bloggang.com mainmenu search
จั่วหัวเอาไว้เลยว่า วันนี้จะคุยในเรื่องการฉาบผนังให้เป็น ผนังปูนเปลือยขัดมัน แบบที่สมัยนี้กำลังนิยมกันอย่างแพร่หลายในบ้านสไตล์ โมเดิรน์ๆ

เห็นหลายๆที่ บอกแต่แค่ว่า การที่คุณอยากจะมีผนังแบบนั้น คุณต้องเริ่มตั้งแต่การทำผนังโดยไม่ใช่จากการก่อแบบอิฐ แต่ต้องทำผนังจากการเทปูนลงแบบเลย...ซึ่งพอแกะแบบออกมาผนังก็จะมีลักษณะมัน เพราะไม้แบบที่ใช้ทาน้ำมันที่ผิวไว้ก่อนการเทปูนลงแบบ.....

แต่ๆๆๆ....ก็ผมจะเอาแบบที่ ทำจากผนังที่มาจากการก่ออิฐนี่....ช่างเองก็ยังมีงงๆ....เคยเห็นแต่พื้นขัดมัน...ผนังขัดมันจะได้เหรอ ไม่แตกเป็นขุยๆ ร่อนออกมางั้นเหรอ...เหอๆๆ...หลังจากที่ศึกษารูปแบบของการทำแบบนี้มาพักใหญ่ ร่วมอาทิตย์นึง.......(เฮ้ย.....เนี่ยนะนานของเอ็ง ช่างคงด่าในใจ)
เอ้า ก็อากู๋เกิ้ลเค้าช่วยได้เยอะ...ฮ่าๆๆ

อ่ะมาเข้าเรื่องโดยไปหาซื้อของมาเพิ่มเอง โดยแค่เกริ่นนำกับอาเฮียรับเหมาว่าเด๋วของส่วนนี้ผมออกเองครับ ..แฮ่ะๆๆ ซึ่งก็ออกแค่ไม่กี่พันบาท..แต่งานนี้คุ้มแน่นอน

วัสดุที่ใช้ก็มี

1. Skim coat ซึ่งมีหลายยี่ห้อหลายแบบการใช้งาน ทั้งยี่ห้อ TOA, จรเข้ และอื่นๆ ผมเลือกใช้ TOA 101 Decorplast ซึ่งมีลักษณะเหมือนกาวลาเทกซ์ข้นๆสีขาว

2. น้ำยาเคลือบผิว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเคลือบแบบไหน ซึ่งน้ำยามีหลายยี่ห้อเหมือนกัน ผมเลือกใช้ TOA 213 น้ำยาเคลือบผิวกันตะไคร่ เชื้อรา สูตรน้ำ เป็นน้ำยาเคลือบผิวแบบใส

3. แม่สี ก็พวกสีฝุ่นที่ใช้ผสมลงปูน....ผมอยากให้ผนังออกสีเข้มๆ (สีเดียวกับสีปูนเมื่อตอนยังเปียกๆอยู่ มันจะออก เทาๆ เป็นริ้วๆ...ฮืม...สวยได้ใจมาก) เลยซื้อสีฝุ่นสีดำ.....ขนาดถุง 1 กิโลกรัม ถุงละประมาณ 60 บาท





ขั้นตอน

- เตรียมผนังจากที่ก่ออิฐไว้เฉยๆ...เอาน้ำไปรดทิ้งไว้ให้ชุ่ม ทิ้งไว้ข้ามคืนให้ อิฐมันอมน้ำให้อิ่มพอดี เวลาฉาบปูนจะได้ไม่ร่อนหลุดออกมา

- จากนั้นก็ฉาบเรียบโดยฉาบเรียบตามปกติทั่วไปนั่นหล่ะครับ ปรับแต่งระดับผนังจนเสร็จ





อย่าลืมหาแทบกาวมาแปะตามขอบประตูเอาไว้ด้วยนะครับ อันนี้เป็นขอบประตูไม้เทียม มันขัดยากเลยต้องกันเอาไว้ก่อน





