|
10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย : คอมพิวเตอร์.ทูเดย์
10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย : คอมพิวเตอร์.ทูเดย์

ว่ากันว่าผู้ใช้บางท่านรู้สึกแย่มาก ๆ ที่อยู่ดี ๆ ฮาร์ดดิสก์สุดที่รักก็จากไปอย่างไม่หวนคืน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันมีสัญญาณเตือนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้สังเกตไม่ ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีนิสัยรักการแบ็คอัพ ประเภทรักเดียวใจเดียวไม่สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นกันบ้างเลย
ประเด็นที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตสังกามันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 10 ข้อด้วยกัน อ่านเรื่องนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้างหรือไม่
1. เสียงดังติ๊กๆ อย่านึกว่าเป็นเข็มนาฬิกา : ฮาร์ดดิสก์ทุกตัวในโลกนี้ไม่เคยติดตั้งนาฬิกาปลุกไว้ข้างใน และถ้ามันเป็นปกติดีก็ไม่ควรจะมีเสียงดังติ๊กๆ ให้ชวนระทึกขวัญด้วย เสียงดังที่ว่านี้ ถ้าจะให้พิจารณากันอย่างละเอียดคุณต้องเอาหูแนบกับฮาร์ดดิสก์ว่าเสียงมาจากส่วนใด เพราะการวิเคราะห์หาสาเหตุจะทำได้ตรงจุดจริง ๆ ถ้าเสียงมาจากตรงกลางให้สันนิษฐานว่ามาจากชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ที่อาจเกิดความผิดพลาดหรือชำรุดขึ้น แต่ถ้าเสียงดังมาจากรอบ ๆ นอกในรัศมีของกล่องฮาร์ดดิสก์ ให้สันนิษฐานว่าปัญหามาจากหัวอ่านติดขัด ซึ่งอาจจะกำลังเคาะกับแผ่นจานอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้อันตรายมากเพราะทำให้ข้อมูลเสียหายได้ทั้งลูกเลย
2. ไฟดับบ่อยๆ ไม่ดีกับฮาร์ดดิสก์ : เครื่องคอมพ์ที่ไม่มี UPS มีโอกาสเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในจะเสียหายเร็วขึ้นถ้าหากมีไฟดับบ่อย ๆ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์นั้น เวลาที่ไฟฟ้าดับอย่างรวดเร็วหัวอ่านข้างในอาจจะยังไม่กลับสู่บริเวณที่ปลอดภัย หรือบางทีหัวอ่านอาจจะไปกระแทกกับแผ่นจานในช่วงที่ไฟฟ้ากระชากขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ นอกจากนี้หากไฟตกบ่อย ๆ แล้วดับลงก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะฮาร์ดดิสก์จะพยายามทำงานตามหน้าที่หากมีกำลังไฟเพียงพอ แต่ถ้าในระหว่างนั้นไฟค่อยๆ ตกลงและดับไป ตำแหน่งของหัวอ่านจะยังไม่กลับที่เดิมแน่ ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ไว้จะปลอดภัยทั้งฮาร์ดดิสก์เองและอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยเช่นกัน
3. เครื่องแฮงก์บ่อยๆ : ปัญหาเครื่องคอมพ์ค้างนั้น มีหลายสาเหตุครับ นอกจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ Error แล้ว อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำให้เครื่องค้างหรือหยุดนิ่งไม่ไหวติงได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ถึงค้างได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยก็คือ กำลังไฟที่จ่ายไม่เพียงพอ ถ้าเครื่องของคุณมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก มีฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ออปติคอลหลายตัว แต่เพาะเวอร์ซัพพลายใช้ของราคาถูก จ่ายไฟไม่พอ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮร์ดดิสก์ค้างได้เลย และอย่างที่สองมาจากอุปกรณ์ภายฮาร์ดดิสก์ในทำงานผิดพลาด ซึ่งตรงจุดนี้ตัวระบบปฏิบัติการเองสามารถส่งผลต่อเนื่องมายังฮาร์ดดิสก์ได้โดยตรง เพราะยังไงเสียระบบปฏิบัติการก็เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนหนึ่ง ย่อมส่งผลไปยังส่วนที่เหลือได้ไม่ยาก
