All Blog
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)



ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)
คอนเสิร์ตได้จัดขึ้น ภายในห้างสรรพสินค้าโคราช คนดูเต็มฮอลล์ ปรบมือสนั่นเมื่อวงพี สะเดิดเล่นเปิดงาน บรรดาขาวัยรุ่นออกมาเต้นกันหน้าเวทีอย่างสนุกสนาน

ในห้องแต่งตัว รุ้งระวีแต่งตัวอยู่มุมหนึ่ง โดยมีจี่หอย กับมะปรางคอยช่วย จวงใจและจุ๊บแจงแต่งอยู่อีกมุม ทั้งคู่หันมามองทางรุ้งระวีแล้วหัวเราะคิกคัก
“มันเมาท์อะไรของมัน” จี่หอยบ่นเบาๆ
จวงใจและจุ๊บแจงเดินมาหารุ้งระวี พร้อมยิ้มเหมือนเป็นมิตร จวงใจถือรูปแม่แสงหล้าที่แจกสื่อมาด้วย
“น้องรุ้งคะ ปกติพี่จะเกลี๊ยดเกลียดนังฟ้าใส แต่วันนี้ต้องยอมรับว่ามันทำถูกใจพี่มาก”
รุ้งระวีไม่พูดด้วย จวงใจพูดต่อเสียเอง
“อ้าว ไม่ถามเหรอคะว่าถูกใจเรื่องอะไร”
จุ๊บแจงรีบพูด
“แจงถามเองก็ได้ ถูกใจเรื่องอะไรคะพี่จวง”
“ก็นังฟ้าใสมันมาช่วยเฉลยไงคะ ว่าน้องรุ้งอยู่เมืองไทยจนถึงเจ็ดขวบจริงๆ ไม่ใช่ระเห็จไปตั้งแต่ห้าขวบ อย่างที่เที่ยวแหลชาวบ้านไว้”
“แกเชื่อมันเหรอ” จี่หอยถาม
“เรื่องเลวๆแบบนี้ฉันต้องเชื่ออยู่แล้วละ อีกอย่างพอดูรูปแม่น้องรุ้งรูปนี้แล้ว พี่กับแจงก็คู้นคุ้นว่าเคยเห็นที่ไหนน้า”
รุ้งระวีหันขวับมาทันที
“เคยเห็นที่ไหน”
“นี่ไงคะ”
จุ๊บแจงหยิบมือถือของจวงใจขึ้นมาโชว์ให้ดู ทุกคนตกใจ เพราะเป็นรูปแสงหล้ารูปเดิมที่ถ่ายกับรุ้งระวีเด็ก
“ตาเถร!” จี่หอยตกใจ
รุ้งระวีลุกพรวดทันที
“ไปเอารูปนี้มาจากไหน”
จวงใจและจุ๊บแจงหัวเราะระรื่น
“ไม่เห็นยากเลย ก็รูปที่วางไว้บนหัวนอนบ้านแกไง ฉันถ่ายมาแล้วเรียบร้อย” จุ๊บแจงพูด
“ฉลาดนะ ตัดรูปตัวเองวัยเด็กออก เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าอยู่กับแม่จนเจ็ดแปดขวบ” จวงใจเสริม
“หน้าแก่แดดแก่ลมขนาดนี้ น่าจะสิบขวบแล้วนะพี่จวง”
“หลักฐานนี่แหละ ที่ฉันจะเอาไปประจานให้ทุกคนรู้ หรือไม่ก็เอาไปให้ยายฟ้าใสมันดู ดีไหมแจง”
“ดีค่ะ เอ๊ะ หรือไม่ดี งงๆ”
สองคนหัวเราะกันคิกคัก
“ลบรูปทิ้งซะ เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้” รุ้งระวีเสียงแข็ง
“มีซี พวกหลอกลวงแฟนเพลงน่ะ มันสมควรถูกเปิดโปง ไปแจงไปหายายฟ้าใสกันดีกว่า จากนังฟ้าใส เราจะไปหานักข่าวกัน”
“ได้ค่ะพี่จวง”
จวงใจและจุ๊บแจงจะเดินออกไป
“พี่หอย รุม”
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางเข้ารุมจวงใจและจุ๊บแจงทันที รุ้งระวีพยายามแย่งมือถือจากจวงใจให้ได้ ทั้งหมดปล้ำแล้วกลิ้งล้มไปกับพื้นกันทั้งห้าคน
จวงใจและจุ๊บแจงร้องกรี๊ดลั่น มะปรางจับจวงใจยึดไว้ จี่หอยยึดร่างจวงใจ รุ้งระวีนั่งคร่อมจวงใจพยายามจะแย่งมือถือ เอะอะวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง อินทรกำลังเตรียมกล้อง คำรณเดินเข้ามาพอดีถือถุงอาหารมาด้วย
“เสียงคุณจวง”
“รุ้ง”
ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที
