำไปยังรถยนต์หรูสีดำสนิทซึ่งจอดรอบนถนนไม่ห่างจากพวกเขาเท่าใดนัก ชายในชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ข้างรถก้มศีรษะให้กับไรซินก่อนจะเปิดประตูด้วยท่าทางนอบน้อม แต่มนุษย์พิษกลับผายมือให้โทมัสขึ้นก่อนส่วนตัวเขาเดินไปเปิดประตูอีกด้านและเข้าไปนั่งทางนั้น เมื่อผู้โดยสารทั้งสองประจำที่เรียบร้อยแล้วรถยนต์คันนั้นจึงเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินส่วนบุคคลที่อยู่นอกเมืองและออกเดินทางต่อโดยเฮลิคอปเตอร์

 

            ตลอดการเดินทางไรซินไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาเลยสักคำ โทมัสจึงมองลงไปยังเบื้องล่างและดูยอดไม้เคลื่อนผ่านไปพลางครุ่นคิด เขาไม่ได้กังวลเรื่องห้องวิจัยเท่าใดนักเมื่อนึกถึงมุมมองอีกด้าน หากนี่เป็นเพียงเรื่องเล่นตลกของพวกเลือดสีน้ำเงินที่ต้องการสร้างความอับอายให้กับเขาก็นับว่าเป็นการลงทุนที่ไม่น้อย แต่สำหรับลูกคนโปรดของบรรดามหาเศรษฐีและชนชั้นสูงแล้วมันอาจเป็นแค่เงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดูเหมือนความคิดครั้งนี้จะแสดงออกมาทางใบหน้าเพราะ

 

ไรซินซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทางเอ่ยปากพูด

 

            “มีอีกเรื่องที่อยากให้คุณรู้ กลุ่มไร้สาระอะไรนั่นจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับคุณอีกต่อไป”

 

            “คุณหมายถึงพวกเลือดสีน้ำเงินอย่างนั้นหรือ” โทมัสถาม “เป็นไปได้ยังไงในเมื่อ...” เขากลืนคำว่าอาจารย์กลับลงไปในลำคอ ดูเหมือนไรซินจะรู้เรื่องราวทุกอย่างเพราะเขาพูดสั้นๆว่า

 

            “เพราะมันเป็นคำสั่งของผม”

 

            โทมัสนึกถึงจดหมายที่ทำให้พวกอาจารย์หน้าซีดและหลุดคำพูดออกมาเบาๆ

 

            “ที่แท้ก็เป็นคุณ”

 

            ไรซินไม่สนใจกิริยาของเด็กหนุ่มเท่าใดนัก เขามองตรงไปข้างหน้าก่อนจะพูดเสียงเรียบ

 

            “บ้านใหม่ของคุณอยู่ข้างหน้า คุณเฮลเลอร์สไตน์”

 

            โทมัสมองตามสายตาไรซิน ภาพที่เห็นเบื้องล่างคือคฤหาสน์หลังใหญ่ท่ามกลางผืนป่า มันถูกบดบังด้วยต้นไม้หนาทึบ เมื่อมองจากด้านบนจะไม่มีทางเห็นหากไม่สังเกตให้ดี แต่ไม่ว่าจะดูในมุมไหนเด็กหนุ่มก็มองไม่ออกว่ามันคือสถาบันค้นคว้าวิจัย แม้ว่าจะลงมาจากเจ้าเครื่องบินปีกหมุนจนมาหยุดยืนหน้าคฤหาสน์หลังงามแล้วก็ตาม

 

“อย่าบอกนะครับว่านี่คือสถาบันวิจัยของคุณ” โทมัสพูดทั้งสายตายังคงไล่มองไปโดยรอบ ไรซินยิ้มน้อยๆ

 