4. ทำไมมันร้อนเร็วจัง : หลังจากที่คุณเปิดสวิตช์เครื่องคอมพ์ได้ไม่นาน และพบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ยังคงทำงานต่อไปได้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงความผิดปกติที่พบขึ้นมาทันที อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะฮาร์ดดิสก์จะร้อนขึ้นเมื่อมีการเริ่มเขียน-อ่าน ข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ แค่เปิดเครื่องแล้วอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นขนาดนี้ไม่ดีแน่ครับ อาการที่ว่านี้มาจากอุปกรณ์ภายในโดยตรงที่ส่งความร้อนออกมา มอเตอร์อาจได้รับแรงดันไฟมากเกินไปหรือไม่เสถียรพอจนทำงานผิดพลาด นอกจากนี้หากมีชิ้นส่วนในแผงวงจรเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมาก็สามารถแสดงอาการแบบนี้ได้เช่นกัน
5. โปรแกรมค้างบ่อยๆ : สำหรับโปรแกรมที่กำลังพูดถึงนี้ ผมเหมารวมไปถึงระบบปฏิบัติการด้วยนะครับ เวลาที่คุณเปิดโปรแกรมสักตัวขึ้นมาแล้วมันหยุดนิ่งหรือค้างไปเฉยๆ นั้น หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่อยากให้ทุกท่านได้ใส่ใจก็คือ ปัญหาที่ว่าอาจมาจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง ถ้าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีแบดเซกเตอร์ (Bad Sector) กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรแกรมหรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการค้างได้ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด

6. ไฟติด แต่ไฟล์ดับ! : ถ้าคุณต่อสายสัญญาณไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสก์ในเมนบอร์ดถูกต้อง หลอด LED ด้านหน้าเคสต้องแสดงอาการให้เห็นเวลาที่มีการเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้น หลอดไฟดวงเล็ก ๆ นี้ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง ถ้าในระหว่างที่มีการเขียนข้อมูลหรือไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์ หลอดไฟย่อมกะพริบอยู่ตลอด แต่หลังจากคุณกลับเข้าไปดูข้อมูลที่เขียนหรือโอนถ่ายลงไปกลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปในฮาร์ดดิสก์เลย แล้วทำไมหลอดไฟถึงได้กะพริบแบบนั้น ตรงนี้บอกอะไรเราได้บ้าง อย่างแรกเลยคือ เกิดความผิดพลาดในระดับโครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ ปัญหาที่ว่านี้อาจมาจากระบบ FAT หรือแม้แต่โครงสร้างพาร์ทิชันเสียหาย ไฟที่กะพริบแสดงถึงการโอนข้อมูลไปยังตำแหน่งของเซกเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเขียนลงไปได้สำเร็จจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปิดหน้าจอไว้ในระหว่างที่มีการโอนไฟล์ใหญ่ๆ หลอดไฟที่กะพริบอาจทำให้คุณเข้าใจว่าระบบกำลังทำงานอยู่ ตรงนี้ถ้าไม่เปิดดูหน้าจอจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
7. ฮาร์ดดิสก์ตีกลอง : สำหรับอาการที่ว่านี้มีความแตกต่างจากข้อที่ 1 โดยสิ้นเชิง ถ้าคุณได้ยิ้นเสียงรัวกลองดังกึกก้องมาจากฮาร์ดดิสก์ และไม่ยอมหยุดซักที อาการแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่ามันจะขอลาแล้วละครับ เสียงดังที่คล้ายกับการตีกลองนั้นมาจากหัวอ่านไปกระทบกับจานอย่างจัง หรือแม้แต่หัวอ่านเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งล็อก จนไปกระกบกับแผ่นจาน ถ้าเป็นแบบนี้ข้อมูลทั้งหมดในอาร์ดดิสก์อาจได้รับความเสียหายจนถึงขั้นกู้ไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าเสียงกลองเพิ่งเริ่มรัวให้คุณรีบพาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมด่วนเลยนะครับ!