ในห้อง ทั้งห้านางกำลังตบตีกันพัลวัน จวงใจยังแย่งมือถือจากรุ้งระวี คำรณ อินทรวิ่งเข้ามา อินทรเข้ามาช่วยจี่หอยและมะปราง ดึงแยกจากจุ๊บแจง คำรณมองรุ้งระวีที่กำลังนัวเนียจวงใจ ความโกรธจากในอดีตแล่นขึ้นมาทันที คำรามในคอเบาๆ
“นังรุ้ง มึง”
คำรณกระชากร่างของรุ้งระวีลุกขึ้น
“ปล่อยฉันนะ”
คำรณกระแทกรุ้งระวีเข้ากับผนัง
“ฤทธิ์เยอะนักนะแก”
คำรณจ้องมองรุ้งระวี อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ รุ้งระวีจ้องคำรณ เธอนึกไปถึงอดีตพ่อเลี้ยงที่เคยจะทำร้ายเธอขึ้นมาแว่บหนึ่ง รุ้งระวีสะดุ้งเกร็งไปทั้งตัว
“นายเป็นใครกันแน่”
คำรณยิ้มชั่วร้าย
“ปล่อยฉันนะ”
เสียงอิทธิดังมาจากเบื้องหลัง
“นายคำปล่อย”
อิทธิเดินเข้ามา คำรณปล่อยรุ้งระวี ทุกคนแยกจากกัน
“ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วใช่ไหม ถึงต้องทะเลาะกันอย่างนี้” อิทธิตวาดถาม
“พวกมันรุมเราก่อนนะคะ” จุ๊บแจงฟ้อง
“เรื่องเป็นยังไง” อิทธิหันมามองหน้ารุ้งระวี
“ค่ะ ฉันรุมมันก่อน เพราะฉันต้องการภาพฉันกับแม่คืนมา”
“ภาพอะไร แล้วอยู่ที่ไหน”
“ในมือถือของเจ๊จวง”
อิทธิยื่นมือไปตรงหน้าจวงใจ
“เอามา”
จวงใจยังอิดออด
“เอามือถือมา”
จวงใจส่งให้อย่างเสียไม่ได้ อิทธิดูภาพ
“ไปถ่ายมาได้ยังไง”
“บอกไปซี ว่าแกแอบบุกไปที่บ้านรุ้ง ไปถ่ายมา” จี่หอยพูดทันที
จวงใจ จุ๊บแจงหน้าเชิ่ด แม้จะใจไม่ค่อยดี
“แล้วก็ยังเอามาข่มขู่ฉัน จะเอารูปนี้ไปให้ยายฟ้าใสด้วย” รุ้งระวีบอกอย่างเหลืออด
อิทธิมองจวงใจ จุ๊บแจง อย่างคาดโทษ
“ถ้าเอาไปให้จริง ฉันถือว่าทรยศบริษัท ฉันจะไล่ออกทั้งคู่ แล้วมือถือนี่ไม่ต้องขอคืน ฉันจะเอาทำลายซะ”
อิทธิออกจากห้องไปทันที จวงใจหันมาจ้องหน้ารุ้งระวี
“จำไว้นะนังฝรั่ง ศึกครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก”
จวงใจออกไป จุ๊บแจงและคำรณตาม รุ้งระวีทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“มันอะไรกันนักหนา พี่หอย รุ้งจะไม่ไหวแล้วนะ”
“อดทนนะรุ้ง ยังไงมันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
“คุณทูนล่ะ”
“อยู่ข้างนอกครับ ดีแล้วละครับที่พี่ทูนไม่อยู่” อินทรบอก
“ทำไมคะ”
“เกิดพี่ทูนเห็นรูปในมือถือ ก็ความแตกซีครับ เพราะในรูปนั่นคือแหม่มจ๋า”
“ลมชัก จริงด้วย ให้คุณทูนเห็นไม่ได้เลยนะ รู้เลยว่ารุ้งคือแหม่มจ๋า” จี่หอยกังวล
รุ้งระวีถอนใจเฮือก
“เฮ้อ ฉันต้องอยู่ในโลกของความลวง ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย”
ทุกคนสงสารรุ้งระวี
“แต่งตัวต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเริ่มคอนเสิร์ตแล้ว”
รุ้งระวีไปนั่งแต่งตัวที่หน้ากระจก พยายามสงบสติกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับภาพแว่บของคำรณเมื่อครู่ เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าคือพ่อเลี้ยงรึเปล่า