“ถูกต้อง” เขาเดินนำเข้าไปด้านในผ่านประตูไม้งามวิจิตรจนถึงโถงกว้างและก้าวต่อไปจนถึงชุดเกราะโบราณที่วางประดับไว้มุมห้องจึงหยุด มือยื่นไปจับใบหอกและบิดซ้ายขวาสลับกันสามครั้ง เสียงกริ๊กเบาๆมาจากทางด้านหลัง โทมัสจึงหันไปมอง สิ่งที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างเมื่อผนังห้องด้านหนึ่งเปิดออกเผยให้เห็นประตูกลทันสมัยภายใน

 

ไม่รอให้อีกฝ่ายต้องเอ่ยปากถาม ไรซินเดินไปที่ประตูกลและกดรหัสตัวเลขบนแป้นพิมพ์ มันเลื่อนออกอย่างเงียบกริบเมื่อโทมัสมองลึกเข้าไปจึงเห็นว่าด้านในเป็นช่องทางเดิน

 

“ตามผมมา” มนุษย์พิษพูดก่อนจะก้าวนำเข้าไปด้านใน แต่พอเดินได้เพียงสองหรือสามเมตรเขาก็หยุดและยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ไม่จำเป็นต้องถามโทมัสก็พอจะเดาออกว่าถึงจุดที่จะต้องใช้รหัสผ่านตัวต่อไป เขายืนมองไรซินวางมือลงบนแท่นปล่อยให้เข็มขนาดเล็กเจาะนิ้วทั้งห้า ไม่ถึงสองวินาทีเสียงคอมพิวเตอร์ก็พูดขึ้น

 

“ยินดีต้อนรับค่ะท่านหัวหน้าไรซิน”

 

ผนังด้านข้างเปิดออก มนุษย์พิษจึงเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไร แม้จะเป็นช่องทางทึบที่มีแค่แสงไฟสีนวลที่ให้ความสว่างดุจแสงตะวันแต่ความรู้สึกของโทมัสบอกว่า เขากำลังก้าวลึกลงไปในใต้ดิน

 

ไรซินเดินตรงไปจนกระทั่งสุดทางจึงหยุด โทมัสหันมองด้วยความฉงนเพราะทั้งซ้ายและขวาเป็นผนังสีขาว ไม่มีร่องรอยของช่องทางเปิดหรือประตู แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม จู่ๆก็มีลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากทั้งสองด้าน มันฉายวาบไปบนร่างของไรซินไล่ไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เสียงคอมพิวเตอร์ดังมาจากด้านบน

 

“ข้อมูลถูกต้อง เชิญผ่านเข้าไปได้”

 

ผนังที่คิดว่าเป็นทางตันครั้งแรกเลื่อนเปิดออก โทมัสถึงกับยืนอึ้งเมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาคือห้องปฏิบัติการที่มีอุปกรณ์ทันสมัยกว่าห้องทดลองหรือห้องวิจัยที่เขาเคยพบมาทั้งหมด ความตื่นเต้นในสิ่งที่ได้เห็นทำให้เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างลืมตัว ไรซินมองกิริยาของเขาด้วยความพอใจก่อนจะพูด

 

“ยินดีต้อนรับสู่สถาบันวิจัย”

 

“มหัศจรรย์มาก” โทมัสหลุดคำแรกออกมาจากปาก “มันช่างเป็นห้องวิจัยที่วิเศษที่สุด”

 

“นี่เป็นเพียงแค่ห้องรับแขก” ไรซินพูดพลางผายมือไปข้างหน้า “ห้องวิจัยที่แท้จริงอยู่ด้านใน”

 

เขาก้าวนำทันทีที่พูดจบ โทมัสรีบเดินตามอย่างกระตือรือร้น ยิ่งเมื่อได้เห็นการทดลองซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในแง่การพัฒนาด้านพันธุกรรมด้วยแล้วเด็กหนุ่มแทบจะถลาเข้าไปมีส่วนร่วมในงาน เขาเดินผ่านห้องทดลองต่างๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนลืมความกังขาและเงื่อนไขที่ตัวเองตั้งไว้

 

“งานของคุณน่าสนใจมาก” โทมัสพูดขณะมองนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเปิดกะโหลกกระต่ายเพื่อฝังอะไรบางอย่างลงไป “แต่ถ้าพัฒนาเป็นเซรุ่มแล้วฉีดเข้ากระแสเลือดไม่ง่ายกว่าหรือครับ”

