นักล่าแห่งรัตติกาล ภาคสัญลักษณ์เลือด บทที่ 10 โคโนท็อกซิน

บทที่ 10 โคโนท็อกซิน

คูเปอร์เฝ้าดูการสนทนาของคริสโตเฟอร์กับโทมัสอย่างหงุดหงิด เขารู้ดีว่าทั้งสองมีเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนแต่ฝ่ายหนึ่งมีฐานะอันสูงส่งซ้ำตอนนี้ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มเลือดสีน้ำเงินอันทรงเกียรติ ถึงจะเป็นนักศึกษาในกลุ่มจักษุดาราเหมือนกันแต่ฐานันดรต่างชั้นทำให้เขาไม่พอใจในความสนิทสนมของคนทั้งสอง แน่นอนว่าคูเปอร์เคยชักชวนแกมบังคับให้โทมัสเข้าร่วมกลุ่มด้วยเหตุผลเรื่องมันสมองอันชาญฉลาดแต่เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธต่อหน้าลูกสมุนเขาจึงรู้สึกเสียหน้าและผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะนั่นเป็นการกระทำที่ยากจนเกินกว่าจะให้อภัย

ไม่เพียงคูเปอร์เท่านั้น ผู้นำในปีที่สูงกว่าล้วนไม่พอใจมิตรภาพระหว่างคริสโตเฟอร์กับโทมัสด้วยเช่นกัน แต่สาเหตุใหญ่มาจากผลคะแนนของทั้งสองคนที่มีระดับสูงที่สุดในรอบสามสิบปี สำหรับคริสโตเฟอร์ซึ่งอยู่ในตระกูลวินเก็ตอาจจะเป็นที่ยอมรับแต่กับโทมัสที่เป็นทั้งเด็กกำพร้าและมาจากนามสกุลอันต่ำต้อยเป็นสิ่งที่ชาวเลือดสีน้ำเงินทนรับไม่ได้ เมื่อโทมัสบอกปัดคำเชื้อเชิญอย่างไม่ไยดี คำสั่งต่อไปของผู้นำชั้นสูงของกลุ่มเลือดสีน้ำเงินก็คือ กำจัดเขาไปให้พ้นจากสายตา

ซึ่งอาจจะรวมถึงคริสโตเฟอร์ด้วยเช่นกัน ถ้าเขายังยืนยันที่จะคบกับโทมัสอีกต่อไป

คำสั่งฆ่าหนูสกปรกเป็นสิ่งคุ้นเคยแสนธรรมดาที่สุดสำหรับคูเปอร์ เพราะการตายของคนพวกนี้ไม่ได้สร้างความสนใจต่ออาจารย์หรือแม้แต่พวกตำรวจมากนักซึ่งต่างจากการตายของพวกชนชั้นสูง ดังนั้นการกำจัดคริสโตเฟอร์จึงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก

มือที่เกาะราวโลหะกำแน่นขณะใช้ความคิด หากเขาไม่อยากกำจัดก็คงต้องใช้วิธีข่มขู่ มันคงเป็นเรื่องง่ายถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวแต่กับคริสโตเฟอร์ที่เป็นคนห้าวหาญไม่กลัวใครนอกจากจะไม่ได้ผลแล้วดีไม่ดีพวกเลือดสีน้ำเงินเองนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัว
แต่ในขณะเดียวกันหากเขาไม่ลงมือทำอะไร ทัณฑ์ทั้งหมดจะมาลงที่ตัวของเขาซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็มีสภาพไม่ต่างไปจากหนูตัวหนึ่งเช่นเดียวกัน ถึงแม้คูเปอร์จะเป็นตระกูลนักธุรกิจชั้นแนวหน้าแต่ก็ยังต่ำศักดิ์กว่าผู้นำกลุ่มเลือดสีน้ำเงินอยู่มากนัก ชนิดที่หากเขามีอันเป็นไป พวกตำรวจจะเลิกสนใจสืบคดีทั้งหมดเพียงแค่ผู้ใหญ่ในกลุ่มยกหูโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว

     ตัดสินใจได้แล้วคูเปอร์จึงเลือกคริสโตเฟอร์เป็นเป้าหมายแรก หากสำเร็จโทมัสก็คงจะยอมก้มหัวให้กับเขา บางทีอาจจะมีผลไปถึงนักศึกษากลุ่มจักษุดาราทั้งหมดเพราะคริสโตเฟอร์เป็นที่รู้จักและได้รับความเคารพทั้งจากเลือดสีน้ำเงินด้วยกันกับพวกชนชั้นระดับล่างมากพอควร ตอนแรกคูเปอร์วางแผนข่มขวัญหลังเลิกเรียนโดยตั้งใจจะล่อให้คริสโตเฟอร์ไปยังป่าละเมาะด้านหลังแต่พอเห็นโทมัสออกจากหอไปตามลำพังเขาจึงเปลี่ยนแผน เพียงดีดนิ้วหนึ่งครั้งสมาชิกเลือดสีน้ำเงินชั้นปีหนึ่งก็รีบเดินเข้ามารอรับคำสั่ง เมื่อหัวหน้ากลุ่มชี้ไปยังคริสโตเฟอร์ทั้งหมดจึงกรูลงไปล้อมกรอบเขาทันที เด็กหนุ่มมองด้วยความแปลกใจ

    “เกิดอะไรขึ้น” เขาชะงักคำถามค้างไว้นั้นเมื่อประตูถูกเลื่อนปิดลง สัญชาตญาณนักสู้ร้องเตือนให้เขาระวังตัวทันที “ต้องการอะไรจากฉัน”

    เขาหันไปถามคูเปอร์ที่กำลังเดินอย่างอาจหาญเข้ามาหา อีกฝ่ายแสยะริมฝีปาก

    “พูดตรงดีงั้นฉันก็จะไม่อ้อมค้อมเหมือนกัน” เขาจ้องคริสโตเฟอร์อย่างวางอำนาจ “เบื้องบนไม่พอใจที่นายพุดคุยกับโทมัส”

    “แล้วไง” คริสโตเฟอร์สวนคำถามกลับทันควัน คูเปอร์ขยับเข้าไปหาเขาอีกหนึ่งก้าวพร้อมกับพูดเสียงห้วน

    “กฏของกลุ่มเลือดสีน้ำเงินก็คือ ห้ามคบหาพูดคุยกับพวกชั้นต่ำ การที่นายทำแบบนี้เท่ากับไม่เคารพความศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่ม”

    “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร อีกอย่างทุกคนในหอคือเพื่อน ฉันไม่แบ่งแยกหรอกว่าใครสูงหรือต่ำ”

    หนึ่งในสมาชิกเลือดสีน้ำเงินยกไม้เบสบอลขึ้นชี้หน้าเขา

    “คุณคูเปอร์เป็นหัวหน้า ใช้คำพูดให้สุภาพกว่านี้หน่อย”

    “ก็แค่ตำแหน่งที่อุปโลกน์กันขึ้นมา” คริสโตเฟอร์พูดและมองหน้าอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ปราศจากความเกรงกลัว “ถ้าไม่พอใจจะเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดก็ได้”

    คนปากกล้าลดไม้ในมือลงและมองอย่างลังเล เพราะเท่าที่ผ่านมาพวกที่ถูกเลือดสีน้ำเงินทำร้ายมักจะมีรูปร่างธรรมดาแบบนักศึกษาวัยรุ่นทั่วไป ถึงบางคนจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่ล่ำสันกำยำเหมือนคริสโตเฟอร์ ฝ่ายคูเปอร์เมื่อเห็นลูกน้องมีท่าทางกล้าๆกลัวๆจึงผลักเขาออกไปให้พ้นทางก่อนจะหันหน้ามาประจันกับคู่กรณี

    “ไม่มีการลงมือลงไม้อะไรทั้งนั้นถ้านายรับปากและยอมทำตามกฏ”

    “ถ้าไอ้กฏที่ว่าหมายถึงห้ามพูดคุยกับโทมัสแล้วละก็ ฉันขอปฏิเสธ” คริสโตเฟอร์พูด คูเปอร์ขบกรามตนเองและสูดลมหายใจเข้าเพื่อข่มความโกรธ

    “ฉันเตือนนายด้วความหวังดีนะคริส เลิกยุ่งกับหนูโสโครกตัวนั้นซะ”

    “ฉันขอยืนยันคำเดิม” คริสโตเฟอร์พูดเสียงเรียบและเตรียมจะออกเดิน “หมดเรื่องพูดแล้วใช่ไหม งั้นก็ช่วยหลีกทางให้หน่อยฉันจะกลับห้อง”

    คูเปอร์ปราดมาขวางทางและยืนนิ่ง

    “นายไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

    “หลีก” คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น และนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายไม่ขยับตัว “สรุปก็คือนายอยากมีเรื่อง”

“ฉันเปล่า” คูเปอร์พูดพร้อมกับถอยหลัง บรรดาลูกสมุนกรูกันเข้ากลุ้มรุมทำร้ายคริสโตเฟอร์ทันที เขาก้มตัวหลบไม้เบสบอลพร้อมกับคว้าเก้าอี้ฟาดคนใกล้ตัวที่สุดจนล้มลงจากนั้นจึงเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ทุกคนที่ประดังกันเข้ามา แม้จะสู้เพียงลำพังแต่ความเหนือชั้นทางด้านพละกำลังและชั้นเชิงการต่อสู้ทำให้ลูกน้องของคูเปอร์ล้มลงราวกับใบไม้ร่วง ช่วงจังหวะที่เขากำลังสาละวนอยู่กับคนกลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นก็ย่องเข้ามาทางด้านหลังและฉวยจังหวะตอนเผลอฟาดศีรษะเขาด้วยไม้เบสบอล คริสโตเฟอร์ก้มตัวหลบพร้อมกับหมุนตัวหันไปกระชากไม้จนหลุดจากมือ ในตอนที่ยื่นแขนออกไปบริวารคนหนึ่งของคูเปอร์ก็แทงเขาด้วยมีดพกและกรีดเป็นทางยาว แม้จะเจ็บแต่คริสโตเฟอร์ก็ยังมีแรงพอจะยกเท้าถีบเจ้าของมีดจนล้มทั้งยืน จากนั้นเขาจึงใช้ไม้เบสบอลหวดลงไปบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นทำให้ทั้งหมดหยุดชะงักอยู่กับที่ด้วยความตกใจ

    “นายต้องการแค่นี้ใช่ไหม” คริสโตเฟอร์พูดทั้งที่เลือดไหลโชกอาบแขน ไม้ในมือถูกชี้ไปยังคูเปอร์ อีกฝ่ายหน้าถอดสีแต่ยังฝืนเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับตอบ

    “ใช่”

     “งั้นต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องผิดหวัง” คริสโตเฟอร์พูดเสียงหอบพลางลดไม้เบสบอลลงและกวัดแกว่งไปมาเหมือนเป็นการขู่ไม่ให้ทุกคนเข้ามาใกล้ “ฉันขอออกจากกลุ่มบ้าๆของพวกนาย และถ้ายังขืนวุ่นวายกับโทมัสอีก ฉันจะตามจัดการกับพวกเลือดสีน้ำเงินทีละคนดูว่าเลือดในตัวของพวกนายมันเป็นสีอะไร”

    เขาเหวี่ยงไม้ทิ้งไปอีกด้านจากนั้นจึงเดินไปยังห้องพยาบาล สมาชิกเลือดสีน้ำเงินเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันหลังให้ก็เตรียมจะเข้าไปทำร้ายแต่ต้องหยุดเมื่อคูเปอร์ตวาดลั่น

“หยุด!”

“แต่หมอนั่น” หนึ่งในนั้นแย้งและก้มหน้าลงหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวของหัวหน้า

“ฉันสั่งให้หยุด” คูเปอร์พูดเน้นทีละคำและไล่สายตามองลูกน้องทีละคนจากนั้นจึงหันไปจ้องคริสโตเฟอร์ที่กำลังเดินห่างออกไป “ปล่อยเจ้านั่นไปก่อน เราต้องรอคำสั่งจากเบื้องบนว่าจะให้ทำยังไงต่อไป”

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่คูเปอร์พูดเสียงต่ำ

“เลือดสีน้ำเงินคือเจ้าชีวิต นายไม่มีวันหนีออกจากมันได้หรอกคริสโตเฟอร์”
        
*/*/*/*/*/*

คริสโตเฟอร์เดินอย่างไม่รีบร้อนนักหลังจากโดนทั้งแพทย์และอาจารย์ประจำห้องพยาบาลตำหนิเรื่องความซุ่มซ่ามที่เผลอทำมีดบาดแขนตัวเองชุดใหญ่ตบท้ายด้วยการฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และอะไรบางอย่างอีกสองสามเข็มซึ่งเขาไม่สนใจที่จะจำ สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับเด็กหนุ่มในตอนนี้ก็คือ ผลตอบรับการลาออกของเขาจากกลุ่มเลือดสีน้ำเงิน มันอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญนักในความคิดของคนภายนอกแต่สำหรับสแตฟฟอร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยปิดแล้วคือเรื่องใหญ่ เพราะการประกาศจุดยืนว่าไม่ต้องการเข้าร่วมกับผู้ใดหมายความว่านับแต่นี้ต่อไปเขาต้องเดินอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ตามลำพัง หรือถ้าโชคร้ายก็อาจจะโดนกลั่นแกล้งหรือมีสภาพแบบเดียวกับซิมส์สันคือถูกทิ้งให้กลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าโดยไม่มีใครรู้

