ตอนนี้ไม่อยากให้เกิด....แต่ก็ต้องเกิด ....เฮ้อ ออกอาการเดียวกะ คุณ ก้อปศักดิ์ ล่ะครับ คือ ไม่มีก็ไม่ได้ รู้สึกชีวิตไม่ค่อยจะปลอดภัย.....เลย..."จำเป็น" ที่จะต้องมี นั่นคือ "เหล็กดัด" นั่นเอง
เอาล่ะครับ พอว่ากันเรื่องเหล็กดัด....ก็มีร้านหลายร้านมาให้เลือกสรร ซึ่งแต่ละร้าน ก็คิวทอง....งานเยอะล้นมือกัน หามาแต่ละเจ้า...ต้องรอเป็นเดือน กว่าจะเข้ามาติดตั้งให้ได้ ก็เข้าใจนะครับว่า ก็ต้องใช้เวลาทำชิ้นงานขึ้นด้วย...
ผมเองใจจริงทีแรกก็อยากจะติดเหล็กดัดแค่ชั้น 1 และ ชั้น 2 ....แต่พอคิดไปคิดว่า บ้านเรา...ขอบหน้าต่างบ้านสูงจากพื้นมาแค่หัวเข่าเอง...น่ากลัวเหมือนกัน เพราะน้องแทนก็ซนจริงๆ....กลัวจะพลัดตกลงมา เลยนอกจากเพื่อป้องกันขโมยแล้วยังเอาไว้ป้องกันเด็กๆ ไว้อีกทางนึงด้วยครับ
สรุปติดมันทั้งหลังเลยนั่นแหล่ะ ...ติดต่อให้ร้านนู้นร้านนี้เข้ามาดูหน้างาน...ก็ยังไม่มีร้านไหนทำให้ เพราะคิวเยอะมากจนผมรอไม่ไหวบ้างล่ะ....กับอีกร้านประเภทนึง....."กลัวการทำงานกับบ้านผม"....คือกลัวทำมาแล้วไม่สวยแล้วผมจะไม่รับ เพราะผมพูดบอกกับทุกเจ้าเลยว่า ถ้าคิดว่าจะทำงานแบบขอไปที ผมไม่รับนะครับ (ถือเป็นการขู่ ดักต้นทางไว้เลย)....เป็นการกรองไว้ระดับนึง.......และในบางร้าน ตั้งราคาไว้สูงเว่อร์ ซึ่งก็ไม่รู้จะแพงอะไรขนาดนั้น กับแค่ เหล็ก 4 หุนตัน+สีอบ..........เลยเป็นเหตุให้ใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว
สุดท้ายก็มาได้ร้านที่กล้ารับทำ...ฝีมือที่ออกมา ก็ไม่ได้สวยเลิศเลอ perfect อะไร แต่มองด้วยตาผมเองก็ถือว่ายอมรับได้ในระดับของ คนที่เชื่อมเหล็กเป็นอย่างผม (เคยเรียนเชื่อมเหล็กมาก่อน) ว่าจุดเชื่อมที่สวยงามและแข็งแรงควรเป็นแบบใด......และเป็นการเลี่ยงไม่ได้ว่าจะเกิดการบิดงอในบางจุดอันเนื่องมาจากความร้อน..........ถือว่างานที่ออกมาโอเคพอยอมรับได้ครับ (เพราะเป้าหมายผม ไม่ได้ใช้เพื่อความสวยงาม แต่เพื่อความปลอดภัย และต้องไม่ทำให้ความสวยงามเดิมลดลงไปมากนัก)
หลังจากที่ร้านทำชิ้นงานเสร็จผมก็ไปตรวจดูผลงานที่ร้านก่อนจะนำมาติดตั้ง
ผมทำสีอบดำ (เพราะกรอบหน้าต่างผมเป็น อลูมิเนียมสีดำ หากใช้สีอบขาว ก็จะขัดกันไม่น้อยและทำให้ เหล็กดัดมันดูลอยเด่นขึ้นมา....ไม่งามแน่ๆ)
เมื่อยกนำมาวางพิงเทียบ....จะเห็นได้ว่า ขอบ มันเลยกรอบออกมา (ออกมาข้างละประมาณ 5 cm.) .......สวยมั๊ยครับ.......บอกเลยว่า "ไม่สวยเลยแม้แต่น้อย น่าเกลียดสุดๆ"........แล้วทำไมผมถึงทำเช่นนี้.........