 

เขาเสนอความคิดเห็นอย่างอดไม่ได้ ไรซินสั่นศีรษะ

 

“มันให้ผลเร็วก็จริง แต่มีความผันแปรง่าย ครึ่งหนึ่งของสัตว์ทดลองจะกลายพันธุ์ มีสภาพเป็นผีดิบหรือซอมบี้ซึ่งเราไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้”

 

“แล้วการฝังดีกว่าแบบฉีดยังไง”

 

“มันเป็นการพัฒนา ถึงจะช้าแต่ให้ผลดีเยี่ยม สัตว์ทดลองยังคงมีสติปัญญาแต่อยู่ภายใต้การควบคุม เราสามารถสั่งให้มันทำอะไรก็ได้”

 

โทมัสพยักหน้าช้าๆ ไรซินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสนใจก่อนพูด

 

“ความจริงสัตว์พวกนี้เป็นเพียงงานเริ่มต้น ถ้าสนใจผมจะพาไปดูผลงานที่แท้จริงของพวกเรา”

 

เด็กหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนผงกศีรษะรับ เขาเดินตามมนุษย์พิษลึกเข้าไปด้านในจนกระทั่งถึงประตูโลหะที่ดูแปลกไปจากที่อื่นจึงหยุด ไรซินหันมาทางเขาพร้อมกับพูด

 

“สิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้คืองานวิจัยหลักของเรา คนที่รู้มีเพียงนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น หากเป็นคนนอกหลุดหลงเข้ามาเห็น เขาจะได้ออกไปในสภาพไร้ชีวิต ดังนั้นตัดสินใจให้ดีคุณเฮลเลอร์สไตน์ ว่าจะหยุดอยู่ตรงนี้หรือเดินไปกับพวกเรา”

 

จิตใต้สำนึกเตือนให้โทมัสรู้ว่า คนที่กำลังยืนอยู่กับเขาคือบุคคลอันตรายและงานวิจัยหลังประตูโลหะอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เลือดของนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในตัวกลับบอกให้เขาพูดในสิ่งตรงกันข้าม

 

“ผมขอเดินไปกับคุณ”

 

ไรซินยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกดปุ่มเปิดประตู เขาเดินนำไปยังห้องแรกและหันมามองโทมัส

 

“นี่คืองานวิจัยของผม” พูดพลางเบนหน้ากลับไปในห้องอีกครั้ง โทมัสมองตามและเบิกตากว้างเมื่อเห็นนักวิทยาศาสตร์สี่คนกำลังยืนรายล้อมเตียงซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ ทันทีที่เห็นไรซิน หนึ่งในนั้นจึงถาม

 

“จะให้ดำเนินการต่อไหมครับ”

 

“จัดการได้เลย” มนุษย์พิษตอบ นักวิทยาศาสตร์ทั้งสี่จึงเริ่มลงมือเปิดกะโหลกชายคนนั้นและฝังอะไรบางอย่างลงไปในสมอง โทมัสยืนมองด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

 

“คุณฝังอะไรลงไปในตัวเขา”

 

“ปรสิต” ไรซินตอบ “สายพันธุ์พิเศษที่ผมสร้างขึ้นมาเอง ถ้าอยากรู้ว่าผลจะเป็นยังไงให้ตามผมมา”

 

พูดจบก็เดินนำไปยังห้องถัดไป โทมัสถึงกับผงะเมื่อเห็นอมนุษย์หน้าตาอัปลักษณ์กำลังดิ้นรนอยู่ภายใต้เครื่องพันธนาการ

 

“สำหรับเขา มันเป็นการทดลองที่ผิดพลาด แต่ไม่เป็นไรเพราะเรายังใช้ได้อยู่”

 

โทมัสมือไม้เริ่มสั่น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงก่อนจะปล่อยคำถามให้หลุดรอดผ่านลำคอ

 

