มนุษย์ต่างดาวเขียนหนังสือ

ใจป่าแห้ง กับใจป่าชายเลน

เดินไปกลับสบายๆก็ใกล้เวลาถวายผ้ากฐิน
กลับมาจากเดินนี่เหงื่อออกเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ไกลมาก
สงสัยเป็นเพราะอากาศมันอบอ้าวมั้ง

ก็เลยไปหาที่นั่ง ก็ได้นั่งตรงขอบๆหินเป็นเพื่อนกับมดดำอีกหลายแสนตัว
แล้วก็นั่งดูนั่นดูนี่ไป

สักพักก็รู้สึกว่า ที่เรารู้สึกอึดอัดวุ่นวายคนเยอะเนี่ย
มันไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลย อยู่ที่ตัวเองนี่แหละ
จะทุกข์จะร้อนจะสุขจะเบ้ออะไร
มันก็เราพยายามไปทึกทักเองทั้งนั้น

เห็นเลยว่านั่งๆอยู่ก็ดันไปรำคาญคนที่อยู่ริมสุดไกลนู่นนน
หรือไปหงุดหงิดกลุ่มชาวบ้านที่นั่งตรงข้ามที่คุยกันเสียงดัง
ขัดใจกับพวกที่ยังไปที่ซุ้มโรงทานอยู่ทั้งๆที่พิธีจะเริ่มแล้ว

นั่งพิจารณาความคิดไป เลยเห็นได้ว่า
ใจเรานี่แหละที่เที่ยวไปยุ่งกับคนอื่น
แต่ก็หลงคิดไปว่า ก็คนอื่นมันเป็นอย่างนี้อย่างนั้น
คนอื่นมันทำอย่างนี้อย่างนั้นนี่นา
โอ้ยคนเยอะน่ารำคาญ
ทั้งๆที่เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่เห็นจะมีใครเข้ามายุ่งกะตูซะหน่อย
โอเค คนอื่นพวกนั้นอาจจะทำอะไรไม่เข้าท่าจริงๆก็ได้
แล้วมันกงการอะไรที่เราจะเอามานั่งแบกให้อารมณ์มันตุๆล่ะเนี่ย

คือ ก็ไม่ได้พูดไม่ได้คิดให้มันอุดมคติจ๋านะ
อย่างเราก็คงไม่ได้หน้าชื่นบานได้ถ้ามีคนเข้ามาชี้หน้าด่าตรงๆ
หรือแค่ขับปาดหน้ารถเราเราก็ฉุนแล้ว
แต่ถ้าพิจารณาตรงไปตรงมาไม่เข้าข้างตัวเองหรือใคร
มันก็จะเห็นจริงๆว่า
มันอยู่ที่ใจตัวเองชะมัดเลยว่าจะทุกข์จะร้อนจะรนขนาดไหน

สมมติมีคนสองคนเจอเหตุการณ์นึง
คนที่หนึ่งโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
คนที่สองโดนอย่างเดียวกันแต่ก็เฉยๆ
ถ้าเหตุการณ์นี้มันก่อให้เกิดความโมโหจริงๆ
ทำไมมันถึงไม่ก่อกับคนที่สองล่ะ?
แล้วถ้าคนที่หนึ่งจะบอกว่า ก็เพราะเหตุการณ์นี้แหละทำให้ฉันเป็นอย่างนี้
เพราะคนนั้นคนนี้นั่นแหละทำให้ฉันต้องโมโห
ที่กล่าวมานี้เป็นความเห็นที่ถูกต้องแล้วเหรอ?

ถ้าเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์เป็นไฟ
ใจคนที่หนึ่งเป็นป่าแห้ง
ใจคนที่สองเป็นชายเลน
เพราะความแตกต่างของคุณภาพใจนี่แหละที่จะทำให้โมโหเกิดหรือไม่เกิด
ทำให้โมโหเกิดนานหรือไม่นาน




 

Create Date : 03 มีนาคม 2551   
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:46:51 น.   
Counter : 442 Pageviews.  

ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น



เมื่อวานยังรู้สึกอารมณ์ดีโลกนี้น่าอยู่อยู่เลย ทำอะไรก็ดูดีมีอนาคตไปหมด
แล้วมันก็พลิกกับมาเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้ความน่าอยู่ของโลกมันน้อยลง
เหมือนชีวิตเป็นยานอวกาศวิ่งเข้าหากลุ่มอุกกาบาต
บางวันก็แล่นโปร่งโล่งสบาย ฝูงอุกกาบาตที่ผ่านยานไปนี่น่าดูชม
บางวันอยู่ดีๆก็จะเจอห่าฝนอุกกาบาตพุ่งเข้าชนยานเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แต่ก็เป็นอะไรไม่รู้เหมือนกัน ทำไมยานมันต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยฟะ

ร่ำๆจะเป็นทุกข์ขึ้นมาเป็นระยะๆ ก็ฉุกคิดได้เป็นระยะ(ที่ถี่น้อยกว่า)เช่นกันว่า
ถ้ามัวแต่เป็น ก็ทำให้ไม่ได้เห็นอนิจจังที่มันเกิดขึ้น
นี่ไง มันแสดงให้เห็นอยู่นี่ไง
เวลาดีๆที่จะได้เห็นอย่างนี้ ใช้สติ ใช้ปัญญาเข้าไปสิเออ
มัวทุกข์อยู่ว่ามันไม่สุขเท่าเดิม มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากจะหายใจทิ้งไปกับความเศร้าโศก

ก็เห็นได้ว่าตัวเองติดสุขขนาดไหน
มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็อยากได้สุขสุดๆอย่างที่คนอื่นเขามีกัน
บางวันก็อยากจะห่างบางสิ่งเพื่อให้สุข บางวันก็อยากจะใกล้บางสิ่งเพื่อให้สุข
ทั้งที่มันเป็นสิ่งเดียวกันนี่แหละ
ไอ้เราก็ไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลซะด้วย
ที่เมื่อไหร่อยากให้อะไรมาหาก็มาหา เมื่อไหร่ที่อยากให้อะไรไปก็ผลักไสไปจากตัวได้
คิดแล้วก็อยากจะยอมแพ้โลกจริงๆ
ยอมแล้ว ไม่อยากดื้อด้านคิดว่าโลกมันควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ต้องการแล้ว
แต่มันก็อดดื้อด้านไม่ได้สักทีสิน่า

ทุกข์แล้วก็เตรียมทุกข์น้อยได้เลย
สุขแล้วก็เตรียมสุขน้อยได้เลย




 

Create Date : 03 มีนาคม 2551   
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:44:12 น.   
Counter : 625 Pageviews.  

อะคิมิดิส

เราว่าเราพอจะเข้าใจความรู้สึกของตาอะคิมิดิสนะ
ที่แช่น้ำอยู่ดีๆแล้วยูเรก้าขึ้นมาได้ยังไง
อย่างวันนี้คุยๆงานกัน นอกจากจะได้ความรู้เรื่องงานเพิ่มขึ้นแล้ว
ก็ยังรู้สึกได้ความรู้เรื่องมองโลก เรื่องจิตใจเพิ่มขึ้นอีก

มันเหมือนว่าเราไม่ต้องเอาหัวเข้าไปคิดอะไรให้วุ่นวาย
เวลาเจออะไรเข้า ทั้งหลากหลาย ทั้งวนเวียน ทั้งซ้ำซาก ทั้งแปลกใหม่
มันก็จะเกิดกระบวนการเรียนรู้ตามสัญชาตญาณไปเองตามลำดับขั้น
อย่าไปเค้น เพราะบางอย่าง เค้นเข้าไป ยังไงก็ไม่ออกมา

เพราะถ้าทุกสิ่งในโลกมันเกิดได้เพราะการต้องคิดเค้นออกมาเท่านั้น
โลกนี้ก็คงเป็นโลกแข็งๆ สังเคราะห์ๆเหมือนผลิตภัณฑ์พลาสติกจากเมืองจีน

งานใหม่ๆหน้าที่ใหม่ๆที่ได้ทำก็เหมือนกัน
รู้สึกยังไม่ลงตัวหรอก mind model ของตัวเองยังไม่สอดคล้องกับของที่เขามีอยู่สักเท่าไหร่ เราคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเอาตาม model มันกลับจะไม่เป็นอย่างนั้น

ก็รู้สึกตัวเองก็โง่และไร้สามารถอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน
ก็มีเฟลบ้าง
แต่คิดไปคิดมาก็ดีแล้ว ดีกว่าคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ได้

เพราะความเห็นผิดที่หนักข้อกว่า
ก็คือการเห็นตัวเองดี แต่ไม่ได้ดีจริงนี่แหละ




 

Create Date : 03 มีนาคม 2551   
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:42:43 น.   
Counter : 436 Pageviews.  

