bloggang.com mainmenu search





:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณคล้ายดาว ::







ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์

สุขอะไรก็ไม่เท่าสุขที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก

เช่นกัน..ทุกข์ใดก็ไม่หนักเท่าทุกข์ที่พลัดพรากจากคนที่เรารัก


การลืม?


ใช่ว่าทุกคนจะลืมได้ง่ายๆ

เพราะสุขนั้นคนเรากลับไม่จำเท่าความทุกข์

แล้วจะทำให้ใจมีสุขได้อย่างไร
วางลงแบบไหน บอกตัวเองยังไง
กับความทรงจำที่เจ็บปวด
ถ้าหัวใจเรายังเจ็บและจำกับทุกข์นั้น




คำถามโดย : คล้ายดาว
วันที่ : 1 เมษายน 2554
เวลา : 7:55:44 น.


















เวลาผมอุ้มหมิงหมิงนอนตอนกลางวัน
ผมชอบเดินเข้าไปในห้องที่มืดๆ
แล้วสอนหมิงหมิงไปด้วยว่า

“ความมืดน่ากลัวไหม ?”
“ผีมีจริงไหม ?”


นี่เป็นวิธีสอนลูกที่ผมทำมาโดยตลอด
ผมไม่อยากให้ลูกโตมากับความกลัวและคำขู่ให้กลัว



จู่ๆผมเกิดปิ๊งแว๊บกับคำถามที่หมิงหมิงถาม
เขาถามผมว่า


“ป่ะป๊า...ความมืดคืออะไร ?”

“ความสว่างคืออะไร ?”



ผมตอบลูกไปว่า



“ความมืด ก็คือ การเข้ามาแทนที่ความสว่าง
และความสว่าง คือ การเข้ามาแทนที่ความมืด”


หมิงหมิงถามว่า “เพราะอะไร ?”


“เพราะว่าความจริงแล้วที่เราเห็นว่าสว่าง
ความมืดก็ยังอยู่ที่เดิม ความมืดไม่เคยหายไปไหน
เพียงแต่มีแสงสว่างเข้ามาแทนที่ความมืดเท่านั้นเอง”



ผมอธิบายให้ลูกฟัง...



“แล้วที่หมิงหมิงเห็นว่ามันมืด
เพราะความมืดมันเข้ามาแทนที่ความสว่าง
ความสว่างไม่ได้หายไปไหนเลย
เพียงแค่เรามองไม่เห็นความสว่างเท่านั้นเอง”






ความสุขและความทุกข์ของคนเรา
ก็เหมือนกับความสว่างและความมืดในห้อง
เวลาเรามีความสุข โลกเหมือนมีแต่ความสว่างไสว
แต่พอทุกข์ใจ คล้ายโลกนี้มีแต่ความมืดมนอนธกาล



ความจริงทั้งสุขและทุกข์ไม่เคยเคลื่อนที่ไปไหน
มันอยู่ของมันอย่างนั้น เป็นของมันอย่างนั้น
มีแต่เราที่ไปจับเอาความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
มาคอยทำให้มันมืดหรือสว่าง
สุขหรือเศร้าในความคิดของเรา


ที่เราเจ็บปวดจากความทรงจำ
เพราะเราพยายามลบลืมความทรงจำร้ายๆออกไปจากความคิด
แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเมื่อไหร่ที่ความทรงจำทำงาน
ความคิดเราก็คิดคำนึงถึงความเศร้านี้ตลอดเวลา


เราคิดจะไล่ความมืดออกไปจากความทรงจำ
แต่ทำไม่ได้สักที เพราะความมืดมันอยู่กับที่ของมันอย่างนั้น
เช่นเดียวกับความสว่าง....




สิ่งที่เราควรทำจึงไม่ใช่การลบทำลายความมืดในใจ
หากแต่เราควรกด “สวิชท์ไฟ” ในห้องเพื่อเปิดไฟ
แล้วให้ “ความสว่าง” เข้ามาแทนที่ “ความมืด” ที่เคยมี....




ความเจ็บปวดในชีวิตเกิดขึ้นกับทุกคน
ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราคนเดียวบนโลก
ทำไมเราวางความเศร้าในใจนี้ไม่ได้
เพราะเราไม่เคยเลือกที่จะกดสวิชท์ปิด-เปิดไฟด้วยตัวเราเอง


เราคอยคิดแต่ว่าเมื่อไหร่ความมืดนี้จะหายไปจากใจ
เราคิดแต่ว่าใครกันที่จะมาช่วยเหลือเราให้ออกจากห้วงทุกข์นี้ได้
เราพยายามมองหาคนที่จะมากดสวิชท์ความสุขและความทุกข์ให้เรา
แต่ใครจะมาทำสิ่งนี้ให้เราได้


มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ว่าทุกข์นี้อยู่ที่ไหน
จะหยุดเศร้าได้เมื่อไหร่ และจะวางมันลงได้อย่างไร


เราเองนั่นล่ะที่รู้ดีที่สุดว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง
ที่จะเอาความสว่างมาแทนที่ความมืด
นำความสุขมาแทนที่ความทุกข์ในใจ


ที่สุดแล้ว...
“สวิชท์ไฟ” นี้ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาที่ไหน
ไม่ต้องร้องขอกับใคร


มันอยู่ที่ใด ?


อยู่ที่ “ใจ” (ความคิด)ของเราเอง .




























Create Date :04 สิงหาคม 2554 Last Update :4 สิงหาคม 2554 5:10:11 น. Counter : Pageviews. Comments :124