8. สแกนดิสก์ไม่ผ่าน : การตรวจสุขภาพฮาร์ดดิสก์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ สแกนมันให้ทั่วทั้งจาน ไม่ว่าคุณจะใช้บริการจากยูทิลิตีบนวินโดวส์เอง หรือโปรแกรมจากเธิร์ดพาร์ตี้ก็ตาม หากสแกนไม่ตลอดรอดฝั่งแล้วละก็ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าฮาร์ดดิสก์กำลังมีปัญหาเกิดขึ้น สาเหตุก็มีทั้งโครงสร้าง FAT เสียหาย รวมถึงตารางพาร์ทิชันที่อาจเสียหายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซกเตอร์ ตรงจุดสำคัญๆ ก็จะส่งผลให้การสแกนฮาร์ดดิสก์ตรงตำแหน่งพื้นที่นั้นๆ ไม่ผ่านด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ค้างนิ่งไปเลยก็มีให้เห็นด้วย
9. สั่งดีแฟรกแต่ไม่ฉลุย : ดีแฟรก หรือการจัดเรียงข้อมูลหรือไฟล์ที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วฮาร์ดดิสก์ให้กลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วให้ก็จริง แต่ถ้าการดีแฟรกไม่ผ่านฉลุยหรือไม่ยอมจบสิ้นซักทีล่ะ ปัญหาจะมาจากไหนได้ นอกจากฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าคุณพบอาการที่ว่านี้ในระหว่างการดีแฟรกฮาร์ดดิสก์นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงสุขภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณเริ่มไม่ดีแล้ว ความเป็นไปได้ของปัญหามีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกมาจากตัวอุปกรณ์เองที่อาจชำรุดเสียหาย และอย่างที่สองมาจากโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลเกิดความเสียหายในระดับซอฟต์แวร์ ตรงนี้เราไม่สามารถใช้การดีแฟรกมาช่วยได้นอกจากต้องสร้างพาร์ทิชันและฟอร์แมตโครงสร้าง FAT ขึ้นมาใหม่
10. สร้างพาร์ทิชันไม่ได้ : สัญญาณอันตรายในข้อสุดท้ายนี้ค่อนข้างรุนแรงครับ ถ้าคุณเผอิญกำลังประสบอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องทำใจเอาไว้ด้วย ถ้าอาการที่ว่านี้เกิดกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่แกะกล่องคงไม่ต้องซีเรียสอะไร เพราะยังไงก็เคลมได้ชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ที่หมดประกันไปแล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เวลาที่ไม่สามารถสร้างพาร์ทิชันขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมใดๆ ก็ตาม การตีความหมายไม่ควรอยู่ในวงแคบๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์พังแน่ ๆ หรือมันเพิ่งหล่นมาใช้ไหมนี่ ปัญหาอาจจะมาจากแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ซึ่งหากคุณหาอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกันมาถอดเปลี่ยนเข้าไปใหม่ ก็สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้แล้ว แต่ถ้าแผ่นจานเสียหายละก็หมดสิทธิ์ทันทีครับ ต้องกินยาทำใจอย่างเดียว

อ่านจบกันแล้วก็คงได้ทราบความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์กันมากขึ้น ทีมงานไซเบอร์บิสออนไลนต์ต้องขอขอบคุณกองบรรณาธิการของนิตยสารคอมพิวเตอร์ทูเดย์ด้วยนะคะ ที่แบ่งปันบทความดี ๆ มาให้อ่านกันค่ะ Company Related Links : ARiP ทิปจาก : www.manager.co.th
|
---|
Create Date : 06 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 6 เมษายน 2551 19:27:21 น. |