เริ่มจัดการ โบ๊ะผิว ฉาบปรับผิว





จากนั้นก็ปรับผิวให้ได้แนว และเรียบเนียน





- ทิ้งไว้ซักพักให้ปูนที่ฉาบไป set ตัวดีๆ (แค่หมาดๆ) จากนั้นก็ เอา TOA 101 มาผสมในสัดส่วน 1:1 กับปูนเขียว (ปูนที่ไม่ใช่ปูนผสมทราย)......จากนั้นผมก็ผสมแม่สี โดยใช้สัดส่วนตามนี้
ใน 1 ถังปูน
- ปูนเขียว 50%
- TOA 101 50%
- แม่สี สีดำ ใช้ช้อนตักข้าวด้ามยาวตวงแล้วปาดเอาใช้ 10 ช้อน
จริงๆ ควรทดสอบผสมแล้วทาทิ้งไว้ซัก 2 -3 วัน เพื่อเลือกสัดส่วนผสมของสีว่าเราชอบแบบไหน...แต่ด้วยเวลาจำกัด แบบว่า หาข้อมูลช้าเกินไปจึงทำให้ไม่มีเวลาได้ลอง ก็ใช้ความรู้สึกว่าแค่นี้แค่นั้นกันไป......งานนี้ลงมือเล่นเอง สนุกดี ช่วยช่างผสมสี


เรียกลูกชายของช่างมาช่วยคนส่วนผสมหน่อย เล่นเครื่องทุนแรง เอาสว่านดัดแปลงหัวทำเหมือน ก้านพาย มาปั่นซะ....ง่ายเลยเข้ากันเป็นเนื้อเดียวอย่างรวดเร็ว

เอ้าไอ้หนูๆ มาช่วยหน่อย .....





แล้วก็เอามาแต้มที่ผนังเล่นดู .....โอเช ผมเอาความเข้มระดับนี้แหล่ะ (หลังผสมเสร็จต้องใช้ให้หมดภายใน 2 ชม. ไม่งั้น แข็งเร็วมาก)






มา...เริ่มกันเลย....เอาเกรียงเหล็กสำหรับงานขัดมันมาปาดเนื้อปูนที่เพิ่งผสม..โดยใช้ความหนาประมาณ 1 mm. ได้ (สเปคเค้าว่าฉาบได้บางถึง 0.3 mm. แต่ม่ะเอา ขอหนาขึ้นหน่อยกันโดนอะไรกระแทกแล้วจะหลุดร่อน)...ปาดขึ้นมา แว่ยแรกที่เห็น ผิวมันแผล่บเลย....โอว...ไม่ต้องใช้ปูนซัดเพื่อขัดมันเหมือนขัดมันพื้นเลย...แหล่มๆ




ล้างๆเกรียงซะหน่อย เพราะว่าเนื้อปูนฉาบที่ผสม TOA 101 เนื้อมันเหนียวติดเกรียง ช่างบ่นเหมือนกัน...





ฉาบไปได้ครึ่งผนังแล้ว...ปูนแห้งเร็วดีเหมือนกัน.....





หลังจากฉาบเสร็จ ก็ทิ้งเอาไว้ วันนึง พอกลับไปดู ภายในปูนก็ยังไม่แห้งสนิทดี..มีแตกเหงื่อ (ศัพท์ช่าง ที่เรียกการขับน้ำของผนังออกมาจากปูนที่ฉาบไป) ค้ลายๆเหมือนมีคนมาสลัดน้ำใส่เลย....บางช่วงมีคราบรอยน้ำไหลเป็นทาง....โอ้วนี่แหล่ะ ลวดลายที่อยากได้...ธรรมชาติของปูน






ข้อสังเกตเพิ่มเติม
- เอามือลูบๆไปที่ผิว เนียนลื่นมือ และไม่มีผงฝุ่นปูนติดมาตามมือเลย อย่างงี้สบายใจได้ละ เพราะผมเองเป็นภูมิแพ้ ซึ่งคนเป็นภูมิแพ้ไม่เหมาะกับห้องที่เป็นผนังปูนเปลือยที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบผิว....
- ลายและสีของผิวปูนจะค่อยๆซีดลงไปอีก...คงต้องรอดูต่อไปว่าสุดท้ายความเข้มของสีจะไปหยุดที่ตรงไหน....
- ไม่มีการแตกรอยงาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย...ปกติ ปูนขัดมันนี่ ถ้าทิ้งไว้ขนาดนี้จ้อต้องเห็นลายเล็กๆกันแล้ว...ง่า จริงๆ ผมชอบแบบแตกลายงาที่ผนังอย่างงั้นนะ...สวยเป็นธรรมชาติเอามากๆ แต่เพื่อสุขภาพ ก็ต้องเลือกเอาอย่างงี้ที่ไม่มีแตกลายงา เหมือนที่ขาเธอ ใช่ไหมจ๊ะที่รัก ฮ่าๆๆ


ผนังที่เหลืออีก 3 ด้าน ก็ฝากให้ช่างเค้าดูแลต่อเลยเอาสัดส่วนตามที่ทดลองกันไปเนี่ยล่ะ....คาดว่าวันอังคารนี้ (7 SEP 2010) คงฉาบห้องนี้เสร็จทั้งหมด....โอยอยากเห็นๆเร็วๆจัง ส่วนเรื่องการทาเคลือบผิว TOA 213 เด๋วค่อยมาลงอีกทีนึง เพราะคงต้องรอให้ปูนแห้งทั้งหมดก่อน คงอีกซัก อาทิตย์นึงครับ

แฟนมายืนดู...บอกว่าไม่ชอบอ่ะมันไม่มีสีสรรเอาซะเลย....ก็แต่ผมชอบนิ...ห้องนี้ผมแต่งเล่นเองละกันแล้วเด๋วคอยดู "ART ตัวพ่อ".... ฮึๆๆ




เกือบลืมไปแหน่ะ เรื่อง ระแนงไม้...ช่างอีกส่วนนึงก็ไปช่วยกันติดระแนงไม้ อาเฮียเค้าจัด ระแนงไม้เทียม ตาช้าง smart wood มาให้...เปิดดูหน้าตามันก็ เหมือนแผ่นฝ้าตัดซอยเป็นแถวเล็กๆเลย ม่ะเห็นจะสวยเลย...แต่เด๋วก็มีทาสีทับ คงจะดูดีขึ้นอ่ะเน๊าะ






ช่างไล่ติด เหล็ก C-Line รอบๆใต้หลังคาก่อน






จากนั้นก็ไล่เอาตาข่ายเขียวมาคลุมปิด เพื่อป้องกันแมลงหรือสิ่งแปลกปลอมเล็กๆเข้าไปในบ้าน




หน้าตาตาข่าย แบบใกล้ชิด ก็สีเขียว มีขอบทอไว้หนาๆ





ส่วนการยึด C-Line เข้ากับไม้เชิงชายและผนังบ้านภายนอกเค้าก็แผ่เหล็กแล้วยึดโดยใช้สกรูเกลียวปล่อยยิงเอาเลย






แล้วก็มาไล่ตัดไม้เทียม ติดโดยเว้นระยะห่างประมาณ 0.3 cm. ปกติเค้าจะเง้นไว้ 0.5 cm - 1cm. อ่ะนะ...แต่ 0.5 ก็มันห่างซะจน มองจากข้างล่างขึ้นไปเห็นเป็นร่องๆ ม่ะสวยเอาเลย (คงเพราะ ไม้เทียมที่ใช้เป็นแบบ ขอบวี คือมีการลบเหลี่ยมขอบ ทำให้ดูเหมือนร่องมันใหญ่ขึ้น)

ใช้เครื่องยิงตะปูแบบใช้ลม ยิงตะปูเล็กๆ ติดกะ C-Line เสียงดัง ปุกๆๆ...เหมือนยิงปืนอัดลมเล่นกันเลย...





จบตอนส่งท้ายว่าขอให้ดูแลสุขภาพให้ดีๆกันนะครับ หมั่นตรวจร่างกายบ่อยๆเน้อปีละหนก็ยังดี


ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ...ขอบคุณพี่ยิ๋ง (PaoTMTF) อย่างมากครับที่ควานหาข้อมูลมาให้ จากในเวบเพื่อนบ้านแห่งนึงเหมือนเค้าจะประสบปัญหากับการใช้ skim coat ยี่ห้อนึงอยู่โดยไม่รู้ว่าจากการใช้งานผิดๆ, สภาพแวดล้อมหน้างาน, หรือเป็นเพราะตัว product นั้นเอง

อ่านปัญหาที่เจอจากที่นี่ได้ครับ

//www.pantip.com/cafe/home/topic/R9635511/R9635511.html

......เพราะถ้าเอาจริงๆ ถ้าให้พูดถึง skim coat ....บางยี่ห้อก็ระบุชัดเจนว่าเป็น skim coat บางยี่ห้อไม่ได้ใช้ชื่อว่า skim coat ...และการใช้มันก็ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าช่างจะใช้หรือเข้าใจในธรรมชาติของปูนมากน้อยแค่ไหน

ตามไปอ่านดูเรียบร้อย.....มีความต่างกันของขบวนการทำอยู่ครับ....
1. ผมไม่รอให้ปูนที่ฉาบเพื่อปรับผิวครั้งแรกนั้นแห้งสนิท...เรียกได้ว่า หมาดๆเลย เล็บจิกก็เป้นรอยว่างั้น