ประเด็นเลยครับว่า ถ้าหากติดภายในกรอบหน้าต่างที่เป็น อลูมิเนียม...ก็จะต้องเจาะยึดเข้าไป ซึ่ง....จะทำให้งานออกมาดู เรียบร้อย สวยงามดี แต่โทษนะครับ "ขโมยชอบมากกก" แบบนี้ เพราะเค้าแค่ใช้ไขควงใหญ่ๆเสียบงัด....อลูมิเนียมที่ว่าหนาๆ ก็ฉีกหลุดออกมาโดยง่าย.....แล้วจะติดไปเพื่ออะไรล่ะครับนั่น
จะเน้นเอาในเรื่องความแข็งแรงจริงๆคือ ต้องเจาะปูน แล้วฝังพุกยึดไปเลย และการจะทำแบบนี้ ก็ต้องเว้นระยะห่างจากกรอบอลูมิเนียมออกมาอย่างน้อย 5 cm. เพื่อที่เวลาจะตอกฝังพุก ปูนจะได้ไม่ร้าว ไม่แตก เสียหาย
(แต่ไม่ต้องห่วง เหอๆๆ....ผมหาทางแก้เอาไว้ล่ะในเรื่องการปกปิด ความน่าเกลียดอันเกิดจาก สาเหตุการติดตั้งแบบนี้)
เว้นช่องเอาไว้ให้มือสอดเข้าไปบิดที่ล็อคหน้าต่าง ได้สะดวกๆ
ดูใกล้ๆอีกที หัวน๊อตโผล่เชียว...
....เสร็จแล้วเด็วก็เอาสีดำมาแต้มๆ ปิดไปซะ
คราวนี้มาดูการติดตั้งประตูเหล็กดัดกันบ้าง....สมัยเก่า ก็จะเป็นรางเหล็กแล้วใช้ชุดรางเลื่อนหน้าตาคล้ายๆตะกั่ว ซึ่ง "พัง ง่าย" ก็แปลก แต่จริงครับ ที่บ้านเดิมผมก็เป็นรุ่นที่ว่านี่แหล่ะ พังแล้วพังอีกจนขี้เกียจซ่อม.....รุ่นใหม่ก็จะเนราง อลูมิเนียมยึดด้านบนอย่างนี้เลย .....เรื่องความลื่นนี้ ปรื๊ดๆดีครับ....แต่ก็สงสัยในเรื่องความแข็งแรงอยู่เหมือนกัน...ช่าง confirm แค่ว่า "แข็งแรงมากนะ"......ก็คงต้องลองให้ดูไปล่ะครับ เพราะเชื่ออยู่อย่างว่า....ไม่มีอะไรแข็งแรงอยู่ค้ำฟ้าหรอก...
หน้าตาของรางเลื่อน
หลังจากติดตั้งเสร็จ
หลังจากนั้นเราก็มาต่อกันที่งาน ผ้าม่านล่ะครับ .....เรื่องผ้าม่านก็อีกเช่นกัน....ไปเลือกมาหลายร้าน และ แต่ละร้าน (ส่วนใหญ่ก็ได้จากร้านที่เดินในงาน เมืองทอง พวกบรรดาร้านที่ไปเปิดบูทกันในนั้น...มีกันทั้งปี งานเฟอร์นิเจอร์ แฟร์ นู่นนี่นั่น).......ซึ่งราคา บอกได้คำเดียวเลยว่า....."แพงครับ....."....ทำให้เข้าใจได้เลยอย่างนึงว่า....ไม่ต้องไปหาร้านผ้าม่านที่ไปเปิดบูทในงาน ต่างๆ ได้เลย.....พวกนี้รอฟันพวกเดินหลงเข้าไป ......