“แล้วคุณเคยทำสำเร็จบ้างหรือเปล่า”

 

ไรซินยิ้มและมองผ่านเด็กหนุ่มไปยังด้านหลัง แทนที่จะตอบเขากลับเอ่ยถามเสียงเรียบ

 

“มีอะไร”

 

“ผมมารายงานเรื่องการนัดพบกันของกลุ่มเลือดใหม่” คาร์เพนเตอร์ตอบพลางยื่นซองเอกสารให้ในขณะเดียวกันก็ชำเลืองมองโทมัสด้วยหางตา

 

“เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ” ไรซินพูด “มีแค่นี้ใช่ไหม”

 

“เมื่อคืนนี้สัตว์ทดลองทั้งหมดถูกพวกนักล่าจัดการ”

 

รายงานนี้ทำให้มนุษย์พิษเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

“พวกนักล่าออกมาทำงานได้แล้วหรือ” เขายิ้มมุมปาก “เก่งไม่เบาเลยนี่เจ้าหนูแวมไพร์”

 

ไรซินเคาะซองกระดาษกับมือเหมือนกำลังใช้ความคิด คาร์เพนเตอร์จึงถามอย่างสุภาพ

 

“มีคำสั่งเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ”

 

“ไม่ กลับไปทำงานของคุณได้คาร์เพนเตอร์”

 

โทมัสมองเจ้าหน้าที่อันเทสต์ที่กำลังเดินห่างออกไปอย่างครุ่นคิด แต่สิ่งที่อยู่ในหัวทั้งหมดต้องหยุดนิ่งเมื่อไรซินพูดขึ้น

 

“เขาคืองานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ”

 

เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมามองด้วยสายตาคาดไม่ถึงและยืนอึกอักราวสองหรือสามวินาทีจึงถาม

 

“ผมได้ยินคุณพูดว่าแวมไพร์”

 

“ใช่” ไรซินตอบ “คุณคงไม่รู้หรอกว่าโลกที่พวกเราอยู่มีสิ่งเร้นลับมากมาย ภูตผีปิศาจและอสูรร้ายมีตัวตนจริง”

 

“ผมไม่เข้าใจ คุณกำลังพูดถึงอะไรกันแน่”

 

“ผมกำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์อย่างแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า หรือปิศาจอย่าง

 

การ์กอยล์” ไรซินพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง “พวกมันมีจริง”

 

            สิ่งที่ได้ยินทำให้โทมัสยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน เขาแทบไม่เชื่อว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งเฉลียวฉลาดและเก่งกาจอย่างไรซินจะเชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้ ดูเหมือนความคิดของเขาจะดังไปถึงหูของอีกฝ่ายเพราะมนุษย์พิษพูดขึ้น

 

“มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหล คุณเฮลเลอร์สไตน์”

 

“แต่ทั้งมนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์เป็นเพียงนิทานหลอกเด็กเท่านั้น”

 

“ถูกโกหกให้กลายเป็นเรื่องหลอกเด็กต่างหาก” ไรซินพูดเสียงเนิบเย็น “ถ้ายังไม่เชื่อก็ตามมา ผมจะให้คุณดูข้อพสูจน์ว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง”

 

ไรซินหมุนตัวเดินนำ โทมัสยืนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดครู่หนึ่งจึงรีบก้าวตามและหยุดเมื่อเห็นมนุษย์พิษกำลังยืนจ้องอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้อง ตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าอาจจะเป็นมนุษย์ทดลองอีกคนแต่พอเห็นชัดเต็มตาแล้วเขาถึงกับยืนตกตะลึงตัวแข็ง เพราะสิ่งที่อยู่ในห้องเป็นมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่มีขนยาวรุงรัง สิ่งชวนสยองขวัญมากที่สุดก็คือใบหน้าที่หมือนหมาป่า

 

“นี่คือหลักฐาน” เสียงไรซินดึงสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงกลับคืนมา โทมัสสูดลมหายใจเพื่อเรียกความกล้ากลับคืนก่อนพูด

 