Counter : 598 Pageviews. |
| |
|
|
|
เคล็ดลับ 10 ข้อเกี่ยวกับวิธีการช่วยลดอีเมลที่ไม่พึงประสงค์
เคล็ดลับ 10 ข้อเกี่ยวกับวิธีการช่วยลดอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ ปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของคุณในการรับอีเมลขยะ 1. ใช้ประโยชน์จากตัวกรองอีเมลขยะใน Microsoft Office Outlook 2007 Office Outlook 2007 ช่วยลดปัญหาอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ด้วย ตัวกรองอีเมลขยะ ซึ่งจะประเมินข้อความรับเข้า และส่งข้อความที่พิจารณาว่าเป็นอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ไปยังโฟลเดอร์ อีเมลขยะ 2. บล็อกรูปภาพในข้อความ HTML ที่ผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ใช้เป็นเว็บบีคอน (Web beacon) Office Outlook 2007 ยังมีกลไกเพิ่มเติมสำหรับป้องกันอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ โดยจะบล็อกการดาวน์โหลดรูปภาพโดยอัตโนมัติ รวมถึงเนื้อหาภายนอกอื่นๆ ในข้อความตามค่าเริ่มต้น เมื่อเนื้อหานั้นถูกเชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์ ถ้าไม่ได้เปิดใช้งานคุณลักษณะนี้ เมื่อคุณเปิดข้อความที่มีเนื้อหาภายนอก เนื้อหาดังกล่าวจะดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติ และคุณจะตรวจสอบความถูกต้องโดยไม่ได้ตั้งใจไปยังเซิร์ฟเวอร์ว่าที่อยู่อีเมลของคุณถูกต้อง จากนั้นที่อยู่อีเมลของคุณก็อาจถูกขายให้แก่ผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ คุณจะสามารถยกเลิกการบล็อกเนื้อหาภายนอก เช่น รูปภาพ ถ้าคุณคิดว่าข้อความนั้นมาจากแหล่งที่ไว้ใจได้ สำหรับรายละเอียด ดู บล็อกหรือยกเลิกการบล็อกการดาวน์โหลดรูปภาพอัตโนมัติในข้อความอีเมล 3. ปิดการแจ้งเมื่อผู้รับเปิดอ่านและการแจ้งเมื่อผู้รับได้รับข้อความ และการประมวลผลการเรียกประชุมโดยอัตโนมัติ บางครั้งผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์อาจใช้วิธีส่งการเรียกประชุมและข้อความที่มีคำร้องขอการแจ้งเมื่อผู้รับเปิดอ่านและการแจ้งเมื่อผู้รับได้รับข้อความ การตอบสนองต่อการเรียกประชุมและการแจ้งเมื่อผู้รับเปิดอ่านอาจช่วยให้ผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์สามารถตรวจสอบที่อยู่อีเมลของคุณ คุณจะสามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การประมวลผลโดยอัตโนมัติสำหรับการเรียกประชุมและการแจ้งเมื่อผู้รับเปิดอ่านและการแจ้งเมื่อผู้รับได้รับข้อความ เป็นคุณลักษณะที่มีประโยชน์ซึ่งคุณไม่ควรกลัวที่จะใช้ภายในเครือข่ายองค์กรที่ปลอดภัย หมายเหตุ ผู้ดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์อีเมลเท่านั้นที่จะสามารถปิดการแจ้งเมื่อผู้รับได้รับข้อความ ปิดใช้งานการแจ้งเมื่อผู้รับเปิดอ่าน 1. บนเมนู เครื่องมือ ให้คลิก ตัวเลือก 2. คลิก ตัวเลือกอีเมล 3. คลิก ตัวเลือกการติดตาม 4. ภายใต้ ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อตัดสินใจว่าจะตอบกลับข้อความที่ร้องขอใบตอบรับเมื่ออ่านอย่างไร ใช้ได้กับบัญชีผู้ใช้จดหมายอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ให้คลิก ไม่ส่งการตอบกลับ ปิดการยอมรับการเรียกประชุมโดยอัตโนมัติ 1. ใน Outlook