..ผมทำผ้าม่านทั้งหลัง ซึ่งมีแบบ และวัดคร่าวๆ หน้าต่างประตูทุกหลัง แล้วไล่เดิน check ราคา ในงานเมืองทอง เจอราคาตั้งแต่ 100,000+ นิดส์ๆ ถูกสุดคือ 80,000+ .....โอว แพงมาก และผ้าที่ผมเลือกก็ไม่ได้ใช้ผ้ามีเกรด ไฮโซ อย่างพวก PASAYA อะไรเลยนะ...ฮึ่ม
งานนี้ ถอยมาตั้งหลัก....จนว่าจะทำเองละ เพราะรางก็มีแยกขาย แถม คุณแม่ผมเองก็เป็นช่างเย็บผ้า ด้วย ไปซื้อผ้ามาให้แม่เย็บให้ ดีกว่า...ประหยัดงบไปได้ เกิน 60% แน่ๆ...........
แต่แล้ว เมื่อวันที่จะไปซื้อผ้า เพื่อจะมาทำผ้าม่าน....เกิดแรงดลใจแวะร้านทำผ้าม่าน ที่อยู่ท้ายซอยบ้านผมเอง....เข้าไปคุยเล่นถามนู่นนี่นั่น แล้วก็เลือกผ้า "ซึ่งเป็นผ้า ยี่ห้อเดียว และลายเดียวกัน กับที่ผมเลือกจากร้านที่เปิดบูทขายในเมืองทอง...ผมจำได้ดีเลยล่ะ เพราะการจัดเรียงผ้าในเล่มและลายมันเหมือนกันเดี๊ยะ หน้าปกก็ใช่"......
คิดราคาออกมา ติ๊ดๆๆๆ "49,000" บาท ค่ะน้อง.....ผม แทบอยากจะร้อง "หา!!!".......ที่ต้องร้องเพราะ ผมเลือกลายผ้า ลายเดียวกะที่ผมเลือกในร้านที่เปิดบูท แต่ดันต่างกันตรงที่ แบบผ้าม่านจากร้านเปิดบูท ให้แค่ spec ม่านพับ (คือม่านที่มีรอกชักแล้วมันจะพับๆๆ เป็นชั้นๆ ขึ้นไปกองอยู่ด้านบน) ....ซึ่งผมไม่เอาแบบนี้อ่ะ......ผมชอบแบบม่านตาไก่.....ซึ่งราคาแพงกว่านะคะ (ร้านในเมืองทอง ว่างั้น) เพราะมันใช้ผ้าเยอะกว่า และราคารางก็แพง.........
งงๆๆ จากราคา 80000+ มาเหลือ 49,000 ครึ่งต่อครึ่ง.....ฮาไหมล่ะครับ....ไม่ไปมันแล้วซื้อผ้ามาทำเอง....สรุป จ้างทำเลยครับ ให้เข้าไปวัดที่หน้างานอีกรอบเลย เพราะอยู่ใกล้ๆกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร......กลับเข้ามาบ้าน อย่างมีความสุขบอกแม่ว่าไม่ต้องลำบากละ...ฮ่าๆๆๆ
ใช้เวลาทำนานเกือบเดือน เพราะก็รอให้เหล็กดัดเข้ามาติดตั้งให้เสร็จก่อน เพื่อจะได้ประเมินอีกรอบว่าควรเผื่อระยะขอบผ้าม่านให้ห่างซักเท่าไหร่...และขาผ้าม่านต้องตั้งมาไกลแค่ไหน ทางร้านจะได้เตรียมของๆได้ถูก....ก็ใช้เวลาแค่ อาทิตย์เดียวหลังจาก ติดเหล็กดัดเสร็จ งานผ้าม่านก็เข้าจัดการต่อ
มาถึงก็กางข้าวของเตรียมติดตั้ง
ช่างขึ้นไปวัดระยะและ mark จุดเตรียมติดขายึดผ้าม่าน
การติดตั้งในฝ้าหลุมที่ทำเอาไว้ ใช้รางตาไก่ไม่ได้ ก็ต้องเป็น รางของม่านจีบไป และการยึดน็อต ก็ใช้น็อตเกลียวปล่อย ยิงขึ้นไปให้เกาะกับ ขอบ ฝ้าที่จะมี เหล็กโครง C บาร์ รับแผ่นฝ้าเอาไว้อยู่ เพื่อความแข็งแรง......
แต่ถ้าจุดไหนไม่มีเหล็กโครงฝ้าอยู่ ช่างก็จะใช้ "พุกระเบิด" ศัพท์ช่างแปลก
ฟังดูน่ากลัว......หน้าตามันก็ประมาณนี้ครับ คือพอน็อตขันเข้าตรงกลางมันก็จะถ่างๆๆๆ ออก จนแนบแน่นไปกะแผ่นฝ้าด้านบน ไป.....
และตรงนี้ ที่ต้องใช้ ขายึดแบบ 3 ชั้น เพราะมีเหล็กดัด ที่ประตูบานเฟี้ยม และ เหล็กดัดตัวนี้ก็สามารถ เปิดเป็น บานเฟี้ยมที่ด้านในได้อีกเช่นกัน ทำให้ต้องเว้นระยะห่างออกมาพอสมควรเพื่อไม่ให้เกะกะเวลาจะเปิดหรือปิดประตู
หน้าตาหลังติดผ้าม่าน ที่ หน้าต่าง เสร็จแล้ว
ฝั่งโซน ห้องทานอาหาร.....ผมชอบแนว ผ้าม่านทิ้งตัวยาวตลอด อย่างงี้ล่ะครับ มันให้ความรู้สึกมีมิติมากขึ้นดี........ทำไปทำมาออกมาแนว โรงแรมๆ เลยนะเนี่ย Feel เดียวกันเลย ...แหะๆๆๆ
คราวนี้ลองมาดูในห้องสีชมพูกันหน่อย...(ผ้าม่านผมใช้สีเดียวกันทั้งหลัง เพราะไม่อยากให้แต่ละห้องมันดูโดดและแตกต่างกันมากจนเกินไป...เอาแค่สีแต่ละห้องมันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว....เอา ผ้าม่านมา break เอาไว้หน่อย....จะได้ให้ยังรู้สึกว่า มันเป็นบ้านเดียวกันอยู่)
ห้องทำงานสีฟ้า...ก็ยังเข้ากันได้ดีกับผ้าม่านสีเทา
ห้องนอนรับแขกสีม่วงๆ
ห้องสีเขียวของน้องแทน
จะมีที่แปลกๆไม่เหมือนชาวบ้านเค้า ก็ห้องปูนเปลือย ซึ่ง จะเอาไว้ลงให้ชมในตอนหน้า คงมาพร้อมกะชุดครัวล่ะครับ (คุณหญิงแก่นรอดูชุดครัวอยู่นิครับ...ขอติดไว้ตอนหน้านะครับ จะได้เอามาลงให้ดูเต็มๆครับ)....
ตรงนี้เป็นโซนหน้าบ้านชั้น 2 ที่มีแสงเข้าให้ช่วงบ่ายๆแล้ว และต้องการแสงในบางช่างอยู่...เลยเลือกใช้ ม่านปรับแสง......ม่านปรับแสงตัวนี้ ได้มาจากในงานเมืองทอง น่ะครับ เพราะเห็นว่ามันเป็น ไวนิลและมีความแข็งแรงอยู่พอตัว เพราะตะขอเกี่ยวเป็น พลาสติก ABS เกรด.....รูดแบบกระชากๆก็ไม่มีแตก....แถมพอรูดปรับเกร็ดให้พลิกมาจนหมดแล้ว ก็ยังสามารถรูดต่อเรื่อยๆได้ไม่มีฝืน ซึ่งจะเป็นปัญหากับ รางม่านปรับแสงรุ่นเก่าๆ (ที่ Office ผมก็ใช้รุ่นเก่าๆๆ ที่ว่าเนี่ยละครับ เจ๊งเป็นแถบๆ กลัวเหมือนกันที่จะใช้แบบนี้ในทีแรก...แต่เจอ design นี้...ถูกใจล่ะครับ) แถมราคาสมเหตุสมผลดี (อิอิ อันนี้สำคัญๆ)
พอรูดมาเต็มพื้นที่ และเปิดรับแสงแบบเต็มๆ ก็ไม่ได้ลดทอนแสงลง...แต่การบดบังทัศนียภาพ ก็ให้ความรู้สึกแนว Office เลย....แปลกดี
ทดสอบปรับให้แสงเข้ามาน้อยลงหน่อย และบังตาคนภายนอก
ปิดทึบไปเลย...สังเกตุว่าก็ยังมีแสงแพลมๆออกมาบ้าง....ก็อย่างว่าล่ะครับ ม่านปรับแสงก็ไม่ได้กันหมด คงลอดออกมาตามช่องพวกนี้ล่ะ
และบรรดาช่องแสงต่างๆ....ที่อยู่ตาม บรรได....ก็ไปหาพวก ม่านปรับแสงไม้มาใส่ไป .....อืม...มันดูหรู...ขึ้นเลยแหะ...ฮ่าๆๆ บ้านเราก็ขอแอบหรูกะเค้าหน่อยๆเหมือนกัน
ทดสอบปิดทึบไปเลย.....
