CandyBee
Group Blog
 
All blogs
 

ขนมประจำตระกูล





หัวข้อออกแนว เรียงความตอนประถมผสมกับหนังจีนตอนเย็นๆ

มันคือ อือ อือ อือ อือ...ขนม อ๋ม อ๋ม อ๋ม อ๋ม...ถั่วแปบบบบบบ...กร๊ากกกก

เป็นขนมที่ตั้งแต่จำความได้ ที่บ้านไม่เคยทำกินเองเลย

ซื้อเขาทั้งนั้น ตอนเด็กๆเราแทบไม่เคยแตะมันเลย เพราะว่ามันจื๊ดด จืด

แต่ทุกครั้งที่แม่กลับจากตลาด จะต้องซื้อกลับมาทุกครั้ง เพราะว่าพ่อชอบกิน

จนทุกคนในบ้านเรียกว่า ขนมประจำตระกูล ด้วยเหตุที่มันมาให้เห็นหน้ากันบ่อยๆ

วันนี้นึกสนุกเลยลองทำดู ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจค่ะ


ส่วนผสม
1. แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
2. แป้งสลิ่ม 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำลอยดอกมะลิ
4. สีผสมอาหาร
5. เนื้อมะพร้าวขูด 1 ถ้วย
6. ถั่วทองซีกนึ่งสุก 1 1/2 ถ้วย
7. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
8. งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือป่น เล็กน้อย






ถั่วทอง(หรือถั่วเขียวไม่มีเปลือก)ผ่าซีก เอามาล้างน้ำ แล้วแช่ไว้ซักครึ่งชั่วโมง

ค่อยเอามานึ่งให้สุก






ผสมแป้งข้าวเหนียว กับแป้งสลิ่มเข้าด้วยกันใส่น้ำลอยดอกมะลิคนๆให้เข้ากัน

แล้วนวดให้เป็นก้อน ถ้าเหลวไปก็ให้เติมแป้งข้าวเหนียวนวดไปเรื่อยๆ






แบ่งแป้งเป็นก้อนเท่าๆตามสี 3สีก็ 3 ก้อน ผสมสีโลด...อ่อนๆนะคะ

ให้เห็นสีนิดเดียว เพราะเวลานึ่งเสร็จแล้วสีจะเข้มขึ้น







ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณเกือบๆ 1 นิ้ว เท่าๆกันให้หมด

ทุกสี







เอาถุงพลาสติกใสวางรองบนโต๊ะ (ไม่ทิ้งแนวอนาถาเลย) เอาก้อนแป้งวาง แล้วเอา

ถุงพลาสติกอีกใบวางทับ







เอาก้นจานกดให้แบนทีนึงก่อน แล้วเอาไม้คลึงมาคลึงให้กลม...แต่ที่บ้านเรา

ไม่มีไม้คลึงก็เอาขวดซอสมะเขือเทศแทน ใช้ได้ดีเลยค่ะ แต่ต้องปิดฝาให้แน่น

ไม่งั้น จะกลายเป็นถั่วแปบรสซอสมะเขือเทศ







ลอกพลาสติกออกด้านบนอก เอาถั่วใส่






พับครึ่งทั้งพลาสติก แล้วบีบปลายให้ติดกัน






วิธีนี้จะทำให้พับง่ายมากขึ้น เพราะสำหรับผู้ด้อยประสบการณ์อย่างเรา ถ้าใช้มือล้วนๆ หน้าตามันจะน่าเกลียดมากค่ะ






เอาผ้าขาวบางรองก้นซึ้ง แล้วเอาขนมเรียงกันนึ่งจนสุก แกะออกมาคลุกมะพร้าวกับถั่วที่เหลือ






น้ำตาลที่ใช้โรย ก็ทำง่ายๆเอาน้ำตาล+เกลือ+งา ผสมกัน แล้วโรยหน้าตอนทาน





สูตรนี้ แป้งสลิ่มจะทำให้แป้งมันทั้งนุ่มทั้งหนึบ น้ำลอยดอกมะลิก็จะทำให้ขนมหอม อร่อยค่ะ










 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 23 กันยายน 2552 21:56:20 น.
Counter : 1871 Pageviews.  