ช่องว่างระหว่างดาว

เห็นชื่อเรื่องวันนี้ใช่ไหม
"ช่องว่างระหว่างดาว"
ถามว่าฉันไปเอามาจากไหน
ตอบได้เลยว่า ไม่รู้เหมือนกัน
อยู่ๆมันก็ลอยเข้าหัวมาซะงั้น
ฉันก็เลยจัดการเอาไปต่อท้ายชื่อใน MSN
แล้วก็พาลเอามาตั้งหัวเรื่องไดวันนี้ด้วย

เอ่อ โดยมาคิดทีหลังว่าจะเขียนเกี่ยวกับมันยังไงดีวะเนี่ย

เมื่อบ่ายขับรถไปอิมแพค
เซ็งล่วงหน้าว่าจะต้องหาที่จอดรถยาก
และเป็นที่จอดที่รถโดนแดดเปรี้ยงๆ
คิดเล่นๆว่า เวลาไปอิมแพค ให้เอากล้วย เนื้อหมัก ใส่กระจาดวางไว้บนหลังคารถ
พอไปเดินในงานกลับมาที่รถ ก็มีกล้วยตาก เนื้อหมัก กินตอนขับรถกลับบ้านพอดี
ก็ได้แต่คิดล่ะ ใครจะไปทำจริง

ไม่ได้กลัวบ้าหรอก
กลัวมันหมดก่อนที่เราจะกลับไปที่รถน่ะเสะ

พอไปถึงอิมแพคก็พบกับความประหลาดใจ
เพราะเดี๋ยวนี้มีจอดใต้ดินแล้วนะเว้ยเฮ้ย
อยู่ที่อาคารแชลแลนเจอร์นี่เอง
ฉันจะเอนจอยกับชีวิตฉันมาก ถ้าฉันมีที่จอดรถร่มๆให้นังกระป๋องของฉัน
ฉันเข้าใจว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกอยากจะโดนตากแดดเปรี้ยงๆ
ยกเว้นแผงเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์
(มันอาจจะไม่อยากก็ได้ แต่ดันซวยเกิดมาเป็นเซลล์)
ถึงมันจะเก็บตังค่าจอด สามชั่วโมงยี่สิบ ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละสิบ
แต่ฉันก็แฮปปี้ ที่ฉันไม่ต้องเดินถือร่มตาหยีก้มหน้าออกจากรถ
ฉันสามารถเดินกลับรถมาอย่างไฮโซ เริ่ดเชิด หน้าไม่มัน แถมใกล้กว่ากันตั้งเยอะด้วย

ก่อนหน้านี้ฉันแอบก่นด่าที่จอดรถที่อิมแพคมาเป็นเวลาแสนนาน
ตั้งแต่มันสร้างอาคารแชลแลนเจอร์ทับที่จอดรถเดิมนี่แหละ
แต่ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่า ช่องว่างระหว่างเวลาที่อิมแพค
มันกำลังทำสิ่งที่เอาใจคนอย่างฉันอยู่นี่เอง
และสิ่งนั้นก็ปรากฏแก่ฉันในวันนี้

ยุปปี้!

หัวค่ำฉันกะกีบจังไปกินอาหารอีสานกลางซอย
บ้านอยู่ในดงร้านอาหารอีสานแท้ๆ แต่ไม่เคยกินกะที่บ้าน
มานั่งกินกะเพื่อนนี่แหละ
บางร้านที่เปิดมาเป็นสิบๆปีตั้งแต่ฉันยังไม่ตั้งไข่
จนมาป่านนีั้ฉันตอกไข่มือเดียวได้ เท้าฉันก็ยังไม่เคยไปเหยียบพื้นร้านเลย
ทั้งๆที่รัศมีการเดินจากบ้านไม่เกินสิบนาที
ฉันก็เดินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาผ่านหน้าร้านเวลาที่ฉันเดินจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือขึ้นรถเมล์เท่านั้น

วันนี้หยุดพักที่ช่องว่างระหว่างจุดหมาย
และวันนีจะปักหมุดช่องว่างตรงนี้ให้เป็นจุดหมายเพิ่มขึ้น
ก็ลาบหมูใส่หอมทอดมันอร่อยจังนิ

ม่วนหลาย!