และตรงนี้ที่ติดเหล็กดัดไว้ ดูน่าเกลียดมากครับ....พอเอาม่านมาปิดไว้ค่อยยังชั่ว...เฮ้อ
ตรงนี้รูดมันลงมาปิดไปเลยดีกว่า...แล้วปรับแสงเอา...
วิ่งกลับลงไปส่องขึ้นมาดู.....เอ้อ! เอางี้ล่ะ...ปรับแสงเท่านี้ไว้เลย...ไม่แยงตาดีเหมือนกัน
ตอนหน้า จะมาลง เรื่องผ้าม่านต่อในส่วน ของ ห้องผนังกระจกที่เหลือ นะครับ ร่วมกับ งานส่วนครัว built-in ไปเลย และฝากทิ้งท้ายไว้ว่า....ตอนเลือกผ้าม่านว่าจะเอาลายไหน ก็อย่าลืมดูว่า ลายนั้นๆที่เราชอบ มีขนาด หน้ากว้างเท่าไหร่ พอไหมกับความยาวของช่องที่เราจะใช้ เพราะไม่งั้นก็ต้อง ต่อผ้าเอานะครับ.....
อ๋อออ...ลืมเล่าเรื่องฮาๆๆ ตอนไปเลือกผ้าม่านที่ร้าน มีน้องคนนึงกำลังตัดสินใจเลือกลาย และ ประเภทราง. เลือกอยู่นานตัดสินใจไม่ได้ซักที....ไปๆมาๆมาให้ผมช่วยเลือกให้ทั้งหมดเลย บอกแค่ ว่า ห้องตัวเองสีอะไร เป็นห้องนอน แล้วตัวเองชอบโทนสีอะไร....ผมก็เลือกให้ซะ..จบไป..ไม่รู้ตอนนี้จะด่าผมไปยังเนี่ยดันมาให้เราเลือกให้ซะงั้น.....จะโชคดีหรือโชคร้ายของน้องเค้านะเนี่ย...ฮ่าๆๆๆ
โดย: โย่งโก๊ะ 29 กันยายน 2554 15:02:00 น.
โดย: m&n 29 กันยายน 2554 16:33:16 น.
ชอบแบบเพดานจรดพื้นเหมือนกันเลย
(ซึ่งมันเปลืองผ้าเนอะ)
ได้ราคานี้ดีมากๆเลยค่ะ
โดย: tippy (Muff&Kate ) 29 กันยายน 2554 19:24:05 น.
ผ้าม่านไม่อยากจะพูด เป็นเพื่อนของพ่อตีราคามา 91000 บอกลดแล้ว จะเป็นลม ผ้าหลาละ 180 ส่วนใหญ่ มี 400 กว่าบาทเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าทำผ้าม่านหลาละเท่าไรกัน นี่เลยเบรคไว้ก่อนรอดูเจ้าอื่นก่อนค่ะ
โดย: ฟ้าประทานให้ 29 กันยายน 2554 19:58:52 น.
โดย: lek (Loganz ) 29 กันยายน 2554 22:35:38 น.
โดย: Roselines 30 กันยายน 2554 5:57:05 น.
โดย: Thandagra 30 กันยายน 2554 10:51:13 น.
จะรอดูผ้าม่านตรงฝาผนังกระจกนะคะ
โดย: tanayako 5 ตุลาคม 2554 9:41:38 น.