“ผมว่ามันเป็นผลจากการทดลองของคุณมากกว่า”

 

ข้อสันนิษฐานของเด็กหนุ่มทำให้ไรซินยิ้ม

 

“ถูกแค่ครึ่งเดียว” เขากดปุ่มบนแผงหน้าห้อง ภาพดวงจันทร์จำลองเลือนหายไป มนุษย์หมาป่าที่กำลังร้องคำรามหยุดอาละวาดในบัดดล แต่พอเขากลับคืนสภาพโทมัสถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกับอุทาน

 

“คูเปอร์เขาหันไปมองไรซินที่ยังคงยืนยิ้ม “คุณทำอะไรกับเขา”

 

“แค่ดึงสัญชาตญาณเดิมออกมา” มนุษย์พิษตอบอย่างใจเย็น เขามองโทมัสที่กำลังยืนตัวสั่นแล้วยิ้ม “ไม่คิดว่ามันเป็นผลตอบแทนที่สาสมหรอกหรือ”

 

“ผลตอบแทนเรื่องอะไร”

 

“สิ่งที่เขาเคยทำกับคุณ” ไรซินตอบ โทมัสกำหมัดแน่นก่อนส่ายหน้า

 

“ถึงคูเปอร์จะเป็นคนนิสัยไม่ดีแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนต้องโดนอะไรแบบนี้”

 

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้มนุษย์พิษเลิกคิ้วสูง

 

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของคนที่เคยใช้พิษหอยทะเลกับเขา” ไรซินมองใบหน้าฉงนน้อยๆของอีกฝ่าย “ถูกต้องผมรู้ และรู้ด้วยว่าคนคนนี้เลวร้ายจนถึงขนาดออกคำสั่งฆ่าคน และเหยื่อคนนั้นคือว่าที่นักวิทยาศาสตร์คนใหม่ของผมเอง”

 

โทมัสนึกถึงริชาร์ด ซิมส์สัน นักศึกษาที่ถูกพบเป็นศพกลางป่า ถึงจะมีข่าวลือและตัวคูเปอร์เป็นคนพูดทำนองว่าเป็นการกระทำของเขาซึ่งเด็กหนุ่มคิดว่ามันเป็นเพียงคำอวดอ้างเพื่อสร้างบารมี คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นความจริง

 

“ถ้าเขาเป็นคนทำเราควรส่งให้ตำรวจ”

 

“คุณก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือว่ากฏหมายทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้” ไรซินพูดพลางหันไปมอง

 

คูเปอร์ซึ่งกำลังยืนคอพับคออ่อน “และที่เขาโดนทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะการฆ่าคน มันมาจากเหตุผลที่ว่า เขาไม่สมควรเข้ามาอยู่ในองค์กรของพวกเรา”

 

            มนุษย์พิษหันกลับมาที่โทมัสอีกครั้ง

 

            “คุณได้รับของจากศาสตราจารย์แลงคาสเตอร์แล้วใช่ไหม”

 

            โทมัสนึกถึงตราโลหะได้ในทันที ไรซินยิ้มน้อยๆ

 

            “นั่นคือเครื่องหมายประจำองค์กรของเรา”

 

            “อิลูมิเนติค” โทมัสต่อประโยค มนุษย์พิษพยักหน้ารับ

 

            “ถูกต้อง และคุณน่าจะรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่ผมสร้างมหาวิทยาลัยขึ้นมาก็เพื่อคัดเลือกคนมีฝีมือให้มาทำงานกับพวกเรา แน่นอนว่ามีบางคนปฏิเสธแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่สร้างความลำบากใจให้กับผมก็คือระดับสติปัญญาของแต่ละคน เพื่อแก้ปัญหานี้ผมจึงกำหนดกลุ่มขึ้นมาสามกลุ่มนั่นก็คือจักษุดารา อหังการ์ราชสีห์และไพรีตรีศูล คุณพอจะคิดออกไหมว่าทำไมผมจึงทำเช่นนั้น”

 