บนเมนู เครื่องมือ ให้คลิก ตัวเลือก แล้วคลิก ตัวเลือกปฏิทิน 2. ภายใต้ ตัวเลือกขั้นสูง ให้คลิก การจัดตารางทรัพยากร 3. ล้างกล่องกาเครื่องหมาย ยอมรับการเรียกประชุมและดำเนินการยกเลิกโดยอัตโนมัติ 4. จำกัดสถานที่ที่คุณติดประกาศที่อยู่อีเมลของคุณ ระวังเกี่ยวกับการติดประกาศที่อยู่อีเมลของคุณบนเว็บไซต์สาธารณะ เช่น กลุ่มข่าวสาร ห้องสนทนา กระดานข่าว และอื่นๆ เมื่อเยี่ยมชมไซต์สาธารณะ คุณอาจต้องการใช้ที่อยู่อีเมลที่แตกต่างจากที่อยู่อีเมลหลักของคุณ ให้เอาที่อยู่อีเมลของคุณออกจากเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณ ถ้าคุณแสดงรายการหรือเชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลของคุณ คุณก็จะเพิ่มโอกาสในการรับอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ 5. ตรวจทานนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ เมื่อคุณลงทะเบียนสำหรับระบบธนาคารออนไลน์ การซื้อสินค้า/บริการ และจดหมายข่าว ให้ตรวจทานนโยบายความเป็นส่วนตัวอย่างใกล้ชิด ก่อนที่คุณจะเปิดเผยที่อยู่อีเมลหรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ให้มองหาการเชื่อมโยงหรือส่วน (โดยปกติแล้วอยู่ที่ด้านล่างโฮมเพจของเว็บไซต์) ที่เรียกว่า "คำแถลงความเป็นส่วนตัว" "นโยบายความเป็นส่วนตัว" "ข้อกำหนดและเงื่อนไข" หรือ "ข้อกำหนดการใช้" ถ้าเว็บไซต์ไม่ได้อธิบายวิธีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ คุณก็ไม่ควรใช้บริการของไซต์นั้น 6. ระวังกล่องกาเครื่องหมายที่ถูกเลือกไว้แล้ว เมื่อคุณซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ บางครั้งบริษัทจะเพิ่มกล่องกาเครื่องหมายที่ถูกเลือกไว้แล้ว เพื่อระบุว่าคุณอนุญาตให้บริษัททำการขายหรือเปิดเผยที่อยู่อีเมลของคุณให้แก่องค์กรธุรกิจอื่นๆ (หรือ "บุคคลที่สาม") ล้างกล่องกาเครื่องหมายเพื่อที่ว่าที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกนำไปใช้ร่วมกับผู้อื่น 7. อย่าตอบกลับอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ อย่าตอบกลับ หรือแม้กระทั่งยกเลิกการสมัครสมาชิก ยกเว้นในกรณีที่คุณทราบและไว้ใจผู้ส่ง เช่น เมื่อข้อความอีเมลมาจากบริการ ร้านค้าออนไลน์ หรือจดหมายข่าวที่คุณสมัครสมาชิก การตอบกลับอีเมลที่ไม่พึงประสงค์จะเป็นการยืนยันว่าที่อยู่อีเมลของคุณสามารถใช้การได้ 8. ถ้าบริษัทใช้ข้อความอีเมลเพื่อถามข้อมูลส่วนบุคคล อย่าตอบกลับด้วยการส่งข้อความเป็นอันขาด บริษัทที่ถูกต้องส่วนใหญ่จะไม่ขอข้อมูลส่วนตัวในอีเมล ถ้ามีการถามข้อมูลดังกล่าว คุณก็ควรระวัง เพราะอาจเป็นข้อความอีเมลหลอกลวงที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นข้อความที่ถูกต้อง กลยุทธ์เช่นนี้เรียกว่าฟิชชิ่ง ถ้าอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ถูกส่งมาจากบริษัทที่คุณทำธุรกิจด้วย เช่น บริษัทบัตรเครดิต ให้โทรติดต่อบริษัทนั้น แต่อย่าใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ในอีเมล ให้ใช้หมายเลขที่คุณพบโดยใช้วิธีการอื่นๆ เช่น สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ คำแถลง หรือใบเสร็จ ถ้าคำร้องขอดังกล่าวถูกต้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าควรจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่คุณ นอกจากนี้ตัวกรองอีเมลขยะยังประกอบด้วย การป้องกันฟิชชิ่ง เพื่อช่วยระบุและปิดการใช้งานข้อความที่น่าสงสัย 9. อย่าบริจาคเงินเพื่อการกุศลตามคำร้องขอในอีเมล น่าเสียดายที่ว่าผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์บางรายใช้ประโยชน์จากเจตนาที่ดีของคุณ ดังนั้นถ้าคุณได้รับคำร้องขอให้บริจาคเงินเพื่อการกุศล คุณก็ควรถือว่าเป็นอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ ถ้าเป็นองค์กรการกุศลที่คุณต้องการสนับสนุน ก็ให้ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์หรือเว็บไซต์ขององค์กรดังกล่าว เพื่อค้นหาวิธีการบริจาค 10. อย่าส่งต่อข้อความอีเมลที่เป็นจดหมายลูกโซ่ นอกจากจะเพิ่มปริมาณอีเมลแล้ว การส่งต่อข้อความอีเมลที่เป็นจดหมายลูกโซ่ยังเป็นการขยายขอบเขตการหลอกลวง แต่ในขณะเดียวกัน คุณยังสูญเสียการควบคุมเกี่ยวกับผู้ที่จะมองเห็นที่อยู่อีเมลของคุณ
ทิปจาก : //technology.msnth2.com
|
---|
Create Date : 06 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 6 เมษายน 2551 19:27:29 น. |
Counter : 521 Pageviews. |
| |
|
|
|
เช็กเว็บไซต์ที่เคยเข้าจากไฟล์ Cookies
เช็กเว็บไซต์ที่เคยเข้าจากไฟล์ Cookies Cookies อาจเป็นขนมหวานของบรรดาแฮกเกอร์ ที่ใช้ค้นหารหัสผ่านต่างๆ ของเว็บไซต์หรือข้อมูลสำคัญในการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณได้ไม่ยากนัก แต่คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากไฟล์ Cookies พวกนี้ ในการตรวจสอบการเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ได้เหมือนกัน เช่น ถ้าต้องการเช็กว่าลูกหลานเข้าเว็บไม่เหมาะสมบ้างหรือเปล่า? โดยดูใน History แต่ถ้าเด็กเคลียร์ข้อมูลใน History ไปแล้วให้คุณเข้าไปที่ C:\Documents and Settings\Administrator\Cookies จะเห็นไฟล์ Text ขนาด 1KB เต็มไปหมด ลองเลื่อนดูก็จะเห็นชื่อไฟล์เหล่านี้รายชื่อเว็บไซต์ระบุไว้ด้วย โดยเฉพาะเว็บไม่เหมาะสมทั้งหลายมักจะส่งไฟล์ Cookies ฝังตัวไว้เลย ทีนี้คุณก็สามารถตรวจสอบรายชื่อเว็บเหล่านี้ได้เลย
ทิปจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY
|
---|
Create Date : 06 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 6 เมษายน 2551 19:28:08 น. |
Counter : 2131 Pageviews. |
| |
|
|
|
ลบไฟล์ขยะอัตโนมัติหลังปิด IE
ลบไฟล์ขยะอัตโนมัติหลังปิด IE วิธีนี้เป็นการช่วยให้เครื่องของคุณปลอดภัยจากไวรัสที่อาจฝังตัวหรือแฝงมากับไฟล์ Internet Temp ต่างๆ ที่มาจากการเข้าเว็บไซต์ วิธีการนั้นให้เปิดหน้าต่าง Internet Options คลิ้กแท็บ Advanced เลื่อนไปยังหัวข้อ Security แล้วทำเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Empty Temporary Internet Files Folder when browser is closed ซึ่งเป็นการสั่งให้ IE ลบไฟล์ขยะที่มาจากเว็บไซต์ต่างๆ ทันทีที่ปิดโปรแกรม ทิปจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY
|
---|
Create Date : 06 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 6 เมษายน 2551 19:29:21 น. |
Counter : 679 Pageviews. |
| |
|
|
|
เทคนิครับมือภัยฉุกเฉินไฮเทคชนิดต่างๆ
|
| |
|
| | | |
| |