นักล่าแห่งรัตติกาล ภาคสัญลักษณ์เลือด บทที่ 9 กลุ่มโลหิตสีน้ำเงิน 1
บทที่ 9 กลุ่มโลหิตสีน้ำเงิน

เสียงพูดคุยของนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ทำให้โทมัสต้องเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วน้อยๆอย่างรำคาญใจเมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นคือพวกที่วางตัวว่าเป็นชนชั้นสูง สำหรับเขาแล้วไม่ได้สนใจกับคนพวกนี้เท่าใดนักเพราะนอกจากการทำตัวใหญ่โตเดินวางก้ามไปทั่วมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นแต่สิ่งที่สร้างความน่าเบื่อหน่ายให้กับโทมัสมากที่สุดก็คือคำพูดข่มขู่งี่เง่าไร้สาระที่มักจะใช้กับนักศึกษาระดับสามัญเป็นประจำ

ความที่ไม่อยากจะเสวนากับกลุ่มนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มเลือดสีน้ำเงิน โทมัสจึงเก็บหนังสือลงกระเป๋าและเตรียมจะเดินหนีแต่ดูเหมือนจะช้าไปสักนิดเพราะหนึ่งในนั้นหันมาเห็นเข้าพอดี เสียงร้องทักอย่างน่าเกลียดจึงดังขึ้น

“ดูนั่นสิมีหนูสกปรกมาอ่านหนังสืออยู่แถวนี้ด้วย”

ทั้งกลุ่มหันมามองโทมัสเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวโจกแสยะยิ้มอย่างดูแคลน

“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกหนูอ่านหนังสือได้”

“ฉันเคยเห็นสองสามครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผ่าเหล่าผ่ากอ หนูก็ไม่ใช่ จิ้งจอกก็ไม่เชิง”

คนแรกพูดด้วยสีหน้าจริงจัง กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยพากันหัวเราะ

“แบบนั้นน่าจะเรียกว่าตัวประหลาดมากกว่า”

ทั้งหมดหัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างครื้นเครง ยกเว้นเด็กหนุ่มผมทองรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา เขามองโทมัสที่กำลังจะเดินเลี่ยงออกไปแล้วส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน

“จวนจะถึงเวลาเรียนแล้วไปกันเถอะ”

“จะรีบไปไหนละคริส” เบนจามิน คูเปอร์หัวโจกประจำกลุ่มพูดพลางปรายตาไปที่โทมัส “อ้อฉันลืมไปนายสองคนเป็นเพื่อนกัน”

คำพูดเชิงหาเรื่องของคูเปอร์ทำให้คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ

“นายลืมคำขวัญของพวกเราไปแล้วหรือยังไง ที่ว่า จักษุดาราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน”

“ใช่สำหรับนายแต่ไม่ใช่เขา” คูเปอร์พูดและหรี่ตาลงพร้อมกับกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะให้โทมัสได้ยิน “แต่ฉันอาจจะยอมรับหนูบางตัวเข้ากลุ่มถ้ามันยอมคาบเนยแข็งสักก้อนหรือก้มลงเลียรองเท้าให้”

สิ่งที่ได้ยินทำให้คริสโตเฟอร์ถึงกับหน้าตึง เขาปรายตาไปที่โทมัสและถอนใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเดินห่างออกไป เด็กหนุ่มภาวนาให้ทอมไม่ได้ยินประโยคที่เบนจามินพูดเมื่อครู่จากนั้นคริสโตเฟอร์จึงหันกลับไปยังกลุ่มเพื่อน

“เสียงระฆังดังแล้วไปกันได้หรือยัง”

คูเปอร์มองเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าพูดหรือแย้งอะไรออกมาเพราะนอกจากสถานะทางครอบครัวที่เหนือกว่าแล้วคริสโตเฟอร์ยังมีมันสมองระดับอัจฉริยะชนิดที่ทำให้เขาและเพื่อนกลุ่มเลือดสีน้ำเงินจำเป็นต้องเกรงใจ

“ไปก็ไป” เขากระแทกเสียงพูดหลังจากระบายลมหายใจออกมาอย่างฉุนเฉียว ท่าทางฟาดงวงฟาดงาราวกับคนบ้าของเขาทำให้คริสโตเฟอร์อมยิ้มอย่างนึกขัน เขาเลื่อนสายตามองโทมัสซึ่งกำลังก้าวเข้าไปในตัวอาคารอย่างนึกชื่นชมกับการรู้จักสะกดกลั้นความโกรธอยู่ในใจก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนทั้งกลุ่มเข้าห้องเรียน