ต้องการคำปรึกษาค่ะ กำลังหาแบบสร้างบ้านค่ะ
beau_pmm@yahoo.com
โดย: beau_pmm 6 ตุลาคม 2554 23:23:39 น.
โดย: Thandagra 7 ตุลาคม 2554 9:56:36 น.
โดย: หญิงแก่น 10 ตุลาคม 2554 17:00:31 น.
โดย: puticha 11 ตุลาคม 2554 12:31:00 น.
โดย: tanayako 11 ตุลาคม 2554 23:01:01 น.
ลายเหล็กดัดสวยจัง ขอเบอร์ช่างด้วยค่ะ
suchada.pr@egat.co.th ค่ะ
โดย: suad1 15 ตุลาคม 2554 9:39:52 น.
โดย: Thandagra 18 ตุลาคม 2554 11:30:33 น.
เรื่องสีเบเยอร์ เค้าดังมาจาก สีไม้น่ะครับ ประสบการณ์ถือว่าเยอะกว่ามาก...ถ้าให้ผมเทียบก็ยังยกให้เบเยอร์ในเรื่องของสีทาไม้ น่ะครับ
โดย: Thandagra 18 ตุลาคม 2554 14:55:29 น.
ที่บ้านใส่เหล็กดัดแล้ว เหลือผ้าม่านกับห้องน้ำค่ะ
ช่างมาใส่เหล็กดัดคิดราคา บานละ 1500
ไม่รู้แพงหรือถูก
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
โดย: mumi (aoy_aun ) 1 ธันวาคม 2554 8:54:49 น.
เห็นม่านแล้ว น่าจะเป็นลายเดียวกับที่บ้านเจ๊เลือกไว้ แต่ของที่บ้านสีน้ำตาล อยากเห็นม่านเต็มๆผืนน่ะค่ะ ถ่ายให้ดูหน่อยสิ
โดย: รอบรั้ว 7 ธันวาคม 2554 16:44:07 น.
ตรงบานกระจกใหญ่ผม อยู่ชั้น 2 ทั้งหมดเลยนะครับ และ อยู่หน้าบ้านด้วย ซึ่งในความคิดผม ถ้าโจรคิดจะขึ้นจากตรงนี้ ต้องกล้าหน่อยนะ เพราะมันหน้าบ้าน.....และที่สำคัญ กระจก บานใหญ่มากครับ (กระจก Temper หนา 12 mm กว้าง บานละประมาณ 120 cm x 200 cm) คิดจะเข้ามีทางเดียว ทุบครับ....หมดสิทธิ มาแคะแกะเกา....และถ้าทุบทั้งบานก็จะระเบิด....เสียงดังสนั่นแน่ๆ....
เลยพยายามใช้ สภาพแวดล้อม ให้เ็ป็นประโยชน์ เอาไว้ก่อนแล้วค่อยมาปรับวัสดุเสริมความปลอดภัย อีกที เพื่อให้ไม่บดบังความสวยงาม น่ะครับ.....
ติดสัญญาณกันขโมยก็ดีนะครับเจ๊มิว..ผมเองก็คิดๆอยู่ครับ.....เอาไซเรนมาตั้งแถวๆหน้าบ้านด้วยถ้าโจรมา..ทั้งหวอทั้งไซเรนดัง...มาดูกันซอยแน่ๆ..คิดจะปล้นบ้านนี้ คิดให้ดีๆ...เหอๆๆ...
โดย: Thandagra 18 มกราคม 2555 15:12:41 น.
ดูผลงานได้ที่นี่ครับ //passornsteel.com/
โดย: tOeKiNgSiZe 16 สิงหาคม 2556 19:34:00 น.
ขอบคุณค่ะ
โดย: k084 (สมาชิกหมายเลข 1140693 ) 7 ธันวาคม 2556 12:32:56 น.
รบกวนส่งให้ทีได้ไหมคร้าร้านที่มาติดเหล็กดัดน่ะค่ะ
varunya_kaew@yahoo.com
โดย: Por (สมาชิกหมายเลข 2632745 ) 6 กันยายน 2558 22:26:33 น.