บนเวทีคอนเสิร์ต จ๊ะจ๋าแต่งตัวเต็มที่ ออกมาร้องเพลงจังหวะสนุกสนาน คนดูเฮฮาพอเป็นพิธีเพราะเพลงไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น แสงหล้าแต่งตัวในชุดที่ดีที่สุดที่มีอยู่ มายืนหลบมุมอยู่แถวทางเข้าคอนเสิร์ต เห็นชาวบ้านกำลังทยอยเข้างาน ความหวังที่จะเข้าไปดูคอนเสิร์ตของแสงหล้าริบหรี่เต็มที แต่แล้วเธอก็เห็นโส่ยที่มาในมาดทอมเกาหลี โอบน้องหนู สาวร่างกลมหน้าแป้นเข้ามา โส่ยหยิบบัตรออกมาโชว์
“วันนี้พี่โส่ยรวยฮะ เลยพาน้องหนูมาดูรุ้งระวี ชอบมะ”
“ชอบซี แต่อย่าไปบอกผัวน้องหนูนะว่า แอบมากับพี่”
“รับรอง สัญญาลูกเสือวิสามัญฮะ”
“เข้าห้องน้ำก่อนนะพี่”
น้องหนูแยกไป โส่ยวางบัตรบนโต๊ะ แล้วหยิบหวีกับกระจกมาส่องดูความหล่อ แสงหล้าได้จังหวะ เดินตรงเข้าไปแล้วคว้าบัตร เดินตัวปลิวเข้างานไป โส่ยหันมาบัตรหายไปแล้ว
“บัตร เฮ้ย บัตรหาย หายไปไหนวะ เฮ้ย ใครขโมยบัตรข้าไป ทอมเอาถึงตายนะโว้ย”
โส่ยโวยลั่น ชาวบ้านเดินหนี

บนเวที จ๊ะจ๋าร้องเพลงจบ คนปรบมือพอเป็นพิธี จ๊ะจ๋าเซ็งๆกลับเข้าหลังเวทีไป จุ๊บแจงออกมาพร้อมหางเครื่องชุดใหญ่ เพลงแม่แตงร่มใบ ขึ้นทันที จุ๊บแจงทั้งร้องทั้งเต้นอย่างมืออาชีพ คนดูเริ่มเฮฮา
จ๊ะจ๋ากลับเข้ามาหลังเวที พบมะปรางเขาพอดี
“จ๊ะจ๋า แกจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ไม่ได้ นี่ เลิกยุ่งกับฉันเสียที”
จ๊ะจ๋ารีบหลบไป มะปรางมองตามอย่างไม่เข้าใจ