            ประโยคสุดท้ายเขาถามโทมัส เด็กหนุ่มตอบโดยแทบไม่ต้องคิด

 

            “เพื่อแยกประเภท จักษุดาราคือคนฉลาด อหังการ์ราชสีห์คือคนกล้าส่วนไพรีตรีศูลน่าจะเป็นพวกที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดแต่ซื่อสัตย์ที่สุด”

 

            “ถูกต้อง” ไรซินพูดด้วยความพอใจ “แต่ถ้าจะพูดให้ละเอียดก็คือ จักษุดาราจะถูกคัดกรองอีกครั้งเพื่อให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นเลิศ ส่วนอหังการร์ราชสีห์จะเป็นกลุ่มที่มีความผยอง กล้าได้กล้าเสีย พวกนี้จะถูกส่งให้ไปเป็นนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลสำหรับคอยเกื้อหนุนองค์กร ในขณะที่

 

ไพรีตรีศูลซึ่งแม้จะไม่ฉลาดแต่มีความภักดีเป็นเลิศ คนกลุ่มนี้จะถูกดึงให้เข้ามาอยู่ในหน่วยพิเศษของผมคอยทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครองห้องทดลองและทำงานทั่วไปหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ พวกเขาคือกองกำลังของผมนั่นเอง”

 

            “คูเปอร์ก็อยู่ในกลุ่มจักษุดารา ทำไมถึง...”

 

            “เพราะเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว ตาขาว โหดร้ายและที่สำคัญคืออวดดี ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เข้ามาเดินในห้องทดลอง”

 

            ไรซินพูดด้วยใบหน้าอำมหิต โทมัสหันไปมองคูเปอร์อีกครั้งก่อนพูดอย่างกังวล

 

            “ครอบครัวของคูเปอร์ไม่อยู่เฉยแน่ถ้าลูกชายหายตัวไป”

 

            “คนพวกนั้นสนใจแต่ชื่อเสียง เงินทอง อีกอย่างผมจัดการเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครคิดตามหาเขาแน่”

 

            ไรซินพูดเสียงเย็นและมองโทมัสด้วยดวงตาที่น่ากลัว

 

            “เลิกพูดเรื่องคนอื่นและหันมาสนใจเรื่องของเราดีกว่า คุณควรตัดสินใจได้แล้ว

 

เฮลเลอร์สไตน์”

 

            โทมัสหันกลับไปมองห้องทดลองที่เขาเดินผ่านมาและหยุดลงที่คูเปอร์ แน่นอนว่าเขาหวาดกลัวการกระทำของไรซินอยู่บ้างแต่ยังน้อยกว่าความกระหายในการค้นคว้า หัวใจที่เคยเต้นระรัวเพราะความตื่นเต้นลดระดับความเร็วลง ความกังขาทั้งหลายถูกปัดเป่าจนหลุดหายไป ในที่สุดเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจ

 

            “ถ้ามาทำงานที่นี่ กรุณาเรียกผมว่าโทมัส”

 

            “เมื่อเริ่มชีวิตใหม่คุณควรทิ้งอดีตทุกอย่างไป” ไรซินพูดพลางจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าแน่วนิ่ง ชื่อใหม่ของคุณก็คือ แอนแทรกซ์”

 

            โทมัสเงียบไปเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาในที่สุด

 

            “ผมชอบชื่อนี้” เขาหันไปมองคูเปอร์ “คุณจะทำยังไงกับเขาต่อไป”

 

            “นั่นเป็นคำถามของผม” มนุษย์พิษพูด “จะทำอะไรกับเหยื่อทดลองรายแรกของคุณ”

 

            โทมัสไม่ตอบแต่กลับหยิบชาร์ตรายงานการทดลองขึ้นมาดู แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นก่อนจะหันมาตอบ

 

            “มนุษย์หมาป่าที่มีเลือดเป็นโคโนทอกซิน”

 

 

*/*/*/*/*

 

 

 

 




Create Date : 17 มีนาคม 2556
Last Update : 17 มีนาคม 2556 12:13:51 น.
Counter : 472 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog