bloggang.com mainmenu search

:: ปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป ::







ปี 2563 เป็นปีที่หนักหนาสาหัสในแง่การใช้ชีวิต
แต่เป็นปีที่ทำให้ผมมีเวลาอยู่กับตัวเองมากที่สุด
ได้เห็น “ความไม่แน่นอน” ที่เกิดขึ้นในชีวิต
ซึ่งเกิดจากไวรัสโควิด 19







ภาพนี้ผมบันทึกไว้ในวันที่เชียงใหม่ถูกล็อกดาวน์
ใครจะไปคิดว่าเดือนไฮซีซั่น เมืองท่องเที่ยวชื่อดัง
จะมีสภาพเหมือนเมืองร้าง ทุกคนปลอบใจกันเองว่า
ไม่นานหรอก สองสามเดือนเดี๋ยวมันก็หายไป
แต่ครั้งนี้โควิดไม่ยอมจากไป เป็นเดือน เป็นปี --- ยังอยู่
และดูท่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยซ้ำ









ผมว่าโควิดให้บทเรียนพวกเรามากมายมหาศาล
ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับโลก ระดับชุมชน
ไปจนถึงชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
และคนที่รอด คือ คนที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้








ผมยังรอโควิดจากไปด้วยใจอดทน
รออย่างมีความหวัง
เหมือนพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นพ้นขอบฟ้ามืดมิดในทุกเช้า









ทุกคนรอบตัวที่ผมรู้จัก
ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง บริษัทคู่ค้า หรือ คนในวงการทัวร์ทั้งหมด
ต่างได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
เราเหมือนถูกกักขังไว้ในกรงที่ชื่อว่า “การรอคอย”
รอแล้วรอเล่าว่าเมื่อไหร่สถานการณ์จะดีขึ้น
เมื่อไหร่จะกลับมาเปิดร้านได้อีก
เมื่อไหร่จะกลับมาทำงานได้อีก
ทำได้แค่รอ








ถ้าเราไม่ตาย
เราจะเติบโต


ผมคิดแบบนี้
หรือถ้าต้องหยุดทำกิจการจริง ๆ
จะทำอะไรได้ นอกจากต้องยอมทำใจ
กลับมาเปิดร้านอีกครั้งก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม
ผมทำใจได้มาพักใหญ่แล้วว่าทุกอย่างไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเก่า









ปีนี้ผมจึงเก็บตัวเงียบ
ไม่ได้ติดต่อกับใคร
ใช้ชีวิตแบบวันผ่านวัน
ผ่านไปทีละครั้ง
ผ่านไปทีละวัน
ประหยัดการใช้จ่าย
ไม่ไปเที่ยวไหน อยู่ง่าย กินง่าย
อยู่กับตัวเอง อยู่กับครอบครัว









ผมมีเวลาได้ทบทวนความคิดตัวเอง
มองเห็นชีวิตตัวเองชัดเจนขึ้น
ผมอยู่กับร้านนี้มานานมาก
มากจนทำอย่างอื่นแทบไม่เป็น
งานอดิเรกที่ผมชอบ ไม่ได้แปรเป็นตัวเงิน
นั่งคิดเล่น ๆ ว่าถ้าร้านเปิดไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ
จะทำอะไร อยากทำอะไร
สิ่งที่ทำอยู่ สิ่งที่ชอบ อย่างการอ่านหนังสือ
การแต่งเพลง การเขียนหนังสือ การวาดรูป
สิ่งที่สนใจอย่าง ธรรมะ บทกวี
จะแปรเปลี่ยนเป็นอาชีพได้หรือไม่
เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้คิดไกลเกินกว่าการรอคอย
ที่จะกลับมาเปิดร้านอีกครั้งเลย
ผมคุยกับพ่อ เรายังเชื่อว่าโควิดจะหยุดและถูกควบคุมได้ในที่สุด
คำถามคือ เมื่อไหร่ล่ะ ?
แล้วเราจะรอจนถึงวันนั้นได้หรือไม่ ?







ผมไม่ได้รู้สึกกลัวการเลิกทำร้านเลย
ถ้ามันจะต้องหยุด ก็ต้องทำใจยอมรับความจริงให้ได้
ผมคิดแค่นั้นจริง ๆ
เลิกก็ไปหาอย่างอื่นทำ
ผมไม่มีปัญหากับการเริ่มต้นใหม่
ถ้ารวยมากพอ
ผมอาจไม่ทำงานด้วยซ้ำ
อยากทำตามใจตัวเอง อยากใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ
แต่เมื่อมันยังทำอย่างนั้นไม่ได้
ก็ต้องมองหาบานประตูบานใหม่
เพื่อเปิดไปหาประสบการณ์ชีวิตอื่นต่อไป








ผมขอปิดท้ายภาพที่ผมชอบมากที่สุดภาพหนึ่งของปีนี้
เป็นภาพมือลิงซึ่งประทับลงไปบนปูนซีเมนต์
บันไดขึ้นไปยังยอดเขาของวัดถ้ำปลามีลิงเป็นจำนวนมาก
หลายสิบปีก่อนตอนที่สร้างบันไดนี้
เจ้าลิงแสนซนตัวหนึ่งคงเผลอเอามือของมัน
ประทับลงไปบนปูนเปียก ๆ ที่ช่างเทเอาไว้
รอยมือของมันจึงยังคงอยู่ให้เห็นตราบทุกวันนี้
ตอนนี้ถ้ามันยังอยู่ คงกลายเป็นลิงอาวุโสในฝูง
มือของมันคงใหญ่โตขึ้นมากจากวันวาน


ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนั้น
เราหยุดแช่แข็งมันไว้เหมือนรอยนิ้วมือบนปูนไม่ได้


อะไรจะเกิด---ก็เกิด
อะไรจะเป็นไป---ก็ปล่อยมันเป็นไป



อะไรที่ทำเราไม่ตาย มันจะทำให้เราเติบโต
แย่แค่ไหน เดี๋ยวก็ต้องเจอวันที่ดี
ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้
แค่นี้จริง ๆ
Create Date :31 ธันวาคม 2563 Last Update :31 ธันวาคม 2563 5:39:54 น. Counter : 2912 Pageviews. Comments :20