ฟ้าใสกำลังแต่งตัวอยู่ ทูนอินทร์เข้ามา บรรดาช่างรีบหลบออกไป
“มีอะไร เรียกฉันมาทำไม”
ฟ้าใสยิ้มหวาน
“แหม พี่ทูนคะ ฟ้าอยากจะขอโทษ ที่ฟ้าทำเรื่องร้ายๆทั้งหมด โดยเฉพาะกับยายรุ้ง เพราะฟ้าอยากกลับมาเริ่มต้นใหม่ กับพี่ทูนอีกครั้ง”
ทูนอินทร์มองฟ้าใส ด้วยสายตาเย็นชา
รุ้งระวีแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังมองหาทูนอินทร์ คนงานหลังเวทีเดินกับขวักไขว่ อิทธิเดินสวนมา
“หาใครเหรอรุ้ง”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าจะหานายทูน เห็นเข้าไปคุยในห้องแต่งตัวฟ้าใสน่ะ”
รุ้งระวีเจื่อนไป
“ลองไปดูซิ คนที่เป็นอดีตของกันและกัน เขาจะคุยอะไรกันบ้าง”
อิทธิพูดยุแล้วแยกไป รุ้งระวีตรงไปยังห้องแต่งตัวของฟ้าใส เห็นเปิดแง้มอยู่ รุ้งระวีมองเข้าไปเห็นทูนอินทร์ยืนอยู่ ฟ้าใสลุกขึ้นหันมาหาทูนอินทร์
“พี่ทูน เชื่อฟ้าเถอะนะคะ ที่ฟ้าจากพี่ทูนไปก็เพราะ ฟ้าจะหาโอกาสให้เราทั้งสองคน”
“โอกาสอะไร”
“ทุกอย่างต้องใช้ทั้งเงิน ทั้งเส้นสาย ตอนนี้ฟ้าดังแล้ว เงินทองมากมาย เส้นสายก็เพียบ ตอนนี้ฟ้าพร้อมที่จะออกมาจากค่ายเสี่ยดำรง เพื่อกลับมาหาพี่ แล้วเราจะสร้างฝันด้วยกัน”
“พูดให้ชัดๆฝันอะไร”
“ฟ้าจะสร้างค่ายเพลงของฟ้าขึ้นมาร่วมกับพี่ทูนไงคะ ฟ้าจะเป็นนายทุนให้พี่ทูนเองก็ได้ ดีไหม”
“น่าสนใจ” ทูนอินทร์แกล้งฟัง เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนอะไร
“ฟ้าเป็นนักร้อง ส่วนพี่ก็แต่งเพลงให้ฟ้า เพลงของเราจะต้องฮิตระเบิด และเราจะต้องเป็นคู่รักนักร้องที่ดังที่สุดของวงการ”
“ทำไมไม่บอกพี่เสียแต่แรก ที่ฟ้าทำไปทั้งหมดเพื่อพี่ทั้งนั้น”
“เข้าใจฟ้าแล้วใช่ไหม ดีใจเหลือเกินที่พี่เข้าใจ”
ฟ้าใสโผเข้ากอดทูนอินทร์แนบแน่น
“มีข้อเสนออะไรอีกไหม”
“เราจะกลับมาเป็นคู่รักกันอย่างเดิมไงคะ แล้วพี่ก็ลืมนังฝรั่งนั่นซะ”

ฟ้าใสเลื่อนหน้าเข้ามา แล้วจูบปากทูนอินทร์ดูดดื่ม รุ้งระวีตะลึงงัน เพราะทูนอินทร์ไม่ได้ผละออก แล้วอย่างที่รุ้งระวีไม่คาดฝัน มือของทูนอินทร์ ค่อยๆโอบรอบเอวของฟ้าใส แล้วกอดแนบแน่น
รุ้งระวีทนดูภาพนั้นไม่ได้ รีบผละออกมา รุ้งระวีเดินมาตามทางเดิน เหมือนจะหายใจไม่ออก มีกลุ่มหางเครื่องสวนมา เธอหลบหน้ากลุ่มหางเครื่อง เพราะน้ำตากำลังไหลพราก หันหน้าเข้าหามุมมืด แล้วสะอื้นออกมาอย่างแรง ขณะที่อิทธิแอบมองมายิ้มสะใจ