    เด็กหนุ่มระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างยาวพลางคิดว่าบางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้นเพราะตระกูลวินเก็ตของเขาค่อนข้างทรงอิทธิพล เมื่อทำอะไรเขาไม่ได้กลุ่มเลือดสีน้ำเลือดก็คงจะเบนเข็มไปยังคนใกล้ชิดที่มีฐานะด้อยกว่าซึ่งก็คือโทมัส นึกถึงตรงนี้แล้วคริสโตเฟอร์ต้องกำหมัดแน่น เขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องเพื่อนรักเพียงคนเดียวเป็นอันขาด

    ช่วงที่คิดถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็มาถึงหอพักพอดี เมื่อก้าวเข้าไปด้านในเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าภายในห้องโถงอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น คงเป็นฝีมือของคูเปอร์กับพวกที่ไม่ต้องการให้เรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งทั้งหลายล่วงรู้ไปถึงหูของอาจารย์

อย่างน้อยพวกเลือดสีน้ำเงินก็ยังรู้จักคำว่าเกรงใจ

คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ความความคิดตัวเองและเดินขึ้นห้องพัก เขาต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นโทมัสกำลังยืนรออยู่หน้าห้อง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลซึ่งปรากฏน้อยครั้งบนใบหน้าสงบนิ่งเฉยเกือบตลอดเวลาทำให้เด็กหนุ่มอมยิ้มพร้อมกับเอ่ยทัก

“ทอม”   

“คริส” โทมัสกล่าวตอบและมองแขนที่มีผ้าพันแผลหนาเตอะ “ได้ยินว่านายถูกทำร้าย”

“ใครพูด” คริสโตเฟอร์ถามพลางไขกุญแจเปิดประตู เขาผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญให้เพื่อนเข้าไปด้านใน

“คูเปอร์” โทมัสตอบขณะก้าวเข้าไปในห้อง คริสโตเฟอร์ทำตาโตเหมือนคาดไม่ถึงแต่ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก

“หมอนี่เป็นพวกชอบอวดผลงานจริงๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ โทมัสหันมามองตาวาว

“ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ”

“ขอโทษ” คริสโตเฟอร์รีบหุบปากแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มแฝงอยู่ในหน้า “นายเลยมาดูว่าฉันเป็นยังไงบ้าง”

“แค่อยากมาถามนายต่างหาก” โทมัสตอบอย่างเคร่งขรึม “สาเหตุมาจากฉันใช่ไหม”

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของคริสโตเฟอร์แทบจะทันที เขาแสร้งทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้วสองใบพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูธรรมดามากที่สุด

“ก็แค่ข้ออ้าง หมอนั่นอยากตะบันหน้าฉันมานานแล้ว”

เขายื่นแก้วใบหนึ่งส่งให้เพื่อน โทมัสขมวดคิ้ว

“แสดงว่าเป็นเพราะฉัน”

“บอกแล้วว่าไม่ใช่” คริสโตเฟอร์แย้งและหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เขาภาวนาอยู่เสมอว่าไม่อยากเจอ ไม่ใช่ใบหน้าที่บูดบึ้งหรือบิดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์ หากแต่เป็นใบหน้าที่สงบนิ่งแต่เปี่ยมไปด้วยความแค้นที่แสนเย็นชา

“ทอม”

“ไม่ต้องมาห้ามคริส” โทมัสตอบพร้อมกับวางแก้วลงบนโต๊ะ คริสโตเฟอร์ถอนใจออกมาค่อนข้างแรง

“ฉันรู้” เขาถอนใจอีกครั้ง “แต่แค่สั่งสอนก็น่าจะพอ”

โทมัสมองหน้าตาบอบช้ำของคริสโตเฟอร์ก่อนจะเลื่อนลงมาลงแขนซึ่งมีเลือดซึมอยู่บนผ้าพันแผลจางๆ เขาบดกรามแน่นก่อนสั่นศีรษะ

“ฉันไม่รับปาก” พูดจบโทมัสจึงเปิดประตูและหยุดชะงักเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันกลับไปที่เพื่อนอีกครั้งพร้อมกับพูด “ระยะนี้ช่วยอยู่ให้ห่างจากคนพวกนั้นเพราะฉันไม่อยากให้นายพลอยถูกลูกหลงไปด้วย”

สั่งเสร็จก็เดินออกจากห้อง ด้านคริสโตเฟอร์เมื่อเห็นว่าไม่สามารถยับยั้งความตั้งใจของเพื่อนได้แล้วจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ

*/*/*/*/*/*




Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2556 11:29:34 น.
Counter : 326 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog