มนุษย์ต่างดาวเขียนหนังสือ

บริษัท โทสะ จำกัด

วันนี้มีอะไรที่ไม่ตรงตามแปลนบางอย่าง
สาเหตุเพราะชาวบ้านด้วย
ด้วยตรรกะการตัดสินใจของตัวเองด้วย
ทำให้เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ปุดๆ

เราไม่ใช่คนเก็บอารมณ์เก่ง
ถ้ารู้สึกยังไงก็จะแสดงออกทางสีหน้าเลย
อารมณ์โกรธก็เช่นกัน
ปรกติเราเป็นคนโกรธง่าย หายก็ยาก
เป็นคนหงุดหงิดง่าย รำคาญง่าย
(ถึงจะไม่ค่อยมีใครเห็นก็เหอะ)
เพราะไม่ชอบเห็นอะไรขวางหูขวางตา
ไม่ชอบเห็นอะไรผิดตรรกะจากที่ตัวเองคิด
ไม่ชอบเจออะไรค้างๆคาๆคลุมเครือไม่ชัดเจน

อารมณ์อื่นก็ไม่แพ้กันเท่าไหร่
เพราะฉะนั้น เราก็เลยรู้สึกสลับกันอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือ เรามีงานทางใจให้ทำเยอะดี
ได้โอกาสสร้างบารมีให้กับใจตัวเอง
กับอย่างที่สองคือ คนอื่นนี่สบายดีจัง
ไม่ต้องมานั่งอยากยุ่บยั่บแบบเรา อิอิ
เอาว่าเรื่องอยากนี่ เอาไว้วันหลังค่อยเม้าละกัน
วันนี้ว่าด้วยโทสะไปก่อน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ที่ยังคิดว่าคนอื่นทำให้เราเป็นงั้นงี้นั้น
ก็คงมีกระฟัดกระเฟียดใส่บ้าง
ตามดีกรีของสถานการณ์
วันนี้ก็ยังไม่ได้มีใจไม่ยึดติด
แต่มันแสดงให้เห็นว่า ก็เริ่มทำได้ดีขึ้นนะ

ยังโกรธเหมือนปรกติ
คือโกรธแบบกรุ่นๆ
จินตนาการถึงฉากตัวเองพูดจาเชือดเฉือนใส่คนนั้น แล้วก็สะบัดหน้าเชิดใส่
เอาว่าแค่นี้คนๆนั้นก็คงหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว
แต่ที่ต่างไปก็คือ
ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกระฉูดว่า ฉันจะทำแบบนี้ในชีวิตจริงด้วยล่ะ
ปล่อยให้มันส์ในความคิดไปอย่างเดียว
ก็นั่งดูไป ไอคนคนนี้มันจะคิดบ้าบอไปถึงไหนกันเชียว

มันก็ตลกนะ
สมมติว่าถ้าเราเป็นใครไม่รู้ เดินมาเห็น
แล้วสมมติว่าเรามองเห็นยัยนี่ และความคิดของยัยนี่ด้วย
เราก็คงขำ เหมือนที่เราขำหนัง ขำละคร
ทั้งๆที่เวลาเราโกรธขึ้นมากันนั้นน่ะ
ก็อย่างนี้กันทั้งนั้น
ขำได้ของคนอื่น แต่ของตัวเองมักจะตลกไม่ออก

ดูไปดูมา
พอเจอหน้าคนๆนั้นเข้าจริงๆ
ก็แค่ยิ้มให้ แล้วก็เดินจากไป
เขาก็ดูสำนึกผิดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปซ้ำเติม
หลังจากนั้น เราก็รู้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยจากประสบการณ์ตรงว่า
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไปโกรธใครจริงด้วยแฮะ

ที่อยากชื่นชมตัวเองก็ตรงที่ไม่ต้องแสดงอารมณ์ปุดออกมาใส่ใคร
และก็ไม่ได้เก็บอารมณ์ปุดไว้ดูเล่นซะด้วย
จึงไม่ใช่การข่มอารมณ์ หรือการทำใจได้ใส่สะอาด
แต่มันเป็นการปล่อยให้เรื่องเคืองๆภายนอกให้หลุดๆไปซะบ้าง
เพราะไม่เห็นความสำคัญของการถือมันไว้อย่างลิงกำถั่ว
แล้วก็ไม่ไประบายอารมณ์ใส่ใครให้โลกนี้รู้ว่าฉันโกรธอยู่ด้วย

นอกจากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปโกรธใครแล้ว
ก็ยังเห็นอีกว่า แต่ละครั้งที่เราโกรธนั้น
มันโกรธโดยที่ไม่มีจุดประสงค์ที่สมควรจะโกรธเลย
มันเห็นว่า ถึงมีใครมาทำอะไรไม่เมคเซนส์กับเรา
ถ้าเราจะโกรธ มันก็เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ
แต่เราไม่ควรจะไปคิดว่าเรื่องอย่างนี้เราควรโกรธหรือไม่เลย

เราโกรธเพราะเราพยายามไปตีค่าให้มัน
เราไม่โกรธน้ำทะเลเซาะชายหาด
เราไม่โกรธพระอาทิตย์ที่มันขึ้นทางทิศตะวันออก
เราไม่โกรธพ่อค้าขายไข่เป็ดไม่สะอาดเพราะเราไม่กินไข่เป็ด
แต่เราโกรธคนที่มีด่าเรา เราโกรธคนที่ไม่ทำอะไรตามใจเรา
เพราะเราไปตีค่าว่าสิ่งใดๆที่มาทำกับเรานั้น
ล้วนแต่ matter กับเราทั้งนั้น
เราให้ความสำคัญมันมากกว่าน้ำทะเลเซาะชายหาด
ให้ความสำคัญมันมากกว่าแม่น้ำปิงวังยมน่านกลายมาเป็นเจ้าพระยา
ก็เพราะว่ามันมายุ่งกับ"เรา" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ยิ่งอีโก้"เรา"ใหญ่ ใครมันมาทำอะไรข้างๆเรา ถัดไปอีกนิดหน่อย
ก็มีความสำคัญกับ "เรา" อีกเหมือนกัน