สาคูดอกไม้






จริงๆแล้วมันก็คือสาคูผลไม้นมสดนั่นแหละค่ะ
ครั้งหนึ่งเราเคยทำ สาคูผลไม้ใส่นมสด ทำแป๊บเดียวไม่ถึง 10 นาทีก็ได้กินแล้วแต่วันนี้อยากจะทำลงบล๊อกเลยประดิษฐ์ประดอยซะหน่อย
เพราะว่าวันนี้อากาศร้อนมากๆ เลยหาทางดับร้อน หันไปเจอถุงสาคูเก่า ไม่ใช่เก่าธรรมดา แต่ ...เก๊า...เก่า
คือมันเหลือติดก้นถุงประมาณ 1 ถ้วยตวง เริ่มเหลืองแล้ว พิสูจน์ได้วิธีเดียวคือ..ดม สูดเฮือกเข้าไปเลยค่ะ... มันใช้ได้
ต่อไปก็หาผลไม้ ในตู้เย็นมีเงาะ(เก่าอีกแล้ว) ประมาณ15 ลูก ดำแบบ... ด๊ำ ดำ แต่ไม่ถึงขั้นต้องจำเริญทิ้ง....มันใช้ได้อีกแล้ว
กะทิ...ไม่มี นมข้นจืด...ไม่มี มีแต่นมสด สีผสมอาหาร....ก็ไม่มี คือว่าถ้าไม่ผสมสีสาคูแล้วพอต้มออกมามันต้องเหลืองแหง๋ๆเลย
แต่ว่าป่าหญ้าข้างๆบ้านมีต้นอัญชันขึ้นเพียบเลยค่ะ ...เสร็จโจร




ส่วนผสม
1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. ดอกอัญชัน 10 ดอก
3. น้ำมะนาวนิดหน่อย
4. น้ำเปล่า
5. น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
6. ครีมเทียม 4 ช้อนโต๊ะ
7. นมสด
8. เงาะหั่นเอาแต่เนื้อ (หรือผลไม้สดอื่นๆ)
9. น้ำแข็งทุบ
***หมายเหตุ สูตรนี้คือหาส่วนผสมเท่าที่หาได้ เพราะไม่อยากกระดิกตัวออกจากบ้านไปซื้อหา มันร้อนเหลือเกิน
ดังนั้นเลยใช้ครีมเทียม(คอฟฟี่เมต)แทนนมข้นจืดค่ะ





ล้างดอกอัญชัน แล้วเอามาบดๆใส่น้ำประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ขยี้ให้สีมันออกมา






สีน้ำเงินเข้มคือสีดอกอัญชัน ส่วนสีม่วงปรี๊ดๆนี่บีบมะนาวลงไปนิดเดียว...สีสวยจริงๆค่ะ ของจริงก็สีแบบนี้






สาคู(เก๊า เก่า)เอามาล้างน้ำ 1 รอบ แล้วเทน้ำทิ้งให้หมด มันจะเริ่มฟูๆเละๆ แบ่งเป็น 2 ก้อน ผสมสีน้ำเงินและก็สีม่วง

อย่าใส่เยอะนะคะ มันจะน่ากลัวมากกว่าน่ากิน แล้วก็นวดๆๆ






เอาที่นวดแล้วมาปั้นเป็นก้อนกลมๆเล็กๆปั้นให้แน่นๆ ที่มาของชื่อสาคูดอกไม้ก็มาจากตรงนี้แหละค่ะ

เพราะนอกจากสีจะทำมาจากดอกไม้แล้ว พอปั้นออกมาทั้งสีแล้วก็หน้าตามันทำให้นึกถึงดอกไฮเดรนเยีย ^_^


........


............


...เอ๊ะ...หรือว่าไข่คางคกหว่า... -_-*






จากนั้นก็ต้มน้ำให้เดือด แล้วก็โปรย สาคูที่ปั้นแล้วลงไป พอมันลอยก็ใช้ได้แล้ว ตักสาคูออกมาใส่ชามที่ใส่น้ำแล้วก็

น้ำแข็งมันจะทำให้สาคูไม่ติดกันแล้วก็จะหนึบๆด้วย ถ้ายังไม่ทานก็แช่น้ำเอาไว้ได้ค่ะ

ระหว่างรอสาคูสุก ก็มาทำน้ำเชื่อม(แบบง่ายๆ)เอาน้ำตาลทรายและครีมเทียมใส่แก้ว เทน้ำร้อนลงไปแล้วก็ตั้งหน้าตั้ง

ตาใช้ช้อนคนๆ พอละลายก็ใช้ได้แล้วค่ะ

เราไม่เน้นหวานจัดแต่ถ้าใครชอบหวานก็เติมน้ำตาลลงไปได้อีก แต่คงต้องใส่หม้อตั้งไฟ คนจนน้ำตาลละลาย






พอจะทานก็ตักสาคู ผลไม้ใส่แก้ว แล้วเทน้ำเชื่อมประมาณครึ่งแก้ว แล้วเทนมสดลงไปนิดหน่อย






โปะด้วยน้ำแข็งทุบ...แล้วเอาออกมาว่าในที่โล่ง แต่มีหลังคา....ถือพัดออกมาอันนึงด้วย






เสร็จแล้วก็นั่งกินเลย....ชื่นใจจริงๆค่ะ




 

Create Date : 10 กันยายน 2550    
Last Update : 23 กันยายน 2552 21:56:12 น.
Counter : 2971 Pageviews.  