การเรียนในช่วงเช้าผ่านไปได้ด้วยดีเพราะคริสโตเฟอร์พยายามดึงกลุ่มเพื่อนให้ออกห่างจากโทมัส แม้หลังมื้อเที่ยงคูเปอร์จะทำท่าเข้าไปหาเรื่องแต่คริสโตเฟอร์ก็แก้ปัญหาด้วยการสร้างเครื่องยิงมีทบอลจากมีดและส้อม ความสนุกกับการได้แกล้งยิงอาหารใส่เพื่อนนักศึกษาด้วยกันทำให้เกือบทั้งหมดเลิกสนใจโทมัส เมื่อระฆังดังขึ้นอีกครั้งทุกคนจึงรีบเร่งกันเข้าห้องเรียน

ช่วงบ่ายมีเพียงวิชาเดียวเท่านั้นคือชีวเคมี สำหรับคริสโตเฟอร์แล้วมันเปรียบเสมือนยาขมเพราะนอกจากจะจำชื่อวิทยาศาสตร์ทั้งหลายไม่ได้แล้วเขาแทบจะนึกสารเคมีหลายตัวไม่ออกต่างจากโทมัสที่ตอบคำถามอาจารย์อย่างคล่องแคล่วและบันทึกทุกอย่างที่ได้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

กว่าจะออกจากอาคารเรียนเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบจะถึงมื้อค่ำ คริสโตเฟอร์ตัดสินใจรับประทานอาหารก่อนอาบน้ำจากนั้นจึงนั่งเล่นกับเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่อีกพักใหญ่จึงขอตัวกลับห้อง หลังจากชำระร่างกายจนสดชื่นแล้วเขาจึงนั่งทบทวนบทเรียนอยู่เกือบชั่วโมงเมื่อเสียงพูดคุยที่ดังมาจากห้องอื่นสงบลงเขาจึงปิดตำราและย่องออกจากห้องอย่างเงียบกริบจนมาถึงชั้นล่าง ขณะที่กำลังจะเปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอกอยู่นั้นเด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกระแอมไออยู่ด้านหลัง หัวใจของคริสโตเฟอร์หล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้าเพราะคิดว่าคนผู้นั้นเป็นอาจารย์ สมองเริ่มหาข้อแก้ตัวตอนที่เขาหันกลับไปมอง

“จะไปไหน”

เสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์เอ่ยถาม คริสโตเฟอร์ถอนหายใจพรืดอย่างโล่งอก

“ทอม” เขามองเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามาหา “นายเองก็เถอะออกมาทำอะไรตอนนี้”

“หาที่อ่านหนังสือ” โทมัสตอบพร้อมกับผลักประตูและเดินออกไปข้างนอก คริสโตเฟอร์รีบก้าวตามทันที

“อ่านในห้องก็ได้นี่” พูดขณะที่เดินตีคู่กับเพื่อน โทมัสยักไหล่

“มันอุดอู้เกินไป”

“ห้องพักพิเศษของหอจักษุดาราอุดอู้เกินไปสำหรับนายอย่างงั้นหรือ ถ้าอาจารย์มาได้ยินมีหวังได้คลั่งตายกันเป็นแถว”

คำพูดติดตลกของคริสโตเฟอร์ทำให้โทมัสหัวเราะเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งมีดวงดาวระยิบระยับก่อนพูด

“ห้องพักที่นี่ดีกว่าคราวก่อนมาก แต่ฉันรำคาญเสียงไร้สาระที่ดังมาจากห้องอื่น”

เสียงไร้สาระที่ว่าก็คือเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมหอ เพราะตั้งแต่ผ่านการสอบแยกกลุ่มทั้ง
คริสโตเฟอร์และโทมัสก็ต้องขนข้าวของจากหอเก่ามายังหอพักของกลุ่มจักษุซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่สุดในมหาวิทยาลัย สิ่งเดียวที่ยังคงเดิมก็คือด้วยคะแนนสอบที่สูงสุดทำให้ทั้งสองได้รับสิทธิพิเศษในการครอบครองห้องพักเพียงลำพังในขณะที่นักศึกษาอื่นจะพักอยู่ด้วยกันห้องละสองหรือสามคน ข้อดีก็คือทั้งสองคนสามารถทบทวนตำราเรียนหรือทำงานวิจัยภายในห้องได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือพวกที่ไม่นิยมการอ่านหนังสือจะจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังจนบางครั้งอาจารย์ประจำหอต้องขึ้นมาตักเตือน



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2556 9:43:12 น.
Counter : 482 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี
All Blog