ถ้าเราเอา "เรา" ออกไปไกลๆหน่อย
เราก็จะไม่เห็นว่าคนที่มาด่าเรา จะมีความสำคัญกับเรา
ไปมากกว่าเห็นลูกคนไม่รู้จักตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทันตรงไหน

ก็เพราะคงเริ่มเห็นว่าโกรธไปไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลยมั้ง
บางคนอาจจะคิดว่า โกรธแล้วคนอื่นมันจะได้รู้ซะมั่งว่าทำอะไรผิดไป
เรากลับเห็นว่า ที่เราเห็นคนโกรธๆเนี่ย รวมถึงตัวเองด้วย
ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กที่ลงไปดิ้นกระแด่วๆอยากได้ของเล่น
หรืออันธพาลที่โกรธแล้วทำลายล้าง โดยอ้างว่าอยู่ฝ่ายความดีเลย
โกรธแฟนที่แฟนทำไม่ดี
ก็อาจจะทำให้แฟนไม่กล้าทำเพราะกลัวเราโกรธ
แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำให้แฟนสำนึกว่าไม่ควรทำเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ดี
โกรธนักการเมืองที่โกงกิน
แล้วก็ด่านักการเมืองให้สะใจตัวเองไปวันๆ

เคยถามตัวเองกันไหมว่าโกรธไปเพื่ออะไร
โกรธแล้วได้อะไรขึ้นมาที่มัน positive บ้างหรือเปล่า

โกรธเป็นเรื่องส่วนตัวเช่นเดียวกับอารมณ์อื่นๆนั่นแหละ
ที่พอเกิดขึ้นมา ตัวเราเองที่เป็นที่แรกที่จับอารมณ์นั้น
เพราะฉะนั้น จะสุข จะสุกข์ จะโกรธ จะเสียใจ
มันก็อยู่ที่เราก่อนเลย

โกรธเป็นไฟ ไฟมันก็สุมทรวงเราก่อนเลย
เราไม่หายโกรธ
เราก็ทุรนทุรายกับไฟนั้นไปเองเรื่อยๆ
หลายๆครั้ง เราจึงทุรนทุรายหาทางบอกคนอื่น
ว่ากำลังมีไฟสุมใจฉันอยู่
หลายๆครั้ง เราก็กระวีกระวาดเอาไฟไปยัดใส่คนอื่น
โดยหวังว่าไฟจากใจตัวเองมันจะถ่ายเทไปสู่คนอื่นได้
ตราบใดที่ย้ายไฟไปสุมคนอื่นไม่ได้
ก็ร้อนอกร้อนใจไม่รู้จักดับไฟนั้นซะเอง ไม่รู้ทำไม
บางครั้งเอาไปยัดใส่คนอื่นแล้วตัวเองดับก็จริง
แต่มันจะไม่ใช่การดับถาวร
เพราะเชื้อเพลิงมันยังอยู่เต็มสี่ห้องหัวใจของเรา
จะปะทุปุปะขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
และเมื่อปะทุขึ้นมา
มันก็เริ่มปะทุที่ใจเราก่อนอีกนั่นแหละ
ไม่สงสารใจตัวเองกันบ้างเหรอ

ชีวิตคนเรามีเวลาจำกัด
เรามีเวลาจำกัดในการใช้ชีวิตให้ดีๆ
ในฐานะที่เรายังเป็นปุถุชนกัน
ความโกรธคงไม่ได้เลือนหายไปจากใจง่ายๆ

แต่ถ้าเริ่มดูความโกรธไป
พิจารณาว่ามันให้ประโยชน์กับเรา สังคม ประเทศชาติตรงไหนแล้ว
พอเห็นมันไปเรื่อยๆ
เราก็จะจัดการให้มันอยู่เป็นที่เป็นทางได้

แล้วเราก็จะได้มีชีวิตแบบที่ไม่ต้องสุมไฟให้ร้อนทรวงกันเกินเหตุ
แล้วก็จะได้เอาเวลาที่มีชีวิตเย็นๆ
ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าใช้ความโกรธบี้หน้าให้บู้ให้ดูแก่

เดี๋ยวจะเสียเงินซื้อครีมหน้าเด้งมาทาให้วุ่นวายอีก
อันนี้ก็ถือว่าทำตัวเองนะ เอ้า



Create Date : 04 มีนาคม 2551
Last Update : 4 มีนาคม 2551 23:19:57 น. 0 comments
Counter : 393 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

JeyZ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




รหัสสมาชิก 3 พันนิดๆ
เป็นมนุษย์ต่างดาว
มีแมวเป็นนาย มีกายเป็นบ่าว
ทำงานหลายอย่าง
ชอบทำอาหาร ชอบชิมอาหาร
ชีวิตนี้ก็ไปมาหลายที่อยู่เหมือนกัน
เป็นมิตร ไม่กัด ตรงไปตรงมา
ไม่ถนัดสนทนากับเกรียน และชาวภาษาวิบัติ
[Add JeyZ's blog to your web]