ทาโกะยากิ




วิธีทำทาโกะ วิธีของเราเป็นแบบประยุกต์ เพราะของต้นตำรับ จะเทแป้งให้ท่วมกะทะ แล้วเขี่ยๆจิ้มๆปั่นให้ลูกมันกลม
แต่ของเราทำแบบประกบแล้วเติมแป้งไปเรื่อยๆ ลูกจะกลมใหญ่ แล้วผิวแป้งจะเนียนกรอบกว่าค่ะ

ส่วนผสม
แป้งสาลี 1 ถ้วย
น้ำ 1 3/4 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ผงดาชิ 1 ซอง
หรือซุปผงรสไก่, หมู 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
แครอท, กะหล่ำปลีซอย
ปลาหมึกลวกหั่น
กุ้งสด
ซอสโอโคโนมิยากิ
ปลาคัทสึโอะขูด
มายองเนส





เตรียมแป้งโดยเอาแป้งสาลี, น้ำ, ไข่ไก่,ผงดาชิ หรือซุปผง เทใส่เครื่องปั่นพรวดเดียว ปั่นจนละเอียด เตรียมทำทาโกะยากิได้เลย


กะทะทาโกยากิ ซื้อที่ร้านอมร เซียร์รังสิต 590 บาทค่ะ เสียบปลั๊ก เปิดสวิท รอให้ร้อน เอาน้ำมันพืชทาบางๆ




เทแป้งครึ่งหลุม พอดีวันนี้ทำกินคนเดียวเลยไม่ได้ทำทุกหลุม




หยอดกุ้ง ปลาหมึก กดๆลงไป




เทแป้งให้เต็มหลุม



เทหลุมที่เหลือ อัดผักลงไป เทแป้งให้เต็มเหมือนเดิม




พอหลุมแรกสุก (ไส้กุ้ง + ปลาหมึก) เอาไม้แหลมจิ้มลงไปมันจะร่อนเลยค่ะ พลิกเอามาโปะลงบนหลุมไส้ผัก



โปะให้หมด แล้วกดๆให้มันติดกัน



รอจนอันล่างสุก เอาไม้แหลมแคะ มันจะหลุดมาเป็นลูกกลมๆ หมุนๆๆ ให้มันกลม แต่ว่ารอยต่อยังไม่เรียบร้อย



เทแป้งประมาณ 1/3 ของหลุม แล้วเอาลูกที่สุกแล้ววางลงไป เอาด้านที่เป็นรอยต่อลง



ทำไปเรื่อยๆให้ทั่วทั้งลูก หมุนไปเรื่อยๆมันจะกล๊มกลม แล้วก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ



เสริฟกับกะหล่ำปลีซอย ราดมายองเนส ซอสโอโคโนมิยากิ แล้วโรยด้วยปลาคัทสึโอะขูด ทานแบบร้อนๆได้เลยค่ะ





 

Create Date : 07 กันยายน 2550    
Last Update : 23 กันยายน 2552 21:56:04 น.
Counter : 23839 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

CandyBee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





สวัสดีทุกๆคนที่หลงคลิกเข้ามาในนี้นะคะ
ถึงวันนี้คงไม่มีอะไรจะบอกไปมากกว่า
คำว่า "ขอบคุณ" ทุกคนที่คลิกเข้ามาเยี่ยม
ที่มีคอมเม้นต์ไว้ เราก็แวะไปเยี่ยมเยียน
เปิดได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่เน็ตรุ่นเต่า
ขาด้วนของที่บ้านเราจะอำนวย...
ทุกอย่างที่ทำลงบล๊อกนี้ ทำด้วยความตั้งใจ
อยากให้อาคันตุกะที่คลิกเข้ามาได้อ่าน
ได้เห็นแล้วรู้สึกสุขใจ ยิ้มบ้างขำบ้าง
เราคนทำ ก็มีความสุขแล้วค่ะ ขอขอบคุณ
ทุกท่านอีกครั้งที่ติดตามผลงานนะคะ



ภาพและข้อเขียนที่ปรากฏในเวปไซด์แห่งนี้เป็นของ
Candybee แต่ผู้เดียว ผลงานได้รับการคุ้มครองตาม
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้ามทำการแอบ
อ้างใช้ หรือดัดแปลง หรือกระทำการใดๆเพื่อก่อให้
เกิดความเสียหายแก่เจ้าของผลงานโดยมิได้รับอนุญาติ
จากเจ้าของที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดยเด็ดขาด

Friends' blogs
[Add CandyBee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.