2. skim coat ที่ผมใช้เป็นของ TOA ที่มีลักษณะเป็น กาวลาเทกซ์ขาวข้นเหมือนนมข้นเลย.....ซึ่งถ้าหากใช้กับผนังปูนเก่าหรือเคยผ่านการทาสีมาแล้ว แน่นอนครับว่า ต้องใช้สีรองพื้นปูนเก่าทาก่อน...หรือถ้าให้ชัวร์จริงๆนะ....สกัดเลยครับ ให้ช่างสกัดผิวไปเลยไม่ต้องให้ถึงขั้นเจออิฐนะ เอาแค่ ให้ขรุขระ แล้วค่อยเอาน้ำมาฉีดเพื่อให้ปูนชุ่มน้ำแล้วก็ฉาบด้วยปูนธรรมดาไปก่อนครั้งนึง จากนั้นก็ทำอย่างที่ผมทำน่ะครับ...ติดหนึบหนับเลยล่ะ...ผ่านไป 1 วันอย่างที่ผมว่า...เอามือไปลูบๆถูๆเนี่ย ไม่มีฝุ่นปูนเลยล่ะครับ(ทดสอบลูบในส่วนปูนที่แห้งที่สุดของผนัง) เนียนมือเอามากๆ....ช่างที่ทำให้ "ก็ไม่เคย" ทำผนังโดยใช้วัสดุแบบนี้เหมือนกัน และอึ้งกับฝีมือตัวเองอยู่ว่า ทำไมมันเนียนยังงี้ฟระ...

คงต้องดูต่อไปครับว่าหลังแห้งสนิทแล้วจะมีฝุ่นโปรยปรายมาให้เห็นไหม....แต่ถึงกระนั้น อย่างที่ผมบอก ขั้นตอนที่ใช้นั้น มันไม่ได้จบแค่ที่กระบวนการทำ skim coat อย่างเดียวเท่านั้น...มันยังมีการเคลือบผิวอีกชั้นนึงนะ..อย่าลืมๆ...

แต่การที่มีฝุ่นมากๆ ก่อนที่จะเคลือบ มันก็น่าจะบ่งบอกอะไรได้อย่างนึงถึงคุณสมบัติ product ชนิดนั้นๆได้แล้วละครับว่า ....เหมาะจริงเหรอ ดีจริงเหรอ

นี่ผมม่ะได้ present ให้ TOA เค้าเน้อ เพียงแค่ใช้ได้แต่จะได้ในระดับไหน ในระดับที่ผมรับได้ และสุขภาพผมรับได้หรือเปล่าต้องดูกันต่อไป..


************************************************
Update ข้อมูลหลังจากผ่านการฉาบไปแล้ว 2 วัน (วันที่ 7 กย. 2553)

วันนี้ตอนเช้าก็แวะเข้าไปที่ site ก่อนออกมาทำงาน เพื่อดูงานฉาบเพิ่มเติม และตรวจงานตามปกติทุกเช้า

ผนังเดิมที่เคยฉาบไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (วันที่ 4 กย. 2553) วันนี้ดูแห้งและสีซีดลงไปอีกหน่อยนึง




ทดสอบเอามือลูบแบบ ลากเลย จากข้างนึงไปข้างนึง...ไม่มีสะดุดเช่นเดิม ความเนียนคงเดิมอยู่ และไม่มีรอยแตกลายงาให้เห็น....และม่ะมีฝุ่นติดมือ พยายามจะซูมกล้องมือถืดให้ได้เยอะที่สุดก็ได้เท่าเนี้ยอ่ะ แสงม่ะพอ





ลากๆมือเพลินๆอยุ่ (แบบว่าเจอของเนียนๆมือ ไม่ได้...ชอบลูบ ) ....ช่างคนเก่งเดินเข้ามาดู.....