ในห้องแต่งตัวฟ้าใส ทูนอินทร์กอดฟ้าใสไว้แน่น ประทับจูบดูดดื่ม แต่แล้วทันใดก็ผงะออก มองหน้าฟ้าใสอย่างรังเกียจ มือที่โอบหลังนั้นจับร่างเธอยึดไว้ แล้วพลิกตัวอย่างเร็วและแรง ให้ฟ้าใสหันมามองที่กระจก
“ว้าย พี่ทูน เจ็บนะ ทำอะไรน่ะ”
“จะให้เธอดูตัวเองในกระจกไง”
ฟ้าใสยิ้มพราย
“ทำไม จะดูความสวยของฟ้างั้นเหรอ”
“เปล่า จะให้ดูว่าจิตใจเธอมันน่าเกลียด น่าชัง แค่ไหนต่างหาก เธอมันปลิ้นปล้อนหลอกลวง จนแยกไม่ออกแล้วทั้งความจริงอะไรเท็จ”
“พี่ทูน ไม่จริงนะ ฟ้ารักพี่ทูน ไม่เคยเปลี่ยน”
ทูนอินทร์ตะคอก
“ดูตัวเองซี มองเข้าไปในตาตัวเองด้วย เธอไม่ได้รักฉัน แม้แต่นิด เธอรักเพลงที่ฉันแต่งให้ต่างหาก ไง เพลงใหม่ๆ ของเสี่ยดำรงชักไม่ไหวแล้วใช่ไหม เพราะไอ้เพลงที่ออกมาล่าสุด ก็ไม่ฮิตเลยสักเพลง มีเพลงที่เธอขโมยฉันไปของรักของหวง เพลงนี้เพลงเดียวเท่านั้นที่ฮิต ตอนนี้เธอก็เลยจะหันมาใช้ฉันเป็นเครื่องมือหากินอีกหน แต่อย่าหวังเลย บทเรียนเจ็บแสบที่เธอให้ฉันไว้ ฉันจำจนวันตาย ไม่มีวันที่ฉันจะเสียรู้เธออีก”
ทูนอินทร์ผลักฟ้าใสหน้าคะมำไป สร้อยไข่มุกตกกระจาย ฟ้าใสก้มหน้า มือยันโต๊ะไว้ หอบหายใจด้วยทั้งโกรธทั้งแค้น
“ฝันไปเถอะนะที่เราจะกลับมาทำค่ายเพลงด้วยกัน เพราะคนที่ฉันจะทำเพลง ด้วยมีคนเดียวเท่านั้น คือรุ้งระวี คนที่เขาเหนือกว่าเธอทุกด้าน ไม่ว่าความ สามารถหรือจิตใจ”
ทูนอินทร์ออกจากห้องไป กระแทกประตูอย่างแรง ฟ้าใสใสยังก้มหน้า น้ำตาหยดลงที่โต๊ะ เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลพราก มองตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความชิงชัง ฟ้าใสสุดกลั้น กรี๊ดออกมาลั่นห้อง แล้วปัดข้าวของบนโต๊ะ กระเด็นกระจัดกระจาย
กลุ่มหางเครื่องสาวๆสามสี่นาง วิ่งมาหน้าห้อง จะเข้าไป
“พี่ฟ้า เป็นอะไรคะ” สาวถาม
ในห้องฟ้าใสยังอาละวาดปาข้าวของ ปาแจกันมาที่ประตูแตกเปรื้อง สาวๆนอกห้องร้องวี๊ดว้าย แอบนินทาไปด้วย
“องค์ลงอีกแล้วแก ทำไงดี”
“โทรหาเสี่ยดำรงเลยไหม”
“โทรหาหมอพระ มาปัดรังควาญดีกว่า”
เสียงกรี๊ดยังลั่น พร้อมเสียงข้าวของแตกกระจาย จ๊าจ๋าวิ่งมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ว่ะ แกเข้าไปดูเถอะ ชีคลั่งอีกแล้ว”
บรรดาสาวหางเครื่อง มองเข้าไปในห้องอย่างสยองใจ