ใครบางคนบอกกับฉันว่า เขาชอบการเดินทางไปเจอที่ใหม่ๆ
แต่เขาไม่ชอบช่องว่างระหว่างการเดินทาง
ผิดกับฉัน ถ้าช่องว่างระหว่างทางเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยพบเจอ
ฉันก็ถือว่านั่นก็คือที่ใหม่ๆของฉันเช่นกัน

ช่องว่างเปรียบเหมือนสิ่งที่โดนละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ
การเดินทางจากกรุงเทพไปสู่เชียงใหม่
เราก็ละจังหวัดต่างๆที่อยู่ระหว่างทางไป
เราพูดถึงการเดินทางจากกรุงเทพไปสู่เชียงใหม่
เหมือนโลกในตอนนั้นมีเพียงแค่กรุงเทพ และเชียงใหม่

วันนี้คนรักไม่อยู่ คนรักโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เย็นเจอกัน
ทำให้เวลาที่เป็นช่องว่างระหว่างวันนี้ถึงพรุ่งนี้เย็นแทบไม่มีความหมาย

สังเกตไหมว่า นอกจากเราจะเดินทางตามกาลเวลา
เดินทางตามสถานที่
เราก็ยังเดินทางตามความต้องการอีก
แต่เราไม่ค่อยได้มองดูตัวเองหรือรอบๆตัวระหว่างการเดินทางนั้นๆเท่าไหร่
เรารู้สึกว่านั่นคือช่องว่าง มันคือความว่างเปล่าที่ไม่ต้องไปสนใจ

แต่ในหลายๆครั้ง
ถึงคนเราจะถึงที่หมายแล้ว
ก็จะรู้สึกว่าที่หมายนั้นกลายเป็นช่องว่างทันที
เมื่อมีสิ่งอื่นที่หมายปองเข้ามาแทน


เธอเคยสนใจช่องว่างระหว่างดาวบ้างไหม?




 

Create Date : 03 มีนาคม 2551   
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:41:11 น.   
Counter : 396 Pageviews.  

น้ำยังไม่ท่วม


อ๊ะ เลยวันที่ 11 แล้วนี่ น้ำยังไม่ท่วมตามคำทำนาย
แปลว่าเราจะเลิกคิดถึง forward email อันนี้ได้รึยังนะ?
เหลืออะไรอีกนะ สึนามิ กับแผ่นดินไหวแถวบ้านเราใช่ไหม

ส่วนที่หมอลักษณ์ฟันธงไว้ว่าจะเกิดข่าวช็อกอีก ในกลางเดือนตุลา
ช็อกกว่าแหม่มท้องอีกด้วย ก็คงจะเป็นข่าวแหม่มได้ลูกชายแล้วมั้ง
ก็ยินดีกับเขาด้วย ที่ทั้งสองก็คงสุขภาพแข็งแรงดี

ไอการที่สุขภาพแข็งแรงนี่ คนแข็งแรงอาจจะไม่เห็นความสำคัญของมันเท่าไหร่
แต่เราเห็นว่ามันเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของชีวิตปัจจัยหนึ่งเลยจริงๆนะ
วันไหนที่เราป่วยเนี่ย จะยิ่งซาบซึ้งความดีของการมีสุขภาพดียิ่งนัก

สุขภาพดีทำให้เรามีแรงที่จะไปทำอะไรดีๆให้ตัวเองและคนอื่นได้
การอวยพรหรือขอให้ใครสุขภาพดี
เราจึงว่าเป็นการอวยพรที่ดี
และก็แทบจะครอบคลุมแล้ว

อยากรวย ก็ขอให้มีสุขภาพดีๆ
จะได้ทำงานเยอะๆ ขยันๆ และจะได้รวย
อยากมีแฟนสวย
ก็เอาสุขภาพดีๆไปขยันจีบให้ได้มา
อกหักก็แล้วไป เอาสุขภาพดีๆไปจีบคนใหม่ก็ได้

