
หนีไปเที่ยวซะหลายวัน เพื่อนๆ น้องๆ เข้ามาทักทายกันตรึม ต้องขอบคุณเป็นอย่างมากที่ไม่ลืมกันค่ะ โดยเฉพาะ คุณบี๊ ที่เกือบจะแจ้งความคนหาย หุหุ กลับมาแล้วจ๊า
..

กลับไป ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยค่ะ วุ่นวายอยู่กับครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง เด็กๆ ให้หัวฟูกันเลยทีเดียว ทำอาหารก็ต้องรีบๆ ทำ ไม่ได้ถ่ายรูปเลย กลับมาป้าอิ๋วจะชดใช้ให้ค่ะ

วันนี้เลยมีข้าวมันไก่มาฝากกันค่ะ เป็นอาหารที่หาทานได้ทุกซอกซอย สำหรับคนไทยนะคะ แต่สำหรับคนอยู่เมืองนอกและบ้านนอกอย่างป้าอิ๋ว ข้าวมันไก่ ก็เป็นอะไรที่อยากทำทานมากเลยค่ะ เพราะเวลาไปซื้อเขา ตัดไก่มาชิ้นหนึงก็เล็กอยู่แล้ว ดันเอามีดอีโต้ มาตบซะไก่แบนบางจนจะเป็นกระดาษซะงั้น ขนาดยืนจ้องอยู่นะ ก็ไม่มีเกรงใจเลย
..กลับมาทำเองที่บ้านดีกว่า จะเอาไก่เยอะขนาดไหน ก็ตามใจเนอะ ไม่ต้องเอาไก่ไปผูกคอตาย แขวนอยู่ในตู้ให้ไก่มันเมื่อยคอเล่น (อันนี้เป็นมุขของพี่ชาย ที่บอกว่า ไก่ผูกคอตาย
.เอิ๊ก
)

เราทำข้าวมันไก่ทานเองทั้งที จะเป็นข้าวมันไก่ธรรมดา ก็ดูกระไรอยู่เนอะ ยิ่งมาเจอไอเดียบอๆ แบบป้าอิ๋วนี่ ก็ต้องหลุดโลกไปสักนิ๊ดหนึง ยืนจิบกาแฟอยู่หน้าบ้าน หันไปหันมา มองเห็นเถาเจ้าแปะตำปึง คลานมารุกรานพื้นซีเมนต์เยอะไปแล้ว เลยต้องหาทางกำจัดซะหน่อย ผนวกกับนึกถึงไอเดีย ข้าวมันผักโขม ของคุณฉวี-tristy ที่เคยรีวิวไว้ อันนี้เป็นผักแบบไทยๆ เป็นสมุนไพรด้วย จะได้มีประโยชน์เพิ่มขึ้นจากข้าวมันไก่ธรรมดาที่มีผักน้อยมากน่ะ ว่าแล้วก็เด็ดยอดมาได้กำมือหนึง เดินเข้าครัว ตามป้าอิ๋วมาเลยค่ะ
มาดูวิธีทำกันนะคะ สูตรอาจดัดแปลง เพิ่มลดได้ค่ะ ไม่ตายตัวอีกแล้วค่ะ เอาเป็นว่าสำหรับ 3-4 ที่นะคะ
เครื่องปรุงข้าวมัน
ข้าวสารล้างสะอาด 2 ถ้วย
กะเทียมไทยบุบ 7 กลีบ
ขิงแก่หั่นแว่น 5-7 แว่น
น้ำแปะตำปึง ครึ่งถ้วย
เครื่องปรุงไก่ต้ม
สะโพกติดน่องไก่ 2 ชิ้น
กะเทียมบุบ 1 หัว
พริกไทยบุบ 10 เม็ด
น้ำเปล่า 2 ลิตร
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
แฟงหรือหัวไชเท้า หั่นชิ้นใหญ่ๆ ตามชอบ
เครื่องปรุงน้ำจิ้มไก่
พริกสดหั่นหยาบ หรือตำ
เต้าเจี้ยวตำ
ขิงสับ
กระเทียมสับ
ซีอิ๊วขาว
ซีอิ๊วดำ
น้ำตาลทราย
น้ำมะนาว
**ขออภัยจ๊า
..สัดส่วนที่แน่นอน ป้าอิ๋วจดไว้อยู่ในหนังสือเล่มไหนสักเล่ม เดี๋ยวหาเจอแล้ว มาลงให้อีกทีหนึงค่ะ (ของเยอะ หาอะไรก็ไม่เจอ
.) ขอสารภาพว่า ปกติทำอาหารแล้วไม่ค่อยตวง วัดค่ะ ใช้ชิมเอาค่ะ แต่เพื่อลงบล๊อก ป้าอิ๋วเลยต้องจดไว้ค่ะ สมองปลาทอง จำอะไรได้ไม่ค่อยนาน
อิอิ
วิธีทำ
แรกสุด นำชิ้นไก่มาต้มกับน้ำเปล่า ใส่เกลือและบุบกระเทียมกับพริกไทย ใส่ลงไปเล็กน้อย ต้มนานสักครึ่งชั่วโมง หรือจนเนื้อไก่สุกนุ่มค่ะ ระหว่างคอยไก่ ก็มาทำอย่างอื่นค่ะ จริงๆ แล้ว ควรต้มไก่ล่วงหน้าไว้ก่อนค่ะ เช่น ถ้าจะทำมื้อกลางวัน ก็ควรต้มไก่ไว้ตอนเช้าค่ะ
เริ่มจาก นำยอดแปะตำปึง มาหั่นหยาบๆ และนำลงไปปั่นกับน้ำในเครื่องปั่น ใส่น้ำในปริมาณที่ปั่นได้นะคะ