จ๊ะจ๋าเข้ามาในห้อง ฟ้าใสอารมณ์ลงบ้างแล้ว ทรุดตัวที่พื้นที่เกลื่อนไปด้วยข้าวของ ร้องไห้โฮ จ๊ะ จ๋าเข้าไปประคอง
“พี่ฟ้า เป็นอะไร”
“ฮือ มันด่าพี่ มันดูถูกพี่สารพัด”
“ใคร ใครด่าพี่”
ฟ้าใสสูดลมหายใจเต็มๆ อาการคลั่งค่อยๆทุเลา สีหน้าแค้นขึ้นมาแทน
“ไม่มีอะไร แกไม่ต้องรู้หรอก”
ฟ้าใสลุกขึ้น จ๊ะจ๋าลุกตาม
“นังรุ้งมันออกไปร้องแล้วรึยัง”
“จะถึงคิวนี่ละค่ะ”
ฟ้าใสเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษ แล้วส่งให้ จ๊ะจ๋าอ่านดูงง ๆ
“เอาไปให้หัวหน้าวง บอกให้ทำตามที่เขียนทุกอย่าง”
“พี่คะ แต่ว่ามันจะดีเหรอ”
ฟ้าใสตวาดลั่น
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
จ๊ะจ๋าสะดุ้ง
“ค่ะ ค่ะ พี่”
“เรียกพวกนังแมว นังใฝเข้ามาด้วย”
“ค่ะ”
จ๊ะจ๋าออกจากห้องไป กลุ่มสาวทั้งสี่เข้ามา มองไปรอบห้องอย่างขยาด
“มีอะไรคะพี่ฟ้า”
“ตอนฉันออกไปร้อง พวกแกเต้นอยู่ข้างหลัง ฉันมีงานให้แกทำทุกคน แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด”
สาวทั้งสี่มองหน้ากัน ทั้งกลัว ทั้งอยากรู้ว่างานอะไร

หลืบข้างเวที รุ้งระวียืนซึมอยู่ใกล้ทางออกเวที กลุ่มหางเครื่องรอกันอยู่เตรียมออกไปโชว์ มะปราง จี่หอย ช่วยดูแลกลุ่มหางเครื่อง อินทรเตรียมกล้องอยู่ไม่ห่างนัก ทูนอินทร์เข้ามา
“พี่ทูน ตามหาตั้งนานไปอยู่ไหนมา”
“วุ่นวายอยู่แถวๆนี้แหละ รุ้งเป็นยังไง”
“ท่าทางซึมๆยังไงไม่รู้พี่ วันนี้คงเจอหลายเรื่อง หนักๆทั้งนั้น เมื่อกี้เห็นว่าร้องไห้เลยนะ”
ทูนอินทร์มองอย่างเป็นห่วง ตรงเข้าไปหารุ้งระวี ขณะเดียวกัน อินทรและมะปรางเห็นจ๊ะจ๋าวิ่งผ่านออกไป ทางแสตนด์เวทีที่นักดนตรีกำลังเล่นกันอยู่
“พี่ทร ยายจ๊ะจ๋า”
อินทรและมะปรางมองตามไปทางกลุ่มนักดนตรี เห็นจ๊ะจ๋ากำลังยื่นกระดาษให้คนคุมวง พูดอะไรกันบางอย่าง ก่อนที่จะกลับเข้ามา ทั้งคู่มองอย่างสงสัย

ทูนอินทร์เดินเข้าไปหารุ้งระวี ดึงเธอหลบไปหลังม่าน แล้วกอดเธอไว้
“รุ้ง ร้องไห้เรื่องอะไรครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่ตกใจกับเรื่องบางเรื่องเท่านั้น”
“อะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไร แล้วคุณละคะ หายไปไหนมา”
“ผมออกไปตรวจกล้องที่หน้าเวทีน่ะครับ”
รุ้งระวีฝืนยิ้ม
“ไม่ได้แวะคุยกับใครอยู่นะ”
“เปล่า “
รุ้งระวีเจื่อนไปทันที
“ขอตัวนะคะ ได้เวลาโชว์แล้ว”
รุ้งระวีผละมา ทูนอินทร์ไม่ทันติดใจสงสัย

บนเวที จุ๊บแจงจบเพลงตัวเองด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ คนดูปรบมือให้
“และต่อไปนะคะ นักร้องคนนี้เธอเดินทางมาไกล เธอจะมาบอกแฟนเพลงว่า จิ้มแจ่วเมืองไทยน่ะ อร่อยที่สุดในโลกค่า”
คนดูกรี๊ด ไฟสว่างพรึ่บ กะพริบวูบวาบ ต้อนรับหางเครื่องที่ทะยอยกันออกมา ด้านหน้าเวที แสงหล้ามองความอลังการอย่างอิ่มเอม
สาวหางเครื่องเต้นไปตามจังหวะ แล้วแหวกออก รุ้งระวียืนหันหลังให้ คนดูกรี๊ด รุ้งระวีหันมา ไฟฟู่จากด้านหลัง และสองข้างตัว สวยราวเทพธิดา






Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 31 มกราคม 2555 0:33:41 น.
Counter : 354 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]