เมื่อวานทรมานปากสุดๆ เนื่องจากแผลร้อนในยาวเป็นแม่น้ำซีเกียงในปากมันคงปะทุขึ้นถึงขีดสุด
รำคาญตัวเองสุดๆแล้ว จากที่อ้าปากกินของนิ่มๆยังไม่ได้
ก็เลยพยายามอ้าปากกว้างๆแผลมันจะแยกก็ช่างมันแล้ว ตูจะกินข้าวให้ได้
(กินแบบขาดสารอาหารมาหลายวันละ)
แล้วก็ได้ผลวุ้ย ไม่รู้เป็นเพราะมันพีคสุดแล้วหรือว่าเราทำอย่างนี้ช่วยอาการ มันถึงดีขึ้น
อาหารเย็นเมื่อวานเลยเป็นอะไรที่อร่อยที่สุดในรอบห้าวัน ประกอบกับของมันอร่อยจริงๆด้วยแหละ
ชอบร้านนี้จริงๆ ข้าวต้มบุฟเฟต์ที่ไฮแอท เอราวัณ

มาถึงตอนนี้มันก็ยังไม่หายดี ก็ยังพาลให้ปวดฟันไปด้วยอยู่
แต่ก็นะ ไม่มีอะไรที่มันจะเป็นตลอดหรอก

หลายๆเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต
เมื่อก่อนก็คงเลือกมองในแง่ดีเอาไว้ก่อน
แต่เดี๋ยวนี้ก็ขอเลือกมองในแง่ดีเหมือนเดิม
แต่เติมคำว่า พร้อมกับเหตุผลลงไปด้วย
เพราะถ้ามองในแง่ดีอย่างเดียวโดยไม่ใช้ปัญญา
ก็คงจะโดนคนอื่นหลอกซ้ำหลอกซาก
ที่สำคัญก็จะโดนตัวเองหลอกซ้ำหลอกซากกว่าอีก

เมื่อไหร่ที่เราพบตัวเองว่า เราเผชิญกับความทุกข์อยู่
วันหนึ่งลุกขึ้นมาบอกว่า ฉันจะเอาชนะมันแล้ว ฉันไม่แคร์
แล้วอีกวันหนึ่งมานอนซุกหมอนร้องไห้
อีกวันหนึ่งมาบอกว่าฉันเฉยชากับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
แล้วอีกวันหนึ่งมาฟูมฟายว่ายังตัดใจไม่ได้
ขอให้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่า
เราหลอกตัวเองอยู่ล่ะมั้งเนี่ย

จริงๆอยู่ คนเรามีทั้งวันที่เข้มแข็ง และวันที่อ่อนแอ
แต่ถ้าเป็นอย่างที่เขียนไว้ข้างบนเนี่ย
แถวบ้านเขาเรียกว่า ผีเข้าผีออก นะจ๊ะ

ก็เนี่ยนะ
พอเราไม่สบายขึ้นมา เราก็จะรู้สึกว่า โอ้ โลกนี้ไม่น่าอยู่เลย
เพราะมันทุกข์ทรมานจังไง
แต่พอเริ่มหายขึ้นมาล่ะ เห็นโลกสวยงามขึ้นทันควันเลย
อยากเอนจอยชีวิตต่อแล้ว

แต่จริงๆแล้ว โลกเป็นยังไงก็ไม่รู้
เรารู้สึกไปเองนั่นแหละว่าโลกเป็นยังไง
เพลงมันจะเพราะหรือไม่เพราะ
มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเพลง มันอยู่ที่คนฟังต่างหาก
ว่าฟังแล้วมันเพราะหรือไม่เพราะ

บางทีค่าของคนอาจจะไม่ได้อยู่ที่ผลของงานเพียงอย่างเดียว
ค่าของคนก็อยู่ที่ใครจะคิดด้วยอะเนอะ

และไอความรู้สึกของเราก็มักจะไม่คงที่ ไม่มีมาตรฐานซะด้วย จริงไหม [ katamari




 

Create Date : 03 มีนาคม 2551   
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:36:58 น.   
Counter : 443 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

JeyZ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




รหัสสมาชิก 3 พันนิดๆ
เป็นมนุษย์ต่างดาว
มีแมวเป็นนาย มีกายเป็นบ่าว
ทำงานหลายอย่าง
ชอบทำอาหาร ชอบชิมอาหาร
ชีวิตนี้ก็ไปมาหลายที่อยู่เหมือนกัน
เป็นมิตร ไม่กัด ตรงไปตรงมา
ไม่ถนัดสนทนากับเกรียน และชาวภาษาวิบัติ
[Add JeyZ's blog to your web]