แล้วนำมากรองเอาแต่น้ำค่ะ อาจกรองยากนิดหนึงเพราะน้ำที่ปั่นได้ มีเมือกเหลวๆ ค่ะ ก็กรองใส่หม้อหูงข้าวไว้เลยค่ะ พักไว้ก่อน

ต่อมานำขิงกับกระเทียมบุบ ไปเจียวกับน้ำมันร้อนๆ ในกะทะ จนเหลืองหอมนะคะ


แล้วนำข้าวสารที่ล้างสะอาดแล้ว ลงไปผัดค่ะ เช่นเคยค่ะ บ้านป้าอิ๋วต้องทานข้าวกล้องเท่านั้นค่ะ ผัดจนรู้สึกว่าข้าวเปลี่ยนเป็นสีขุ่นนิ๊ดหนึง จุดประสงค์เพื่อต้องการให้ข้าวมีกลิ่นหอมของขิงกับกระเทียมที่เจียวน่ะค่ะ

แล้วนำข้าวที่ผัดได้ทั้งหมดซึ่งก็รวมขิงกับกระเทียมด้วย ใส่ลงในหม้อหูงข้าว ที่มีน้ำแปะตำปึงอยู่นะคะ

แล้วเติมน้ำซุปไก่ เพิ่มลงไปในปริมาตรเดียวกับที่เราหูงข้าวค่ะ และก็กดหูงข้าวเลย (ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่กด ก็อดทานซิคะ)

ระหว่างคอยข้าวสุก ก็มาทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่ค่ะ โดยเอาของทุกอย่างที่เราหั่นเตรียมไว้มาผสมกันค่ะ ชิมรสตามชอบนะคะ



ตอนนี้ ข้าวยังไม่สุก ก็มาทำน้ำซุปค่ะ ก็คือน้ำต้มไก่น่ะเอง เพียงแต่ปรุงรสเพิ่ม อาจใส่ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น ตามชอบค่ะ

และก็เอาไก่ออกมาสับๆ เตรียมไว้ค่ะ ผักชี แตงกวา ก็หั่นเตรียมไว้ วันนี้ป้าอิ๋วไม่มีแตงกวาค่ะ
เมื่อข้าวสุก ก็ทิ้งให้ระอุอีกสัก 10 นาทีนะคะ แล้วตักมาใส่จาน ค่ะ ทำแบบในร้านหน่อยดีกว่าเนอะ เอามากดๆ ใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วก็ คว่ำลงในจานเลยยยยยย


แปะด้วยเนื้อไก่สับ ที่ไม่ต้องตบด้วยมีดอีโต้ เพราะเราทานเอง (ยังกระแนะกระแหน ไม่เลิก
.) โรยผักชีเล็กน้อย สำหรับป้าอิ๋ว ผักชี ไม่ใช่แค่ผักโรยหน้าค่ะ แต่ป้าอิ๋วทานเป็นล่ำเป็นสันเลย
.ชอบค่ะ..

น้ำจิ้ม ก็เตรียมไว้ให้พร้อม

น้ำซุปที่เห็น ไม่ช่ายแค่น้ำนะคะ ตักให้ดูค่ะ มีหัวไชเท้าด้วย เย้ๆๆๆ (จะดีใจไม่ทำไมเนี่ย ตักเจอแหวนเพชร ก็ว่าไปอย่าง
..)

ใครๆ ที่เห็นแล้วคาดว่า ข้าวมันไก่จะมีกลิ่นเหม็นเขียว ป้าอิ๋วรับรองได้เลยว่า
มี!!!!
เฮ้ย
ม่ายช่ายยยยย.... จริงแล้วไม่มีค่ะ โดยส่วนตัว ไม่เคยเหม็นเขียวผักเลยค่ะ ก็เลยบอกว่า ไม่มี แต่ผักใบเขียว ผ่านความร้อนแล้ว ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวหรอกค่ะ หากใครไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียว จะลองเปลี่ยนไปเป็นพืชที่ให้สีอย่างอื่น ก็ได้ค่ะ ใบเตย ดอกอัญชัญ ก็แล้วแต่จะหาได้นะคะ

ขอให้สนุกและมีความสุขกับการทำอาหารทานเองที่บ้านค่ะ พบกันใหม่ เมนูถัดไปค่ะ