ช่าง : ถามว่า "เป็นงัยครับพี่ ยังเนียนอยู่เหมือนเดิมป่ะ"...ว่าแล้ว พี่แก...ฟ้าดสันมือเข้ากำแพงดังป้าด (มือเราจับๆอยู่แท้ๆ......ยังสะเทือนมาถึง)

เรา : "เฮ้ย!!"...ไม่กลัวพังเหรอ เด๋วก็ได้ฉาบใหม่หรอก

ช่าง : ไม่เป็นไรครับพี่....ก่อนพี่มา เมื่อวานผมก็มาลองเอามือทุบๆ รอบๆ ดูอย่างงี้แหล่ะ...หาจุดที่ปูนมันจะไม่เกาะผนัง....แต่ไม่เจอครับ ติดแน่นทั้งผืน

เรา : สาธุ.....โล่งอก ..... ก็มั่นใจขึ้นเยอะอ่ะนะ

ว่าแล้ว เราก็สังเกตเห็นรอยต่อก็ผนังปูนที่ฉาบ ว่าทำไมเห็นชัดเจนว่ามันเป็นเส้นแนวตรง..จำได้ว่า ตรงนี้เป็นรอยต่อระหว่างผืนที่ฉาบก่อนและหลัง...





ช่างคนเก่งบอกว่า..พี่ลองเอามือลูบดูดีๆซิครับ...สะดุดบ้างไหม....ไอ้เราก็ลูบไป...เออว่ะ ไม่สะดุด มันก็เรียบเป็นผืนเดียวกัน...
ช่างเลยอธิบายว่า ตรงจุดเนี้ยล่ะครับ ที่ผมว่า ยากที่สุดของงานฉาบ คือ ทำยังงัยไม่ให้เกิดรอยต่อแบบนี้ เพราะปูนที่ใช้มัน set ตัวเร็วเอามากๆ....แต่แก้ได้ไม่ยากครับ.....
ผมนึกถึงตอนที่นั่งดูช่างทำวันนั้นเลยพูดไปว่า เพราะช่างเอาแปรงชุบน้ำ มาขัดตรงขอบปูนฉาบที่เริ่ม set ตัว ให้มันบางลงไปใช่ไหม พออันใหม่มาฉาบมันก็จะมากลบทับกันไปทำให้มันเรียบ......
ช่างหัวเราะ แล้วว่า ใช่ครับพี่...ถ้าทั่วไปเค้าก็เอากระดาษทราบมาขัดๆลบเหลี่ยมหรือรอยปูดนี่ออกไป แต่ผิวมันก็ไม่เรียบอย่างเดิมแถมจะทำให้ผนังเกิดฝุ่นผงได้ง่ายขึ้นเพราะผิวนอกถูกขูดออกไป...ดีที่สุดคือต้องเก็บงานให้จบในการฉาบครั้งเดียวนั่นหล่ะครับ

(อืม....นึกภูมิใจ ช่างที่มาทำให้เรานี่เก่งจริงๆเว้ย สมแล้วที่อาเฮียแกบอกว่าให้รอหน่อย งานช้าแต่จบและดี...ทนๆหน่อยอย่าใจร้อน...เพราะผมต้องรอช่างคนนี้มาเข้า site นี่ก็เกือบ 1 เดือนที่งาน late ไปเพราะโครงสร้างทำเสร็จรอไปนานแต่งานผนังก็ไม่มาซักที...อย่างงี้นี่เอง คุ้มค่ากับการรอคอย)

จากนั้นก็คุยเล่นกันไป...ผมก็เลยหยิบเอาประเด็นของ เวบเพื่อนบ้าน ที่คุณ whistleblowee เจอปัญหาจากการใช้ปูน SZG Mortar ให้ช่างเค้าฟัง (เหมือนกับว่าคุณ anna เคยเอารูปมาลงให้ดูถุงของ product จะใช่ ปูนเสือมอร์ตาร์ถุงขาว) ผมก็บอกยี่ห้อกับลักษณะของถุงไป....ช่างร้องอ๋อ ปูนเสือมอร์ตาร์นั่นแหล่ะแต่เป็นปูนขาว....แล้วก็ว่า ก็ปกตินี่ครับ ใช้ปูนนั้นฉาบ แน่นอน ฝุ่นมีอยู่แล้วไม่ว่าจะยังงัยก็มีฝุ่นครับ เพราะมันแค่ปูนนี่

ไอ้เราก็คิดในใจ...เอ้าอย่างงี้เข้าข่ายปูน SCG Mortar หลอกลวงประชาชนหรือเปล่าเนี่ย โฆษณาเกินจริงหรือเปล่า ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้วนำไปใช้งานไม่ได้ผล....

เพราะบ้านผมเองก็ใช้ปูนของ SCG Mortar ถุงสีน้ำตาล เป็น ปูนสำเร็จรูปสำหรับงานฉาบทั่วไป มาใช้....ผิวฉาบดูเรียบเนียนจริง แต่มีความสากของทรายโผล่มาให้เห็น ซึ่งมันก็เป็นปกติของปูนฉาบอยู่แล้วอ่ะนะ อันนี้เข้าใจ


ตัวอย่าง ผนังที่ฉาบด้วยปูนเสือมอร์ตาร์ สำหรับงานฉาบทั่วไป (ถุงน้ำตาล)



ไม่รอช้า...ทดสอบเช่นกัน เอามือ ไปแปะแล้วแกว่งมือไปมาที่ผนังไม่ต้องถึงขั้นลากมือเลย....





ผลคืออย่างที่เห็นครับ...ฝุ่นมาเลยติดมือติดนิ้ว (ตรงนี้แสงเยอะหน่อย กล้องปัญญาอ่อนสามารถซูมเข้าไปให้เห็นฝุ่นได้)





เหอๆๆ.....โอเค งั้นผมพอจะสรุปจากประสบการณ์การลูบไล้มาหลายปูน...ได้ว่า....




*** ไม่ว่าจะยังงัย ถ้าจะทำผนังปูนเปลือย และอยู่ภายในบ้าน ควรต้องฉาบด้วย skim coat พิเศษ ไม่ใช่ว่าจะจบที่แค่การฉาบปกติโดยใช้ปูนเพียงอย่างเดียว ไม่ว่ามันจะลงโฆษณายังงัยว่า เรียบเนียนแค่ไหน (แต่ถ้าลงด้วยว่า ไร้ฝุ่นผง...งี้มันน่าฟ้องให้อ่วมกันไปเลย)......ควรจะหา skim coat ที่มีส่วนผสมของอะคลิลิค (อย่างที่ว่า มันก็ไม่บอกว่าจะเป็น skim coat ซะทีเดียวเพียงแต่มีคุณสมบัติในการฉาบและเคลือบผิวได้ดีป้องกันฝุ่นผง).....***

แต่ถ้าเป็นผนังปูนเปลือยนอกบ้าน ก็คงไม่ต้องไปฉาบ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงเรื่อง ตะไคร่น้ำ เชื้อรา เพราะไม่ได้ผ่านการฉาบผิวด้วย skim coat ซึ่งถึงแม้จะไปใช้น้ำยาเคลือบผิวอย่างเช่น TOA 214 (สูตรน้ำมัน) หรือ TOA 213 (สูตรน้ำ) ก็คงไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นหรือปลอดภัยจากคราบไครที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนซักเท่าไหร่ (ปกติการเคลือบน้ำยาภายนอก อย่างเก่งสุดก็ต้องทำการเคลือบน้ำยาอย่างน้อย ปีละครั้ง หรือ 2 ครั้ง....โอ้โห แล้วใครจะทำล่ะครับนั่น งานช้างเลยงี้ถ้าบ้านที่ลงนิตรสารทั้งหลายที่เอามาโชว์ๆกัน เค้าต้องทำกันถึงขั้นนั้นเนี่ย...ไม่ไหวล่ะครับเจ้านาย กระป๋องใหญ่ขนาด 3 แกลลอน ยังปาไป 900 กว่าบาท เฉียด 1000 ซึ่งใช้ได้แค่พท. 20 -25 ตรม โดยทา 2 รอบ.....จนพอดีครับ ม่ะไหวๆ สำหรับคนงบน้อยแต่อยากหล่ออย่างกระผมแน่ๆ)





ตอนนี้ช่างก็ทำมาได้อีกผืนนึงแล้ว...ใช้เวลาทำ 1 วัน ต่อ 1 ผืน (6x2.6= 15.6 ตารางเมตร)...อืมใช้เวลาเอามากๆเลยนะเนี่ย...ผมสั่งผสมสีให้เข้มขึ้นจากเดิม โดยต้องการให้สีเข้ม 3 ด้าน และโทนอ่อน 1 ด้าน (จริงๆพลาดน่ะแหล่ะ แต่ขี้เกียจแก้ละ เพราะดูมันก็ธรรมชาติดีสีปูนลายปูนชัดเจน..เสียดายๆ เอามันไว้ก็ได้).....คิดไปคิดมา ก็ไหนๆ ผนังของห้องทุกห้องก็เล่นสีอยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไร หากจะเล่นโทนสีปูนมั่ง...อิอิ (ปลอบใจตัวเอง )

จบการรายงานข่าวความเป็นไปของการฉาบผนังด้วย skim coat ล่ะครับ
Create Date :06 กันยายน 2553 Last Update :7 กันยายน 2553 11:05:26 น. Counter : Pageviews. Comments :27